สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดีหรือ
-
- Verified User
- โพสต์: 154
- ผู้ติดตาม: 0
สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดีหรือ
โพสต์ที่ 1
ประโยคฮิต “สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดีหรือ?”
ปกติผมเข้าเว็บบ่อยๆอยู่สองเว็บครับคือ พันทิป และไทยวีไอ แต่มีล็อกอินแค่ที่เว็บไทยวีไอเท่านั้น ที่พันทิปไว้อ่านข่าวครับ ผมได้อ่านได้ยินประโยคนี้เยอะมากโดยเฉพาะที่พันทิปแต่ละกระทู้ชวนให้ขายล้างพอร์ททั้งสิ้น
ทุกคนที่แสวงหาความรู้อยู่เสมอหลังจากลงทุนไปเรื่อยๆจะเริ่มมีสไตล์การลงทุนที่มีรูปแบบเฉพาะเป็นของตัวเอง
โดยห้าปีแรกส่วนใหญ่คงเป็นการลองผิดลองถูกอยู่ ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปมากกว่าห้าปีจะเริ่มเป็นการฝึกฝนการลงทุนในแนวทางตัวเองแล้ว เพื่อเตรียมไว้รอรับวิกฤติใหญ่ๆที่จะตามมา
ผมเชื่อว่าผู้ที่ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอมีรูปแบบมีความชำนาญมีกรอบความคิดที่ชัดเจนจนเสมือนกลายเป็นสัญชาติญาณ จะสามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ ผมชอบประโยคนึงของวอร์เรน บัฟเฟตที่ว่า จงระวังอารมณ์ของคุณอย่าให้ส่งผลต่อกรอบความคิดของคุณ และผมยังมีความเชื่ออีกอย่างนึงว่า ไม่มีสไตล์การลงทุนไหนหรือรูปแบบใดที่จะทำกำไรหรือเหมาะกับทุกสถานการณ์ การค้นหาสไตล์การลงทุนจึงเป็นเหมือนการได้ค้นหาตนเองไปด้วยดังนั้นแต่ละสไตล์หรือแต่ละคนก็จะมีจุดอ่อน มีช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่แย่เข้ามาเยือนเป็นระยะๆอยู่เสมอ การจะตัดสินคนแต่ละคนจึงไม่ใช่ตัดสินกันตอนรุ่งเรืองหรือตอนที่ทำกำไรกันเป็นกอบเป็นกำ แต่ต้องตัดสินกันตอนที่ผ่านสถานการณ์เลวร้ายผ่านมาแล้วต่างหากว่าจะกลับมาได้ขนาดไหน
คำตอบสำหรับประโยคฮิตข้างต้นจึงไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่า จะขายล้างพอร์ทดี หรือจะซื้อดี หรือจะอยู่เฉยๆดี มันจึงเป็นแต่เพียงแค่ให้นักลงทุนแต่ละคนได้ตั้งสติ ค่อยๆลำดับความคิดในการลงทุนที่แล้วมาแล้วทำในสิ่งที่คุณชำนาญเป็นตัวของคุณเอง ผมเพียงแต่อยากเตือนว่า ระมัดระวังในสิ่งที่คุณไม่ชำนาญ และอย่าเอากรอบความคิดคนอื่นมาทำให้คุณไขว้เขวเพราะคุณไม่รู้ว่าในกรอบความคิดของคนอื่นนั้นมันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างแต่พึงระลึกอย่างมีสติสัมปชัญญะ การลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่ถ่ายทอดได้ บอกกล่าวกันได้ แต่เลียนแบบกันไม่ได้ หุ้นตัวเดียวกัน ลงทุนในช่วงเวลาเดียวกันผลลัพธ์แต่ละคนยังลงเอยต่างกัน
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าการเป็นเซียนหุ้นนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตน คนอื่นหรือนสพ. ก็มายกให้ไม่ได้ ต้องฝึกฝน
มีความชำนาญจนถึงระดับกลายเป็นสามัญสำนึก สัญชาติญาณ หรือปัญญาญาณเท่านั้น
เมื่อถึงตรงนี้ผมขอใช้พื้นที่นี้ในการระลึกถึงคุณของ อาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ท่านเป็นจุดเริ่มต้นและส่วนนึงที่สำคัญที่ทำให้ผมตั้งหลักปักฐานได้ (ผมมาจากครอบครัวฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจนเริ่มจากพอร์ทที่เล็กมากครับ ทุกวันนี้สามารถจุนเจือตนเองและคุณพ่อคุณแม่ได้) เพราะความรู้ที่ท่านถ่ายทอดผ่านทางหนังสือแท้ๆตอนนี้ผมก็ถืออยู่ในมือเพื่ออ่านทบทวนอยู่ครับแม้ผมจะรู้ว่าจริงๆผมไม่ใช่ VI เป็นแต่เพียงนักมองหาโอกาสและคว้าโอกาสเท่านั้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ข้อความข้างต้นถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็อภัยและแก้ไขให้ผมด้วยนะครับ และถ้าท่านใดอ่านแล้วเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจก็อโหสิกรรมให้ผมด้วยครับ
“หุ้นมีทั้งราคาและมูลค่า ราคาคือสิ่งที่เราเห็น แต่มูลค่าคือสิ่งที่อยู่ในใจ ดังนั้นแล้วมูลค่าจึงระลึกได้ด้วยการตั้งสติเท่านั้น”
ขอบคุณครับ
ปกติผมเข้าเว็บบ่อยๆอยู่สองเว็บครับคือ พันทิป และไทยวีไอ แต่มีล็อกอินแค่ที่เว็บไทยวีไอเท่านั้น ที่พันทิปไว้อ่านข่าวครับ ผมได้อ่านได้ยินประโยคนี้เยอะมากโดยเฉพาะที่พันทิปแต่ละกระทู้ชวนให้ขายล้างพอร์ททั้งสิ้น
ทุกคนที่แสวงหาความรู้อยู่เสมอหลังจากลงทุนไปเรื่อยๆจะเริ่มมีสไตล์การลงทุนที่มีรูปแบบเฉพาะเป็นของตัวเอง
โดยห้าปีแรกส่วนใหญ่คงเป็นการลองผิดลองถูกอยู่ ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปมากกว่าห้าปีจะเริ่มเป็นการฝึกฝนการลงทุนในแนวทางตัวเองแล้ว เพื่อเตรียมไว้รอรับวิกฤติใหญ่ๆที่จะตามมา
ผมเชื่อว่าผู้ที่ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอมีรูปแบบมีความชำนาญมีกรอบความคิดที่ชัดเจนจนเสมือนกลายเป็นสัญชาติญาณ จะสามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ ผมชอบประโยคนึงของวอร์เรน บัฟเฟตที่ว่า จงระวังอารมณ์ของคุณอย่าให้ส่งผลต่อกรอบความคิดของคุณ และผมยังมีความเชื่ออีกอย่างนึงว่า ไม่มีสไตล์การลงทุนไหนหรือรูปแบบใดที่จะทำกำไรหรือเหมาะกับทุกสถานการณ์ การค้นหาสไตล์การลงทุนจึงเป็นเหมือนการได้ค้นหาตนเองไปด้วยดังนั้นแต่ละสไตล์หรือแต่ละคนก็จะมีจุดอ่อน มีช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่แย่เข้ามาเยือนเป็นระยะๆอยู่เสมอ การจะตัดสินคนแต่ละคนจึงไม่ใช่ตัดสินกันตอนรุ่งเรืองหรือตอนที่ทำกำไรกันเป็นกอบเป็นกำ แต่ต้องตัดสินกันตอนที่ผ่านสถานการณ์เลวร้ายผ่านมาแล้วต่างหากว่าจะกลับมาได้ขนาดไหน
คำตอบสำหรับประโยคฮิตข้างต้นจึงไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่า จะขายล้างพอร์ทดี หรือจะซื้อดี หรือจะอยู่เฉยๆดี มันจึงเป็นแต่เพียงแค่ให้นักลงทุนแต่ละคนได้ตั้งสติ ค่อยๆลำดับความคิดในการลงทุนที่แล้วมาแล้วทำในสิ่งที่คุณชำนาญเป็นตัวของคุณเอง ผมเพียงแต่อยากเตือนว่า ระมัดระวังในสิ่งที่คุณไม่ชำนาญ และอย่าเอากรอบความคิดคนอื่นมาทำให้คุณไขว้เขวเพราะคุณไม่รู้ว่าในกรอบความคิดของคนอื่นนั้นมันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างแต่พึงระลึกอย่างมีสติสัมปชัญญะ การลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่ถ่ายทอดได้ บอกกล่าวกันได้ แต่เลียนแบบกันไม่ได้ หุ้นตัวเดียวกัน ลงทุนในช่วงเวลาเดียวกันผลลัพธ์แต่ละคนยังลงเอยต่างกัน
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าการเป็นเซียนหุ้นนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตน คนอื่นหรือนสพ. ก็มายกให้ไม่ได้ ต้องฝึกฝน
มีความชำนาญจนถึงระดับกลายเป็นสามัญสำนึก สัญชาติญาณ หรือปัญญาญาณเท่านั้น
เมื่อถึงตรงนี้ผมขอใช้พื้นที่นี้ในการระลึกถึงคุณของ อาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ท่านเป็นจุดเริ่มต้นและส่วนนึงที่สำคัญที่ทำให้ผมตั้งหลักปักฐานได้ (ผมมาจากครอบครัวฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจนเริ่มจากพอร์ทที่เล็กมากครับ ทุกวันนี้สามารถจุนเจือตนเองและคุณพ่อคุณแม่ได้) เพราะความรู้ที่ท่านถ่ายทอดผ่านทางหนังสือแท้ๆตอนนี้ผมก็ถืออยู่ในมือเพื่ออ่านทบทวนอยู่ครับแม้ผมจะรู้ว่าจริงๆผมไม่ใช่ VI เป็นแต่เพียงนักมองหาโอกาสและคว้าโอกาสเท่านั้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ข้อความข้างต้นถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็อภัยและแก้ไขให้ผมด้วยนะครับ และถ้าท่านใดอ่านแล้วเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจก็อโหสิกรรมให้ผมด้วยครับ
“หุ้นมีทั้งราคาและมูลค่า ราคาคือสิ่งที่เราเห็น แต่มูลค่าคือสิ่งที่อยู่ในใจ ดังนั้นแล้วมูลค่าจึงระลึกได้ด้วยการตั้งสติเท่านั้น”
ขอบคุณครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 2
สุดยอดเขียนได้ดีมากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 3
เห็นด้วยครับ เรียบเรียงได้ดีมาก แสดงถึงเรื่องของการเรียบเรียงความคิดดี และตกผลึก
สำหรับหัวข้อเรื่อง ผมก็เคยคิดครับ แต่ผมก็มีคำถามในหัวตามมาต่อว่า
1) ขายแล้วรอรับที่เท่าไร
2) หากรับแล้วลงต่อจะทำอย่างไร
3) หากขายแล้วมันเด้งขึ้นจะทำอย่างไร
ผมเองยังตอบคำถามตัวเอง 3 ข้อนี้ไม่ได้ เลยไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นกับพอร์ทครับ
สำหรับหัวข้อเรื่อง ผมก็เคยคิดครับ แต่ผมก็มีคำถามในหัวตามมาต่อว่า
1) ขายแล้วรอรับที่เท่าไร
2) หากรับแล้วลงต่อจะทำอย่างไร
3) หากขายแล้วมันเด้งขึ้นจะทำอย่างไร
ผมเองยังตอบคำถามตัวเอง 3 ข้อนี้ไม่ได้ เลยไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นกับพอร์ทครับ
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1281
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 4
ผมยึดกฏ 5 ข้อนี้ครับ
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
ไม่มีข้อไหนที่บอกให้ขายก่อนแล้วค่อยไปรอรับเวลาตลาดตกครับ
ไม่พูดถึงสภาพตลาดด้วยเลยหละครับ
ซึ่งผมก็พึงพอใจกับผลตอบแทนที่ได้รับในแต่ละปี
เลยไม่ค่อยสนใจอะครับ อิอิ
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
ไม่มีข้อไหนที่บอกให้ขายก่อนแล้วค่อยไปรอรับเวลาตลาดตกครับ
ไม่พูดถึงสภาพตลาดด้วยเลยหละครับ
ซึ่งผมก็พึงพอใจกับผลตอบแทนที่ได้รับในแต่ละปี
เลยไม่ค่อยสนใจอะครับ อิอิ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 5
ขายหุ้นเมื่อไหร่ดี??
1. ขายเมื่อพื้นฐาน (บริษัท) เปลี่ยน
=> ดอกเบี้ยแนวโน้มกำลังขึ้น ธุรกิจหนี้เยอะๆ น่ากลัวนะ แต่เอทำไม หุ้นใน Port เราหนี้เยอะจัง
2. ซื้อเพราะอะไร ขายเพราะเหตุผลนั้น
=> ซื้อเก็งกำไร เลยขายแบบเกร็งเลย
3. ขายเมื่อเจอบริษัทที่ถูก และดีกว่า
=> โดนพ่อค้าจีนหลอกขาย ถูกแล้วยังมีถูกกว่า
สรุปจากสถานการณ์จริง...อิอิ
สักวันฉันจะดีพอ...
ขอคารวะ พี่ๆ ทุกท่าน
ประเมินพื้นฐานกิจการกันให้ดีก่อน ก็จะได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมครับ
1. ขายเมื่อพื้นฐาน (บริษัท) เปลี่ยน
=> ดอกเบี้ยแนวโน้มกำลังขึ้น ธุรกิจหนี้เยอะๆ น่ากลัวนะ แต่เอทำไม หุ้นใน Port เราหนี้เยอะจัง
2. ซื้อเพราะอะไร ขายเพราะเหตุผลนั้น
=> ซื้อเก็งกำไร เลยขายแบบเกร็งเลย
3. ขายเมื่อเจอบริษัทที่ถูก และดีกว่า
=> โดนพ่อค้าจีนหลอกขาย ถูกแล้วยังมีถูกกว่า
สรุปจากสถานการณ์จริง...อิอิ
สักวันฉันจะดีพอ...
ขอคารวะ พี่ๆ ทุกท่าน
ประเมินพื้นฐานกิจการกันให้ดีก่อน ก็จะได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- simpleBE
- Verified User
- โพสต์: 2333
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ นะครับคุณจันทร์ทอแสง
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 9
ผมคิดว่าแนวคิดการซื้อ หรือ ขายหุ้นตามฝูงชน หรือเข้าไปร่วมกับฝูงชนด้วย เข้าไปมีส่วนร่วมกับนายตลาด แม้ว่าเวลาเราพูดว่า เราจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมกับมัน แต่หลักการที่ดูเหมือนง่ายแต่ความเป็นจริงของอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ตามกิเลสของเราที่เข้าแทรกตลอดเวลา มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ เพราะมีบางปัจจัยที่เราไม่คาดคิดไว้ และเราคิดว่าบริหารได้ หรือเรามั่นใจความคิดของเรามากเท่าไร และแม้ที่ผ่านมาเราจะประสบความสำเร็จมามากมายก็ตาม แต่การทำใจให้เห็นตามจริง แยกราคากับมูลค่าที่แท้จริง โดยไม่มีอารมณ์ร่วมทำได้ยากยิ่ง
ดังนั้น จากที่ลงทุนมาและเห็นสภาพคลาดมานาน ขอเป็นนักเรียนที่ share ข้อสังเกตบางประการคือ
1. เราต้องบริหารความเสี่ยงให้เป็น การกระจายการลงทุนบ้าง หุ้น ตราสารหนี้ เงินสดฝากธนาคาร เป็นต้น จะช่วยเราลดความเสี่ยงจากหุ้นบางตัวที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
2. ก่อนซื้อทุกครั้ง ต้องคำนึงถึง mos ระยะเวลาลงทุนที่ถือยาวได้ และเงินสำรองที่อาจต้องใช้ยามฉุกเฉิน มิฉะนั้น เราอาจต้องขายหุ้นที่ดี เพื่อเก็บรักษาหุ้นที่ดีน้อยกว่า หรือเก็บทรัพย์สินที่จำเป็นน้อยกว่าไว้ใน port ลงทุน เพราะเวลาต้องการเงินสดเร็ว ๆ เรามักต้องขายทรัพย์สินที่มีคุณค่าที่สุดที่เป็นที่ต้องการของตลาดออกไปเพราะมักมีสภาพคล่องที่ดี เพื่อรักษาชีวิตไว้
Margin ในช่วงตลาดขาลงจึงอันตรายมาก ๆ ถ้ามันยังลงไม่หยุด และเราอาจถูกบังคับขายแม้เราจะยังไม่อยากขายก็ตาม เป็นต้น
หรือการเล่นหุ้นตามทิศทางตลาด แถมใช้อนุพันธ์ที่มี leverage สูง ๆ เพื่อหวังเอาคืนสั้น ๆ พังมานัดต่อนัด ไม่วายกับผู้ที่ชำนาญการ เช่น แบริ่ง 100 กว่าปี หรือ เลห์แมน investment banking ที่เก่งมากในอดีต หรือ world com เป็นหลักฐานที่ขี้ชัดว่า ไม่มีใครถูก 100% เสมอ แต่เวลาพลาดหายยะถึงตายเลย แต่คนที่ระมัดระวัง รอบคอบ จะสามารถรักษาตัวรอดเพื่อรอเก็บเกี่ยวในภาวะตลาดที่จะดีขึ้นในอนาคตได้ ไม่ตายหรือแท้งไปเสียก่อนวัยอันควร
3. ในตลาดหุ้นมีทั้ง วิกฤต และโอกาส จะเห็นว่า ยามที่ตลาด panic sell จนทำให้ราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่ามาก ๆ บัฟเฟทมักจะสามารถฉวยโอกาสแบบนี้เข้าซื้อได้เสมอ และเวลา panic buy ของฝูงชน บัฟเฟทก็มักขายสินทรัพย์ที่มีราคาเกินมูลค่าได้บ่อยครั้ง การปรับ port เพื่อให้ port มีสภาวะที่ทนต่อทุกสภาพตลาด เพื่อเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสทั้งขาขึ้น และ ขาลง ของจลาดที่เป็นอารมณ์ไม่แน่นอน และลงทุนอยู่ในหลักการได้ทุกสภาวะจนทำให้ port โตยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องบริหารและคิดล่วงหน้า เป็นการทำให้นายตลาดรับใช้เรา ไม่ใช่เราเป็นทาสของนายตลาดเสียเอง
การทำได้แบบนี้หลาย ๆ ครั้ง จึงไม่ฟลุค แสดงว่าผ่านการขบคิดพิจารณาและวางแผนล่วงหน้าลองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอด และสามารถคงหลักการนั้นได้ในทุกช่วงภาวะ เพื่อเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสตลอดเวลา ทั้งด้านขาย และซื้อ โดยไม่ตามมวลชนอีกด้วย
ปัญหาซื้อหรือขาย จึงไม่ใช่เป็นเรื่องลำบากใจของนักลงทุนอมตะเช่น บัฟเฟทครับ แต่มักเป็นปัญหาของปุถุชน ที่ยังมองไม่ทะลุเห็นตามความเป็นจริงของโลก
สุดท้ายก็ต้องฝึกกันครับ
ดังนั้น จากที่ลงทุนมาและเห็นสภาพคลาดมานาน ขอเป็นนักเรียนที่ share ข้อสังเกตบางประการคือ
1. เราต้องบริหารความเสี่ยงให้เป็น การกระจายการลงทุนบ้าง หุ้น ตราสารหนี้ เงินสดฝากธนาคาร เป็นต้น จะช่วยเราลดความเสี่ยงจากหุ้นบางตัวที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
2. ก่อนซื้อทุกครั้ง ต้องคำนึงถึง mos ระยะเวลาลงทุนที่ถือยาวได้ และเงินสำรองที่อาจต้องใช้ยามฉุกเฉิน มิฉะนั้น เราอาจต้องขายหุ้นที่ดี เพื่อเก็บรักษาหุ้นที่ดีน้อยกว่า หรือเก็บทรัพย์สินที่จำเป็นน้อยกว่าไว้ใน port ลงทุน เพราะเวลาต้องการเงินสดเร็ว ๆ เรามักต้องขายทรัพย์สินที่มีคุณค่าที่สุดที่เป็นที่ต้องการของตลาดออกไปเพราะมักมีสภาพคล่องที่ดี เพื่อรักษาชีวิตไว้
Margin ในช่วงตลาดขาลงจึงอันตรายมาก ๆ ถ้ามันยังลงไม่หยุด และเราอาจถูกบังคับขายแม้เราจะยังไม่อยากขายก็ตาม เป็นต้น
หรือการเล่นหุ้นตามทิศทางตลาด แถมใช้อนุพันธ์ที่มี leverage สูง ๆ เพื่อหวังเอาคืนสั้น ๆ พังมานัดต่อนัด ไม่วายกับผู้ที่ชำนาญการ เช่น แบริ่ง 100 กว่าปี หรือ เลห์แมน investment banking ที่เก่งมากในอดีต หรือ world com เป็นหลักฐานที่ขี้ชัดว่า ไม่มีใครถูก 100% เสมอ แต่เวลาพลาดหายยะถึงตายเลย แต่คนที่ระมัดระวัง รอบคอบ จะสามารถรักษาตัวรอดเพื่อรอเก็บเกี่ยวในภาวะตลาดที่จะดีขึ้นในอนาคตได้ ไม่ตายหรือแท้งไปเสียก่อนวัยอันควร
3. ในตลาดหุ้นมีทั้ง วิกฤต และโอกาส จะเห็นว่า ยามที่ตลาด panic sell จนทำให้ราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่ามาก ๆ บัฟเฟทมักจะสามารถฉวยโอกาสแบบนี้เข้าซื้อได้เสมอ และเวลา panic buy ของฝูงชน บัฟเฟทก็มักขายสินทรัพย์ที่มีราคาเกินมูลค่าได้บ่อยครั้ง การปรับ port เพื่อให้ port มีสภาวะที่ทนต่อทุกสภาพตลาด เพื่อเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสทั้งขาขึ้น และ ขาลง ของจลาดที่เป็นอารมณ์ไม่แน่นอน และลงทุนอยู่ในหลักการได้ทุกสภาวะจนทำให้ port โตยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องบริหารและคิดล่วงหน้า เป็นการทำให้นายตลาดรับใช้เรา ไม่ใช่เราเป็นทาสของนายตลาดเสียเอง
การทำได้แบบนี้หลาย ๆ ครั้ง จึงไม่ฟลุค แสดงว่าผ่านการขบคิดพิจารณาและวางแผนล่วงหน้าลองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอด และสามารถคงหลักการนั้นได้ในทุกช่วงภาวะ เพื่อเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสตลอดเวลา ทั้งด้านขาย และซื้อ โดยไม่ตามมวลชนอีกด้วย
ปัญหาซื้อหรือขาย จึงไม่ใช่เป็นเรื่องลำบากใจของนักลงทุนอมตะเช่น บัฟเฟทครับ แต่มักเป็นปัญหาของปุถุชน ที่ยังมองไม่ทะลุเห็นตามความเป็นจริงของโลก
สุดท้ายก็ต้องฝึกกันครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับคุณ "จันทร์ ทอแสง"
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 15
แค่เป็นนักมองหาโอกาสก็ยากแล้ว แต่เป็นนักฉวยโอกาศให้ได้ยิ่งยากหนัก ทำได้ก็เยี่ยมแล้ว こต่อๆปคนอื่นเขาจะเรียกเราเอง กล่าวขานถึงโดยไม่ต้องโม้อะ
[/color]I DREAM FOR LIVING
-
- Verified User
- โพสต์: 467
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 16
สรุปได้ชัดเจน ขอบคุณครับ
แต่ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยจากประสบการณ์รอบตัวที่ผมอยากเตือน คือ มีนักลงทุนหลายคนที่ผมได้ยินที่ยึดมั่นแต่แนวการถือทนหรือทนถือ แต่ยังไม่แม่นหรือตกผลึกเรื่องมูลค่าที่แท้จริง มีทั้งที่คิดมูลค่าผิดก็เยอะ ประเมินทิศทางธุรกิจผิดก็มาก หรือประเมินแบบหยาบสุดๆ แล้วเข้าใจไปเองว่าได้ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว และที่ซื้อหุ้นดีในราคาแพงมากก็ไม่น้อย แล้วผลสุดท้ายก็ขาดทุนมากมาย
ถ้าเป็นวีไอจริงจัง มองเรื่องราคาซื้อมากๆ หน่อยก็ดีนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้หลงผิดเข้าใจว่าการลงทุนเป็นอะไรที่ง่ายดายขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ซื้อแล้วถือไว้ก็จบ ถามตัวเองให้แน่ว่าเราใช่ นักลงทุนแนวคุณค่าหรือยัง ให้คะแนนตัวเองก่อนค่อยลงทุน
ขอให้โชคดีและมีความสุขกับการลงทุนที่คุ้มค่าทุกคนครับ
แต่ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยจากประสบการณ์รอบตัวที่ผมอยากเตือน คือ มีนักลงทุนหลายคนที่ผมได้ยินที่ยึดมั่นแต่แนวการถือทนหรือทนถือ แต่ยังไม่แม่นหรือตกผลึกเรื่องมูลค่าที่แท้จริง มีทั้งที่คิดมูลค่าผิดก็เยอะ ประเมินทิศทางธุรกิจผิดก็มาก หรือประเมินแบบหยาบสุดๆ แล้วเข้าใจไปเองว่าได้ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว และที่ซื้อหุ้นดีในราคาแพงมากก็ไม่น้อย แล้วผลสุดท้ายก็ขาดทุนมากมาย
ถ้าเป็นวีไอจริงจัง มองเรื่องราคาซื้อมากๆ หน่อยก็ดีนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้หลงผิดเข้าใจว่าการลงทุนเป็นอะไรที่ง่ายดายขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ซื้อแล้วถือไว้ก็จบ ถามตัวเองให้แน่ว่าเราใช่ นักลงทุนแนวคุณค่าหรือยัง ให้คะแนนตัวเองก่อนค่อยลงทุน
ขอให้โชคดีและมีความสุขกับการลงทุนที่คุ้มค่าทุกคนครับ
The miracle of compounding,
- CHiNU_Vi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สภาวการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ขายทิ้งแล้วไปรอรับที่ต่ำกว่าไม่ดี
โพสต์ที่ 17
“Sometimes going for a walk or meeting a friend for lunch when the market is down 200 points is a lot better then staring at the screen trying to figure out what to do. You don't have to do anything and most of time you shouldn't. I'm absolutely convinced that regularly clearing your mind helps you make better decisions.
—Aaron Edelheit, Sabre Value Management”
—Aaron Edelheit, Sabre Value Management”
Always Smiling