เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เริ่มลงทุนเมื่อ 12 พ.ค.54
เริ่มซื้อหุ้นตอนนั้น ตลาดก็ถูกถล่มทันที่เลยครับ ซื้อแล้วก็ขาดทุนตลอด แต่ไม่เข็ดครับ พยายามหาตัวเล่น แต่ก็ยังแพ้อยู่ดี ตอนนั้นคิดว่าเราไม่มีความรู้และไม่มีวิธีการเล่นหุ้น ผลจึงเป็นเช่นนี้ เลยไปหาหนังสือมาอ่าน แล้วก็ปิ๊งกับหนังสือแนวเทคนิค แหม..อ่านแล้วเกิดความมั่นใจสุดๆ ดูเป็นวิธีการที่เชื่อถึอได้ เพราะกราฟของหุ้นต่างๆที่เอามาให้ดูบอกชัดเจนว่าเมื่อไหร่ซึ้อหรือขาย เอาลองดู...
ต้น ต.ค. 54 ตลาดดิ่งเหว ข่าวร้ายมากเหลือเกิน โดยเฉพาะข่าวทางยุโรป นักวิเคราะห์และบรรดาเซียนทั้งหลายต่างฟันธงว่า หุ้นไทยได้เห็น 600 จุดแน่นอน... สำหรับผมตั้งแต่ซื้อหุ้นมายังไม่กำไรเลยครับ บางครั้งอาจได้นิดๆหน่อยๆ แต่พอตัดขาดทุนหุ้นบางตัวแล้วก็เรียบร้อยทุกที ขาดทุนตลอด แล้วตลาดดิ่งเหวอย่างนี้จะทำยังไงดี ? ขายล้างพอร์ตเลยครับ ทำตามผู้รู้บอก แล้วให้ไปรอรับตอนราคาต่ำกว่านี้ รอไปรอมา กล้าๆกลัว(แต่ส่วนใหญ่จะกลัวมากกว่ากล้า) ปลาย ต.ค.54 ดัชนี
ขี้นอีกแล้วครับ ไอที่บอกว่ากล้าๆกลัวๆ ความจริงมีแต่กลัวกับกลัวมากกว่า กลัวว่าซี้อแล้วหุ้นจะลง กลัวว่าไม่ซื้อแล้วหุ้นจะ
ขี้น(กลัวตกขบวน) สับสนครับ และก็ งงๆ สงสัยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ คิดถูกแล้วหรือที่มาเล่นหุ้น ยอมแพ้เลยดีมั๊ย ขาดทุนไป 30 % ถีอว่าเป็นค่าหน่วยกิต พอดีนึกขี้นมาได้ว่ามีการเล่นแบบ VI... เอาลองดู....
ต้น เม.ย 55 ที่ขาดทุนได้คืนหมดครับ โอะ..เล่นแนว VI ไม่เห็นยากเลย แค่เลือกหุ้นที่น่าสนใจ ดูงบการเงินคร่าวๆว่า Ratio ต่างๆ OK มั๊ย แล้วเอาเทคนิคดอลเข้าช่วยในการหาจังหวะเข้า/ออก แค่นี้เอง...
ส.ค. 55 กำไร 7 % โอ้...เรานี้แน่จริงๆ
ต้น ธ.ค. 55 ขาดทุน 15 % อะไรกันเนี้ย เป็นไปได้อย่างไร ทำไมขาดทุน ? ผมขอตอบคำถามของผมเองด้วยคำพูดของปีเตอร์ ลินซ์ครับ ขาดทุนเพราะว่า "เด็ดดอกไม้ แล้วรดน้ำวัชพืช" ชัดเจนครับ..ผมซาบซึ้งเลย
ต้องมาตั้งสติใหม่ครับ ถามตัวเองใหม่ว่าเราต้องการเล่นหุ้นหรือลงทุนหุ้น แล้วตัวตนเราเป็นยังไง ? ได้คำตอบครับ ผมไม่ชอบการพนัน(แต่วิธีการที่เล่นหุ้นมานั้นเรียกว่าอะไร) เวลาซี้อทุเรียน(ชอบกินครับ)ยังรอตอนที่ทุเรียนออกมากๆ เพราะจะอร่อยและราคาถูก ซึ้อของใช้ เสื้อผ้า ก็รอตอน Big Sale นิสัยเป็นแบบนี้ครับ แต่ทำไมเวลาซี้อหุ้น ชอบมักง่ายจัง.. เอาใหม่ ก่อนซื้อหุ้น เราต้องหาธุรกิจที่มีสตอรี่ที่ไปได้ แล้วหาว่าหุ้นตัวไหนในธุรกิจนั้นน่าจะมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน รวมทั้งมีองค์ประกอบทางด้านการเงินและผู้บริหารที่ดี นั้นน่าจะเป็นหุ้นที่มีคุณค่า...อือ...เจอแล้ว ลองซื้อดู.. ครับ.. ซื้อปั๊ป หุ้นตัวนั้นถูกทุบทันที.. แต่คราวนี้ไม่ตกใจครับ ซี้อเพิ่ม มั่นใจครับ..
ต้น เม.ย. 56 กำไร 10 % ขายหมดพอร์ตครับ ใจไม่นิ่ง ตลาดเริ่มผันผวน และก็อยากได้ความรู้สึกดีๆว่าเล่นหุ้นแล้วกำไร หยุดพักสมองในเรื่องหุ้นซะพัก เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นแบบจริงๆจังๆบ้าง รู้สึกสบายใจ ไม่มีความกังวลเลยครับ แม้ว่าหลังจากล้างพอร์ตแล้วอีกแค่ 10 วัน ตลาดและหุ้นที่เคยซื้อก็ขึ้นต่อ..
พ.ค. 56 หลังจากพักสมองมา 1 เดือน ก็เกิดคำถามในใจว่าที่ทุ่มเทไป คุ้มหรือไม่ ? จะซื้อหุ้นต่อหรือไม่ ? ผมว่าคุ้มนะ..
สงสัยต้องหาหุ้นมาเลือกซื้อซะหน่อย.. อือ เจอแล้ว ซื้อเลย..
มิ.ย. 56 ตลาดหุ้นไทยถูกต่างชาติถล่มขายหลายวันติดกัน !!! โชคดีอีกแล้วครับท่าน..เวลาจะซื้อของทีไรก็มี Big Sale ทุกที แต่ผลจะเป็นอย่างไร เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ..
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาว VI
ปล.พ่อแม่พี่น้องท่านใดอยากแชร์หรืออยากcomment เชิญเลยครับ
I feel control.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nongki
Verified User
โพสต์: 1222
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมชอบอ่านกระทู้แบบนี้แหละครับ แต่ไม่รู้ทำไมไม่ค่อยมีคนโพสกัน
ขอบคุณคุณRed24ที่มาแชร์ประสบการณ์
สำหรับผม ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ขาดทุนกับหุ้นยังไม่เท่าขาดทุนกับทอง
เพราะหุ้นขาดทุนอยู่10% แต่ได้ปันผลมา5% รวมขาดทุนอยู่5% แต่ผมยังเชื่อว่าต่อไปจะกำไร
ผมไม่นิยมที่จะรีบร้อนขายเวลาหุ้นตกติดๆกันสามสี่วัน มีนิสัยเสียคือไม่ขายถ้าไม่ได้กำไร
ส่วนใหญ่ผมนิยมซื้อหุ้นที่ไม่หวือหวามาก ขึ้นเดือนละไม่มาก ลงทีไม่แรง
ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสไตล์วีไอรึเปล่า แต่ผมมักนำเงินเดือนวันแรกออกมาแบ่งสรรไว้ซื้อหุ้นและซื้อทอง
เหลือจากสองอย่างนี้แล้วค่อยนำมาใช้จ่าย เหลือจากใช้จ่ายค่อยนำไปเที่ยว
ผมเคยคิดเลขเปรียบเทียบการซื้อขายของตัวเองในรอบสามสี่ปีมานี้แล้วพบว่า
หุ้นแต่ละตัวที่ผมเลือกลงทุน ถ้าซื้อแล้วรีบขายทำกำไรแบบรายวัน จะได้กำไรเฉลี่ย 10 ไม่เกิน 20 %
ผมเคยซื้อmakro 325บาท และขายไปที่375บาท ภายในเวลาไม่ถึงเดือน
ผมวิเคราะห์กิจการถูกแต่ผมไม่รู้จักรอ ตอนนี้ราคาไปที่เกือบแปดร้อย
ถ้าเก็บไว้แบบใจเย็นๆรอให้มันป๊อปอัพ สุกงอมแล้วขาย โดยกำหนดเวลารอไว้ในใจ3-6เดือน
พบว่าสามารถทำกำไรได้ถึง50-100%
ผมซื้อPFที่ราคาบาทเดียว และขายทำกำไรไปตอนขึ้นไปแตะ 1.8บาท
แต่ถ้ารอนานเกินไปพบว่าแทนที่จะได้กำไรมากขึ้นไปอีก กลับไม่ได้อะไรเลย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ กลุ่มพลังงานและผู้เลี้ยงไก่ ซึ่งผมมองว่ากิจการกำไรดีแต่หุ้นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
ถ้าได้ราคาตามเป้าหมายแล้วไม่ขายต่อไปมีสิทธิ์กลับมาขาดทุน
ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่ตึงเครียดเท่าการทยอยสะสมทองในช่วงสามปีนี้เช่นกัน
เพราะซื้อทีละบาทมาทุกราคาแล้วตั้งแต่สองหมื่นถึงสองหมื่นเจ็ด
ตอนนี้เหลือหมื่นเก้าแบบมีแนวโน้มจะลงไปอีก
ที่สำคัญคือไม่รู้book valueของมันอีก แถมไม่มีปันผลด้วย
และเมื่อเอาพอร์ตหุ้นกับพอร์ตทองมาบวกลบกันแล้ว ครึ่งปีแรกนี้จนลงครับ :wink:
เรารักในหลวง  เรารักอำมาตย์  เราเกลียดคนขายชาติ  เรารักประชาธิปไตย
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับคุณNONGKI
ผมก็มีประสบการณ์ใกล้เคียงกับคุณครับ หุ้นบางตัวถ้าถือมาจนถึงตอนนี้ก็ขึ้นไปมาก แต่บางตัวถ้าถือมาจนถึงตอนนี้ก็เจ็บหนักเหมือนกัน แต่ทองผมไม่เคยซื้อลงทุนครับ เคยซื้อให้แฟนเป็นสินสอดวันแต่งงานเท่านั้น ตอนนั้นทองบาทละไม่เกิน5พัน ซื้อไม่เยอะนะครับ(ไม่ค่อยมีตัง) โดยส่วนตัวผมคิดว่าการลงทุนคือการเรียนให้รู้และนำไปปฏิบัติให้เกิดผลครับ copyกันไปก็ค่อนข้างเปล่าประโยชน์ ศึกษาเป็นแนวทางได้ แชร์ประสบการณ์กัน ช่วยกันcomment ด้วยความจริงใจและความรู้สึกดีๆ(อันนี้พูดในฐานะมือใหม่นะครับ และก็ยังไม่มีผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วย) ผมว่าไม่มีใครขาดทุนแน่นอน โดยเฉพาะผลตอบแทนที่เรียกว่าน้ำใจและความดี มันจะวนเวียนอยู่รอบๆตัวเราเสมอครับ(อันนี้ผมมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้วครับ)
สวัสดีครับคุณNONGKI และพ่อแม่พี่น้องชาวVI
I feel control.
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสไตล์วีไอรึเปล่า แต่ผมมักนำเงินเดือนวันแรกออกมาแบ่งสรรไว้ซื้อหุ้นและซื้อทอง
เหลือจากสองอย่างนี้แล้วค่อยนำมาใช้จ่าย เหลือจากใช้จ่ายค่อยนำไปเที่ยว


ของผมเอาไปเที่ยวก่อน แล้วค่อยเก็บครับ :D
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สวัสดีครับคุณcobain_vi
เรื่องการเก็บออมและการลงทุนหุ้นของผม เป็นสิ่งที่ผมเห็นพ่อแม่ทำมาตั้งแต่ผมเป็นเด็กครับ เนื่องจากมีลูกมาก การประหยัดจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการนำเงินที่ออมได้ไปลงทุนต่อก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นพ่อแม่ 2 คน คงไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเลี่ยงลูกหลายคนได้ นอกจากนี้แล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้ซึมซับมาก็คือการรู้คุณค่าของเงินและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ การซื้อของ ต้องดูความจำเป็นและความคุ้มค่าเสมอ เช่นเดียวกันถ้าถามผมว่าผมคือ VI ในชีวิตการลงทุนหุ้นหรือไม่ คงจะเร็วไปที่จะให้คำตอบได้ และเมื่อย้อยกลับไปดูวิธีการลงทุนหุ้นของผม ก็ช่างห่างไกลคำว่า VI เป็นอย่างมากครับ แต่การใช้ชีวิตทางด้านอื่นๆของผม ผมว่าผมเป็น VI นะครับ ถ้าจะประเมินแล้ว ผมน่าจะใช้แนว VI ในการดำเนินชีวิตประมาณ 60 - 70 % และก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาชีวิตก็มีความสุขดี สำหรับชีวิตการลงทุนหุ้นของผม ผมเพิ่งลองใช้แนว VI เมื่อไม่นาน น่าจะซะประมาณครึ่งปี และคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชีวิตการลงทุนหุ้นของผมนั้นจะมีความสุขหรือไม่ สุดท้ายหวังว่าคุณcobain_vi จะมีความสุขในชีวิตทั่วๆไปและชีวิตการลงทุนหุ้นครับ

ปล.อยากให้พ่อแม่พี่น้องชาวVI มาช่วยกันcomment โดยเฉพาะการเข้ามาแชร์ประสบการณ์ทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด.. ไม่ใช้เป็นการประจานต้วเองนะครับ แต่ผมว่ามันช่วยให้เราเข้าใจและรูจักตัวเองมากขึ้น มีประโยชน์ทั้งกับตัวเองและผู้อื่นด้วย
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวVI
I feel control.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rigolo
Verified User
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สำหรับผมวิเคราะห์หุ้นตัวนึงผิดพลาดครับ

อ่าน 56-1 วิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ติดตามข่าว ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้

ซึ่งดูทั้งปัจจัยเชิงปริมาณด้านตัวเลข ก็พบว่าดี งบการเงินแข็งแกร่ง margin สูง ปันผลดี
กำไรโตขึ้นตลอด 10 ปี

ปัจจัยทางคุณภาพก็คิดว่าโอเค รองรับ megatrend เรื่องภัยธรรมชาติ
และก็ไปเจอหัวข้อความเสี่ยงใน 56-1 เรื่องพึ่งพาลูกค้าน้อยราย
ตอนนั้นก็คิดว่ายอมรับได้ ลูกค้าไม่น่าหนีไปไหนแล้ว(ดูจากกำไรที่ดีมาตลอด 10 ปี)

ผมเข้าซื้อก่อนช่วงน้ำท่วม ทุน 8 บ. ขึ้นไป 10 กว่าบ. ก็ไม่ขายเพราะกะว่าจะถือยาวตามหลักการที่ได้ศึกษามา

ปรากฎว่าหลังน้ำท่วม ลูกค้าทั้งลดทั้งชะลอ order กำไรของบ.ตกวูบ

ผมก็ยังถือต่อไปเพราะคิดว่าจะฟื้น(แถมยังซื้อเพิ่มด้วย) แต่ก็คิดผิดครับ
จนผบห.ออกมาแจ้งเองว่าน่าจะแย่ไปอีก 1-2 ปีหรือมากกว่า
ถึงจุดนี้ผมถึงยอมขายขาดทุน เพราะขนาดผบห.ยังไม่ค่อยมั่นใจเลย แล้วผมเป็นเพียงผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ใกล้ชิดบ.
จะไปมั่นใจอะไรได้

ก็ขาดทุนไป 30% ครับ

ปล.ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะครับว่าหุ้นอะไร เป็นบ.ที่ผมประทับใจในธรรมาภิบาลผบห.มากๆ
ถ้าเค้าหาลูกค้าได้มากขึ้น ผมคงจะขอกลับไปเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ครับ
ปล2.อยากสอบถามพี่ๆหน่อยครับ ว่าถ้าตกในสถานการณ์แบบผม จะตัดสินใจตอนไหนอย่างไรครับ
ตอนนี้ผมรู้แต่ว่า จะไม่ยุ่งกับบ.ที่มีลูกค้าน้อยรายอีกแล้ว :|
ภาพประจำตัวสมาชิก
neuhiran
Verified User
โพสต์: 815
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

rigolo เขียน:สำหรับผมวิเคราะห์หุ้นตัวนึงผิดพลาดครับ

อ่าน 56-1 วิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ติดตามข่าว ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้

ซึ่งดูทั้งปัจจัยเชิงปริมาณด้านตัวเลข ก็พบว่าดี งบการเงินแข็งแกร่ง margin สูง ปันผลดี
กำไรโตขึ้นตลอด 10 ปี

ปัจจัยทางคุณภาพก็คิดว่าโอเค รองรับ megatrend เรื่องภัยธรรมชาติ
และก็ไปเจอหัวข้อความเสี่ยงใน 56-1 เรื่องพึ่งพาลูกค้าน้อยราย
ตอนนั้นก็คิดว่ายอมรับได้ ลูกค้าไม่น่าหนีไปไหนแล้ว(ดูจากกำไรที่ดีมาตลอด 10 ปี)

ผมเข้าซื้อก่อนช่วงน้ำท่วม ทุน 8 บ. ขึ้นไป 10 กว่าบ. ก็ไม่ขายเพราะกะว่าจะถือยาวตามหลักการที่ได้ศึกษามา

ปรากฎว่าหลังน้ำท่วม ลูกค้าทั้งลดทั้งชะลอ order กำไรของบ.ตกวูบ
ผมก็ยังถือต่อไปเพราะคิดว่าจะฟื้น(แถมยังซื้อเพิ่มด้วย) แต่ก็คิดผิดครับ
จนผบห.ออกมาแจ้งเองว่าน่าจะแย่ไปอีก 1-2 ปีหรือมากกว่า
ถึงจุดนี้ผมถึงยอมขายขาดทุน เพราะขนาดผบห.ยังไม่ค่อยมั่นใจเลย แล้วผมเป็นเพียงผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ใกล้ชิดบ.
จะไปมั่นใจอะไรได้

ก็ขาดทุนไป 30% ครับ

ปล.ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะครับว่าหุ้นอะไร เป็นบ.ที่ผมประทับใจในธรรมาภิบาลผบห.มากๆ
ถ้าเค้าหาลูกค้าได้มากขึ้น ผมคงจะขอกลับไปเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ครับ
ปล2.อยากสอบถามพี่ๆหน่อยครับ ว่าถ้าตกในสถานการณ์แบบผม จะตัดสินใจตอนไหนอย่างไรครับ
ตอนนี้ผมรู้แต่ว่า จะไม่ยุ่งกับบ.ที่มีลูกค้าน้อยรายอีกแล้ว :|

ผมเดาว่าเป็น MCS นะเจ็บกันทั่วหน้า ผมก็เกือบโดนไปด้วยแล้ว เพราะมีน้องมาชวนให้ลงตัวนี้เหมือนกัน แต่ตอนนั้น ราคามากกว่า 10 บาท ตัวนี้ดูดีมากเลยไม่ว่างบการเงิน ปันผล ผู้บริหารดี แล้วยังมีสินค้า s-Grade ด้วย

เรื่องลูกค้าน้อยราย ผมเคยโดนตั้งแต่ CEI ราคายี่สิบกว่าบาท งบการเงิน ปันผล ผู้บริหารดี ลูกค้ารายใหญ่หนี ก็เลยแย่ตั้งแต่นั้นมา
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 8

โพสต์

rigolo เขียน:สำหรับผมวิเคราะห์หุ้นตัวนึงผิดพลาดครับ

อ่าน 56-1 วิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ติดตามข่าว ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้

ซึ่งดูทั้งปัจจัยเชิงปริมาณด้านตัวเลข ก็พบว่าดี งบการเงินแข็งแกร่ง margin สูง ปันผลดี
กำไรโตขึ้นตลอด 10 ปี

ปัจจัยทางคุณภาพก็คิดว่าโอเค รองรับ megatrend เรื่องภัยธรรมชาติ
และก็ไปเจอหัวข้อความเสี่ยงใน 56-1 เรื่องพึ่งพาลูกค้าน้อยราย
ตอนนั้นก็คิดว่ายอมรับได้ ลูกค้าไม่น่าหนีไปไหนแล้ว(ดูจากกำไรที่ดีมาตลอด 10 ปี)

ผมเข้าซื้อก่อนช่วงน้ำท่วม ทุน 8 บ. ขึ้นไป 10 กว่าบ. ก็ไม่ขายเพราะกะว่าจะถือยาวตามหลักการที่ได้ศึกษามา

ปรากฎว่าหลังน้ำท่วม ลูกค้าทั้งลดทั้งชะลอ order กำไรของบ.ตกวูบ

ผมก็ยังถือต่อไปเพราะคิดว่าจะฟื้น(แถมยังซื้อเพิ่มด้วย) แต่ก็คิดผิดครับ
จนผบห.ออกมาแจ้งเองว่าน่าจะแย่ไปอีก 1-2 ปีหรือมากกว่า
ถึงจุดนี้ผมถึงยอมขายขาดทุน เพราะขนาดผบห.ยังไม่ค่อยมั่นใจเลย แล้วผมเป็นเพียงผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ใกล้ชิดบ.
จะไปมั่นใจอะไรได้

ก็ขาดทุนไป 30% ครับ

ปล.ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะครับว่าหุ้นอะไร เป็นบ.ที่ผมประทับใจในธรรมาภิบาลผบห.มากๆ
ถ้าเค้าหาลูกค้าได้มากขึ้น ผมคงจะขอกลับไปเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ครับ
ปล2.อยากสอบถามพี่ๆหน่อยครับ ว่าถ้าตกในสถานการณ์แบบผม จะตัดสินใจตอนไหนอย่างไรครับ
ตอนนี้ผมรู้แต่ว่า จะไม่ยุ่งกับบ.ที่มีลูกค้าน้อยรายอีกแล้ว :|
ถ้าเป็นผมก็ขายครับ และน่าจะขายตอนที่แน่ใจพอสมควรว่าบริษัทไปไม่ไหวแล้ว(อันนี้พูดในฐานะมือใหม่นะครับ) และขอบคุณนะครับที่มาแชร์ประสบการณ์แบบนี้ ผมจะได้นำมาเป็นข้อเตือนใจเมื่อจะเลือกหุ้นมาลงทุน
ผมเองเคยมีข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตการลงทุนหุ้นครับคือไปลอกหุ้นแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ แค่รู้ว่าVIระดับBig Nameของเมืองไทยถือตัวนี้อยู่ก็เชื่อทันที่ว่าตัวนี้น่าจะดี และก็ทำการวิเคราะห์แบบเข้าข้างตัวเองว่าตัวนี้ดี สุดท้ายก็เจ็บหนักครับ บทเรียนครั้งนั้นทำให้ผมมีความรอบคอบในการเลือกหุ้นมากขึ้น
ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ
I feel control.
MACUS
Verified User
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมเองก็เพิ่งลงทุนได้ไม่นานมาก แต่ก็ทำให้รู้หลายอย่าง

1. นอกสนาม 10 ปี ก็ไม่เท่ากับในสนาม 1 ปี จากวันที่เริ่มศึกษาการลงทุน จนถึงวันนี้ทั้งมุมมอง แนวความคิด วิธีการแตกต่างและพัฒนาจากตอนที่เริ่มศึกษาอย่างสิ้นเชิง ถามว่าหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนควรอ่านไหม ควรอ่านครับ แต่จะเอามาใช้ 100% แบบไม้บรรทัดคงไม่ได้ เพราะ ปัจจัยต่าง ๆ มันเยอะและ ตัวเลขคาดการณ์ก็ไม่แน่นอน

2. คำว่า เป็นนักลงทุน ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เลือก ซื้อ แล้วก็รอ อยู่เฉย ๆ ผมพบว่าจริง อย่างยิ่ง ยิ่งเราพยายามจะทำกำไรในช่วงสั้น พอมองย้อนกลับไปดูภายหลังพบว่า เราทำเงินก้อนโตหล่นหายไป (แต่ก็ควรใช้กับหุ้นที่วิเคราะห์มาดีแล้วเท่านั้น)

3. การลงทุนให้หุ้น ที่สำคัญอันดับแรกคือ ลงทุนความรู้ และการหาประสบการณ์ เน้นรู้รอบ แล้วค่อยลึก เวลาศึกษาให้ศึกษาเป็นกลุ่มอย่าดูตัวเดียว และดูสายพันธ์ใกล้ ๆ กันด้วย เผื่อว่าจะมากินแชร์กัน ดังนั้นผมไม่แปลกใจว่า ทำไม Port VI ส่วนใหญ่ถึงมีหุ้นไม่กี่ตัว

4. ทำ SAP ให้ทำเฉพาะที่มั่นใจเท่านั้น (ไม่เช่นนั้นต้องซื้อกลับในราคาแพงกว่าเดิม หรือซื้อไม่ลงอีกเลย)

5. คิดเอง ทำเอง ไม่ดีเท่า ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ครับ การหา Connection สำคัญมาก และเป็นการเปิดมุมมองใหม่ ๆ ยิ่งการการอ่านหนังสือหลายเท่า ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้ Meeting จงอย่าพลาดที่จะไปครับ และให้ดีคือ ให้เรานำเสนอหุ้นที่เราถืออยู่ไปด้วย ว่าซื้อเพราะอะไร คิดอะไร ประเมินอะไรไว้ เพื่อที่ว่าท่าน อื่น ๆ จะได้ Comment กัน อย่ากลัว อย่าอายครับ ไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ (รู้ซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าไปเสียใจที่รู้ตอนแย่แล้วครับ) ครับ
*********\\\ฉันต้องเก่งขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต///**********
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 10

โพสต์

อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้นึกถึงการลงทุนในอดีตของตัวเองจริงๆครับ จนถึงปัจจุบันนี้ผมก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่า ผมคือ VI
เพราะผมไม่สามารถทำอย่าง VI ได้ทั้งหมด ทั้งๆที่เป็นแนวทางที่ดีมากๆ แต่เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจ เลยไม่ค่อยได้ลงลึกในรายละเอียดมากๆ แต่ถ้าถามว่าผมเอาหลักการของ VI มาใช้ไหม ก็ต้องตอบว่า ผมเองใช้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตครับ แต่ไม่ได้เต็มรูปแบบ เหมือนอย่างหลายๆท่านที่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม

เมื่อก่อนผมเคยมีความคิดว่า หากมีเงินเยอะๆผมจะใช้ชีวิตให้สุขสบาย หรูหรา เอาให้มันสุดๆไปเลย เพราะพื้นฐาน ผมไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ผมเห็นคนรวยๆเขามีนั่นมีนี่ ตามธรรมดามนุษย์ทั่วไป ก็ย่อมมีความอยาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พอเราค่อยๆทำงานมาเรื่อยๆจากที่เคยขาด มันก็กลายเป็นเกินกว่าที่เราต้องการ ในที่นี้ผมขอเปรียบเทียบกับนิสัยการกินของตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ผมพบว่ามันไม่ได้แปรผันตรงจนเป็นกราฟตั้งชัน เพราะมันดูเหมือนจะอิ่มตัวซะมากกว่า

ทุกวันนี้ผมก็ยังกินอาหารแบบเดิมๆ ร้านเดิม บางร้านไปถึงไม่ต้องสั่ง แค่นั่งรอ ก็จะมีอาหารแบบเดิมๆมาเสริฟ ทำอยู่อย่างนี้มานานละครับ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆถามว่า กินแต่แบบเดิมๆไม่เบื่อเหรอพี่ พี่ทำได้ไง เออ จะว่าไปหากคิดไปแล้ว ผมนี่ก็ติดอยู่ในรสพอควรเลย เพราะรสชาติที่กินมันเหมือนเดิมคืออร่อย จะกินกี่ทีมันก็อร่อย จะกินกี่ครั้งมันก็อร่อย ความคิดที่อยากกินอาหารหรูๆ แพงๆ ดังๆ ก็ยังมีอยู่ แต่นานๆครั้งแค่นั้น เพราะแค่อยากลอง แต่ทุกครั้งที่กินเข้าไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทั้งของถูก ของแพง ก็คือ ความอิ่ม และ ที่เหลือ ก็ออกมาทางลำไส้ กลายเป็นสิ่งปฎิกูลไปแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนในปัจจุบันในแง่ของรายได้ประจำที่ทำอยู่ ผมว่ามันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยในรูปของตัวเงิน หากคนที่ลงทุนจนมาถึงจุดสมดุลแล้ว จะพบว่ามหัศจรรย์ของการทบต้น มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริงๆครับ ยกตัวอย่าง สิบเปอร์เซ็นของหนึ่งแสน กับ สิบเปอร์เซ็นของหนึ่งล้านเนี่ย ในรูปของผลต่างมูลค่าเงินกำไร ต่างกันถึงสิบเท่าเลยนะครับ ซึ่งทำให้พบว่า ทำไมคนร่ำรวย เขาจึงมีแต่รวยขึ้นๆ เพราะว่ามูลค่าความมั่งคั่งของเขาเพิ่มขึ้นแบบทบต้นนั่นเอง

ทุกวันนี้เวลาหุ้นขึ้น ลง ผมมักจะเอามาเปรียบเทียบกับอาหารหรือของจำเป็นส่วนตัวในชีวิตประจำวัน เช่น วันนี้ขาดทุนกำไรไปสองแสน แต่ไปห้างอยากกินทุเรียนเม็ดเดียวแต่ราคาตั้งสองร้อยบาท ไม่กล้าซื้อกิน เพราะคิดว่าแพง ผมมักจะเอามาเปรียบเทียบกับผลของการลงทุน เวลาที่กำไรหรือขาดทุนเยอะๆในบางวัน เปรียบเทียบกับการบำบัดความอยาก เหมือนคำกล่าวที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ทุกวันนี้เลยดีขึ้น อยากกินไรก็กิน แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ท้องที่เล็กเหลือเกิน กินได้ไม่เยอะ อิ่มแล้วก็ลำบากกายเพราะท้องไม่ย่อย ที่เหลือก็ไปเน่าอยู่ในลำไส้ พอออกมาก็เหม็นหึ่ง นึกถึงตอนกินเข้าไปก็แปลกดี เรากินของเหล่านี้แล้วไปเน่าในท้องได้อย่างไรกัน

วกกลับมาเรื่องการลงทุนมั่งดีกว่า อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ใช่ VI เต็มร้อย แต่ผมก็เอาหลักการของเขามาใช้ คือ เข้าใจในกิจการที่เราลงทุนและเป็นกิจการที่ไม่ซับซ้อน เราสามารถไปเยี่ยมชมกิจการได้ตามห้าง ท้องถนนทั่วไป เปรียบเทียบกับการกินกับการลงทุน อะไรที่ผมชอบผมก็จะกินอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเบื่อผมก็เปลี่ยน หรือ หากร้านนั้นปิดปรับปรุง เมื่อร้านเปิด ผมก็จะกลับไปกินแหมือนเดิม เพราะมันก็ยังอร่อยเหมือนเดิม

ผมไม่ได้ลงลึกแต่ผมจะดูในภาพรวมแทน อ่านงบการเงินพอทราบถึงทิศทางและแนวโน้มในอนาคต แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เพราะอย่างที่กล่าวไว้ ผมจะซื้อในกิจการที่ผมเห็นรอบๆตัวในทุกวัน ซื้อเฉพาะกิจการที่เราเห็นและเข้าใจและได้ใช้ชีวิตร่วมกับมัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนที่ได้นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับ VI เต็มขั้น ยังห่างไกลกันมาก แต่ถ้าถามว่าผลตอบแทนที่ได้ ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ไหม ก็ต้องตอบว่า เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ครับ

ผมคิดว่าส่วนใหญ่ การเริ่มต้น มักมาจากการเก็งกำไร ซึ่งรวมถึงผมเองก็เคยเป็นนักเก็งกำไรมาก่อน ปัจจุบันสิบเปอร์เซ็นของพอร์ตก็ยังเก็งกำไรอยู่ แต่เนื่องจากภาพรวมของพอร์ต เก้าสิบเปอร์เซ็นของกำไรมาจาก การลงทุนระยะกลางถึงยาว ผมจึงปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามผลของการลงทุนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันครับ

เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่หุ้นลงมากๆ ผมก็คิดเหมือนคนอื่นคือ ขายเพื่อรักษากำไรดีไหม แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเสียดายราคาที่ซื้อมาตอนแรก ก็เลยถือไว้เฉยๆนั่งดูกำไรลดลง แต่หลังจากนั้นเกือบจะทุกครั้ง หุ้นที่ถือก็มักจะขึ้นไปมากกว่าเดิม หรือ หากลงมาอีก สักพักก็จะกลับขึ้นไปสูงกว่าเดิม ทำให้เรารู้ว่าแนวทางที่เรากำลังทำอยู่เหมาะสมกับเราแล้วครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบก็คือ ความสุขจากการลงทุน โดยการทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ว่ากำไรจะไม่ได้มากมายเหมือนอย่างคนอื่นเขา แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการลงทุนที่พอเพียงและเพียงพอสำหรับผม ถามความถนัดและความสามารถที่มีของตนครับ

เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรม มีหลายแนวทางให้เลือก สุขขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ชอบแนวทางไหนก็เลือกทางนั้น สุดท้ายก็บรรลุธรรมเหมือนกันครับ

:D
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 11

โพสต์

MACUS เขียน:ผมเองก็เพิ่งลงทุนได้ไม่นานมาก แต่ก็ทำให้รู้หลายอย่าง

1. นอกสนาม 10 ปี ก็ไม่เท่ากับในสนาม 1 ปี จากวันที่เริ่มศึกษาการลงทุน จนถึงวันนี้ทั้งมุมมอง แนวความคิด วิธีการแตกต่างและพัฒนาจากตอนที่เริ่มศึกษาอย่างสิ้นเชิง ถามว่าหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนควรอ่านไหม ควรอ่านครับ แต่จะเอามาใช้ 100% แบบไม้บรรทัดคงไม่ได้ เพราะ ปัจจัยต่าง ๆ มันเยอะและ ตัวเลขคาดการณ์ก็ไม่แน่นอน

2. คำว่า เป็นนักลงทุน ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เลือก ซื้อ แล้วก็รอ อยู่เฉย ๆ ผมพบว่าจริง อย่างยิ่ง ยิ่งเราพยายามจะทำกำไรในช่วงสั้น พอมองย้อนกลับไปดูภายหลังพบว่า เราทำเงินก้อนโตหล่นหายไป (แต่ก็ควรใช้กับหุ้นที่วิเคราะห์มาดีแล้วเท่านั้น)

3. การลงทุนให้หุ้น ที่สำคัญอันดับแรกคือ ลงทุนความรู้ และการหาประสบการณ์ เน้นรู้รอบ แล้วค่อยลึก เวลาศึกษาให้ศึกษาเป็นกลุ่มอย่าดูตัวเดียว และดูสายพันธ์ใกล้ ๆ กันด้วย เผื่อว่าจะมากินแชร์กัน ดังนั้นผมไม่แปลกใจว่า ทำไม Port VI ส่วนใหญ่ถึงมีหุ้นไม่กี่ตัว

4. ทำ SAP ให้ทำเฉพาะที่มั่นใจเท่านั้น (ไม่เช่นนั้นต้องซื้อกลับในราคาแพงกว่าเดิม หรือซื้อไม่ลงอีกเลย)

5. คิดเอง ทำเอง ไม่ดีเท่า ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ครับ การหา Connection สำคัญมาก และเป็นการเปิดมุมมองใหม่ ๆ ยิ่งการการอ่านหนังสือหลายเท่า ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้ Meeting จงอย่าพลาดที่จะไปครับ และให้ดีคือ ให้เรานำเสนอหุ้นที่เราถืออยู่ไปด้วย ว่าซื้อเพราะอะไร คิดอะไร ประเมินอะไรไว้ เพื่อที่ว่าท่าน อื่น ๆ จะได้ Comment กัน อย่ากลัว อย่าอายครับ ไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ (รู้ซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าไปเสียใจที่รู้ตอนแย่แล้วครับ) ครับ
ขอบคุณ คุณMACUS มากๆครับ สิ่งที่คุณMACUS แชร์มาเป็นสิ่งที่ผมพยายามบอกและเตือนตัวเองอยู่เสนอ... แต่ขอยอมรับตรงๆครับว่า ยังทำไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะการรออยู่เฉยๆ ใจมันยังไม่นิ่งครับ ครั้นจะไม่ดูกระดานหุ้นเลยก็ยังตัดใจลำบาก จึงคิดว่าการได้มาพูดคุยกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบ้าง คงช่วยให้หายฟุ้งซานได้บ้าง... แล้วมีอะไรอย่างแชร์อีก ขอความกรุณานะครับ ช่วยแชร์มาให้ด้วย ขอบคุณอีกครั้งครับ
I feel control.
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 12

โพสต์

tum_H เขียน:อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้นึกถึงการลงทุนในอดีตของตัวเองจริงๆครับ จนถึงปัจจุบันนี้ผมก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่า ผมคือ VI
เพราะผมไม่สามารถทำอย่าง VI ได้ทั้งหมด ทั้งๆที่เป็นแนวทางที่ดีมากๆ แต่เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจ เลยไม่ค่อยได้ลงลึกในรายละเอียดมากๆ แต่ถ้าถามว่าผมเอาหลักการของ VI มาใช้ไหม ก็ต้องตอบว่า ผมเองใช้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตครับ แต่ไม่ได้เต็มรูปแบบ เหมือนอย่างหลายๆท่านที่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม

เมื่อก่อนผมเคยมีความคิดว่า หากมีเงินเยอะๆผมจะใช้ชีวิตให้สุขสบาย หรูหรา เอาให้มันสุดๆไปเลย เพราะพื้นฐาน ผมไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ผมเห็นคนรวยๆเขามีนั่นมีนี่ ตามธรรมดามนุษย์ทั่วไป ก็ย่อมมีความอยาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พอเราค่อยๆทำงานมาเรื่อยๆจากที่เคยขาด มันก็กลายเป็นเกินกว่าที่เราต้องการ ในที่นี้ผมขอเปรียบเทียบกับนิสัยการกินของตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ผมพบว่ามันไม่ได้แปรผันตรงจนเป็นกราฟตั้งชัน เพราะมันดูเหมือนจะอิ่มตัวซะมากกว่า

ทุกวันนี้ผมก็ยังกินอาหารแบบเดิมๆ ร้านเดิม บางร้านไปถึงไม่ต้องสั่ง แค่นั่งรอ ก็จะมีอาหารแบบเดิมๆมาเสริฟ ทำอยู่อย่างนี้มานานละครับ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆถามว่า กินแต่แบบเดิมๆไม่เบื่อเหรอพี่ พี่ทำได้ไง เออ จะว่าไปหากคิดไปแล้ว ผมนี่ก็ติดอยู่ในรสพอควรเลย เพราะรสชาติที่กินมันเหมือนเดิมคืออร่อย จะกินกี่ทีมันก็อร่อย จะกินกี่ครั้งมันก็อร่อย ความคิดที่อยากกินอาหารหรูๆ แพงๆ ดังๆ ก็ยังมีอยู่ แต่นานๆครั้งแค่นั้น เพราะแค่อยากลอง แต่ทุกครั้งที่กินเข้าไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทั้งของถูก ของแพง ก็คือ ความอิ่ม และ ที่เหลือ ก็ออกมาทางลำไส้ กลายเป็นสิ่งปฎิกูลไปแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนในปัจจุบันในแง่ของรายได้ประจำที่ทำอยู่ ผมว่ามันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยในรูปของตัวเงิน หากคนที่ลงทุนจนมาถึงจุดสมดุลแล้ว จะพบว่ามหัศจรรย์ของการทบต้น มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริงๆครับ ยกตัวอย่าง สิบเปอร์เซ็นของหนึ่งแสน กับ สิบเปอร์เซ็นของหนึ่งล้านเนี่ย ในรูปของผลต่างมูลค่าเงินกำไร ต่างกันถึงสิบเท่าเลยนะครับ ซึ่งทำให้พบว่า ทำไมคนร่ำรวย เขาจึงมีแต่รวยขึ้นๆ เพราะว่ามูลค่าความมั่งคั่งของเขาเพิ่มขึ้นแบบทบต้นนั่นเอง

ทุกวันนี้เวลาหุ้นขึ้น ลง ผมมักจะเอามาเปรียบเทียบกับอาหารหรือของจำเป็นส่วนตัวในชีวิตประจำวัน เช่น วันนี้ขาดทุนกำไรไปสองแสน แต่ไปห้างอยากกินทุเรียนเม็ดเดียวแต่ราคาตั้งสองร้อยบาท ไม่กล้าซื้อกิน เพราะคิดว่าแพง ผมมักจะเอามาเปรียบเทียบกับผลของการลงทุน เวลาที่กำไรหรือขาดทุนเยอะๆในบางวัน เปรียบเทียบกับการบำบัดความอยาก เหมือนคำกล่าวที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ทุกวันนี้เลยดีขึ้น อยากกินไรก็กิน แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ท้องที่เล็กเหลือเกิน กินได้ไม่เยอะ อิ่มแล้วก็ลำบากกายเพราะท้องไม่ย่อย ที่เหลือก็ไปเน่าอยู่ในลำไส้ พอออกมาก็เหม็นหึ่ง นึกถึงตอนกินเข้าไปก็แปลกดี เรากินของเหล่านี้แล้วไปเน่าในท้องได้อย่างไรกัน

วกกลับมาเรื่องการลงทุนมั่งดีกว่า อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ใช่ VI เต็มร้อย แต่ผมก็เอาหลักการของเขามาใช้ คือ เข้าใจในกิจการที่เราลงทุนและเป็นกิจการที่ไม่ซับซ้อน เราสามารถไปเยี่ยมชมกิจการได้ตามห้าง ท้องถนนทั่วไป เปรียบเทียบกับการกินกับการลงทุน อะไรที่ผมชอบผมก็จะกินอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเบื่อผมก็เปลี่ยน หรือ หากร้านนั้นปิดปรับปรุง เมื่อร้านเปิด ผมก็จะกลับไปกินแหมือนเดิม เพราะมันก็ยังอร่อยเหมือนเดิม

ผมไม่ได้ลงลึกแต่ผมจะดูในภาพรวมแทน อ่านงบการเงินพอทราบถึงทิศทางและแนวโน้มในอนาคต แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เพราะอย่างที่กล่าวไว้ ผมจะซื้อในกิจการที่ผมเห็นรอบๆตัวในทุกวัน ซื้อเฉพาะกิจการที่เราเห็นและเข้าใจและได้ใช้ชีวิตร่วมกับมัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนที่ได้นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับ VI เต็มขั้น ยังห่างไกลกันมาก แต่ถ้าถามว่าผลตอบแทนที่ได้ ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ไหม ก็ต้องตอบว่า เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ครับ

ผมคิดว่าส่วนใหญ่ การเริ่มต้น มักมาจากการเก็งกำไร ซึ่งรวมถึงผมเองก็เคยเป็นนักเก็งกำไรมาก่อน ปัจจุบันสิบเปอร์เซ็นของพอร์ตก็ยังเก็งกำไรอยู่ แต่เนื่องจากภาพรวมของพอร์ต เก้าสิบเปอร์เซ็นของกำไรมาจาก การลงทุนระยะกลางถึงยาว ผมจึงปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามผลของการลงทุนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันครับ

เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่หุ้นลงมากๆ ผมก็คิดเหมือนคนอื่นคือ ขายเพื่อรักษากำไรดีไหม แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเสียดายราคาที่ซื้อมาตอนแรก ก็เลยถือไว้เฉยๆนั่งดูกำไรลดลง แต่หลังจากนั้นเกือบจะทุกครั้ง หุ้นที่ถือก็มักจะขึ้นไปมากกว่าเดิม หรือ หากลงมาอีก สักพักก็จะกลับขึ้นไปสูงกว่าเดิม ทำให้เรารู้ว่าแนวทางที่เรากำลังทำอยู่เหมาะสมกับเราแล้วครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบก็คือ ความสุขจากการลงทุน โดยการทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ว่ากำไรจะไม่ได้มากมายเหมือนอย่างคนอื่นเขา แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการลงทุนที่พอเพียงและเพียงพอสำหรับผม ถามความถนัดและความสามารถที่มีของตนครับ

เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรม มีหลายแนวทางให้เลือก สุขขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ชอบแนวทางไหนก็เลือกทางนั้น สุดท้ายก็บรรลุธรรมเหมือนกันครับ

:D
อ่านแชร์ของคุณ tum_H แล้วทำให้ผมมีความมั่นใจแนวทางการลงทุนแบบVIมากขึ้นครับ ขอบคุณครับ
I feel control.
MACUS
Verified User
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ทุกวันนี้ผมยังถู ๆ ไถ ๆ ไปอยู่เลยครับ (ผลตอบแทนแพ้ตลาดยับเยินครับ) :(

ถึงจะบอกให้ถือยาว แต่ทุกครั้งที่ตลาดตกผมก็แอบขายหุ้นบางส่วนไป (เพื่อรักษากำไรไว้เหมือนกัน) แล้วก็ไปรับกลับที่ราคาต่ำกว่าเดิมนิดหน่อย (ทุกที) หันกลับมาบางครั้งก็เสียวอยู่เหมือนกันครับที่จะไม่ได้หุ้นคืน บางครั้งต้องกลับไปซื้อแพงกว่าเดิมมาก

ตอนนี้มาฟังมุมมองพี่ ๆ ก็มานั่งทบทวน ผลงานที่ผ่านมา (ดีที่ผมทำบันทึกไว้ด้วย) ก็จะเห็นว่าผมไม่เหมาะกับการเกร็งกำไรจริง ๆ เพราะผลตอบแทนห่างกันมาก ทั้ง ๆ ที่ถือยาวมันแค่นั่งอยู่เฉย ๆ แค่นั้นเอง

ผมกำลังมาซาบซึ้งกับว่า ทำไมต้องลงทุนในหุ้นที่เข้าใจถึงจะดี นั่นเพราะถ้าไม่เข้าใจ เวลามีอะไรมากระทบเราจะบอกตัวเองไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น จะกระทบหรือไม่ กี่มากน้อย สุดท้ายมันก็จะบั่นทอนความเชื่อมั่นจนการถือมีความลังเล จนขายหุ้นที่ดีออกไปในที่สุด

ที่เป็นแบบนั้นเพราะผมยังเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่สามารถเฝ้าหน้าจอ อาศัยการขึ้นลงของตลาดทำไรได้ทุกครั้งไป กราฟก็ไม่เป็นซื้อขายตามความรู้สึกว่าถูกล่ะ ตอนนี้ผมเลยกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ศึกษาจริง ๆ จัง ๆ กับบริษัทที่เราพอจะรู้ หรือรู้มาแล้วให้กว้างขึ้น อะไรไม่รู้ก็ถามดะ (พี่ ๆ ในนี้ใจดีทุกคนจริง ๆ ครับ)

แต่ก็อย่างที่พี่ tum ว่าครับ ผลตอบแทนจะเป็นยังไงก็ช่าง ถ้ามันยังเดินตามแผนที่เราจัดไว้ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องแคร์ ไม่ว่ามากน้อยสุดท้ายก็ถึงจุดหมายเหมือนกันครับ บางทีการเร่งผลตอบแทนกลับทำความเสียหายกับ Port โดยรวมไปเลยครับ (ผมลองมาแล้วเชื่อผมเถอะอย่างพยายามเป็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองครับ) ดีที่เสียหายไปไม่มากครับ

ลงทุนแบบไหน อันไหนดี ไม่มีใครตอบได้ครับ นอกจากเจ้าตัวเองครับ
โชคดี มีความสุขกับการลงทุนครับ :mrgreen:
*********\\\ฉันต้องเก่งขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต///**********
ภาพประจำตัวสมาชิก
IndyVI
Verified User
โพสต์: 3530
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขอบคุณทุกท่าน ที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง

มีประโยชน์กับมือใหม่อย่างผมมากครับ
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
huahintrain
Verified User
โพสต์: 1
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 15

โพสต์

มาแนวคล้ายๆผมเลยครับ :D
CONNICHIWA
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 82
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ผมขออนุญาตใช้พื้นที่บอกเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟัง

ผมเริ่มลงทุนครั้งแรกใน Gold Future ประมาณเดือนเมษายน 2554 โดยบังเอิญ :oops: พอดีช่วงนั้นทะเลาะกับแฟนจะเลิกกัน
หลังเลิกงานไม่รู้จะไปที่ไหนก็เลยหลบเข้าไปอยู่ในร้านหนังสือ เดินวนไปเวียนมาก็ไปสะดุดตาหนังสืออยู่เล่มหนึ่งเกี่ยวกับการออมเงินในทองคำ ผมจึงอ่านจนจบเล่ม พอดีว่ามีเงินเก็บอยู่บ้างไม่มาก อยากให้เงินงอกเงย อ่านจบก็เลยเดินตามลายแทงในหนังสือตาม

ได้เข้าร่วมฟังการอธิบายการลงทุน Gold Future กับ หลักทรัพย์ที่หนึ่ง โดยมีวิทยากรที่น่าเชื่อถือ ท่านนี้ออกสื่อบ่อย ๆ ท่านอธิบายว่าการลงทุนใน Gold Future เหมือนขับรถติดเทอร์โบว์ คิดดูซิ ลงทุนซื้อไป 1 สัญญา แต่มีอำนาจซื้อเทียบเท่า 10 หรือ 50 เท่า ของเงินลงทุน พอเราฟังแล้วหัวใจพองโต คิดว่าโชคดีจังที่ได้รับขอมูลแบบนี้ มีหวังรวยแน่ :shock:

ต่อมาจึงไปเปิด port ซื้อขาย Gold Future ช่วงแรกทางน้องมาร์ก็แนะนำให้เราใช้สัญญาณทางเทคนิคในการซื้อขาย เราก็เลยศึกษาอย่างหนัก ซื้อ หนังสือมาอ่าน หัดดู wave คลื่น 1 2 3 4 5 โอละพ่อ ลองอ่านตามหนังสือพอเข้าใจ แต่พอมาเจอของจริงนี้สิ ทำไมไม่เหมือนกันเลยหว่า ตกลงเรานับคลื่นถูกป่าวเนี้ย :wall: ลงทุนไปด้วยศึกษาไปด้วย รวยละทีนี้

ช่วงแรกๆที่ลงทุน Gold Future ได้กำไร พันสองพัน ดีใจมาก คิดว่าแฮ่ๆ ง่ายจังโวย พอช่วงหลังๆ วิชาเริ่มเยอะ indicator ไม่รู้ว่าอันไหนใช้แม่งหมด พอลงทุนไปซักพัก เริ่มเข้าสู่วงจรเม่า หนังสือเขาสอนมาว่าให้ตัดขาดทุน พอเราตัดขาดทุนเท่านั้นล่ะ วันรุ่งขึ้นราคาผงกหัวขึ้นทันที่ ขาดทุนตามระเบียบ ลืมบอกไปลงทุนใน Future เล่นได้ทั้งขาขึ้นขาลง มันล่ะทีนี้

ในหนังสือหรือตามเวปบอร์ดบอกอีก ถ้าเข้าเขต over bought ให้ขาย เอา เราก็วิชาพอตัว แม่งอย่างนี้มันต้อง short เล่นขาลงซะเลย เพราะ indicator มันฟ้องชัดๆ ฮ่าๆๆๆ งานนี้ขาดทุนอีกตามเคย ซักเล่นไปเล่นมา เงินชักหมดไปหลายหมื่น

เอ้าเจ้าทองคำนี้ เขาลงทุน อ้างอิงกันทั่วโลก ราคาวิ่งขึ้นวิ่งลงทั้งวันทั้งคืน ชีวิตเม่าไม่ทำอะไรเฝ้าหน้าจอทั้งวันทั้งคืน ยิ่งกว่าเป็นยามอีก สุดท้ายตอนอวสานก็มาถึง โดน call magin ซิครับ รอบแรกเติมได้พอมีเงิน เฮ่อๆๆๆ อนิจจา มาโดนอีก รอบสองนี้ซิครับ ถึงกับ force cell ครบหลักสูตรเบย :'O

คนมันหมดทางสู่นะครับ แต่ไม่ยอมแพ้ เอๆๆๆ เราทำไรผิดไปหว่า จึงนึกถึงการลงทุนที่เรารู้จัก บังเอิญเคยเล่น click2win จึงไปร้านหนังสือ ผีจับยัดครับ ได้หนังสือตีแตกมาอ่าน ตามเดิมครับ ผมเดินตามลายแทงในหนังสือ จนมาเจอคำว่า value investor จึงเริ่มตะลุยอ่านหนังสือ และศึกษากระทู้ต่างในเวป

เริ่มลองวิชา vi ต้นปี 55 ก็ตามสูตรเลยครับ pe ต่ำๆ pbv น้อยกว่าหนึ่ง peter lynch บอกว่า เลือกหุ้นแบบโง่ๆ ก็น่าซักห้าตัว ก็เลยซัดมาเลยครับ ขออนุญาตเอ่ยนามหุ้นนะครับ EASON PF ROJNA SPG TMD SENA

VI สำแดงเดช ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ ปรากฏว่า โค ตะ ระ ฟลุกครับ เอาชนะตลาดขาด อนิจจาผมไม่ได้ลงทุนจริงๆ เป็นเพียงการชกลม เอาละว่ะ อย่างน้อยก้ได้พิสูตรด้วยตัวเอง
แรงฟุ๊ตๆๆ.png
ตามกาลามสูตร 10 ครับ อย่าเชื่อถ้าไม่ได้ลองทำด้วยตัวเอง

ขอบอกทุกท่านด้วยความขวยเขินว่า ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ลงทุนในหุ้นเบย เพราะว่าตัวเดียวเลยครับ "รอโอกาศที่เราถนัด" ผมคิดว่าถ้าไม่ตายซะก่อน ระยะเวลาในการลงทุนของผมยังเหลืออีกนาน

ระหว่างรอ ผมก็ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก อ่านหนังสือ ไปงานสัมมนา ไป company visit ไปงานเปิดตัวหนังสือ ถามความเห็นคนรอบข้างในการใช้สินค้า

แล้วเราจะได้พบกัน :P
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Highway_Star
Verified User
โพสต์: 440
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เอามั่ง
ผมมักจะพลาดเพราะโลภครับ พอหุ้นขึ้นมักจะมองโลกแง่ดีจนเกินไป
หวังว่ามันจะขึ้นต่อ และพอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มักจะมองว่ามันเป็นเหตุการณ์ครั้งเดียว
ซึ่งมันครั้งเดียวจริงครับ แต่ธุรกิจมันฟุบยาว อย่างน้ำท่วมงี้ ก็ยอมรับครับว่ามองไม่ขาด
ลูกค้าสะดุด เราสะดุดด้วย ฐานะการเงินบริษัทเป๋มาก ดีว่าต้นทุนอภิมหาต่ำเพราะเข้าตลาดตอนปี 2009
และดีว่าคิดได้ว่า trend บางอย่างเปลี่ยนไปแล้วและธุรกิจอาจไม่เหมือนเดิมเลยขายไป

หุ้นตัวนึงตอนนี้ถืออยู่ เกือบ 60% ด้วยความมั่นใจว่าบริษัทมี story ที่ดี อนาคตสิ่งนี้มาแน่
และกำไรจะโตต่อเนื่อง....แต่ก็พลาดครับ (จะเรียกว่าพลาดก็คงยังพูดไม่เต็มปากเพราะบริษัทเพิ่งเริ่มจริงๆ)
สาเหตุเพราะอนาคต trend นี้มันมาแน่ แต่คงต้องรอเวลาอีกพอสมควร เรียกง่ายๆ ว่าเงินอาจจะจม
แถมที่แย่สุดคือจู่ๆ คู่แข่งยักษ์ใหญ่กระโดดลงมา ตัดราคาซึ่งหน้า ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดการตัดราคาขึ้น
เพราะผู้เล่นมักจะขายราคาเดิมเสมอๆ คือไม่มีคนเริ่มสงครามนั่นแหละครับ
พอรายใหญ่มาตัดราคาซะ คนก็พากันขายหุ้นทิ้ง กำไรผมก็หดๆๆ จากเมื่อต้นปีนี้กำไร 40% ตอนนี้เหลืออยู่ 5-6% เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ผมได้ข้อสรุปมาซักพักว่าทำอย่างไรจึงจะได้หุ้นที่จะทำกำไรให้เราเยอะๆ
คือ ต้องเล่นหุ้นที่อยู่ในช่วงเริ่มของกระแส หรือกระแสกำลังมา โดยกระแสนั้นจะต้องนำกำไรมามากๆ
และกระแสนั้นต้องมาจริง ไม่ใช่ไปทึกทักเอาเองโดยไม่มีข้อมูลรองรับ
หากไม่มีตัวเลขหรือข้อมูลมายืนยันอย่างแน่ชัด (บางทีรอจนมันชัดก็อาจจะสายเกินไป ต้องอาศัยว่ามองได้ขาด
มองได้ก่อน (หรือมองได้ไกลกว่า เข้าใจธุรกิจมากกว่า)) จากรวยเร็วก็จะกลายเป็นจนเร็วไปแทน

ยกตัวอย่างนะครับ
RS เป็นหุ้นที่ผมภูมิใจเพราะหาเองล้วนๆ ไม่มีใครชี้เป้า ไม่มีใครใบ้ใดๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่า
ขุดเอง ประเมินเองตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้บอก ไม่ได้ปรึกษาใครเลย เรื่องเป็นแบบนี้ครับ
ผมได้ยินคำว่าทีวีดิจิตอลบ่อยมาก มากจนผมรำคาญ ทนไม่ไหว อยากรู้ว่าไอ้ทีวีตอนนี้ มันไม่ดิจิตอลยังไงฟะ
ผมก็ไปเปิด wikipedia อ่านๆ ดู ประกอบกับช่วงนั้นนั่งอ่าน 56-1 ไปเรื่อยๆ จนไปอ่าน RS
แล้วค้นพบเลยว่าคนทำ 56-1 ของ RS นี่มันเซียนแน่ๆ เค้าเขียนทุกอย่างไว้ชัดเจนมาก รู้จุดอ่อน จุดแข็งทุกอย่างเสร็จสรรพ
และอธิบาย strategy ได้ดีสุดๆ
แล้วทีนี้ มันเข้ากันกับวิธีด้านบนครับ คือกระแสทีวีดิจิตอลเกิดแน่(กระแสมาแน่) ถ้ามันเกิด RS จะได้ประโยชน์อย่างไร ?
คำตอบก็คือ RS เป็นผู้ผลิต content อันดับต้นๆ ของไทย และช่องทางดาวเทียมที่ RS ทำนั้นบูมมากๆ (มีตัวเลขมายืนยันว่าต่อไปกำไรโตแน่ เพราะ rating ดี)
ผมก็เอางบมานั่งแจก 5 ปีย้อนหลัง ทำงบออกมา ประเมินราคาเสร็จสรรพได้เป้าหมายไว้ในใจ
ตอนนั้นราคา RS อยู่ที่ 5 บาท ผมก็ซัดซะหน่อย กลัวๆ เหมือนกันเพราะเกิดมาไม่เคยซื้อหุ้นกลุ่มนี้
หลังจากกำไรก็ขายออกไปซื้อตัวใหม่แทน (มิได้ชี้นำราคานะครับ ตัวใหม่ที่ผมซื้อ ผมว่า upside สูงกว่า)
...เอ เขียนสั้นไปไหมครับ แต่ผมดีใจจริงๆ นะที่ได้หุ้น RS มาแบบนี้
มันเหมือน confirm ว่า เห้ย นี่คือหลักการที่ถูกต้องนะเดินไปตามทางนี้เถอะ ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร
ขุดเอง คิดเอง กำไร(ขาดทุน)เอง จบในตัวเองดีครับ

แหม่ โม้ซะยาวเชียว 555
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องแปลกและบทเรียนในชีวิตการลงทุนหุ้นของผม

โพสต์ที่ 18

โพสต์

CONNICHIWA เขียน:ผมขออนุญาตใช้พื้นที่บอกเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟัง

ผมเริ่มลงทุนครั้งแรกใน Gold Future ประมาณเดือนเมษายน 2554 โดยบังเอิญ :oops: พอดีช่วงนั้นทะเลาะกับแฟนจะเลิกกัน
หลังเลิกงานไม่รู้จะไปที่ไหนก็เลยหลบเข้าไปอยู่ในร้านหนังสือ เดินวนไปเวียนมาก็ไปสะดุดตาหนังสืออยู่เล่มหนึ่งเกี่ยวกับการออมเงินในทองคำ ผมจึงอ่านจนจบเล่ม พอดีว่ามีเงินเก็บอยู่บ้างไม่มาก อยากให้เงินงอกเงย อ่านจบก็เลยเดินตามลายแทงในหนังสือตาม

ได้เข้าร่วมฟังการอธิบายการลงทุน Gold Future กับ หลักทรัพย์ที่หนึ่ง โดยมีวิทยากรที่น่าเชื่อถือ ท่านนี้ออกสื่อบ่อย ๆ ท่านอธิบายว่าการลงทุนใน Gold Future เหมือนขับรถติดเทอร์โบว์ คิดดูซิ ลงทุนซื้อไป 1 สัญญา แต่มีอำนาจซื้อเทียบเท่า 10 หรือ 50 เท่า ของเงินลงทุน พอเราฟังแล้วหัวใจพองโต คิดว่าโชคดีจังที่ได้รับขอมูลแบบนี้ มีหวังรวยแน่ :shock:

ต่อมาจึงไปเปิด port ซื้อขาย Gold Future ช่วงแรกทางน้องมาร์ก็แนะนำให้เราใช้สัญญาณทางเทคนิคในการซื้อขาย เราก็เลยศึกษาอย่างหนัก ซื้อ หนังสือมาอ่าน หัดดู wave คลื่น 1 2 3 4 5 โอละพ่อ ลองอ่านตามหนังสือพอเข้าใจ แต่พอมาเจอของจริงนี้สิ ทำไมไม่เหมือนกันเลยหว่า ตกลงเรานับคลื่นถูกป่าวเนี้ย :wall: ลงทุนไปด้วยศึกษาไปด้วย รวยละทีนี้

ช่วงแรกๆที่ลงทุน Gold Future ได้กำไร พันสองพัน ดีใจมาก คิดว่าแฮ่ๆ ง่ายจังโวย พอช่วงหลังๆ วิชาเริ่มเยอะ indicator ไม่รู้ว่าอันไหนใช้แม่งหมด พอลงทุนไปซักพัก เริ่มเข้าสู่วงจรเม่า หนังสือเขาสอนมาว่าให้ตัดขาดทุน พอเราตัดขาดทุนเท่านั้นล่ะ วันรุ่งขึ้นราคาผงกหัวขึ้นทันที่ ขาดทุนตามระเบียบ ลืมบอกไปลงทุนใน Future เล่นได้ทั้งขาขึ้นขาลง มันล่ะทีนี้

ในหนังสือหรือตามเวปบอร์ดบอกอีก ถ้าเข้าเขต over bought ให้ขาย เอา เราก็วิชาพอตัว แม่งอย่างนี้มันต้อง short เล่นขาลงซะเลย เพราะ indicator มันฟ้องชัดๆ ฮ่าๆๆๆ งานนี้ขาดทุนอีกตามเคย ซักเล่นไปเล่นมา เงินชักหมดไปหลายหมื่น

เอ้าเจ้าทองคำนี้ เขาลงทุน อ้างอิงกันทั่วโลก ราคาวิ่งขึ้นวิ่งลงทั้งวันทั้งคืน ชีวิตเม่าไม่ทำอะไรเฝ้าหน้าจอทั้งวันทั้งคืน ยิ่งกว่าเป็นยามอีก สุดท้ายตอนอวสานก็มาถึง โดน call magin ซิครับ รอบแรกเติมได้พอมีเงิน เฮ่อๆๆๆ อนิจจา มาโดนอีก รอบสองนี้ซิครับ ถึงกับ force cell ครบหลักสูตรเบย :'O

คนมันหมดทางสู่นะครับ แต่ไม่ยอมแพ้ เอๆๆๆ เราทำไรผิดไปหว่า จึงนึกถึงการลงทุนที่เรารู้จัก บังเอิญเคยเล่น click2win จึงไปร้านหนังสือ ผีจับยัดครับ ได้หนังสือตีแตกมาอ่าน ตามเดิมครับ ผมเดินตามลายแทงในหนังสือ จนมาเจอคำว่า value investor จึงเริ่มตะลุยอ่านหนังสือ และศึกษากระทู้ต่างในเวป

เริ่มลองวิชา vi ต้นปี 55 ก็ตามสูตรเลยครับ pe ต่ำๆ pbv น้อยกว่าหนึ่ง peter lynch บอกว่า เลือกหุ้นแบบโง่ๆ ก็น่าซักห้าตัว ก็เลยซัดมาเลยครับ ขออนุญาตเอ่ยนามหุ้นนะครับ EASON PF ROJNA SPG TMD SENA

VI สำแดงเดช ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ ปรากฏว่า โค ตะ ระ ฟลุกครับ เอาชนะตลาดขาด อนิจจาผมไม่ได้ลงทุนจริงๆ เป็นเพียงการชกลม เอาละว่ะ อย่างน้อยก้ได้พิสูตรด้วยตัวเอง
แรงฟุ๊ตๆๆ.png
ตามกาลามสูตร 10 ครับ อย่าเชื่อถ้าไม่ได้ลองทำด้วยตัวเอง

ขอบอกทุกท่านด้วยความขวยเขินว่า ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ลงทุนในหุ้นเบย เพราะว่าตัวเดียวเลยครับ "รอโอกาศที่เราถนัด" ผมคิดว่าถ้าไม่ตายซะก่อน ระยะเวลาในการลงทุนของผมยังเหลืออีกนาน

ระหว่างรอ ผมก็ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก อ่านหนังสือ ไปงานสัมมนา ไป company visit ไปงานเปิดตัวหนังสือ ถามความเห็นคนรอบข้างในการใช้สินค้า

แล้วเราจะได้พบกัน :P
นี้ละครับที่เรียกว่าเล่นจริงเจ็บจริง คุณเจ็บจากGold Future ผมเจ็บจากการเล่นหุ้น(แบบมั่วๆ) คุณเจ็บแล้วรู้จักจำ รู้จักระมัดระวัง ผมก็เช่นกันครับ เอาไว้ถ้ามีประสบการณ์ด้านบวกอย่าลืมเอามาแชร์กันมั่งนะครับ จะได้เอาไว้เป็นกำลังใจ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
I feel control.
โพสต์โพสต์