10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขายของ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 788
- ผู้ติดตาม: 0
10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขายของ
โพสต์ที่ 1
เพื่อเป็นการขอบคุณทางเว็ป thaivi.org ซึ่งให้ความรู้ และข่าวสารเรื่องการลงทุนผ่านน้ำใจ ของพี่ๆ น้องๆ สมาชิกทุกๆ ท่าน ผมขอเขียนบทความนี้โดยรวบรวมเอาเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากประสบการณ์ และมุมมองการลงทุนของผม 10 อย่าง ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ มารวบรวมไว้ในบทความนี้ บางช่วง บางตอน ของบทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวหากผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้อง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
1) ยิ่งไกลยิ่งดี : ตอนผมเริ่มลงทุนใหม่ๆ บทวิเคราะห์หุ้น คอลัมน์แนะนำหุ้นในหนังสือพิมพ์ และ คำแนะนำจากมาร์เก็ตติ้ง เป็นข้อมูลหลักที่ผมใช้ในการลงทุน จากการใช้แหล่งข้อมูลที่ว่ามานี้ ผมกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง คละเคล้ากันไป แต่ถ้าพูดถึงการลงทุนที่เป็นประเภท “หุ้นเปลี่ยนชีวิต” (ขอยืมสำนวนน้อง Linzhi มาใช้หน่อยนะครับ) แล้วนั้น ผมพบว่าข้อมูลที่ชี้นำให้ผมมาพบเจอ กิจการเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ “ข้อมูลสำเร็จรูป” หรือ “ข้อมูลพร้อมใช้ในการลงทุน” แต่เป็นข้อมูล “ดิบ” ที่หามาเอง โดยได้มาจากการศึกษา Case Study ทางธุรกิจ การลงพื้นที่สัมผัสกิจการจริง การพูดคุยกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และใช้จินตนาการเปรียบเทียบกับ “ตลาด” ที่มีการพัฒนา ของผลิตภัณฑ์ หรือ บริการมานานกว่าในเมืองไทย เพื่อดูว่ากิจการนั้นๆ จะโตต่อไปอย่างไร ผมเชื่อเสมอว่าอาชีพ “รับจ้างชี้ขุมทอง” นั้นไม่มีจริง การหาข้อมูลลงทุนที่ดีควรเป็นข้อมูลที่เป็น “ข้อเท็จจริง (Fact)” มากกว่าเป็น “ความเห็น (Opinion)” และควรเป็นข้อมูลที่ไกลจาก “อคติ” หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น
2) บทเรียนจากมังกรหยก : “ก๊วยเจ๋ง” เป็นตัวเอกของนิยายจีนเรื่อง “มังกรหยก” นวนิยาย กำลังภายในโดย “กิมย้ง” ก๊วยเจ๋งเติบโตจากคนที่ไม่รู้เรื่องวิทยายุทธ์ใดๆ จนในที่สุดเป็นหนึ่ง ในสุดยอดของยุทธภพ ทั้งนี้เป็นเพราะ ก๊วยเจ๋งได้เรียนวิทยายุทธ์ มากมายหลายแขนงจาก ยาจกอุดร พิษปัจจิม เฒ่าทารก เจ็ดประหลาดกังนั้ม … ก๊วยเจ๋งเรียนหมด การเป็นนักลงทุนของผมก็คล้ายๆกัน ผมอ่านหนังสือมากมายเกี่ยวกับการลงทุน ทั้งไทย ทั้งฝรั่ง หลากหลายแนวทาง ไม่ว่า Fundamental, Technical, โหราศาสตร์ รวมทั้งอ่านหนังสืออื่นๆ ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยว กับการลงทุนเลย แต่ผมพบว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการลงทุนได้อย่างเยี่ยมยอด เช่น หนังสือ เกี่ยวกับธรรมะ หนังสือประวัติศาสตร์โลก นิตยสารซุบซิบ
ในโลกของการลงทุนนั้น เราคงต้องเจอกับตลาดในหลายๆ สถานะการณ์ ดังนั้นความรู้ที่ใช้ในแต่ละ เหตุการณ์อาจต่างกันไป บนโต๊ะทานข้าว โดยปกติก็จะมีทั้ง ช้อน ซ้อม ตะเกียบ มีด จะให้ใช้ช้อน อย่างเดียวในทุกกรณี ก็อาจจะไม่สะดวก ใช้ซ้อมอย่างเดียว ก็คงไม่ไหว ดังนั้นการเลือกใช้ความรู้ ที่เหมาะสม กับเหตุการณ์นั้นๆ เป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรติดยึดในองค์ความรู้เดียวมากเกินไป แต่ก็ควรระวัง ธาตุไฟเข้าแทรกเพราะรู้มากเกินไป จนจิตใจวุ่นวาย ไม่รู้ว่าควรใช้อันไหนดี เข้าทำนอง ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดไว้ด้วย
3) อนิจจา วต สังขารา : สัจจธรรมที่ว่า “ไม่เที่ยง” นั้นเป็นจริงครอบคลุมทุกหย่อมหญ้า ทุกสาขาวิชา รวมถึงตลาดหุ้นด้วย กิจการที่ว่ามั่นคงขนาดไหน ก็มีวันที่จะล่มสลายได้ ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์โลก เราจะได้เห็นว่า อย่าว่าแต่บริษัทยักษ์ใหญ่เลยที่ล้มหายตายจากไป ประเทศบางประเทศ ก็สูญหายไปแล้ว สัตว์บางสายพันธุ์ก็หมดไปแล้ว ตลาดหุ้นแห่งแรกน่าจะนับกันตั้งแต่ Amsterdam Stock Exchange ในปี 1602 นับมาถึงตอนนี้ก็ประมาณสี่ร้อยกว่าปีได้ เทียบกับอายุของโลกใบนี้ ซึ่งมีอายุถึงประมาณ 4500 ล้านปี (Source : Wikipedia) คงจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า “ตลาดหุ้นไม่มีวันตาย” ดังนั้นผมคิดว่านักลงทุนไม่ควรประมาท นักลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ติดตามราคามาก แต่เราควรใส่ใจในการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และ ปัจจัยแวดล้อมของกิจการที่เราลงทุนอยู่อย่างสม่ำเสมอ การซื้อแล้วถือยาวไม่สนใจอะไรเลย คิดว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งของนักลงทุน
4) ผิดเป็นครู : ในช่วงการลงทุนในตลาดหุ้นของผมนั้น ผมผิดพลาดมามาก ถ้าเป็นนักมวยก็ เรียกว่าโดนก้านคอ ตีเข่า มานับไม่ถ้วน ความผิดพลาดของผมนั้นผมแบ่งหลักๆ เป็นสามอย่างคือ
หนึ่ง : ผิดเพราะผมคาดคะเนผิด เพราะพื้นฐานของบริษัท หรือปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยน ไปจากสมมุติฐานเดิมที่ผมประเมินไว้ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง เช่น ตอนผมซื้อ หุ้นตัวหนึ่งผมซื้อบนพื้นฐานที่ว่า สงครามราคาไม่น่าจะเกิด เพราะต่างฝ่าย ต่างต้องการใช้ ตลาดทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตนเอง แต่ต่อมากลับไม่เป็นเช่นนั้น สงครามราคา กลับเกิดขึ้น และคงอยู่อย่างยาวนาน ทั้งนี้เพราะอาจมีเหตุผลอื่นๆ ซึ่งผมอาจเข้าไม่ถึงข้อมูล เรื่องแรงจูงใจของผู้บริหาร
สอง : ผิดเพราะผมโลภเกินความรู้ที่มีอยู่ มีอยู่หลายครั้งที่ผมตัดสินใจลงทุน เพียงเพราะ ได้ยินข้อความเพียงสอง สาม ประโยคจากเพื่อนบ้าง มาร์เก็ตติ้งบ้าง ข่าวทางทีวี หรือ หนังสือพิมพ์บ้าง ข่าวสารพวกนี้ที่ทำให้ผมพลาดเพราะเกิดความโลภ มักมีเนื้อหาใจ ความประมาณว่า … หุ้นตัวนี้จะมีการ take over ที่ราคานั้นราคานี้ … หุ้นตัวนี้จะมีการขาย asset ออกไปทำให้ได้กำไรพิเศษมา … หุ้นตัวนี้ cycle กำลังจะกลับมา … ผมเห็นชัดในใจผมเลยว่า ถ้าผมซื้อหุ้นด้วยเหตุผลเพียงสองสามประโยค โดยปราศจากการเข้าใจอย่างท่องแท้ในการดำเนินงานของบริษัท หากราคาเกิดสวิงไปมาอย่างมาก จิตใจผมก็จะหวั่นไหว และขาดความมั่นคง ทนเหวี่ยงได้ไม่นานก็ต้องขายไป ต่างกันกับกิจการที่ผมศึกษามาอย่างดี เข้าใจความเป็นไปของอุตสาหกรรม ซึ่งถึงแม้ราคาจะตกลงมามากผมมีแต่จะดีใจ และหาทางซื้อเพิ่ม
สาม : ผิดเพราะได้ข้อมูลปฐมภูมิมาผิด ดังที่กล่าวในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าการหาข้อมูล “ดิบ” นั้นเป็นเรื่องสำคัญของการลงทุน แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้เหมือนกัน เช่น ผมเคยสำรวจยอดขายโครงการอสังหาฯ โดยเข้าไปเยี่ยมสำนักงานขายเพื่อดูยอดขายของ โครงการ วันที่ไปรู้สึกว่าจะเป็นวันแรกที่เปิดขาย ผมพบว่ามีการ “ปักหมุด” จองห้องไปแล้ว กว่า 50% ผมตื่นเต้นมาก นอกจากทำจองซื้อไปยูนิตนึงแล้ว ผมยังได้เริ่มซื้อสะสมหุ้นของ บริษัทนี้ด้วย จนกระทั่งต่อมาผมพบว่า เรื่องการปักหมุดเพื่อแสดงยอดขายของคอนโดนั้น อาจจะเอามาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ ทั้งนี้เพราะผู้ประกอบการอาจต้องการกันบางยูนิตไว้ขายทีหลัง เพราะได้ราคาดีกว่า หรือ มีการปักหมุดไว้ให้ลูกค้าเห็นว่ามีคนจองไปเยอะแล้ว จะได้รีบๆ จอง รีบๆ ตัดสินใจ
ความผิดที่ผ่านของผมถือว่าเป็นครูชั้นยอดที่สอนผมให้รู้จักการไตร่ตรอง พิจารณา รวมทั้ง ปล่อยวาง ในการลงทุน ผมเชื่อว่าผมคงจะผิดอีกในอนาคต ทั้งนี้เพราะว่าในโลกของการลงทุน นั้นมีทั้งปัจจัยที่เราควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ อันไหนควบคุมได้เราคงต้องพัฒนาทักษะ และ ความรู้ของเราให้มากขึ้น ส่วนอันไหนควบคุมไม่ได้คงต้องปล่อยมันไป
5) รักลูกค้าของคุณ : สมัยก่อนเป้าหมายการขายหุ้นของผม คือที่ราคาสูงสุด จะว่าไปให้เห็นภาพ ก็คือยอดปลายแหลมเล็ก ที่อยู่บนสุดของกราฟ ยิ่งขายเสร็จแลัวราคาลงเลยทันที ก็จะดีใจ แต่ผมกลับ พบว่าการจ้องที่จะขาย ณ จุดสูงสุด ที่อาจเป็นราคาที่เกิดแค่ในเวลา ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้นนั้น เป็นไปได้ยากยิ่ง พอขายเสร็จใจก็อยากให้หุ้นลง ทำให้ผมรู้สึกว่าผมโดนโลกทุนนิยมเข้าครอบงำ กลายเป็นคนใจแคบ ไม่มีความสุขในการลงทุน จนต่อมาผมเปลี่ยนมุมมองใหม่ มองคนที่ซื้อหุ้น ต่อจากผมเหมือนลูกค้าผม ผมควรจะดูแลเขาให้เขาซื้อผมไปขายต่อได้กำไร ผมจะไม่ขายเขาที่ ราคาสูงสุด (ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน) แต่จะขายเขาในราคาที่ผมได้กำไรพอสมควร และ เชื่อว่าเขายังเอาไปทำกำไรต่อได้ การเปลี่ยนมุมมองนี้ ทำให้ความกังวลว่าจะขายหมูของผมหมดไป ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่เครียดกับการลงทุน ถึงขายหุ้นไปแล้วหุ้นยังขึ้นต่อ ผมก็จะยินดีกับลูกค้าผม ที่สามารถทำกำไรได้ การเปลี่ยนแนวคิดแบบนี้ ถึงแม้ผมจะไม่ได้กำไรสูงสุดตอนขาย แต่ผมเชื่อว่าผมพบจุดสมดุลระหว่างโลกของการลงทุน กับความสุขทางใจของผมแล้ว
ขอพักตอนหนึ่งไว้แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะมาต่อตอนสองเร็วๆ นี้
1) ยิ่งไกลยิ่งดี : ตอนผมเริ่มลงทุนใหม่ๆ บทวิเคราะห์หุ้น คอลัมน์แนะนำหุ้นในหนังสือพิมพ์ และ คำแนะนำจากมาร์เก็ตติ้ง เป็นข้อมูลหลักที่ผมใช้ในการลงทุน จากการใช้แหล่งข้อมูลที่ว่ามานี้ ผมกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง คละเคล้ากันไป แต่ถ้าพูดถึงการลงทุนที่เป็นประเภท “หุ้นเปลี่ยนชีวิต” (ขอยืมสำนวนน้อง Linzhi มาใช้หน่อยนะครับ) แล้วนั้น ผมพบว่าข้อมูลที่ชี้นำให้ผมมาพบเจอ กิจการเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ “ข้อมูลสำเร็จรูป” หรือ “ข้อมูลพร้อมใช้ในการลงทุน” แต่เป็นข้อมูล “ดิบ” ที่หามาเอง โดยได้มาจากการศึกษา Case Study ทางธุรกิจ การลงพื้นที่สัมผัสกิจการจริง การพูดคุยกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และใช้จินตนาการเปรียบเทียบกับ “ตลาด” ที่มีการพัฒนา ของผลิตภัณฑ์ หรือ บริการมานานกว่าในเมืองไทย เพื่อดูว่ากิจการนั้นๆ จะโตต่อไปอย่างไร ผมเชื่อเสมอว่าอาชีพ “รับจ้างชี้ขุมทอง” นั้นไม่มีจริง การหาข้อมูลลงทุนที่ดีควรเป็นข้อมูลที่เป็น “ข้อเท็จจริง (Fact)” มากกว่าเป็น “ความเห็น (Opinion)” และควรเป็นข้อมูลที่ไกลจาก “อคติ” หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น
2) บทเรียนจากมังกรหยก : “ก๊วยเจ๋ง” เป็นตัวเอกของนิยายจีนเรื่อง “มังกรหยก” นวนิยาย กำลังภายในโดย “กิมย้ง” ก๊วยเจ๋งเติบโตจากคนที่ไม่รู้เรื่องวิทยายุทธ์ใดๆ จนในที่สุดเป็นหนึ่ง ในสุดยอดของยุทธภพ ทั้งนี้เป็นเพราะ ก๊วยเจ๋งได้เรียนวิทยายุทธ์ มากมายหลายแขนงจาก ยาจกอุดร พิษปัจจิม เฒ่าทารก เจ็ดประหลาดกังนั้ม … ก๊วยเจ๋งเรียนหมด การเป็นนักลงทุนของผมก็คล้ายๆกัน ผมอ่านหนังสือมากมายเกี่ยวกับการลงทุน ทั้งไทย ทั้งฝรั่ง หลากหลายแนวทาง ไม่ว่า Fundamental, Technical, โหราศาสตร์ รวมทั้งอ่านหนังสืออื่นๆ ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยว กับการลงทุนเลย แต่ผมพบว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการลงทุนได้อย่างเยี่ยมยอด เช่น หนังสือ เกี่ยวกับธรรมะ หนังสือประวัติศาสตร์โลก นิตยสารซุบซิบ
ในโลกของการลงทุนนั้น เราคงต้องเจอกับตลาดในหลายๆ สถานะการณ์ ดังนั้นความรู้ที่ใช้ในแต่ละ เหตุการณ์อาจต่างกันไป บนโต๊ะทานข้าว โดยปกติก็จะมีทั้ง ช้อน ซ้อม ตะเกียบ มีด จะให้ใช้ช้อน อย่างเดียวในทุกกรณี ก็อาจจะไม่สะดวก ใช้ซ้อมอย่างเดียว ก็คงไม่ไหว ดังนั้นการเลือกใช้ความรู้ ที่เหมาะสม กับเหตุการณ์นั้นๆ เป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรติดยึดในองค์ความรู้เดียวมากเกินไป แต่ก็ควรระวัง ธาตุไฟเข้าแทรกเพราะรู้มากเกินไป จนจิตใจวุ่นวาย ไม่รู้ว่าควรใช้อันไหนดี เข้าทำนอง ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดไว้ด้วย
3) อนิจจา วต สังขารา : สัจจธรรมที่ว่า “ไม่เที่ยง” นั้นเป็นจริงครอบคลุมทุกหย่อมหญ้า ทุกสาขาวิชา รวมถึงตลาดหุ้นด้วย กิจการที่ว่ามั่นคงขนาดไหน ก็มีวันที่จะล่มสลายได้ ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์โลก เราจะได้เห็นว่า อย่าว่าแต่บริษัทยักษ์ใหญ่เลยที่ล้มหายตายจากไป ประเทศบางประเทศ ก็สูญหายไปแล้ว สัตว์บางสายพันธุ์ก็หมดไปแล้ว ตลาดหุ้นแห่งแรกน่าจะนับกันตั้งแต่ Amsterdam Stock Exchange ในปี 1602 นับมาถึงตอนนี้ก็ประมาณสี่ร้อยกว่าปีได้ เทียบกับอายุของโลกใบนี้ ซึ่งมีอายุถึงประมาณ 4500 ล้านปี (Source : Wikipedia) คงจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า “ตลาดหุ้นไม่มีวันตาย” ดังนั้นผมคิดว่านักลงทุนไม่ควรประมาท นักลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ติดตามราคามาก แต่เราควรใส่ใจในการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และ ปัจจัยแวดล้อมของกิจการที่เราลงทุนอยู่อย่างสม่ำเสมอ การซื้อแล้วถือยาวไม่สนใจอะไรเลย คิดว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งของนักลงทุน
4) ผิดเป็นครู : ในช่วงการลงทุนในตลาดหุ้นของผมนั้น ผมผิดพลาดมามาก ถ้าเป็นนักมวยก็ เรียกว่าโดนก้านคอ ตีเข่า มานับไม่ถ้วน ความผิดพลาดของผมนั้นผมแบ่งหลักๆ เป็นสามอย่างคือ
หนึ่ง : ผิดเพราะผมคาดคะเนผิด เพราะพื้นฐานของบริษัท หรือปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยน ไปจากสมมุติฐานเดิมที่ผมประเมินไว้ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง เช่น ตอนผมซื้อ หุ้นตัวหนึ่งผมซื้อบนพื้นฐานที่ว่า สงครามราคาไม่น่าจะเกิด เพราะต่างฝ่าย ต่างต้องการใช้ ตลาดทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตนเอง แต่ต่อมากลับไม่เป็นเช่นนั้น สงครามราคา กลับเกิดขึ้น และคงอยู่อย่างยาวนาน ทั้งนี้เพราะอาจมีเหตุผลอื่นๆ ซึ่งผมอาจเข้าไม่ถึงข้อมูล เรื่องแรงจูงใจของผู้บริหาร
สอง : ผิดเพราะผมโลภเกินความรู้ที่มีอยู่ มีอยู่หลายครั้งที่ผมตัดสินใจลงทุน เพียงเพราะ ได้ยินข้อความเพียงสอง สาม ประโยคจากเพื่อนบ้าง มาร์เก็ตติ้งบ้าง ข่าวทางทีวี หรือ หนังสือพิมพ์บ้าง ข่าวสารพวกนี้ที่ทำให้ผมพลาดเพราะเกิดความโลภ มักมีเนื้อหาใจ ความประมาณว่า … หุ้นตัวนี้จะมีการ take over ที่ราคานั้นราคานี้ … หุ้นตัวนี้จะมีการขาย asset ออกไปทำให้ได้กำไรพิเศษมา … หุ้นตัวนี้ cycle กำลังจะกลับมา … ผมเห็นชัดในใจผมเลยว่า ถ้าผมซื้อหุ้นด้วยเหตุผลเพียงสองสามประโยค โดยปราศจากการเข้าใจอย่างท่องแท้ในการดำเนินงานของบริษัท หากราคาเกิดสวิงไปมาอย่างมาก จิตใจผมก็จะหวั่นไหว และขาดความมั่นคง ทนเหวี่ยงได้ไม่นานก็ต้องขายไป ต่างกันกับกิจการที่ผมศึกษามาอย่างดี เข้าใจความเป็นไปของอุตสาหกรรม ซึ่งถึงแม้ราคาจะตกลงมามากผมมีแต่จะดีใจ และหาทางซื้อเพิ่ม
สาม : ผิดเพราะได้ข้อมูลปฐมภูมิมาผิด ดังที่กล่าวในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าการหาข้อมูล “ดิบ” นั้นเป็นเรื่องสำคัญของการลงทุน แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้เหมือนกัน เช่น ผมเคยสำรวจยอดขายโครงการอสังหาฯ โดยเข้าไปเยี่ยมสำนักงานขายเพื่อดูยอดขายของ โครงการ วันที่ไปรู้สึกว่าจะเป็นวันแรกที่เปิดขาย ผมพบว่ามีการ “ปักหมุด” จองห้องไปแล้ว กว่า 50% ผมตื่นเต้นมาก นอกจากทำจองซื้อไปยูนิตนึงแล้ว ผมยังได้เริ่มซื้อสะสมหุ้นของ บริษัทนี้ด้วย จนกระทั่งต่อมาผมพบว่า เรื่องการปักหมุดเพื่อแสดงยอดขายของคอนโดนั้น อาจจะเอามาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ ทั้งนี้เพราะผู้ประกอบการอาจต้องการกันบางยูนิตไว้ขายทีหลัง เพราะได้ราคาดีกว่า หรือ มีการปักหมุดไว้ให้ลูกค้าเห็นว่ามีคนจองไปเยอะแล้ว จะได้รีบๆ จอง รีบๆ ตัดสินใจ
ความผิดที่ผ่านของผมถือว่าเป็นครูชั้นยอดที่สอนผมให้รู้จักการไตร่ตรอง พิจารณา รวมทั้ง ปล่อยวาง ในการลงทุน ผมเชื่อว่าผมคงจะผิดอีกในอนาคต ทั้งนี้เพราะว่าในโลกของการลงทุน นั้นมีทั้งปัจจัยที่เราควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ อันไหนควบคุมได้เราคงต้องพัฒนาทักษะ และ ความรู้ของเราให้มากขึ้น ส่วนอันไหนควบคุมไม่ได้คงต้องปล่อยมันไป
5) รักลูกค้าของคุณ : สมัยก่อนเป้าหมายการขายหุ้นของผม คือที่ราคาสูงสุด จะว่าไปให้เห็นภาพ ก็คือยอดปลายแหลมเล็ก ที่อยู่บนสุดของกราฟ ยิ่งขายเสร็จแลัวราคาลงเลยทันที ก็จะดีใจ แต่ผมกลับ พบว่าการจ้องที่จะขาย ณ จุดสูงสุด ที่อาจเป็นราคาที่เกิดแค่ในเวลา ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้นนั้น เป็นไปได้ยากยิ่ง พอขายเสร็จใจก็อยากให้หุ้นลง ทำให้ผมรู้สึกว่าผมโดนโลกทุนนิยมเข้าครอบงำ กลายเป็นคนใจแคบ ไม่มีความสุขในการลงทุน จนต่อมาผมเปลี่ยนมุมมองใหม่ มองคนที่ซื้อหุ้น ต่อจากผมเหมือนลูกค้าผม ผมควรจะดูแลเขาให้เขาซื้อผมไปขายต่อได้กำไร ผมจะไม่ขายเขาที่ ราคาสูงสุด (ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน) แต่จะขายเขาในราคาที่ผมได้กำไรพอสมควร และ เชื่อว่าเขายังเอาไปทำกำไรต่อได้ การเปลี่ยนมุมมองนี้ ทำให้ความกังวลว่าจะขายหมูของผมหมดไป ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่เครียดกับการลงทุน ถึงขายหุ้นไปแล้วหุ้นยังขึ้นต่อ ผมก็จะยินดีกับลูกค้าผม ที่สามารถทำกำไรได้ การเปลี่ยนแนวคิดแบบนี้ ถึงแม้ผมจะไม่ได้กำไรสูงสุดตอนขาย แต่ผมเชื่อว่าผมพบจุดสมดุลระหว่างโลกของการลงทุน กับความสุขทางใจของผมแล้ว
ขอพักตอนหนึ่งไว้แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะมาต่อตอนสองเร็วๆ นี้
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 5
ได้ความรู้และมุมมองดีๆมากมายเลยครับ รออ่านตอนที่ 2 ต่อครับ
ขอบคุณมากๆครับพี่ชาย
ขอบคุณมากๆครับพี่ชาย
"วันคืนล่วงเลยไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่"
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........ พุทธวจน ........
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........ พุทธวจน ........
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไป
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณพี่คนขายของ...
ขอซัก 10 ตอนเลยได้ไหมคับ
อยากได้ความรู้ มากๆ
เผื่อวันหน้าได้เป็น ก๊วยเจ๋ง เอี้ยก้วย กับเขาบ้าง
ขอซัก 10 ตอนเลยได้ไหมคับ
อยากได้ความรู้ มากๆ
เผื่อวันหน้าได้เป็น ก๊วยเจ๋ง เอี้ยก้วย กับเขาบ้าง
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณมากครับ ชอบข้อ 5 มากเป็นพิเศษ เป็นแนวคิดที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลย ทั้งที่ตอนทำธุรกิจก็มักจะนึกถึงลูกค้าเป็นอันดับแรกในทุก process ของงาน แต่กับการลงทุนแล้ว เรากลับไม่ได้คิดถึงเลยว่าคนที่มารับต่อจากเราจะเป็นยังไง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 13
ผมชอบข้อที่ 5 มากที่สุดครับ ไม่เคยได้ยินจากที่ไหน
เป็นแนวคิดที่น้อยคนจะคิดถึง เพราะต่างฝ่ายอยากขายหุ้น
ให้ได้กำไรสูงสุด และมักจะยินดีท่ี่ราคามันลงหลังจากขาย
เราจะรู้สึกว่าเราเก่ง ยิ่งลงมากยิ่งเก่งมาก เข้าไปอีก
ใจที่คิดแต่จะได้ ก็จะมีแต่ความโลภ เข้าบดบัง
ขอบคุณครับ
เป็นแนวคิดที่น้อยคนจะคิดถึง เพราะต่างฝ่ายอยากขายหุ้น
ให้ได้กำไรสูงสุด และมักจะยินดีท่ี่ราคามันลงหลังจากขาย
เราจะรู้สึกว่าเราเก่ง ยิ่งลงมากยิ่งเก่งมาก เข้าไปอีก
ใจที่คิดแต่จะได้ ก็จะมีแต่ความโลภ เข้าบดบัง
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับ...
ทุกปัญหามีทางออก...ถ้าไม่มีทางออกก็ให้ออกทางเข้า...!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 16
เขียนดีนะ เชียร์ให้เขียนต่อไป
[/color]I DREAM FOR LIVING
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 18
อยากรู้จักพี่คนขายของ ติดตาม VI สายดำ อาทิตย์นี้ได้เลยครับ
ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อต่อน้อง ๆ เสมอมาครับ
ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อต่อน้อง ๆ เสมอมาครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 19
จะกดบวกนะครับ แต่พลาดเพราะกดจากโทรศัพท์ ขอประทานโทษด้วยนะครับ
ใครทราบวิธีแก้ไขช่วยบอกด้วยครับ
อ่านแล้วชอบมากนะครับ "โดน"หลายตอนเลย
ใครทราบวิธีแก้ไขช่วยบอกด้วยครับ
อ่านแล้วชอบมากนะครับ "โดน"หลายตอนเลย
"อย่ากลัวตกรถ" ...ถึงจะดี ถ้าไม่ถูก ก็ไม่ซื้อ
"อย่ากลัวติดดอย" ...ถ้าถูกพอ ก็ซื้อ ไม่รอราคาต่ำสุด
"อย่ากลัวติดดอย" ...ถ้าถูกพอ ก็ซื้อ ไม่รอราคาต่ำสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 22
ขอบคุณมากครับ กลั่นมาจากประสบการณ์ล้วนๆ ผมได้มุมมองใหม่มากมายเลยครับโดยเฉพาะเรื่องลูกค้าที่มาซื้อหุ้นต่อจากเรา
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณ. ครับ
อย่า! ตัดสินคนที่ราคา แต่จงดูที่ ค่าของคน...
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 27
ท่านก๊วยเจ๋งหุ้น สุดยอดๆ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 337
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 10 เกร็ดการลงทุน (ตอนที่ 1) - ร่วมฉลอง 10ปี THAIVI /คนขา
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณครับ