โค้ด: เลือกทั้งหมด
คิด วิเคราะห์ แยกแยะ สิบปีไทยวีไอ วีระพงษ์ ธัม
14 ส.ค 2556www.10000Li.net
การลงทุนแนวเน้นคุณค่า (ลงทุนแบบ VI) ในประเทศไทย เริ่มต้นอย่างจริงจัง ตามที่ปรากฏในสื่อหรือหลักฐานเพียงแค่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นเวลานานหลายสิบปีหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยก่อตั้งขึ้น และช่วงเวลาเริ่มต้นของการลงทุนแบบ VI เป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นลดความร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด คือเป็นยุคหลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 1,753.73 จุด เมื่อ 4 มกราคมปี 2537 หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับตัวลดลงมาโดยตลอดจนถึงจุดต่ำสุดในรอบนั้นคือ 207.31 ในวันที่ 4 กันยายน 2541 ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการถือกำเนิดการลงทุนแบบ VI คือเป็นช่วงที่มีหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหรือ undervalue จำนวนมาก
ผู้ที่เริ่มต้นการลงทุนแนวนี้ในประเทศไทย เริ่มต้นจากการอ่านหนังสือและบทความจากประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา และด้วยแรงดึงดูดบางอย่างผู้เริ่มต้นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้ ก็เริ่มมีโอกาสได้พบปะรวมตัวและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านปูชนียาจารย์ของวงการ VI ไทย คือดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดการก่อตั้งเวปไซด์ www.thaivalueinvestors.com (ปัจจุบันคือ Thaivi.org) ขึ้นในปี 2546 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในการลงทุนเป็นวงกว้าง โดยเป็นการลงขันจากผู้ก่อตั้ง คนละเล็กคนละน้อย ผมได้เข้ามารู้จักสังคมนี้ในปี 2547 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับการเริ่มต้นลงทุนของผม
สังคมนักลงทุนแห่งนี้มีการพูดคุยหุ้น รวมถึงหลักการลงทุนกันอย่างเข้มข้น เกิดการแลกเปลี่ยนความเห็น มุมมอง ในเชิงลึกและกว้าง จนสามารถถอดรหัสกิจการในตลาดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และสามารถสร้างการลงทุนที่มีคุณภาพ ตามหลักการการลงทุนแบบเน้นคุณค่า นั่นคือ การวิเคราะห์มูลค่าหุ้นในทุกแง่มุมของธุรกิจ และซื้อหรือลงทุนในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า โดยมีส่วนต่างความปลอดภัยเป็นสำคัญ
จากวันนั้นถึงวันนี้ครบสิบปีพอดี สังคมนักลงทุนแนว VI กว้างขวางขึ้นอย่างที่เปรียบเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง และเป็นไอดอลให้คนรุ่นต่อ ๆ มาอยากทำตาม เหตุผลที่ทำให้การลงทุนแนวทางนี้ได้ผลอย่างสูงในช่วงที่ผ่านมา นอกจากเหตุผลที่หุ้น undervalue มีอยู่มากแล้ว เศรษฐกิจไทยก็เติบโตอย่างรวดเร็ว มีการเติบโตของภาคส่งออก การผลิต การบริการ เรียกได้ว่าผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เมื่อสังคมไทยวีไอ มีขนาดใหญ่ขึ้น จากสมาชิกหลักสิบ หลักร้อย ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นหมื่น ๆ Login เกิดความยากลำบากในการจัดการควบคุมตามมา ดังนั้นเพื่อให้องค์กรแห่งนี้เป็นสถาบันที่ยั่งยืน จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงจดทะเบียนจากชมรม เป็น “สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)” ขึ้น และมีการจัดกฏ กติกาให้รัดกุม เพื่อสร้างระเบียบให้เกิดขึ้นกับสังคม และนี่คือช่วงเวลาที่ผมได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานสมาคม รู้จักนักลงทุนท่านอื่น ๆ ตัวเป็น ๆ นอกจากผ่านทางตัวหนังสือ หลังจากที่ลงทุนด้วยตัวเองมาเกือบ 8 ปี
เหตุผลของการจัดระเบียบสมาคม คือสังคมนักลงทุนมี conflict of interest อยู่สูงมาก มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงิน ซึ่งอันที่จริงก็พบได้เสมอ ๆ เช่น ตามข่าวลือในห้องค้า การเชียร์ ทุบหุ้น ทางสมาคมมีวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องให้มากที่สุด จึงพยายามควบคุมสิ่งเหล่านี้ ให้ปรากฏน้อยที่สุดในสังคมไทยวีไอ นอกจากนั้นนโยบายสมาคม คือการเป็นแบบอย่างในการช่วยเหลือสังคม ผ่านการบริจาครายได้ให้กับมูลนิธิต่าง ๆ หากใครมีมูลนิธิที่ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อเข้ามาที่สมาคมได้ และสมาคมก็พร้อมจะช่วยเหลือตามกำลังที่มี
นอกจากนั้น กิจกรรมเผยแพร่ความรู้แนวเน้นคุณค่ามีมากมายกว่าแต่ก่อน เปรียบเทียบเหมือนกับยุคแรก ๆ หนังสือแนวเน้นคุณค่าหาอ่านยากมาก แต่ปัจจุบันมีมากมาย สิ่งที่ยากกว่าคือการเลือกเล่มที่ถูกต้อง และการตกผลึกความคิดออกมาให้เป็นรูปธรรมและปฏิบัติให้เกิดผลเสียมากกว่า สมาคมจึงมีการอบรมสัมมนา รวมถึงควบคู่ข่าวสารและสื่อความรู้ทางเวปบอร์ดให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จากนี้ไปอนาคตของการลงทุนในตลาดทุนไทย คงจะยากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เนื่องจากจำนวนนักลงทุนที่มากขึ้น ไม่เฉพาะนักลงทุนแนว VI และขนาดของตลาดทุนไทยก็ใหญ่ขึ้น จนมีนักลงทุนต่างชาติมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นโอกาสที่จะมีหุ้นถูกให้เลือกมากมายเหมือนแต่ก่อนคงยากขึ้น อย่างไรก็ดี กิจการในตลาดทุนไทยก็เก่งขึ้นมากเช่นกัน จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นเกมในอนาคต คือการเติบโตคู่ขนานของบริษัทขนาดใหญ่ในการขยายตัวไปภูมิภาค และฐานประเทศไทยที่ใหญ่ขึ้น ควบคู่กับกิจการใหม่ ๆ ในประเทศไทยที่สามารถนำเงินทุน แปลงไปเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย
สำหรับนักลงทุนแล้ว กลุ่มนักลงทุนแนว VI ก็ยังคงเป็นส่วนน้อยในตลาด ไม่ว่าจะเป็นสิบปีที่แล้ว หรือเป็นวันนี้ สาเหตุหลักคือการลงทุนลักษณะนี้ฝืนธรรมชาติมนุษย์ การลงทุนในปัจจุบัน อาจจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาลได้เหมือนแต่ก่อน แต่ในระยะยาว ผลตอบแทนทบต้นก็จะแสดงความมหัศจรรย์ได้ไม่ต่างจากในอดีตอย่างแน่นอน