ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 2
รายได้เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช่จ่ายก็มีนะ เช่นค่าซ่อมบำรุง
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 3
ค่าครองชีพสมัยนี้ คนรายได้วันละ 1000 ยังอยู่ยากเลยครับเฮีย
นึกถึงสมัย10ปีที่แล้ว เงินเดือน 20000กว่า ค่าใบประกอบ5000 ยังอยู่สบายๆชิวๆ
สมัยนี้รุ่นน้องได้ประมาณ 30000+ ยังบอกว่าแต่ละเดือนยังเดือนชนเดือน
โชคดีของคนแก่ๆ อย่างผมข้อนึง คือ โชคดีที่เกิดมาก่อน เลยกินใช้ถูกหน่อย
ต้นทุนชีวิตต่ำเลย DCAเงินมาได้ก่อน และก้โชคดีที่ เริ่มลงทุนก่อน
นึกถึงสมัย10ปีที่แล้ว เงินเดือน 20000กว่า ค่าใบประกอบ5000 ยังอยู่สบายๆชิวๆ
สมัยนี้รุ่นน้องได้ประมาณ 30000+ ยังบอกว่าแต่ละเดือนยังเดือนชนเดือน
โชคดีของคนแก่ๆ อย่างผมข้อนึง คือ โชคดีที่เกิดมาก่อน เลยกินใช้ถูกหน่อย
ต้นทุนชีวิตต่ำเลย DCAเงินมาได้ก่อน และก้โชคดีที่ เริ่มลงทุนก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 6
มองแบบนี้ครับ
ตอนนี้สภาพของทางด่วนคือ ที่จอดรถตอนชั่วโมงเร่งด่วน เป็นที่จอดรถขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร
ทำไมผมกล้าพูดแบบนี้ เพื่อนๆหลายคน หรือ ผมประสบมาเองจากการทำงาน
คือ รถไม่ขยับในชั่วโมงเร่งด่วนเลย บนทางด่วน
ดังนั้น การขยายเส้นทางถนนนั้น ขยายตัวได้ช้ากว่าถนน
คนที่มีรายได้ปานกลางก็เสียค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น เสียสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น ในการเดินทาง
จุดนี้แหละที่ น่าคิดต่อยอดว่า สุดท้าย การซับซ้อนของโครงสร้างขนส่งของเมืองไทย
ในเมืองหลวงแห่งนี้จบด้วยการย้ายทุกอย่าง สร้างใหม่ ในแหล่งที่ไม่อยู่ใจกลางเมืองหรือเปล่า
ในอนาคตอันใกล้ เช่น ตอนนี้ ศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะก็ทำให้ ถนนแจ้งวัฒนะ หยุดนิ่งในช่วงเช้าและเย็น
การเปลี่ยนแปลงโครงการอันนี้สะท้อนไปถึง ที่อยู่อาศัยของคนด้วย เพราะ ชาวไทยนั้นยึดติดกับการอยู่กับที่
ไม่ moving ไปเท่าไร
ตอนนี้สภาพของทางด่วนคือ ที่จอดรถตอนชั่วโมงเร่งด่วน เป็นที่จอดรถขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร
ทำไมผมกล้าพูดแบบนี้ เพื่อนๆหลายคน หรือ ผมประสบมาเองจากการทำงาน
คือ รถไม่ขยับในชั่วโมงเร่งด่วนเลย บนทางด่วน
ดังนั้น การขยายเส้นทางถนนนั้น ขยายตัวได้ช้ากว่าถนน
คนที่มีรายได้ปานกลางก็เสียค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น เสียสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น ในการเดินทาง
จุดนี้แหละที่ น่าคิดต่อยอดว่า สุดท้าย การซับซ้อนของโครงสร้างขนส่งของเมืองไทย
ในเมืองหลวงแห่งนี้จบด้วยการย้ายทุกอย่าง สร้างใหม่ ในแหล่งที่ไม่อยู่ใจกลางเมืองหรือเปล่า
ในอนาคตอันใกล้ เช่น ตอนนี้ ศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะก็ทำให้ ถนนแจ้งวัฒนะ หยุดนิ่งในช่วงเช้าและเย็น
การเปลี่ยนแปลงโครงการอันนี้สะท้อนไปถึง ที่อยู่อาศัยของคนด้วย เพราะ ชาวไทยนั้นยึดติดกับการอยู่กับที่
ไม่ moving ไปเท่าไร
-
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 8
วันนึงผมจะเป็นแมงเม่าที่ยิ่งใหญ่ฮะ !!!
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 9
จำผิดแล้วครับ. จบที่ การทาง 60 becl 40 ไม่มี 70:30. จะเป็นอัตรานี้ไปอีก 8 ปีpornchal เขียน:มีการปรับส่วนแบ่งรายได้ จาก 50 50 เป็น 60 40 และ 70 30 รายได้หายไปเยอะเลยนะครับ แต่ผมจำปีไม่ได้ ..ว่าเริ่มปีไหน..
-
- Verified User
- โพสต์: 1119
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 10
micky1115 เขียน:ค่าครองชีพสมัยนี้ คนรายได้วันละ 1000 ยังอยู่ยากเลยครับเฮีย
นึกถึงสมัย10ปีที่แล้ว เงินเดือน 20000กว่า ค่าใบประกอบ5000 ยังอยู่สบายๆชิวๆ
สมัยนี้รุ่นน้องได้ประมาณ 30000+ ยังบอกว่าแต่ละเดือนยังเดือนชนเดือน
โชคดีของคนแก่ๆ อย่างผมข้อนึง คือ โชคดีที่เกิดมาก่อน เลยกินใช้ถูกหน่อย
ต้นทุนชีวิตต่ำเลย DCAเงินมาได้ก่อน และก้โชคดีที่ เริ่มลงทุนก่อน
ผมว่าเวอร์ไปมากครับ พูดเอามันส์นะก็ว่าไปอย่าง ถ้าเงินเดือน 3 หมื่นยังอยู่ไม่ได้ มีใช้แค่เดือนชนเดือน
ผมว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝงแน่นอนครับ ผมใช้วันหนึ่งไม่น่าเกิน 150 ถึง 180 บาทต่อวัน
เงินเดือนเหลือเก็บฝากธนาคารทุกเดือน โดยประมาณ 2 ถึง 3 หมื่นบาทแทบทุกเดือน เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว
อยู่ที่การใช้ชีวิตของแต่ละคนมากกว่าครับ ผมไม่ต้องอดอยากปากแห้งเลย มีกินอยู่แบบสบายๆ เงินยังเหลือเก็บแบบสบายๆเลย
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 11
ถ้ามีบ้าน อยู่คนเดียว มีทรัพย์สิน ครบทุกอย่าง ก็น่าจะใช้เงินไม่เยอะ
แต่ถ้ามีลูกต้องรับผิดชอบ เรียนหนังสือ เสื้อผ้า อาหาร ขนม ของเล่น (อาจมีเจ็บป่วย)
ก็คงมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ครับ
อย่างครอบครัวผม ส่งลูกเรียนมหาลัยสักสองคน รวมค่าที่พักเช่าหอพักน้ำไฟ เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าอาหาร จิปาถะฯ
เตรียมไว้เลยมือถือคนละเครื่องเหมาจ่ายรายเดือน โน๊ตบุ๊คคนละเครื่อง
ชุดสูท จำเป็นต้องใช้ในสังคม คนละ2ชุด (คุณว่าชุดละกี่หมื่นดีล่ะ)
เฉลี่ยลูก2คน3หมื่นไม่พอเลยครับต่อเดือนนะ
รายจ่ายครอบครัวผมนี่6หลักต่อเดือนขนาดอยู่ต่างจังหวัด
แต่ถ้ามีลูกต้องรับผิดชอบ เรียนหนังสือ เสื้อผ้า อาหาร ขนม ของเล่น (อาจมีเจ็บป่วย)
ก็คงมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ครับ
อย่างครอบครัวผม ส่งลูกเรียนมหาลัยสักสองคน รวมค่าที่พักเช่าหอพักน้ำไฟ เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าอาหาร จิปาถะฯ
เตรียมไว้เลยมือถือคนละเครื่องเหมาจ่ายรายเดือน โน๊ตบุ๊คคนละเครื่อง
ชุดสูท จำเป็นต้องใช้ในสังคม คนละ2ชุด (คุณว่าชุดละกี่หมื่นดีล่ะ)
เฉลี่ยลูก2คน3หมื่นไม่พอเลยครับต่อเดือนนะ
รายจ่ายครอบครัวผมนี่6หลักต่อเดือนขนาดอยู่ต่างจังหวัด
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 14
Seattle เขียน:micky1115 เขียน:ค่าครองชีพสมัยนี้ คนรายได้วันละ 1000 ยังอยู่ยากเลยครับเฮีย
นึกถึงสมัย10ปีที่แล้ว เงินเดือน 20000กว่า ค่าใบประกอบ5000 ยังอยู่สบายๆชิวๆ
สมัยนี้รุ่นน้องได้ประมาณ 30000+ ยังบอกว่าแต่ละเดือนยังเดือนชนเดือน
โชคดีของคนแก่ๆ อย่างผมข้อนึง คือ โชคดีที่เกิดมาก่อน เลยกินใช้ถูกหน่อย
ต้นทุนชีวิตต่ำเลย DCAเงินมาได้ก่อน และก้โชคดีที่ เริ่มลงทุนก่อน
ผมว่าเวอร์ไปมากครับ พูดเอามันส์นะก็ว่าไปอย่าง ถ้าเงินเดือน 3 หมื่นยังอยู่ไม่ได้ มีใช้แค่เดือนชนเดือน
ผมว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝงแน่นอนครับ ผมใช้วันหนึ่งไม่น่าเกิน 150 ถึง 180 บาทต่อวัน
เงินเดือนเหลือเก็บฝากธนาคารทุกเดือน โดยประมาณ 2 ถึง 3 หมื่นบาทแทบทุกเดือน เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว
อยู่ที่การใช้ชีวิตของแต่ละคนมากกว่าครับ ผมไม่ต้องอดอยากปากแห้งเลย มีกินอยู่แบบสบายๆ เงินยังเหลือเก็บแบบสบายๆเลย
ไม่เว่อร์ครับ เภสัชกร FTในห้างตามร้าน BOOT หรือ วัตสัน ก้ได้ประมาณนี้
รวมOT ก้30000+ แต่ค่าข้าว ในห้างมันแพงครับ ผมว่าเค้าไม่มีโอกาศได้ทานข้าวในราคา
ถูกแน่ๆครับ
ถ้าคุณ seatle คิดว่าเว่อร์ลองกำเงิน 150 บาทไปเมก้าบางนาครับ แล้วกินข้าวให้ได้3มื้อ
ด้วยเงิน150 บาท ย้ำว่าห้ามไปกินข้างนอกนะครับ และต้องกินข้าว(ห้ามกินขนม)
ถ้าทำได้ ถือว่า สุดยอดครับ
- neuhiran
- Verified User
- โพสต์: 815
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 15
micky1115 เขียน:Seattle เขียน:micky1115 เขียน:ค่าครองชีพสมัยนี้ คนรายได้วันละ 1000 ยังอยู่ยากเลยครับเฮีย
นึกถึงสมัย10ปีที่แล้ว เงินเดือน 20000กว่า ค่าใบประกอบ5000 ยังอยู่สบายๆชิวๆ
สมัยนี้รุ่นน้องได้ประมาณ 30000+ ยังบอกว่าแต่ละเดือนยังเดือนชนเดือน
โชคดีของคนแก่ๆ อย่างผมข้อนึง คือ โชคดีที่เกิดมาก่อน เลยกินใช้ถูกหน่อย
ต้นทุนชีวิตต่ำเลย DCAเงินมาได้ก่อน และก้โชคดีที่ เริ่มลงทุนก่อน
ผมว่าเวอร์ไปมากครับ พูดเอามันส์นะก็ว่าไปอย่าง ถ้าเงินเดือน 3 หมื่นยังอยู่ไม่ได้ มีใช้แค่เดือนชนเดือน
ผมว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝงแน่นอนครับ ผมใช้วันหนึ่งไม่น่าเกิน 150 ถึง 180 บาทต่อวัน
เงินเดือนเหลือเก็บฝากธนาคารทุกเดือน โดยประมาณ 2 ถึง 3 หมื่นบาทแทบทุกเดือน เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว
อยู่ที่การใช้ชีวิตของแต่ละคนมากกว่าครับ ผมไม่ต้องอดอยากปากแห้งเลย มีกินอยู่แบบสบายๆ เงินยังเหลือเก็บแบบสบายๆเลย
ไม่เว่อร์ครับ เภสัชกร FTในห้างตามร้าน BOOT หรือ วัตสัน ก้ได้ประมาณนี้
รวมOT ก้30000+ แต่ค่าข้าว ในห้างมันแพงครับ ผมว่าเค้าไม่มีโอกาศได้ทานข้าวในราคา
ถูกแน่ๆครับ
ถ้าคุณ seatle คิดว่าเว่อร์ลองกำเงิน 150 บาทไปเมก้าบางนาครับ แล้วกินข้าวให้ได้3มื้อ
ด้วยเงิน150 บาท ย้ำว่าห้ามไปกินข้างนอกนะครับ และต้องกินข้าว(ห้ามกินขนม)
ถ้าทำได้ ถือว่า สุดยอดครับ
ในMEGA บางนาอาหารแพง แต่ก็มีมุราคาถูกอยู่นะครับ บริเวณหน้าบิ๊กซี ซื้อใส่ถ้วยโฟมมากิน บริเวณที่เขาจัดให้ไว้ ผมว่า 150 บาทน่าจะได้นะ 3 มื้อ
-
- Verified User
- โพสต์: 1119
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 16
ผมว่าเพื่อนคุณ ยังจมไม่ลง หรือยังไม่เคยจมเลย ก็เลยยังไม่สามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้ ถ้าคนเคยผ่านประสบการณ์ต้มยำกุ้งมาแล้วneuhiran เขียน:micky1115 เขียน:Seattle เขียน:micky1115 เขียน:ค่าครองชีพสมัยนี้ คนรายได้วันละ 1000 ยังอยู่ยากเลยครับเฮีย
นึกถึงสมัย10ปีที่แล้ว เงินเดือน 20000กว่า ค่าใบประกอบ5000 ยังอยู่สบายๆชิวๆ
สมัยนี้รุ่นน้องได้ประมาณ 30000+ ยังบอกว่าแต่ละเดือนยังเดือนชนเดือน
โชคดีของคนแก่ๆ อย่างผมข้อนึง คือ โชคดีที่เกิดมาก่อน เลยกินใช้ถูกหน่อย
ต้นทุนชีวิตต่ำเลย DCAเงินมาได้ก่อน และก้โชคดีที่ เริ่มลงทุนก่อน
ผมว่าเวอร์ไปมากครับ พูดเอามันส์นะก็ว่าไปอย่าง ถ้าเงินเดือน 3 หมื่นยังอยู่ไม่ได้ มีใช้แค่เดือนชนเดือน
ผมว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝงแน่นอนครับ ผมใช้วันหนึ่งไม่น่าเกิน 150 ถึง 180 บาทต่อวัน
เงินเดือนเหลือเก็บฝากธนาคารทุกเดือน โดยประมาณ 2 ถึง 3 หมื่นบาทแทบทุกเดือน เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว
อยู่ที่การใช้ชีวิตของแต่ละคนมากกว่าครับ ผมไม่ต้องอดอยากปากแห้งเลย มีกินอยู่แบบสบายๆ เงินยังเหลือเก็บแบบสบายๆเลย
ไม่เว่อร์ครับ เภสัชกร FTในห้างตามร้าน BOOT หรือ วัตสัน ก้ได้ประมาณนี้
รวมOT ก้30000+ แต่ค่าข้าว ในห้างมันแพงครับ ผมว่าเค้าไม่มีโอกาศได้ทานข้าวในราคา
ถูกแน่ๆครับ
ถ้าคุณ seatle คิดว่าเว่อร์ลองกำเงิน 150 บาทไปเมก้าบางนาครับ แล้วกินข้าวให้ได้3มื้อ
ด้วยเงิน150 บาท ย้ำว่าห้ามไปกินข้างนอกนะครับ และต้องกินข้าว(ห้ามกินขนม)
ถ้าทำได้ ถือว่า สุดยอดครับ
ในMEGA บางนาอาหารแพง แต่ก็มีมุราคาถูกอยู่นะครับ บริเวณหน้าบิ๊กซี ซื้อใส่ถ้วยโฟมมากิน บริเวณที่เขาจัดให้ไว้ ผมว่า 150 บาทน่าจะได้นะ 3 มื้อ
จะรู้ซึ่งถึงคุณค่าของเงินดี ผมเคยผ่านประสบการณ์อดอยากปากแห้งมาอย่างโชกโชนตั้งแต่เด็กๆ ไม่ต่างกับโซรอสในตอนวันเด็ก
ผมรู้ซึ่งถึงคุณค่าเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นอย่างดี แกงหนึ่งถุงกินกับข้าวสวยร้อนๆได้ถึง 3 มื้อก็เคยมาแล้ว
ก๋วยเตี๋ยว 1 ห่อ กินพร้อมข้าวชามใหญ่ๆ ให้อิ่มท้องทั้งวัน ก็เคยมาแล้ว ทีพูดมานี่ไม่ได้ต้องการโอ้โอดข่มใครทั้งสิ้น
คนสมัยนี้ ไม่อดทน ไม่แข็งแกร่งทางด้านจิตใจพอ อะไรก็ไม่ยอมอดทน จะเอาแต่สบายๆ ง่ายๆ ไม่ยอมใช้สมองคิดแก้ปัญหาให้สุดๆ
ปัญหาแค่นั้น เพื่อนคุณยังแก้ไขไม่ได้ ผมว่าก็คงจนและเงินไม่พอใช้ ไปอีกนานแสนนาน ตอนแต่บุญทำกรรมแต่งของแต่ละคน
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 17
ผมว่าคุณ seatle อาจจะไม่เข้าใจที่ผมเปรียบเทียบนะครับ
สมัยก่อนผมก้จบมาใหม่ๆก้เงินเดือน+OTก้ 20000กว่าๆ รวมค่าใบประกอบ 5000
ก้เกือบๆ3หมื่น สมัยนี้น้องเค้าจบมาใหม่ๆ ก้เงิินเดือน+OT+ค่าใบ ก้30000 +ไม่มาก
รายได้ห่างกันไม่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกัน ผมจบมา 10ปีแล้ว
แต่รายจ่าย นี่เรียกว่า เทียบกันไม่ได้เลย ตั้งแต่ ค่าอาหาร ผมกินสมถะ ข้าวราดแกง
เก็บเงินทุกเดือนเดือนละ 20000 พยายามกินใช้ให้น้อย พ่อผมซื้อVIOSให้ ปี2004
ผมเอารถจอดไว้ แล้วเดินไปทำงาน เดือนนึงก้กินดีๆ(ในห้าง)สักรอบนึงไม่กี่ร้อยบาท
ลูกน้องแต่งงาน ผมช่วย500 บาทสมัยก่อน ก้ไม่น่าเกลียด
สมัยนี้ ข้าวราดแกงแบบ 25 ไม่มีแล้วอ่ะครับ ถึงมีก้ต้องเดินไกล จะใส่ซอง 500
เนี่ยก้โดนมองหน้า บางคนจบมาก้ยังต้องมาผ่อนรถยนต์อีก ต้องส่งที่บ้านอีก
ผมมองว่า เราอาจจะโชคดี ที่เกิดก่อน พ่อแม่ก้เลี้ยงมา ค่าเทอมก้ไม่แพง ค่าอาหารก้
ไม่แพง แถมจบแล้วได้งานดีๆ DCAเงินออกมาตั้งตัว ออกมาลงทุนได้ มีความมั่งคั่ง
มีอิสรภาพทางการเงิน
เด็กสมัยนี้ แค่ขยับตัวก้เสียเงินแล้ว สิ่งยั่วยวนมันมาก ผมก้เข้าใจน้องเค้า ผู้หญิงนี่
เค้าเปรียบเทียบกันนะครับ ไหนจะเสื้อผ้าไหนจะเครื่องสำอาง ไม่มีรถก้อันตราย
ไหนจะต้องเข้าสังคม มันเยอะสมัยนี้ คงไปเปรียบกับรุ่นเราๆท่านๆไม่ได้หรอกครับ
จะให้น้องๆเค้ามาแบบผม เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ น้องเค้าคงไม่สามารถแน่ๆ
คนรุ่นใหม่ๆ ลำบากกว่าคนรุ่นเก่าๆครับ เงินเท่ากัน เมื่อ10ปีที่แล้ว แต่ค่าครองชีพแพงลิ่ว
ผมเรียนอนุบาลแถวที่่บ้าน(ฟรี) ต่อโรงเรียนวัด(ฟรี) ต่อมัธยมรัฐบาล ต่อมหาลัย
เกิดก่อนต้นทุนดำรงชีวิต ต่ำกว่าคนสมัยนี้ นี่แหล่ะ ข้อดีของการเกิดมาก่อน
สมัยก่อนผมก้จบมาใหม่ๆก้เงินเดือน+OTก้ 20000กว่าๆ รวมค่าใบประกอบ 5000
ก้เกือบๆ3หมื่น สมัยนี้น้องเค้าจบมาใหม่ๆ ก้เงิินเดือน+OT+ค่าใบ ก้30000 +ไม่มาก
รายได้ห่างกันไม่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกัน ผมจบมา 10ปีแล้ว
แต่รายจ่าย นี่เรียกว่า เทียบกันไม่ได้เลย ตั้งแต่ ค่าอาหาร ผมกินสมถะ ข้าวราดแกง
เก็บเงินทุกเดือนเดือนละ 20000 พยายามกินใช้ให้น้อย พ่อผมซื้อVIOSให้ ปี2004
ผมเอารถจอดไว้ แล้วเดินไปทำงาน เดือนนึงก้กินดีๆ(ในห้าง)สักรอบนึงไม่กี่ร้อยบาท
ลูกน้องแต่งงาน ผมช่วย500 บาทสมัยก่อน ก้ไม่น่าเกลียด
สมัยนี้ ข้าวราดแกงแบบ 25 ไม่มีแล้วอ่ะครับ ถึงมีก้ต้องเดินไกล จะใส่ซอง 500
เนี่ยก้โดนมองหน้า บางคนจบมาก้ยังต้องมาผ่อนรถยนต์อีก ต้องส่งที่บ้านอีก
ผมมองว่า เราอาจจะโชคดี ที่เกิดก่อน พ่อแม่ก้เลี้ยงมา ค่าเทอมก้ไม่แพง ค่าอาหารก้
ไม่แพง แถมจบแล้วได้งานดีๆ DCAเงินออกมาตั้งตัว ออกมาลงทุนได้ มีความมั่งคั่ง
มีอิสรภาพทางการเงิน
เด็กสมัยนี้ แค่ขยับตัวก้เสียเงินแล้ว สิ่งยั่วยวนมันมาก ผมก้เข้าใจน้องเค้า ผู้หญิงนี่
เค้าเปรียบเทียบกันนะครับ ไหนจะเสื้อผ้าไหนจะเครื่องสำอาง ไม่มีรถก้อันตราย
ไหนจะต้องเข้าสังคม มันเยอะสมัยนี้ คงไปเปรียบกับรุ่นเราๆท่านๆไม่ได้หรอกครับ
จะให้น้องๆเค้ามาแบบผม เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ น้องเค้าคงไม่สามารถแน่ๆ
คนรุ่นใหม่ๆ ลำบากกว่าคนรุ่นเก่าๆครับ เงินเท่ากัน เมื่อ10ปีที่แล้ว แต่ค่าครองชีพแพงลิ่ว
ผมเรียนอนุบาลแถวที่่บ้าน(ฟรี) ต่อโรงเรียนวัด(ฟรี) ต่อมัธยมรัฐบาล ต่อมหาลัย
เกิดก่อนต้นทุนดำรงชีวิต ต่ำกว่าคนสมัยนี้ นี่แหล่ะ ข้อดีของการเกิดมาก่อน
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 18
มีนักลงทุนรุ่นใหม่อยู่คนหนึ่งครับ จำชื่อไม่ได้จริง ๆ เขียนหนังสือประมาณว่า ให้ลดการกินกาแฟลง เซฟยัวร์ลาเต้ ประมาณนี้ แล้วจะมีเงินเหลือมากขึ้น
เดี๋ยวนี้สตาร์บัคส์มอคค่าเย็นแก้วละ 140 กินทุกวัน วันละแก้วเฉพาะวันทำงาน = 140 x 20 = 2,800
เดี๋ยวนี้สตาร์บัคส์มอคค่าเย็นแก้วละ 140 กินทุกวัน วันละแก้วเฉพาะวันทำงาน = 140 x 20 = 2,800
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 19
ถ้าวันละ 2 แก้ว
140 x 2 x 20 = 5,600
ปล. ผมเลิกทานกาแฟแล้วครับหลังจากทานมา 20 ปี ประมาณ 3-5 แก้วต่อวัน
ไม่ได้เจ๋งครับไม่ต้องปรบมือจำเป็นต้องทำเพราะหมอสั่งห้าม
140 x 2 x 20 = 5,600
ปล. ผมเลิกทานกาแฟแล้วครับหลังจากทานมา 20 ปี ประมาณ 3-5 แก้วต่อวัน
ไม่ได้เจ๋งครับไม่ต้องปรบมือจำเป็นต้องทำเพราะหมอสั่งห้าม
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 20
พี่ NBลองไปทานนี่ดูครับ คุ้ม เปิ่น กาแฟสด ถุงใหญ่มากๆ ผมจอดรถแล้วลงไปซื้อน้ำNevercry.boy เขียน:ถ้าวันละ 2 แก้ว
140 x 2 x 20 = 5,600
ปล. ผมเลิกทานกาแฟแล้วครับหลังจากทานมา 20 ปี ประมาณ 3-5 แก้วต่อวัน
ไม่ได้เจ๋งครับไม่ต้องปรบมือจำเป็นต้องทำเพราะหมอสั่งห้าม
เห็น โอ้โห้ 25 บาท ได้ถุงขนาดนี้ ผมทานแต่โอวัลตินเย็นครับ
ยอมรับเลยว่า เป็นอะไรที่โดนใจมากๆ เยอะ และคุ้ม 25บาทกินได้ยาวนาน
โดนใจมากๆครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 21
เนสกาแฟตัวใหม่ใส่คาราเมลถุงละ20ซอง100บาทซองละแค่5บาท
โคตรอร่อยเลย แถมซื้่อช่วงโปรที่โลตัส1แถม1เหลือซองละสิบหลึง
ถ้าเป็นผมจะพกมาที่ทำงานวันละ2ซอง
เอาน้ำร้อนที่ทำงานเติมแล้วฝันว่านั่งกินอยู่ในสตาบัคร์
เมื่อก่อนตอนเรียนกรุงเทพผมเอามาม่าจากที่บ้านมาเป็นลัง
ใส่ไข่ใส่กุ้งแห้งแทนข้าวบางมื้อเพราะเกรงใจที่บ้านไม่กล้าขอเค้ามาก
พี่น้องเรียนทุกคน7คนค่าใช้จ่ายสูงมาก
พวกBaby boom ผ่านยุคแบบนี้มาแทบทุกคน
สมัยนี้บ่นกันจัง
โคตรอร่อยเลย แถมซื้่อช่วงโปรที่โลตัส1แถม1เหลือซองละสิบหลึง
ถ้าเป็นผมจะพกมาที่ทำงานวันละ2ซอง
เอาน้ำร้อนที่ทำงานเติมแล้วฝันว่านั่งกินอยู่ในสตาบัคร์
เมื่อก่อนตอนเรียนกรุงเทพผมเอามาม่าจากที่บ้านมาเป็นลัง
ใส่ไข่ใส่กุ้งแห้งแทนข้าวบางมื้อเพราะเกรงใจที่บ้านไม่กล้าขอเค้ามาก
พี่น้องเรียนทุกคน7คนค่าใช้จ่ายสูงมาก
พวกBaby boom ผ่านยุคแบบนี้มาแทบทุกคน
สมัยนี้บ่นกันจัง
-
- Verified User
- โพสต์: 1119
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 22
micky1115 เขียน:ผมว่าคุณ seatle อาจจะไม่เข้าใจที่ผมเปรียบเทียบนะครับ
สมัยก่อนผมก้จบมาใหม่ๆก้เงินเดือน+OTก้ 20000กว่าๆ รวมค่าใบประกอบ 5000
ก้เกือบๆ3หมื่น สมัยนี้น้องเค้าจบมาใหม่ๆ ก้เงิินเดือน+OT+ค่าใบ ก้30000 +ไม่มาก
รายได้ห่างกันไม่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกัน ผมจบมา 10ปีแล้ว
แต่รายจ่าย นี่เรียกว่า เทียบกันไม่ได้เลย ตั้งแต่ ค่าอาหาร ผมกินสมถะ ข้าวราดแกง
เก็บเงินทุกเดือนเดือนละ 20000 พยายามกินใช้ให้น้อย พ่อผมซื้อVIOSให้ ปี2004
ผมเอารถจอดไว้ แล้วเดินไปทำงาน เดือนนึงก้กินดีๆ(ในห้าง)สักรอบนึงไม่กี่ร้อยบาท
ลูกน้องแต่งงาน ผมช่วย500 บาทสมัยก่อน ก้ไม่น่าเกลียด
สมัยนี้ ข้าวราดแกงแบบ 25 ไม่มีแล้วอ่ะครับ ถึงมีก้ต้องเดินไกล จะใส่ซอง 500
เนี่ยก้โดนมองหน้า บางคนจบมาก้ยังต้องมาผ่อนรถยนต์อีก ต้องส่งที่บ้านอีก
ผมมองว่า เราอาจจะโชคดี ที่เกิดก่อน พ่อแม่ก้เลี้ยงมา ค่าเทอมก้ไม่แพง ค่าอาหารก้
ไม่แพง แถมจบแล้วได้งานดีๆ DCAเงินออกมาตั้งตัว ออกมาลงทุนได้ มีความมั่งคั่ง
มีอิสรภาพทางการเงิน
เด็กสมัยนี้ แค่ขยับตัวก้เสียเงินแล้ว สิ่งยั่วยวนมันมาก ผมก้เข้าใจน้องเค้า ผู้หญิงนี่
เค้าเปรียบเทียบกันนะครับ ไหนจะเสื้อผ้าไหนจะเครื่องสำอาง ไม่มีรถก้อันตราย
ไหนจะต้องเข้าสังคม มันเยอะสมัยนี้ คงไปเปรียบกับรุ่นเราๆท่านๆไม่ได้หรอกครับ
จะให้น้องๆเค้ามาแบบผม เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ น้องเค้าคงไม่สามารถแน่ๆ
คนรุ่นใหม่ๆ ลำบากกว่าคนรุ่นเก่าๆครับ เงินเท่ากัน เมื่อ10ปีที่แล้ว แต่ค่าครองชีพแพงลิ่ว
ผมเรียนอนุบาลแถวที่่บ้าน(ฟรี) ต่อโรงเรียนวัด(ฟรี) ต่อมัธยมรัฐบาล ต่อมหาลัย
เกิดก่อนต้นทุนดำรงชีวิต ต่ำกว่าคนสมัยนี้ นี่แหล่ะ ข้อดีของการเกิดมาก่อน
ด้วยความเคารพนะครับ เห็นที่คุณโฟสแล้ว ยิ่งทำให้ผมยิ่งเข้าใจได้เลยว่า คุณนะยังไม่น่าจะเข้าใจถึงความลำบากและการบริหาร
เงินได้อย่างดีพอสมควร อย่างเรื่องรถยนต์ ผมทำงานมาถึง 10 ปี ถึงจะซื้อเพราะว่าต้องพาพ่อแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ
ตอนนั้นพ่อแม่ผมท่านแก่ชรามากแล้ว ต้องหมั่นไปพบแพทย์บ่อยๆ ผมเกรงว่าถ้าไม่สบายตอนกลางคืนจะลำบากมากๆ ประกอบกับ
ภรรยากำลังตั้งท้องลูกชายคนแรกและคนเดียวของผม ผมจึงพาไปหาหมออยู่บ่อยๆ มันจึงจำเป็นมากที่ต้องซื้อรถยนต์มาใช้แถม
ซื้อเงินสดอีกด้วยเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ย ทั้งๆที่พร้อมตั้งนานแล้วแต่ผมคิดว่ามันสิ้นเปลืองมากๆสู้เอาเงินไปลงทุนให้มันออก
ดอกออกผลจะดีกว่ามากๆ ผมไม่จะไม่ซื้อรถยนต์มาจอดทิ้งไว้เฉยๆเป็นอันขาดเพราะมันจะด้อยค่าลงไปโดยเปล่าประโยชน์ใดๆทั้ง
สิ้น
อีกเรื่องก็คือ ตัวเราเป็นของเรา ไม่ต้องไปยึดติดกับลมปาก หรือ ความคิดเห็นคนอื่นมากนัก มัวแต่แคร์ขี้ปากคนโน้นทีคนนี้ที กลัว
จะเข้าสังคมจอมปลอมมั้งไม่ได้ กลัวเพื่อนดูถูกว่าไม่มีสินค้าแบรน์เนมใช้ กลัวเค้าจะไม่คบมังละ สารพัดจะเอามาปรุงแต่งจิตของตัว
เอง จนตะบี้ตะบังสร้างหนี้สร้างสินกันตั้งแต่หนุ่มๆสาวๆ ไม่ต้องเก็บหอมรอมริบกันแล้ว ผมอ่านปั๊ปเดียวก็เข้าใจสิ่งที่คุณโฟสมา
อย่่างทะลุปรุโปร่งครับ ผมใส่เสื้อยืดกระทิงแดงที่ร้านค้าเค้าให้มาฟรีๆพร้อมกับใส่กางเกงยีนส์ลีวายส์ที่ซื้อลดราคา 50 % ตอนไป
อบรมที่อเมริกาเมื่อสัก 18 ปีที่แล้ว ไปเดินพารากอน เซ็นทรัวเวิดล์ ไม่เห็นจะมีใครจะดูถูกเหยียดหยามเลยนี้ครับ
แต่ในกระเป๋าสตางค์ของผมมีเงินติดตัวอยู่หมื่นกว่าบาท ผมว่าเพื่อนคุณนะยังห่างไกลกับโลกความเป็นจริงมากๆๆ
เลยต้องทำงานแบบปากกัดตีนถีบไปอีกนานแสนนาน เพราะว่าไม่คิดเก็บเงินเพื่อซีวิตที่ดีข้างหน้า ถ้าจะให้ดี คุณควรแนะนำให้เพื่อน
คุณนำเงินเก็บมาลงทุนในหุ้น เพื่อเงินจะได้งอกเงยขึ้น ไม่ต้องลำบากตอนแก่ จะดีไมากๆครับ ขอให้โชคดีหลุดจากวังวนสังคม
ฟุ่มเฟื่อยไวๆนะครับ จะเอาใจช่วยครับ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 25
นานาจิตตังน่าคับ อย่าบลัฟกันเลยคับ
ใครใช้จ่ายเงินเป็น มีชีวิตมีความสุขก็โอเค
ใครอยากจะใช้เดือนชนเดือนแล้วลำบากก็แล้วแต่
ปี 2011 ก่อนโน่น รายได้ประชาชาติต่อหัวของประเทศไทยเท่ากับ 5,281 เหรียญสหรัฐ
(ประมาณ 160,000 บาท) ณ.อัตราแลกเปลี่ยนราวๆ 30 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ
ถ้าคิดต่อเดือนก็ประมาณหมื่นสาม ถ้าปีนี้ 2013 ก็คงประมาณหมื่นห้ากว่าๆแล้วมั้ง
ดูแล้วหลายๆท่านใน TVI มีรายได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยมากมาย
ก็หมายความว่ารายได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศซะอีก
แค่นี้ก็ดีมากมายแล้ว
ลองคิดดูว่าคนส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนประมาณหมื่นกว่าๆยังอยู่กันได้
แล้วคนที่มีมากกว่าเค้า ทำไมอยู่กันไม่ได้หว่า ???
ใครใช้จ่ายเงินเป็น มีชีวิตมีความสุขก็โอเค
ใครอยากจะใช้เดือนชนเดือนแล้วลำบากก็แล้วแต่
ปี 2011 ก่อนโน่น รายได้ประชาชาติต่อหัวของประเทศไทยเท่ากับ 5,281 เหรียญสหรัฐ
(ประมาณ 160,000 บาท) ณ.อัตราแลกเปลี่ยนราวๆ 30 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ
ถ้าคิดต่อเดือนก็ประมาณหมื่นสาม ถ้าปีนี้ 2013 ก็คงประมาณหมื่นห้ากว่าๆแล้วมั้ง
ดูแล้วหลายๆท่านใน TVI มีรายได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยมากมาย
ก็หมายความว่ารายได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศซะอีก
แค่นี้ก็ดีมากมายแล้ว
ลองคิดดูว่าคนส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนประมาณหมื่นกว่าๆยังอยู่กันได้
แล้วคนที่มีมากกว่าเค้า ทำไมอยู่กันไม่ได้หว่า ???
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 26
ขอแชร์ในมุมของผมที่เงินเดือนไม่เยอะนะครับ(20000 บ/ด)
ห้องพัก 1500 บ/ด
ส่งให้แม่ 5000 บ/ด
เก็บ 6000 บ/ด
ที่เหลือ 7500 บาท สำหรับ กิน+เที่ยว+เดินทาง+อื่นๆ ผมก็ไม่รู้สึกว่าลำบากในการใช้ชีวิตนะครับ สบายๆ ครับ
ถ้าหากผมมีรายได้ 30000 บ/ด ยิ่งสบายเลยครับ ผมคิดว่ารายได้มากน้อยไม่สำคัญเท่า เราวางฐานะทางสังคมของเราไว้ตรงไหนมากกว่าครับ ถ้าวางฐานทางสังคมตัวเองไว้สูงกว่ารายได้ที่มี ต่อให้เดือนละแสนก็ไม่พอครับ
**ปล. ข้อมูลที่แจกแจงให้ดูเป็นข้อมูลจริง ของผมครับ
ห้องพัก 1500 บ/ด
ส่งให้แม่ 5000 บ/ด
เก็บ 6000 บ/ด
ที่เหลือ 7500 บาท สำหรับ กิน+เที่ยว+เดินทาง+อื่นๆ ผมก็ไม่รู้สึกว่าลำบากในการใช้ชีวิตนะครับ สบายๆ ครับ
ถ้าหากผมมีรายได้ 30000 บ/ด ยิ่งสบายเลยครับ ผมคิดว่ารายได้มากน้อยไม่สำคัญเท่า เราวางฐานะทางสังคมของเราไว้ตรงไหนมากกว่าครับ ถ้าวางฐานทางสังคมตัวเองไว้สูงกว่ารายได้ที่มี ต่อให้เดือนละแสนก็ไม่พอครับ
**ปล. ข้อมูลที่แจกแจงให้ดูเป็นข้อมูลจริง ของผมครับ
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 27
ผมเข้าใจว่าวิถีการใช้ชีวิตของคนไทยรุ่นหลังๆดูเหมือนจะฟุ้มเฟ้อกันมากขึ้นนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเกิดมาในยุคที่พ่อแม่เริ่มจะมีจะกินกันแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มาจากเสื่อผืนหมอนใบ ทำอาชีพรับจ้างรายได้ไม่แน่นอน ต้องอดวันนี้เพื่อที่จะมีกินวันหน้า
เมื่อก่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวสองคนก็ต้องสั่งก๋วยเตี๋ยวชามนึง ข้าวเปล่าชามนึง แล้วมาแบ่งกันกินเป็นเรื่องปกติ ข้าวราดแกงกับสองสามอย่างไม่ได้แอ้ม ไปกินบะหมี่จับกังเนื้อน้อยๆเส้นและน้ำตาลเยอะๆ น้ำหวานและน้ำอัดลมนี่เป็นของหรูหราสุดๆ
บริษัทไหนมีโรงอาหารพนักงานก็ไปกินกันที่นั่นเพราะมันประหยัดดี ถ้ามื้อไหนใครออกไปกินข้างนอกก็จะถือว่าหรูมากแล้ว บริษัทไหนไม่มีร้านอาหารถูกๆขายพนักงานหลายคนก็เอากับข้าวจากข้างนอกมากิน พอพนักงานหลายๆคนทำกันบ่อยๆเข้าก็เลยมีคนไปติดต่อร้านให้มาส่งที่ทำงานเลย เราโตกันมาแบบนี้ใช้จ่ายกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เศรษฐีหลายคนหรือเจ้าของธุรกิจหลายท่านที่ผมรู้จักก็ยังใช้ชีวิตกันแบบนี้อยู่
เดี๋ยวนี้เห็นพนักงานบริษัทระดับทั่วไปไปกินอาหารต่างชาติราคาหลายร้อยอาทิตย์ละหลายวัน พักเที่ยงก็ซื้อกาแฟแก้วละ 40 กลับที่ทำงาน บางร้านแก้วนึงเป็นร้อย ระหว่างกันกินขนมแพงๆจุกๆจิกๆตลอด ผมก็แปลกใจว่าอยู่ได้ได้อย่างไรในเมื่อใช้เงินฟุ้มเฟ้อขนาดนั้น คนที่ประหยัดเงินไม่ใช้จ่ายสุรุ่นสุร่ายกลับกลายเป็นคนที่แปลกแยกของที่ทำงาน
พอมาเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างในเยอรมัน วิศวกรในบริษัทที่ผมทำงานได้รับค่าจ้างกันเป็นเงินยูโร คิดแล้วรายได้ก็มากกว่าวิศวกรในบริษัทไทยเยอะอยู่ แต่พวกนี้จะกินกาแฟสดในบริษัทแก้วละประมาณ 15 บาท ยังคิดกันแล้วคิดกันอีกเลยครับ หัวหน้าแผนกผมเลือกไปกินกาแฟที่ต้มเป็นกาๆแล้วแชร์กันแทน ตกแก้วละ 5 บาท ถูกกว่ากันเยอะ
ในแต่ละวันโรงอาหารมีอาหารให้เลือกว่าอยากกินอาหารจานเดียวแบบถูกๆมื้อละ 2.95 ยูโร (ประมาณ 120 บาท) หรือจะกินอาหารจานเดียวแบบหรูๆหน่อยสำหรับวันพิเศษ 4-5 ยูโร (ประมาณ 160-200 บาท) จริงๆราคาก็ไม่แพงมาก แต่สุดท้ายพนักงานหนีไปซื้อแค่ขนมปังกับสลัด ตกมื้อละ 1.35 Euro (ประมาณ 50-60 บาท) เพราะไม่รู้จะกินแพงๆไปทำไม อิ่มอร่อยเหมือนกัน
คุณ seatle ใช้เงิน 150-180 บาทต่อวันอยู่ในไทยได้แบบสบายๆ คนในเยอรมันใช้เงินกับค่าอาหารในแต่ละวันเท่ากันนี้ ผมก็แปลกใจว่าทำไมสำหรับคนรุ่นใหม่ๆ 150-180 บาทต่อวันจะอยู่ไม่ได้ในไทย
เมื่อก่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวสองคนก็ต้องสั่งก๋วยเตี๋ยวชามนึง ข้าวเปล่าชามนึง แล้วมาแบ่งกันกินเป็นเรื่องปกติ ข้าวราดแกงกับสองสามอย่างไม่ได้แอ้ม ไปกินบะหมี่จับกังเนื้อน้อยๆเส้นและน้ำตาลเยอะๆ น้ำหวานและน้ำอัดลมนี่เป็นของหรูหราสุดๆ
บริษัทไหนมีโรงอาหารพนักงานก็ไปกินกันที่นั่นเพราะมันประหยัดดี ถ้ามื้อไหนใครออกไปกินข้างนอกก็จะถือว่าหรูมากแล้ว บริษัทไหนไม่มีร้านอาหารถูกๆขายพนักงานหลายคนก็เอากับข้าวจากข้างนอกมากิน พอพนักงานหลายๆคนทำกันบ่อยๆเข้าก็เลยมีคนไปติดต่อร้านให้มาส่งที่ทำงานเลย เราโตกันมาแบบนี้ใช้จ่ายกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เศรษฐีหลายคนหรือเจ้าของธุรกิจหลายท่านที่ผมรู้จักก็ยังใช้ชีวิตกันแบบนี้อยู่
เดี๋ยวนี้เห็นพนักงานบริษัทระดับทั่วไปไปกินอาหารต่างชาติราคาหลายร้อยอาทิตย์ละหลายวัน พักเที่ยงก็ซื้อกาแฟแก้วละ 40 กลับที่ทำงาน บางร้านแก้วนึงเป็นร้อย ระหว่างกันกินขนมแพงๆจุกๆจิกๆตลอด ผมก็แปลกใจว่าอยู่ได้ได้อย่างไรในเมื่อใช้เงินฟุ้มเฟ้อขนาดนั้น คนที่ประหยัดเงินไม่ใช้จ่ายสุรุ่นสุร่ายกลับกลายเป็นคนที่แปลกแยกของที่ทำงาน
พอมาเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างในเยอรมัน วิศวกรในบริษัทที่ผมทำงานได้รับค่าจ้างกันเป็นเงินยูโร คิดแล้วรายได้ก็มากกว่าวิศวกรในบริษัทไทยเยอะอยู่ แต่พวกนี้จะกินกาแฟสดในบริษัทแก้วละประมาณ 15 บาท ยังคิดกันแล้วคิดกันอีกเลยครับ หัวหน้าแผนกผมเลือกไปกินกาแฟที่ต้มเป็นกาๆแล้วแชร์กันแทน ตกแก้วละ 5 บาท ถูกกว่ากันเยอะ
ในแต่ละวันโรงอาหารมีอาหารให้เลือกว่าอยากกินอาหารจานเดียวแบบถูกๆมื้อละ 2.95 ยูโร (ประมาณ 120 บาท) หรือจะกินอาหารจานเดียวแบบหรูๆหน่อยสำหรับวันพิเศษ 4-5 ยูโร (ประมาณ 160-200 บาท) จริงๆราคาก็ไม่แพงมาก แต่สุดท้ายพนักงานหนีไปซื้อแค่ขนมปังกับสลัด ตกมื้อละ 1.35 Euro (ประมาณ 50-60 บาท) เพราะไม่รู้จะกินแพงๆไปทำไม อิ่มอร่อยเหมือนกัน
คุณ seatle ใช้เงิน 150-180 บาทต่อวันอยู่ในไทยได้แบบสบายๆ คนในเยอรมันใช้เงินกับค่าอาหารในแต่ละวันเท่ากันนี้ ผมก็แปลกใจว่าทำไมสำหรับคนรุ่นใหม่ๆ 150-180 บาทต่อวันจะอยู่ไม่ได้ในไทย
Vi IMrovised
-
- Verified User
- โพสต์: 1119
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 28
จริงๆแล้ว ที่ผมใช้เงินวันละ 150 ถึง 180 บาทต่อวัน ผมยังคิดว่าฟุ่มเฟื่อยเกินไปด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆ ผมไม่ได้ค่าขนมไปโรงเรียนเหมือนvim เขียน:ผมเข้าใจว่าวิถีการใช้ชีวิตของคนไทยรุ่นหลังๆดูเหมือนจะฟุ้มเฟ้อกันมากขึ้นนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเกิดมาในยุคที่พ่อแม่เริ่มจะมีจะกินกันแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มาจากเสื่อผืนหมอนใบ ทำอาชีพรับจ้างรายได้ไม่แน่นอน ต้องอดวันนี้เพื่อที่จะมีกินวันหน้า
เมื่อก่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวสองคนก็ต้องสั่งก๋วยเตี๋ยวชามนึง ข้าวเปล่าชามนึง แล้วมาแบ่งกันกินเป็นเรื่องปกติ ข้าวราดแกงกับสองสามอย่างไม่ได้แอ้ม ไปกินบะหมี่จับกังเนื้อน้อยๆเส้นและน้ำตาลเยอะๆ น้ำหวานและน้ำอัดลมนี่เป็นของหรูหราสุดๆ
บริษัทไหนมีโรงอาหารพนักงานก็ไปกินกันที่นั่นเพราะมันประหยัดดี ถ้ามื้อไหนใครออกไปกินข้างนอกก็จะถือว่าหรูมากแล้ว บริษัทไหนไม่มีร้านอาหารถูกๆขายพนักงานหลายคนก็เอากับข้าวจากข้างนอกมากิน พอพนักงานหลายๆคนทำกันบ่อยๆเข้าก็เลยมีคนไปติดต่อร้านให้มาส่งที่ทำงานเลย เราโตกันมาแบบนี้ใช้จ่ายกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เศรษฐีหลายคนหรือเจ้าของธุรกิจหลายท่านที่ผมรู้จักก็ยังใช้ชีวิตกันแบบนี้อยู่
เดี๋ยวนี้เห็นพนักงานบริษัทระดับทั่วไปไปกินอาหารต่างชาติราคาหลายร้อยอาทิตย์ละหลายวัน พักเที่ยงก็ซื้อกาแฟแก้วละ 40 กลับที่ทำงาน บางร้านแก้วนึงเป็นร้อย ระหว่างกันกินขนมแพงๆจุกๆจิกๆตลอด ผมก็แปลกใจว่าอยู่ได้ได้อย่างไรในเมื่อใช้เงินฟุ้มเฟ้อขนาดนั้น คนที่ประหยัดเงินไม่ใช้จ่ายสุรุ่นสุร่ายกลับกลายเป็นคนที่แปลกแยกของที่ทำงาน
พอมาเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างในเยอรมัน วิศวกรในบริษัทที่ผมทำงานได้รับค่าจ้างกันเป็นเงินยูโร คิดแล้วรายได้ก็มากกว่าวิศวกรในบริษัทไทยเยอะอยู่ แต่พวกนี้จะกินกาแฟสดในบริษัทแก้วละประมาณ 15 บาท ยังคิดกันแล้วคิดกันอีกเลยครับ หัวหน้าแผนกผมเลือกไปกินกาแฟที่ต้มเป็นกาๆแล้วแชร์กันแทน ตกแก้วละ 5 บาท ถูกกว่ากันเยอะ
ในแต่ละวันโรงอาหารมีอาหารให้เลือกว่าอยากกินอาหารจานเดียวแบบถูกๆมื้อละ 2.95 ยูโร (ประมาณ 120 บาท) หรือจะกินอาหารจานเดียวแบบหรูๆหน่อยสำหรับวันพิเศษ 4-5 ยูโร (ประมาณ 160-200 บาท) จริงๆราคาก็ไม่แพงมาก แต่สุดท้ายพนักงานหนีไปซื้อแค่ขนมปังกับสลัด ตกมื้อละ 1.35 Euro (ประมาณ 50-60 บาท) เพราะไม่รู้จะกินแพงๆไปทำไม อิ่มอร่อยเหมือนกัน
คุณ seatle ใช้เงิน 150-180 บาทต่อวันอยู่ในไทยได้แบบสบายๆ คนในเยอรมันใช้เงินกับค่าอาหารในแต่ละวันเท่ากันนี้ ผมก็แปลกใจว่าทำไมสำหรับคนรุ่นใหม่ๆ 150-180 บาทต่อวันจะอยู่ไม่ได้ในไทย
เด็กอื่นๆ นะครับ ผมพกปิ่นโตใส่ข้าวไปกินตอนกลางวัน กับข้าวก็คือไข่ต้ม 1 ฟอง น้ำดื่มก็น้ำก๊อกจากท่อประปาที่โรงเรียนครับ ดื่มที่ 3
4 อึกให้อิ่มเข้าไว้ กินคนเดียวใต้ต้นไม้ เป็นยังไงตั้งหลายปี ตอนกลับบ้าน ถ้าวันไหนฝนตก ผมก็จะเดินหาปลาหมอ ปลาช่อนที่แถกขึ้น
มาเล่นน้ำฝนตามริมถนน เพื่อเอาไปเป็นอาหารมื้อเย็น ส่วนผักยอดนิยมของผมก็คือ ยอดกระถินอ่อนตามริมถนน เก็บกลับบ้านไปกินกับ
น้ำพริกตาแดงที่แม่ไปซื้อมาจากตลาด แทบทุกวันหลังกลับบ้าน ผมจะช่วยแม่พับถุงกระดาษจาก นสพ จนดึกเพื่อให้แม่ไปขายแม่ค้าใน
ตลาดตอนเช้า ส่วนกาแฟแก้วหลายสิบบาท จนถึง ร้อยกว่าบาท ผมแทบจะไม่กินเลย โทรศัพย์ก็ใช้มาหลายปีแล้ว เล่นไลน์ไม่ได้ เมล์ก็
รับไม่ได้ โทรเข้าโทรออกก็หรูแล้ว ใครจะบ้ารุ่นใหม่ๆก็บ้าไปเถอะครับ ผมไม่สนใจ ผมมีใช้โทรหาเมียหาลูกได้ก็สุขใจสุดๆแล้ว นาฬิกา
เรือนที่ใช้ก็ 7 ถึง 8 ปีแล้ว หนังสือหุ้นจะซื้อสักเล่มก็คิดแล้วคิดอีก ซื้อมาแล้วอ่านก็ไม่ต่ำกว่าสิบรอบกะเอาให้คุ้มค่า รถยนต์ที่ใช้อยู่ก็ย่าง
เข้าปีที่ 16 แล้ว สภาพยังดีอยู่มากๆ เด็กน้องๆที่เข้ามาทำงานได้สัก 2 ถึง 3 ปีก็ซื้อรถป้ายแดงกันแล้ว ผ่อนกันหูตูบไป เงินเก็บไม่มี
เสื้อนักเรียนของผมตอนเด็กๆก็ปะแล้วปะอีก เข็มขัดนักเรียนไม่มี ใช้เชือกป่านแทนเข็มขัด โดนครูตีแล้วตีอีก ข้อหาแต่งตัวผิดระเบียบ
ถุงเท้าขาดที่ซ้นเท้า ขาดที่ปลายนิ้ว ก็เย็บให้แน่น บางทีก็รูดไปที่ข้อเท้าพราะยางยืดเสียไปแล้ว ชุดลูกเสือก็มีอุปกรณืไม่เคยครบเหมือน
เด็กคนอื่น ก็ยอมโดนตี สมัยเด็กๆตูดนี้ด้านเพราะโดนตีจากการแต่งตัวไม่เรียบร้อย จะไปเรียบร้อยได้ไง เสื้อกางเกงนักเรียนไม่เคยรีด
เพราะไม่มีเตารีด ไม่เคยเล่าให้ครูหรือเพื่อนฟัง เกรงว่าเค้าคิดว่าเราจะไปขอเงิน มีอีกเยอะครับ ตอนเด็กๆตื่นตี 4 ช่วยแม่รับจ้างซักผ้า
เปีปซี่ โค้ก ไม่เคยกิน กินแต่น้ำก๊อก ขนมไม่เคยตกถึงท้อง เห็นพ่อแม่ขยันทำงานหาเงินตั้งแต่เช้ามืดยันดึกดื่น ผมรู้สึกว่าผมไม่เคย
ลำบากเลยถ้าเทียบกับพ่อแม่ของผม เห็นเด็กๆสมัยนี้ใช้จ่ายแล้วตกใจมากๆ ผมสอนลูกสอนหลานของผมทุกคน เล่าให้ฟังบ่อยมากๆใน
ชีวิตในวันเด็กของผม เด็กๆของไทยเรายังต้องพัฒนาเรื่องการเก็บออม การใช้จ่าย การลงทุนอีกมากๆครับ ผมไปเห็นเด็กวัยรุ่นที่ญี่ปุ่น
ออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์ อเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง ผมว่าเด็กไทย รวมทั้งวัยเริ่มทำงาน ยังตามหลังอยู่มากในเรื่องความคิดในการอยู่
บนโลกใบนี้ เมื่อเทียบกับเด็กๆต่างประเทศที่เจริญแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขึ้นราคาขนาดนี้ จะกำไรเพิ่มประมาณไหน
โพสต์ที่ 29
ผมเงินเดือน15000 ลูกน้องโดยตรงสามสิบ ลูกน้องหน่วยข้างๆรวมๆก็สามร้อย
......
เพื่อน200
เงินเดือนไม่พอใช้ ก็หาเพิ่มสิครับ
จะตัดความสุขตัวเองทำไม
......
เพื่อน200
เงินเดือนไม่พอใช้ ก็หาเพิ่มสิครับ
จะตัดความสุขตัวเองทำไม
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.