เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 61
ขอขอเรียกพี่ ตรีนุช นะครับ
ผมอ่านกระทู้ตอนแรกผมชอบมากๆ อย่าไปใส่ใจเรื่อกด -+ ผิด
ให้ผมเลยครับ
การตั้งกระทู้แนว positive หรือ encourage อย่างพี่
เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจอยากส่งเสริมคนที่ประสบความสำเร็จ
ได้มาถ่ายทอดหลักการและ วิธีสู่สังคมนักลงทุนรุ่นต่อๆไป
ผมมุ่งเน้นไปเพื่อกลุ่มคนเบี้ยน้อยหอยน้อย
นะครับ เพราะผมรู้ว่าเขาเหล่านั้นยังรำบากอยู่
แต่มีความฝันที่จะหลุดจากปัญหาทางการเงิน
พี่ได้ประโยชน์จากสังคมแห่งนี้ แล้วพี่ต้องการคืนประโยชน์กลับมา
เป็นสิ่งที่ดี ที่ควรทำอย่างยิ่งครับ
ปล.ขอชื่นชมในวิธีการดำเนินชีวิตประจำวันและการสอนลูกครับ ผมจะเอาอย่างบ้างครับ
ผมอ่านกระทู้ตอนแรกผมชอบมากๆ อย่าไปใส่ใจเรื่อกด -+ ผิด
ให้ผมเลยครับ
การตั้งกระทู้แนว positive หรือ encourage อย่างพี่
เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจอยากส่งเสริมคนที่ประสบความสำเร็จ
ได้มาถ่ายทอดหลักการและ วิธีสู่สังคมนักลงทุนรุ่นต่อๆไป
ผมมุ่งเน้นไปเพื่อกลุ่มคนเบี้ยน้อยหอยน้อย
นะครับ เพราะผมรู้ว่าเขาเหล่านั้นยังรำบากอยู่
แต่มีความฝันที่จะหลุดจากปัญหาทางการเงิน
พี่ได้ประโยชน์จากสังคมแห่งนี้ แล้วพี่ต้องการคืนประโยชน์กลับมา
เป็นสิ่งที่ดี ที่ควรทำอย่างยิ่งครับ
ปล.ขอชื่นชมในวิธีการดำเนินชีวิตประจำวันและการสอนลูกครับ ผมจะเอาอย่างบ้างครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 62
ไม่รู้จะพูดอะไร รู้แต่คุณตรีนุชสุดยอดมากค่ะ
เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วรู้สึกดีมาก อบอุ่นใจที่มีคนแบบนี้อยู่ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก
เข้ามาคุยกันอีกเรื่อยๆ นะคะ
เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วรู้สึกดีมาก อบอุ่นใจที่มีคนแบบนี้อยู่ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก
เข้ามาคุยกันอีกเรื่อยๆ นะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 63
theenuch เขียน:นี่คือเจ้าของกระทู้เองนะคะ
ไม่แน่ใจว่า post กระทู้มาถูกที่ถูกทางหรือไม่
ถ้าไม่ถูกที่ขออภัยด้วยนะคะ
และคงไม่ค่อยมีเวลาแวะมาคุยนะคะ
แค่อยาก share ประสบการณ์เฉยๆ
และอยากขอบคุณข้อมูลต่างๆ
ที่ตัวเองได้รับจาก THAIVI แล้วส่งผลให้ได้ประโยชน์ในการลงทุนน่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 66
ยุคสมัยนี้เทียบกับสมัยที่ผมและคุณ theenuch ยังเด็ก ๆ นั้น ต้องยอมรับว่ายุคสมัยนี้ สิ่งยั่วยุมันช่างมากและไปเร็วกว่าเมื่อก่อนมากครับ ในความคิดผมการสอนให้เด็กคนหนึ่งโตมาเป็นคนดีอาจจะยากกว่าสอนให้เป็นคนรวยมากครับ ส่วนเรื่องสอนให้รู้คุณค่าของเงินในหลักสูตรของโรงเรียนก็แทบจะไม่ได้สอนไว้ บางคนเรียนจบมาด้านนี้โดยตรงก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะมีอิสรภาพทางการเงินเลยครับ ไม่ต้องอะไรหรอกครับ คนในที่ทำงานผมเคยไม่ยื่นเสียภาษีเพราะคิดว่าตัวเองรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็เลยไม่ยื่น นั่นแปลว่าสิ่งที่เราเรียนบางครั้งกลับเป็นสิ่งที่ไม่ได้สอนในสิ่งที่เราจะต้องรู้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 67
ACME49 เขียน:ยินดีด้วยครับกับจขกท. จากการอ่านได้พบว่าจขกท.ได้ลงทุนด้วยความมุ่งมั่นและมีความสุขกับการลงทุน รวมถึงการแสดงออกถึงการไฝ่รู้ตลอดเวลาในแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการลงทุนแนวVI จนประสบความสำเร็จ ดีใจด้วยครับ
เห็นด้วยค่ะ
นอกจากสอนให้เห็นคุณค่าของเงินแล้วต้องสอนให้เป็นคนดีด้วยเป็นเรื่องสำคัญมาก
ที่บ้านเราจะเน้นเรื่องนี้มากที่สุด ไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังว่าทำอะไรไปบ้างนะคะ
(ลูกเราได้ไปลองฝึกงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ได้ประโยชน์กับชีวิตมากมาก
มาหลายที่เลย.....ต้องขอบคุณเจ้าของร้านนั้นๆ......เราได้ค้นพบว่าครูดีมีอยู่ทั่วไป เพียงแต่เราจะหาเจอมั้ย)
เคยมีคนมาบอกขายกิจการร้านเกมส์ให้....เค้าอาจเห็นว่าเราชอบลงทุนและพร้อมซื้อกิจการ
ทำเลดีมาก มีลูกค้าประจำแล้ว..แต่น้องชายที่ดูแลอยู่ได้งานเลยไม่มีคนดูแล
และอีกครั้งเคยไปติดต่ออยากซื้ออาคารที่นึงอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
เจ้าของบอกมีผู้เช่า...เราก็นัดไปดูอย่างเร็วเลยอยากได้....แต่ไปเจอผู้เช่าเป็นโต๊ะบอลค่ะ
เราเลยปฏิเสธไป เค้าก็มาตื๊อว่าเจ้าของกิจการเป็นผู้ทรงอิทธิพลและเงินถึง
ไม่มีปัญหาเรื่องตำรวจแน่นอน...เคลียร์กับทางตำรวจยศสูงเรียบร้อยแล้ว
เราไม่เลือกทั้งสองที่นั้น....ไม่ได้กลัวตำรวจจับหรอก
แต่ถ้ามีทางเลือกได้เราขอไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มอมเมาเยาวชนดีกว่า
ต่อให้ทำเลดี หรือจะสามารถทำให้เรารวยได้เร็วแค่ไหนก็ไม่เอา
รายหลังบ่นเราว่า...แปลกคน อย่างนี้ทำธุรกิจไม่ได้หรอกมองอะไรยิบย่อย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 68
theenuch เขียน:ACME49 เขียน:ยินดีด้วยครับกับจขกท. จากการอ่านได้พบว่าจขกท.ได้ลงทุนด้วยความมุ่งมั่นและมีความสุขกับการลงทุน รวมถึงการแสดงออกถึงการไฝ่รู้ตลอดเวลาในแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการลงทุนแนวVI จนประสบความสำเร็จ ดีใจด้วยครับ
เห็นด้วยค่ะ
นอกจากสอนให้เห็นคุณค่าของเงินแล้วต้องสอนให้เป็นคนดีด้วยเป็นเรื่องสำคัญมาก
ที่บ้านเราจะเน้นเรื่องนี้มากที่สุด ไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังว่าทำอะไรไปบ้างนะคะ
(ลูกเราได้ไปลองฝึกงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ได้ประโยชน์กับชีวิตมากมาก
มาหลายที่เลย.....ต้องขอบคุณเจ้าของร้านนั้นๆ......เราได้ค้นพบว่าครูดีมีอยู่ทั่วไป เพียงแต่เราจะหาเจอมั้ย)
เคยมีคนมาบอกขายกิจการร้านเกมส์ให้....เค้าอาจเห็นว่าเราชอบลงทุนและพร้อมซื้อกิจการ
ทำเลดีมาก มีลูกค้าประจำแล้ว..แต่น้องชายที่ดูแลอยู่ได้งานเลยไม่มีคนดูแล
และอีกครั้งเคยไปติดต่ออยากซื้ออาคารที่นึงอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
เจ้าของบอกมีผู้เช่า...เราก็นัดไปดูอย่างเร็วเลยอยากได้....แต่ไปเจอผู้เช่าเป็นโต๊ะบอลค่ะ
เราเลยปฏิเสธไป เค้าก็มาตื๊อว่าเจ้าของกิจการเป็นผู้ทรงอิทธิพลและเงินถึง
ไม่มีปัญหาเรื่องตำรวจแน่นอน...เคลียร์กับทางตำรวจยศสูงเรียบร้อยแล้ว
เราไม่เลือกทั้งสองที่นั้น....ไม่ได้กลัวตำรวจจับหรอก
แต่ถ้ามีทางเลือกได้เราขอไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มอมเมาเยาวชนดีกว่า
ต่อให้ทำเลดี หรือจะสามารถทำให้เรารวยได้เร็วแค่ไหนก็ไม่เอา
รายหลังบ่นเราว่า...แปลกคน อย่างนี้ทำธุรกิจไม่ได้หรอกมองอะไรยิบย่อย
ยังพลาดไม่เลิก 5555
ตั้งใจจะตอบเพื่อนข้างบนอ้ะค่ะ...แต่พลาดอีกแล้ว...ขออภัยจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 69
ดีเลยครับ อยากให้เล่าให้ฟัง ยิ่งถ้าได้ผลดียิ่งดีใหญ่ครับtheenuch เขียน: เห็นด้วยค่ะ
นอกจากสอนให้เห็นคุณค่าของเงินแล้วต้องสอนให้เป็นคนดีด้วยเป็นเรื่องสำคัญมาก
ที่บ้านเราจะเน้นเรื่องนี้มากที่สุด ไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังว่าทำอะไรไปบ้างนะคะ
(ลูกเราได้ไปลองฝึกงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ได้ประโยชน์กับชีวิตมากมาก
มาหลายที่เลย.....ต้องขอบคุณเจ้าของร้านนั้นๆ......เราได้ค้นพบว่าครูดีมีอยู่ทั่วไป เพียงแต่เราจะหาเจอมั้ย)
อย่าไปสนใจคำพูดคนอื่นเลยครับ เงินร้อน เงินสีเทา เงินจากการทำนาบนหลังคน บางคนอาจจะอยากได้ แต่ถ้าเราไม่อยากได้ หรือได้มาแล้วไม่สบายใจก็อย่าไปยุ่งครับ วันนี้เราอาจจะได้เงินจากช่องทางนี้ วันหน้าเราอาจจะเสียมากกว่าผ่านช่องทางอื่น มันคือระบบของ "กรรม" ครับ กรรมคือการกระทำ ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมไม่ดีก็ได้พบได้เจอแต่สิ่งไม่ดีเช่นเดียวกัน กรรมดีกับกรรมไม่ดีมิอาจหักล้างกันเป็นผลแบบสุทธิได้ ที่สำคัญบางครั้งผลของมันไม่ตกับเรากลับไปตกกับคนรอบตัวที่เรารัก ได้ไม่คุ้มเสียครับtheenuch เขียน:เคยมีคนมาบอกขายกิจการร้านเกมส์ให้....เค้าอาจเห็นว่าเราชอบลงทุนและพร้อมซื้อกิจการ
ทำเลดีมาก มีลูกค้าประจำแล้ว..แต่น้องชายที่ดูแลอยู่ได้งานเลยไม่มีคนดูแล
และอีกครั้งเคยไปติดต่ออยากซื้ออาคารที่นึงอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
เจ้าของบอกมีผู้เช่า...เราก็นัดไปดูอย่างเร็วเลยอยากได้....แต่ไปเจอผู้เช่าเป็นโต๊ะบอลค่ะ
เราเลยปฏิเสธไป เค้าก็มาตื๊อว่าเจ้าของกิจการเป็นผู้ทรงอิทธิพลและเงินถึง
ไม่มีปัญหาเรื่องตำรวจแน่นอน...เคลียร์กับทางตำรวจยศสูงเรียบร้อยแล้ว
เราไม่เลือกทั้งสองที่นั้น....ไม่ได้กลัวตำรวจจับหรอก
แต่ถ้ามีทางเลือกได้เราขอไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มอมเมาเยาวชนดีกว่า
ต่อให้ทำเลดี หรือจะสามารถทำให้เรารวยได้เร็วแค่ไหนก็ไม่เอา
รายหลังบ่นเราว่า...แปลกคน อย่างนี้ทำธุรกิจไม่ได้หรอกมองอะไรยิบย่อย
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 70
ขอบคุณครับ ผมเป็นมือใหม่ทั้งการเป็นนักลงทุนและคุณพ่อครับ รู้สึกดีมากๆที่คุณtheenuchมาแชร์ประสบการณ์วิธีการปลูกจิตสำนึกและการเลี้ยงดูลูกให้ได้อ่านครับ การทำให้ลูกเป็นคนดีและมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนเป็นจุดประสงค์สูงสุดของผมตอนนี้ครับ จึงอยากติดตามฟังคำแนะนำต่อไปเรื่อยๆนะครับtheenuch เขียน:ขอบคุณค่ะ ....อาจจะจริงที่พยายามบอกเล่าสิ่งเหล่านี้นายมานะ เขียน:ยิ่งอ่านยิ่งสุดยอดครับ ขอเป็นอีก 1 เสียงเรียกที่อยากให้คุณ theenuch โพสต่อไปครับ นี่ไม่ใช่แค่กระทู้ชี้แนะการลงทุนแล้วครับ แต่ยังสอนหลักการดำเนินชีวิตที่ชาญฉลาด การสร้างครอบครัวอย่างมั่นคง และยังนสอนวิธีการถ่ายทอดความคิดนี้ไปยังอีกชีวิตหนึ่งอีกด้วย ผมค่อนข้างแปลกใจที่อ่านโพสของคุณ theenuch แล้วรู้สึกว่าสนุกมาก เรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายมาก ทั้งๆ ที่คุณ theenuch ก็เน้นมาตลอดว่าไม่นิยมการโพสสักเท่าไหร่ คิดว่าคงเป็นเพราะคุณ theenuch ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ให้กับลูก และคนใกล้ๆตัว มาอย่างต่อเนื่องครับ ขอบคุณที่ตัดสินใจนำความรู้และประสบการณ์มาแชร์ให้กับสังคมแห่งนี้ครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ
มาหลายต่อหลายรอบกับหลายๆคน ค่ะ
ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง หลังมานี่เริ่มเหนื่อย (และก็แอบเลือกผู้รับมากขึ้นค่ะ)
คำของเพื่อนๆ ที่บอกว่าได้รับประโยชน์
คือสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจว่า อืม..เรามาแลกเปลี่ยนในนี้
น่าจะได้ประโยชน์แก่เพื่อนๆ เป็นวงกว้างกว่า....ลืมๆ ไป ก็มาอ่านซ้ำได้
และที่สำคัญน่าจะมีโอกาสที่จะนำไปลองใช้มากกว่าเพราะ
web นี้เป็นผู้ที่มีความต้องการความมั่นคงทางการเงินเป็นฐานแน่ๆ
แนะนำหนังสือ "หมาน้อยสอนรวย" "คัมภีร์ 5 เหรียญ" และ การ์ตูนชุด "ครอบครัวตึ๋งหนืด"
สำหรับครอบครัวที่มีเด็กนะคะ
ในทางกลับกันหลายๆ เดี๋ยวเราก็ได้รับมุมมองคิดดีๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 71
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ
อ่านเพลินมาก
อ่านเพลินมาก
Life is Beautiful ...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 72
กลับมาเรื่องการลงทุนบ้างดีกว่า (สลับไป สลับมากับเรื่องเลี้ยงลูก)
การลงทุนในการศึกษา, ความรู้ รวมทั้งการเลือกใช้เวลาไปกับสิ่งใด......ก็เป็นสิ่งสำคัญมากนะ
ตอนลูกอายุได้เกือบสองเดือน....สามีมาบอกว่าบริษัทจะส่งไป train ที่อเมริกา (กำหนดเดินทางคือ ...ตอนลูกอายุ 2 เดือนครึ่ง)
พี่ Director ให้กลับมาถามที่บ้านก่อน ...เราตอบตกลงทันใด
........................................................................................
สามีอึ้งและเงียบงันไปพักใหญ่ ....ไปทำโน่นทำนี่..ทำงานบ้านง่วนเลย (ดูครุ่นคิด...แปลกๆ)
พอกล่อมลูกหลับไปแล้ว มาบอกว่า....” 9 เดือน” นะ
.........................................................................................
อึ้งและเงียบงันไปพักใหญ่......แต่คราวนี้เป็นเรานะ....(น้ำตาซึมกันทั้งคู่)
ระหว่างที่เงียบงันอยู่นั้น....สามีก็บอกว่าไม่ไปก็ได้นะ เพราะเค้าก็ห่วงแม่ลูกมากจะอยู่กันยังไง
ครู่นึงหลังจากนั้น...เราก็ตอบตกลง ให้เค้ารีบโทรบอกพี่ director เลย กลัวพี่เค้าเปลี่ยนใจ
(ถ้าจำไม่ผิดไปพร้อมกัน 4 หนุ่ม..สามหนุ่มโสด+1พ่อลูกอ่อน)
............................................................................................
เพื่อนๆ ที่รู้ (โดยเฉพาะผู้หญิง) บอกว่า “ให้ไปได้ไง”... ถ้าเป็นสามีเค้า เค้าไม่ให้ไป...รอโอกาสหน้าให้ลูกโตกว่านี้ค่อยไปก็ได้
บางคนห่วงเรื่องลูกยังเล็ก.... บางคนห่วงเรื่อง...(ที่ภรรยามักจะห่วงกัน ....เดาออกใช่มั้ย....คุณได้ไปต่อ..555)
แต่เรามองว่าที่ผ่านมาบริษัทส่งไปอเมริกาบ้าง สิงคโปร์บ้าง ครั้งละ 1-3 สัปดาห์
แต่ครั้งนี้ 9 เดือน แสดงว่ามันคงจะเป็นงานที่สำคัญพอสมควร โอกาสอย่างนี้ไม่น่าจะมีบ่อย
ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามันอาจจะสำคัญต่อความก้าวหน้าในชีวิตการงานของผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเลยก็ได้นะ
เราเลยให้เค้าไป...โดยใช้เวลาคิดไม่นานเลย
............................................................................................
ตัดกลับมาที่อีกมุมมอง ที่แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง พี่ director บอกกับเราว่า “ผมว่า....คุณตัดสินใจถูก”
“ผมก็เคยเป็นแบบนี้แหละ.... ตอนนั้นยังไม่มีลูกแต่เพิ่งแต่งงานได้ 2 เดือน....ไปนานกว่านี้อีก”
ที่เล่ามาอยากบอกว่าสำหรับเรา เราว่านี่คือการลงทุนอย่างหนึ่งที่นับมูลค่าไม่ได้
เพราะมันเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้สามีเรามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ในเวลาที่รวดเร็วทีเดียว
เค้าได้รับการ promote เป็น manager ไม่นานนักหลังกลับจากการ train ในครั้งนั้น
แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือรายรับที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง....ที่ช่วยให้เราสามารถนำมาต่อยอดการลงทุนให้งอกเงยได้เร็วขึ้น
............................................................
เมื่อปลายปีที่แล้ว
หลังจากทราบข่าวว่าบริษัทต้องปิดตัวลง เรายอมรับว่ากำลังกังวลกับเรื่องที่สามีต้องตกงานอยู่พอสมควร
ทันใดนั้นเอง.....บริษัทที่อเมริกาบริษัทนึง (เป็นบริษัทนายจ้างของสามีในปัจจุบัน)
ติดต่อมาทางท่าน MD และพี่ director ท่านเดิม ให้ช่วยหาคนไป train ที่ อเมริกา 6 เดือน
เพื่อให้กลับมาช่วยดูงานที่ทางบริษัทจะเอามาจ้างผลิตที่ไทย (ด่วนอีกแล้ว)
ท่าน MD และพี่ director ท่านเดิม เสนอชื่อสามีเราไปโดยรับรองคุณสมบัติให้อย่างดี
ถือเป็นความกรุณาต่อครอบครัวของเรามากๆๆๆๆ.........สามีเราไม่มีช่วงตกงานเลย
.............................................................
เค้าไป train ครั้งนี้ แม้จะนานถึง 6 เดือน .... แต่เราไม่น้ำตาร่วงละ.....เพราะเราเองก็มีอะไรต้องทำเยอะแยะไปหมด
เราเป็นนักลงทุนแนว VI ที่ port เริ่มโตขึ้นแล้ว....เราวุ่นอยู่กับการสร้างตารางจำลองหลากหลายรูปแบบ
วางแผนจัดการกับเงินก้อนที่จะได้รับ (เงินชดเชย+สำรองเลี้ยงชีพ) ว่าหลังหักเงินที่ต้องซื้อ LTF แล้ว
จะเอาไปทำอะไรให้งอกเงยดี เริ่มคัดเลือกหุ้นตัวใหม่ที่จะลงทุนทันที....
จังหวะดีไปเลือกหุ้นตัวนึงถูกเวลาพอดี ซื้อแล้วถือยาวเกือบปีแล้ว พอได้ capital gain เกิน 100 %
(จริงๆ แล้วก็ค่อนไปทาง 200 % มากกว่านะ) ก็ตัดสินใจขายเอาเงินมาซื้อหุ้นปันผลที่เราอยากได้เพิ่ม
ขายเร็วไปนิดนึงด้วยถ้าถือต่ออีกนิดนึงจะได้เปอร์เซ็นต์มากกว่านี้ (หลายคนคงเคยเป็นเหมือนกัน....ใครจะไปรู้ล่ะ...เนอะ)
การลงทุนในการศึกษา, ความรู้ รวมทั้งการเลือกใช้เวลาไปกับสิ่งใด......ก็เป็นสิ่งสำคัญมากนะ
ตอนลูกอายุได้เกือบสองเดือน....สามีมาบอกว่าบริษัทจะส่งไป train ที่อเมริกา (กำหนดเดินทางคือ ...ตอนลูกอายุ 2 เดือนครึ่ง)
พี่ Director ให้กลับมาถามที่บ้านก่อน ...เราตอบตกลงทันใด
........................................................................................
สามีอึ้งและเงียบงันไปพักใหญ่ ....ไปทำโน่นทำนี่..ทำงานบ้านง่วนเลย (ดูครุ่นคิด...แปลกๆ)
พอกล่อมลูกหลับไปแล้ว มาบอกว่า....” 9 เดือน” นะ
.........................................................................................
อึ้งและเงียบงันไปพักใหญ่......แต่คราวนี้เป็นเรานะ....(น้ำตาซึมกันทั้งคู่)
ระหว่างที่เงียบงันอยู่นั้น....สามีก็บอกว่าไม่ไปก็ได้นะ เพราะเค้าก็ห่วงแม่ลูกมากจะอยู่กันยังไง
ครู่นึงหลังจากนั้น...เราก็ตอบตกลง ให้เค้ารีบโทรบอกพี่ director เลย กลัวพี่เค้าเปลี่ยนใจ
(ถ้าจำไม่ผิดไปพร้อมกัน 4 หนุ่ม..สามหนุ่มโสด+1พ่อลูกอ่อน)
............................................................................................
เพื่อนๆ ที่รู้ (โดยเฉพาะผู้หญิง) บอกว่า “ให้ไปได้ไง”... ถ้าเป็นสามีเค้า เค้าไม่ให้ไป...รอโอกาสหน้าให้ลูกโตกว่านี้ค่อยไปก็ได้
บางคนห่วงเรื่องลูกยังเล็ก.... บางคนห่วงเรื่อง...(ที่ภรรยามักจะห่วงกัน ....เดาออกใช่มั้ย....คุณได้ไปต่อ..555)
แต่เรามองว่าที่ผ่านมาบริษัทส่งไปอเมริกาบ้าง สิงคโปร์บ้าง ครั้งละ 1-3 สัปดาห์
แต่ครั้งนี้ 9 เดือน แสดงว่ามันคงจะเป็นงานที่สำคัญพอสมควร โอกาสอย่างนี้ไม่น่าจะมีบ่อย
ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามันอาจจะสำคัญต่อความก้าวหน้าในชีวิตการงานของผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเลยก็ได้นะ
เราเลยให้เค้าไป...โดยใช้เวลาคิดไม่นานเลย
............................................................................................
ตัดกลับมาที่อีกมุมมอง ที่แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง พี่ director บอกกับเราว่า “ผมว่า....คุณตัดสินใจถูก”
“ผมก็เคยเป็นแบบนี้แหละ.... ตอนนั้นยังไม่มีลูกแต่เพิ่งแต่งงานได้ 2 เดือน....ไปนานกว่านี้อีก”
ที่เล่ามาอยากบอกว่าสำหรับเรา เราว่านี่คือการลงทุนอย่างหนึ่งที่นับมูลค่าไม่ได้
เพราะมันเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้สามีเรามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ในเวลาที่รวดเร็วทีเดียว
เค้าได้รับการ promote เป็น manager ไม่นานนักหลังกลับจากการ train ในครั้งนั้น
แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือรายรับที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง....ที่ช่วยให้เราสามารถนำมาต่อยอดการลงทุนให้งอกเงยได้เร็วขึ้น
............................................................
เมื่อปลายปีที่แล้ว
หลังจากทราบข่าวว่าบริษัทต้องปิดตัวลง เรายอมรับว่ากำลังกังวลกับเรื่องที่สามีต้องตกงานอยู่พอสมควร
ทันใดนั้นเอง.....บริษัทที่อเมริกาบริษัทนึง (เป็นบริษัทนายจ้างของสามีในปัจจุบัน)
ติดต่อมาทางท่าน MD และพี่ director ท่านเดิม ให้ช่วยหาคนไป train ที่ อเมริกา 6 เดือน
เพื่อให้กลับมาช่วยดูงานที่ทางบริษัทจะเอามาจ้างผลิตที่ไทย (ด่วนอีกแล้ว)
ท่าน MD และพี่ director ท่านเดิม เสนอชื่อสามีเราไปโดยรับรองคุณสมบัติให้อย่างดี
ถือเป็นความกรุณาต่อครอบครัวของเรามากๆๆๆๆ.........สามีเราไม่มีช่วงตกงานเลย
.............................................................
เค้าไป train ครั้งนี้ แม้จะนานถึง 6 เดือน .... แต่เราไม่น้ำตาร่วงละ.....เพราะเราเองก็มีอะไรต้องทำเยอะแยะไปหมด
เราเป็นนักลงทุนแนว VI ที่ port เริ่มโตขึ้นแล้ว....เราวุ่นอยู่กับการสร้างตารางจำลองหลากหลายรูปแบบ
วางแผนจัดการกับเงินก้อนที่จะได้รับ (เงินชดเชย+สำรองเลี้ยงชีพ) ว่าหลังหักเงินที่ต้องซื้อ LTF แล้ว
จะเอาไปทำอะไรให้งอกเงยดี เริ่มคัดเลือกหุ้นตัวใหม่ที่จะลงทุนทันที....
จังหวะดีไปเลือกหุ้นตัวนึงถูกเวลาพอดี ซื้อแล้วถือยาวเกือบปีแล้ว พอได้ capital gain เกิน 100 %
(จริงๆ แล้วก็ค่อนไปทาง 200 % มากกว่านะ) ก็ตัดสินใจขายเอาเงินมาซื้อหุ้นปันผลที่เราอยากได้เพิ่ม
ขายเร็วไปนิดนึงด้วยถ้าถือต่ออีกนิดนึงจะได้เปอร์เซ็นต์มากกว่านี้ (หลายคนคงเคยเป็นเหมือนกัน....ใครจะไปรู้ล่ะ...เนอะ)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 73
คุณ ”นายมานะ” เดาถูกค่ะนายมานะ เขียน:ยิ่งอ่านยิ่งสุดยอดครับ ขอเป็นอีก 1 เสียงเรียกที่อยากให้คุณ theenuch โพสต่อไปครับ นี่ไม่ใช่แค่กระทู้ชี้แนะการลงทุนแล้วครับ แต่ยังสอนหลักการดำเนินชีวิตที่ชาญฉลาด การสร้างครอบครัวอย่างมั่นคง และยังนสอนวิธีการถ่ายทอดความคิดนี้ไปยังอีกชีวิตหนึ่งอีกด้วย ผมค่อนข้างแปลกใจที่อ่านโพสของคุณ theenuch แล้วรู้สึกว่าสนุกมาก เรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายมาก ทั้งๆ ที่คุณ theenuch ก็เน้นมาตลอดว่าไม่นิยมการโพสสักเท่าไหร่ คิดว่าคงเป็นเพราะคุณ theenuch ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ให้กับลูก และคนใกล้ๆตัว มาอย่างต่อเนื่องครับ ขอบคุณที่ตัดสินใจนำความรู้และประสบการณ์มาแชร์ให้กับสังคมแห่งนี้ครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ
เมื่อก่อนตอนท้องเราไปเก็บเกี่ยวความรู้ที่ห้องครอบครัวของสำนักพิมพ์รักลูกเป็นชุมชนที่น่ารักมากอีกแห่งนึง
พอลูกเกิด ก็ลอง post แบ่งปันกับเพื่อนๆ บ้าง ใช้ชื่อว่า “คุณแม่น้องธีร์” ค่ะ ตัวเองชื่อ “นุช” ( ที่มาของ theenuch )
อาจเป็นเพราะพอเป็นเรื่องสุขภาพเราพอตอบได้เพราะเป็นสายงานที่เราคุ้นเคย
เช่น ถ้าใครถามเรื่องลูกไข้สูงทำไงดีส่วนใหญ่มักจะได้รับคำตอบว่าเช็ดตัว +ให้ยา
แต่เราสังเกตพบว่าพ่อแม่ที่ให้ข้อมูลว่าเช็ดตัวแล้วไข้ก็ไม่ลง....เยอะทีเดียว
พอซักถามอย่างละเอียดเลยทำให้รู้ว่าเค้าไม่รู้จักการ “เช็ดตัวลดไข้” อย่างแท้จริง
เลยพยายามอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้เข้าใจง่ายขึ้น หลายคนบอก “อ๋อ....เพิ่งเข้าใจ” ที่ผ่านมาเคยได้ยิน (เข้าหู) ....แต่ไม่เข้าใจ
พอใส่ใจและค่อยๆ ถ่ายทอดให้ละเอียดขึ้นพบว่าสามารถช่วยพ่อแม่มือใหม่ได้บ้าง
(บางทีดึกๆ มากแล้ว เจอกระทู้ "ช่วยด้วย...ด่วน"...พอดีนอนดึกก็ไปตอบค่ะ)
เรียนโทด้านจิตวิทยาแนะแนวและให้คำปรึกษาอยู่ด้วย ก็พอมีประโยชน์กับแม่ๆ ที่มีปัญหาครอบครัวด้วย
ปรากฏว่ามีเพื่อนเยอะขึ้นทุกวัน แต่ช่วยหลังๆ ต้องทำ thesis เลยทำตัวหายสาบสูญไป ไม่ได้เข้าไปอีกเลยค่ะ
ผ่านไปนานพอสมควร...(ซัก 2-3 ปี เห็นจะได้) ลองเปิดๆ เข้าไปอ่าน มีกระทู้เก่ามากแล้วชื่อว่า
“ตามหาคุณแม่น้องธีร์” อะไรประมาณนี้ เปิดเข้าไปดู พบเป็น “คุณแม่ลูกสาม”
เข้ามาขอบคุณอย่างมากที่ทำให้ตัดสินใจเลือกทางเดินที่เหมาะสมได้...อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยทีเดียว
แต่...กระทู้เก่ามาก คาดว่าคุณแม่ลูกสามคงไม่คิดว่าเราจะได้มาอ่านอีกแล้วหละ
ไม่แน่นะคุณแม่ลูกสามอาจเป็นนักลงทุนแนว VI อยู่ เผลอๆ จะได้มาคุยกันต่อที่นี่
หลังจากนั้นก็กลัวว่าจะเป็นแบบเดิมอีกเลยกะจะเลิก post คุยกับใครอีกต่อไป กลัวผูกพัน 555
จนมาเจอ web นี้แหละเลยกลับมาลอง post ดู เหมือนๆ จะเริ่มมีเพื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 80
ขอชื่นชมนะครับ เป็นแม่ที่ดี เป็นภรรยาที่ดี เป็นนักลงทุนที่ดี
จากที่อ่านมาทั้งหมด ยินดีกับพี่นุชกับพี่ผู้ชายด้วยนะครับ ที่ได้คู่ครองที่ส่งเสริมกันเข้าใจซึ่งกันและกัน
จากที่อ่านมาทั้งหมด ยินดีกับพี่นุชกับพี่ผู้ชายด้วยนะครับ ที่ได้คู่ครองที่ส่งเสริมกันเข้าใจซึ่งกันและกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 381
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 82
สามีคุณโชคดีมากที่ได้ภรรยาฉลาด ดีและเก่งขนาดนี้
อย่างที่เขาว่าไว้ว่า เบื้องหลังบุรุษที่ยิ่งใหญ่คือภรรยาที่แสนดีและเกื้อหนุน
อ่านแล้วอยากแชร์ความเห็นบ้าง
ผมว่าขีวิตของแต่ละคนมีเส้นทางของมัน
เมื่อก่อนบอกตามตรงเลยว่า
ผมก็มีนิสัยประหยัดมัธยัสถ์มากๆเช่นกัน
แต่ผลจากการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงมากมา4-5ปีติดต่อกัน
3ปีนี้ผมซื้อรถbmwไป2คัน
325iให้รางวัลตัวเอง
และ320iตอบแทนความดีภรรยา
ซึ่งผมรู้สึกว่าคุ้มมากเพราะเธอดีใจและมีความสุขมาก
ผมกล้าจ่ายเงินมากๆในสิ่งที่ชอบเช่นรถ กล้อง ทานร้านอาหารแพงๆ เที่ยวต่างประเทศฯลฯ
แต่ผมไม่มีนาฬิกาหรูหรือเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม
ผมอายุมากแล้ว ไม่รู้จะเคร่งครัดกับตัวเองไปมากมายเพื่ออะไร
สิ่งทีทําแล้วมีความสุขและไม่เดิอดร้อนก็ทําไป
พอใช้ชีวิตสบายขึ้น การจะสอนลูกให้ประหยัดมากๆก็ลําบาก
เพราะลูกก็เห็นการใช้ชีวิตของพ่อแม่อยู่
ผมเลยไม่ได้เน้นให้ลูกประหยัด
แต่ผมสอนลูกให้เคารพเชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้าอยากสุขสบายก็ต้องพัฒนาศักยภาพความสามารถตัวเองให้สูง
เพื่อที่จะมีรายได้เพียงพอใช้จ่ายได้มากๆในอนาคต
และให้มีความสุขในทุกวันของชีวิต
ชีวิตคนเราสั้นและไม่แน่นอน
อะไรมีความสุขก็ทําไปเถอะ
เจ็บป่วยหนักขึ้นมาเงินทองก็ไม่มีความหมายอะไร
ในทํานองเดียวกันถ้าหุ้นตกหนักเหมือนปี40
ผมก็พร้อมจะกลับไปใชีชีวิตปรหยัดมัธยัสถ์แบบเดิม
อย่างที่เขาว่าไว้ว่า เบื้องหลังบุรุษที่ยิ่งใหญ่คือภรรยาที่แสนดีและเกื้อหนุน
อ่านแล้วอยากแชร์ความเห็นบ้าง
ผมว่าขีวิตของแต่ละคนมีเส้นทางของมัน
เมื่อก่อนบอกตามตรงเลยว่า
ผมก็มีนิสัยประหยัดมัธยัสถ์มากๆเช่นกัน
แต่ผลจากการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงมากมา4-5ปีติดต่อกัน
3ปีนี้ผมซื้อรถbmwไป2คัน
325iให้รางวัลตัวเอง
และ320iตอบแทนความดีภรรยา
ซึ่งผมรู้สึกว่าคุ้มมากเพราะเธอดีใจและมีความสุขมาก
ผมกล้าจ่ายเงินมากๆในสิ่งที่ชอบเช่นรถ กล้อง ทานร้านอาหารแพงๆ เที่ยวต่างประเทศฯลฯ
แต่ผมไม่มีนาฬิกาหรูหรือเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม
ผมอายุมากแล้ว ไม่รู้จะเคร่งครัดกับตัวเองไปมากมายเพื่ออะไร
สิ่งทีทําแล้วมีความสุขและไม่เดิอดร้อนก็ทําไป
พอใช้ชีวิตสบายขึ้น การจะสอนลูกให้ประหยัดมากๆก็ลําบาก
เพราะลูกก็เห็นการใช้ชีวิตของพ่อแม่อยู่
ผมเลยไม่ได้เน้นให้ลูกประหยัด
แต่ผมสอนลูกให้เคารพเชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้าอยากสุขสบายก็ต้องพัฒนาศักยภาพความสามารถตัวเองให้สูง
เพื่อที่จะมีรายได้เพียงพอใช้จ่ายได้มากๆในอนาคต
และให้มีความสุขในทุกวันของชีวิต
ชีวิตคนเราสั้นและไม่แน่นอน
อะไรมีความสุขก็ทําไปเถอะ
เจ็บป่วยหนักขึ้นมาเงินทองก็ไม่มีความหมายอะไร
ในทํานองเดียวกันถ้าหุ้นตกหนักเหมือนปี40
ผมก็พร้อมจะกลับไปใชีชีวิตปรหยัดมัธยัสถ์แบบเดิม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 83
สรุปเส้นทางใช้ชีวิตและการลงทุนของที่บ้านอย่างคร่าวๆ นะคะ
(เราว่าคล้ายๆ กับชีวิตของใครหลายคนแน่นอนค่ะ)
หลังแต่งงานเช่าหอพักอยู่แถว ม.เกษตร ค่าเช่า 2,800 บาท (รถบริษัทสามีผ่าน)
ย้ายมาอยู่หอแถวๆ หลัง ปตท. 3,200 บาท/เดือน
(รถบริษัทผ่าน+ใกล้ที่ทำงานเรามากขึ้นทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขค่ะ)
ยืมเงินเตี่ยมาซื้อรถนิสสันมือสอง (ไม่มีดอกเบี้ย-ทยอยคืนจนหมดอย่างเร็ว) เพื่อความสะดวกในการรับงานพิเศษ
(รับอยู่เวรห้องพยาบาลโรงงานแถวนวนคร+และต่อมารับไข่ไก่มาส่งขายให้ร้านอาหาร
บรรทุกไข่แผงไข่เต็มท้ายรถและในตัวเบาะคนนั่งด้านหลังเท่าที่จะบรรทุกได้ค่ะ)
เริ่มต้นผ่อนทาวนเฮาส์เพื่ออยู่อาศัยย่านรังสิต 8.2 แสน (มีลูกตอนอยู่บ้านนี้ค่ะ)
มีเงินอะไรพิเศษมาก็โปะบ้านเพิ่มตลอด ต่อมาขายได้ 9.8 แสน
เปลี่ยนไปซื้อบ้านเดี่ยวหลังแรก 80 ตรว. ที่จริงทางโครงการกำหนด spec เป็นบ้านหลังใหญ่
แต่ขอร้องเค้าเอาบ้านหลังเล็กลง เจ้าของโครงการเกรงว่าจะน้อยเนื้อต่ำใจหรือเปล่าหลังเล็กกว่าใคร
ตอบไปว่าอยู่กันแค่ 3 คน หลังเล็กก็พอ อยากได้ที่ดินมากไว้ก่อนเผื่อมีเงินค่อยต่อเติมก็ได้
เจ้าของโครงการกรุณามากๆ ตกลงให้ แต่ขอให้เป็นแปลงท้ายๆ ซอย
ราคารวมต่อเติม 1.7 ล้าน ต่อมาขายได้ 2.4 ล้าน
ซื้อคอนโดใกล้ ม.บูรพาจากผู้ที่ผ่อนดาวน์แล้วกู้ไม่ผ่าน 3.8 แสน
(กู้สหกรณ์ที่ทำงานสามีบางส่วน) ให้นักศึกษาเช่าประมาณ 3 ปี (ผ่อนหมดภายใน 3 ปี) แล้วขายต่อ 4.5 แสน
ลงทุนในหุ้นครั้งแรกด้วยเงินจากการขายคอนโด
ช่วงแรกยังไม่ใช่แนว VI แต่ก็ซื้อหุ้นแล้วถือรอบใหญ่
โชคดีที่เลือกหุ้นถูกตัว มี story แตกพาร์ จาก 10 เป็น 1
ซื้อไว้ก่อนที่คนอื่นๆ จะไล่ราคาถือไว้จนแตกพาร์
แล้วก็ถือจนราคาขึ้นไปอีกแล้วค่อยขาย port โตขึ้นเยอะค่ะ
ที่ดินเปล่าซื้อมา 6.5 แสน (กู้ BBL 5.2 แสนเหมือนเดิมผ่อนมากเท่าที่จะมากได้)
ขายต่อ 8.2 แสน หักคืน BBL เหลือเท่าไหร่เอาลงทุนเพิ่มค่ะ
เปลี่ยนไปซื้อบ้านหลังใหม่(ติดถนนหลัก+สภาพแวดล้อม+ระบบรักษาความปลอดภัยดีขึ้น)
หลังนี้ลงตัวมากตอนนี้ต้นไม้ร่มครึ้มเลย ธนาคารให้ผ่อน 17,000 บาท/เดือน แต่ผ่อนจริง 50,000 บาท
รีไฟแนนซ์ไปใช้ดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ 9 เดือน (ยอดกู้ตอนรีไฟแนนซ์เหลือ 1.82 ล้าน)
ครบ 9 เดือน ที่ต้องเสียดอกเบี้ยนำเงินที่ได้จากการ ออกจากงานของสามีมาจ่ายเพิ่มอีก 1 ล้าน
ปัจจุบันเหลือยอดหนี้ 5.8 แสนบาท (ถ้าปิดก่อน มี.ค. 58 ต้องเสียเบี้ยปรับ 3% ของยอดกู้)
ปัจจุบันไม่มีหนี้บัตรเครดิต ไม่ได้ผ่อนรถค่ะ
ทุกครั้งที่ขายบ้านได้กำไรเสมอค่ะ เพราะ
1. ตอนต่อเติมบ้านเลือกใช้วัสดุราคาไม่สูง เช่นเลือกกระเบื้องที่ราคาถูกไม่มีลาย
แล้วใส่ลูกเล่นสลับไปมาสลับให้เก๋ๆ (ช่างปวดหัวกับเรามากเลย)
2. ดูแลบ้านอย่างดี เวลาทำความสะอาดห้องครัวและห้องน้ำจะขัดผนังด้วยเสมอ
ชอบปลูกต้นไม้บังแดดกว่าจะถึงเวลาขายต้นไม้ร่มครึ้มบรรยากาศรวมๆ จะค่อนข้างร่มเย็นค่ะ
การทำงานเสริม
รับอยู่เวรห้องพยาบาลตามโรงงาน (เวร 12 ชม.) หลังจากซื้อรถเก่าๆ มาคันแรก
ทำให้สามารถแขวนชุดสำรองไว้ในรถได้ เวลาพี่ๆ เพื่อนๆ ไม่ว่าง
(เช่นเราอยู่คืนวันศุกร์ พอเสาร์อาทิตย์บางคนที่มีชื่อตามตารางเวรไม่ว่าง
ก็จะโทรมาถามว่า “อยู่ต่อได้มั้ย” รับทันทีไม่มีอิดออดค่ะ
บางทีอยู่ติดกัน 48 ชั่วโมงเลย (4 เวรติด) ก็มีค่ะ....)
รับไข่ไก่มาส่งให้ร้านผัดไทย , ซื้อขนมแพคใหญ่มาแบ่งให้เป็นแพคเล็ก เอาไปฝากขาย
เป็นอย่างไรบ้างคะ เส้นทางไม่ได้สบายเลย
ที่สำคัญที่สุดคือการทยอยเปลี่ยนแนวการลงทุนมาเป็นแบบ VI ค่ะ
ใครหลายคนที่ลำบากตอนนี้ก็อดทน และสู้ๆ นะคะ
(เราว่าคล้ายๆ กับชีวิตของใครหลายคนแน่นอนค่ะ)
หลังแต่งงานเช่าหอพักอยู่แถว ม.เกษตร ค่าเช่า 2,800 บาท (รถบริษัทสามีผ่าน)
ย้ายมาอยู่หอแถวๆ หลัง ปตท. 3,200 บาท/เดือน
(รถบริษัทผ่าน+ใกล้ที่ทำงานเรามากขึ้นทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขค่ะ)
ยืมเงินเตี่ยมาซื้อรถนิสสันมือสอง (ไม่มีดอกเบี้ย-ทยอยคืนจนหมดอย่างเร็ว) เพื่อความสะดวกในการรับงานพิเศษ
(รับอยู่เวรห้องพยาบาลโรงงานแถวนวนคร+และต่อมารับไข่ไก่มาส่งขายให้ร้านอาหาร
บรรทุกไข่แผงไข่เต็มท้ายรถและในตัวเบาะคนนั่งด้านหลังเท่าที่จะบรรทุกได้ค่ะ)
เริ่มต้นผ่อนทาวนเฮาส์เพื่ออยู่อาศัยย่านรังสิต 8.2 แสน (มีลูกตอนอยู่บ้านนี้ค่ะ)
มีเงินอะไรพิเศษมาก็โปะบ้านเพิ่มตลอด ต่อมาขายได้ 9.8 แสน
เปลี่ยนไปซื้อบ้านเดี่ยวหลังแรก 80 ตรว. ที่จริงทางโครงการกำหนด spec เป็นบ้านหลังใหญ่
แต่ขอร้องเค้าเอาบ้านหลังเล็กลง เจ้าของโครงการเกรงว่าจะน้อยเนื้อต่ำใจหรือเปล่าหลังเล็กกว่าใคร
ตอบไปว่าอยู่กันแค่ 3 คน หลังเล็กก็พอ อยากได้ที่ดินมากไว้ก่อนเผื่อมีเงินค่อยต่อเติมก็ได้
เจ้าของโครงการกรุณามากๆ ตกลงให้ แต่ขอให้เป็นแปลงท้ายๆ ซอย
ราคารวมต่อเติม 1.7 ล้าน ต่อมาขายได้ 2.4 ล้าน
ซื้อคอนโดใกล้ ม.บูรพาจากผู้ที่ผ่อนดาวน์แล้วกู้ไม่ผ่าน 3.8 แสน
(กู้สหกรณ์ที่ทำงานสามีบางส่วน) ให้นักศึกษาเช่าประมาณ 3 ปี (ผ่อนหมดภายใน 3 ปี) แล้วขายต่อ 4.5 แสน
ลงทุนในหุ้นครั้งแรกด้วยเงินจากการขายคอนโด
ช่วงแรกยังไม่ใช่แนว VI แต่ก็ซื้อหุ้นแล้วถือรอบใหญ่
โชคดีที่เลือกหุ้นถูกตัว มี story แตกพาร์ จาก 10 เป็น 1
ซื้อไว้ก่อนที่คนอื่นๆ จะไล่ราคาถือไว้จนแตกพาร์
แล้วก็ถือจนราคาขึ้นไปอีกแล้วค่อยขาย port โตขึ้นเยอะค่ะ
ที่ดินเปล่าซื้อมา 6.5 แสน (กู้ BBL 5.2 แสนเหมือนเดิมผ่อนมากเท่าที่จะมากได้)
ขายต่อ 8.2 แสน หักคืน BBL เหลือเท่าไหร่เอาลงทุนเพิ่มค่ะ
เปลี่ยนไปซื้อบ้านหลังใหม่(ติดถนนหลัก+สภาพแวดล้อม+ระบบรักษาความปลอดภัยดีขึ้น)
หลังนี้ลงตัวมากตอนนี้ต้นไม้ร่มครึ้มเลย ธนาคารให้ผ่อน 17,000 บาท/เดือน แต่ผ่อนจริง 50,000 บาท
รีไฟแนนซ์ไปใช้ดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ 9 เดือน (ยอดกู้ตอนรีไฟแนนซ์เหลือ 1.82 ล้าน)
ครบ 9 เดือน ที่ต้องเสียดอกเบี้ยนำเงินที่ได้จากการ ออกจากงานของสามีมาจ่ายเพิ่มอีก 1 ล้าน
ปัจจุบันเหลือยอดหนี้ 5.8 แสนบาท (ถ้าปิดก่อน มี.ค. 58 ต้องเสียเบี้ยปรับ 3% ของยอดกู้)
ปัจจุบันไม่มีหนี้บัตรเครดิต ไม่ได้ผ่อนรถค่ะ
ทุกครั้งที่ขายบ้านได้กำไรเสมอค่ะ เพราะ
1. ตอนต่อเติมบ้านเลือกใช้วัสดุราคาไม่สูง เช่นเลือกกระเบื้องที่ราคาถูกไม่มีลาย
แล้วใส่ลูกเล่นสลับไปมาสลับให้เก๋ๆ (ช่างปวดหัวกับเรามากเลย)
2. ดูแลบ้านอย่างดี เวลาทำความสะอาดห้องครัวและห้องน้ำจะขัดผนังด้วยเสมอ
ชอบปลูกต้นไม้บังแดดกว่าจะถึงเวลาขายต้นไม้ร่มครึ้มบรรยากาศรวมๆ จะค่อนข้างร่มเย็นค่ะ
การทำงานเสริม
รับอยู่เวรห้องพยาบาลตามโรงงาน (เวร 12 ชม.) หลังจากซื้อรถเก่าๆ มาคันแรก
ทำให้สามารถแขวนชุดสำรองไว้ในรถได้ เวลาพี่ๆ เพื่อนๆ ไม่ว่าง
(เช่นเราอยู่คืนวันศุกร์ พอเสาร์อาทิตย์บางคนที่มีชื่อตามตารางเวรไม่ว่าง
ก็จะโทรมาถามว่า “อยู่ต่อได้มั้ย” รับทันทีไม่มีอิดออดค่ะ
บางทีอยู่ติดกัน 48 ชั่วโมงเลย (4 เวรติด) ก็มีค่ะ....)
รับไข่ไก่มาส่งให้ร้านผัดไทย , ซื้อขนมแพคใหญ่มาแบ่งให้เป็นแพคเล็ก เอาไปฝากขาย
เป็นอย่างไรบ้างคะ เส้นทางไม่ได้สบายเลย
ที่สำคัญที่สุดคือการทยอยเปลี่ยนแนวการลงทุนมาเป็นแบบ VI ค่ะ
ใครหลายคนที่ลำบากตอนนี้ก็อดทน และสู้ๆ นะคะ
- The Kop 71
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 84
ฟังเรื่องราวแล้ว...ยิ่งต้องไม่พลาดชม Money Talk เทปนี้อย่างแน่นอน
ชุมชนแห่งนี้ ไม่ได้มีดีแค่...การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เพียงอย่างเดียว
แต่รวมไปถึง....สมดุลแห่งการดำเนินชีวิต....ที่หลายคนใน Thai VI ก็เป็นแบบอย่าง
แนวทางการดำเนินชีวิตแบบเน้นคุณค่า ที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน
และหลายท่านยัง ยึดถือหลัก...ประโยชน์ตน...ประโยชน์ท่าน เป็นหลักชีวิตอีกด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือ คุณ teenuch ครับ
ชุมชนแห่งนี้ ไม่ได้มีดีแค่...การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เพียงอย่างเดียว
แต่รวมไปถึง....สมดุลแห่งการดำเนินชีวิต....ที่หลายคนใน Thai VI ก็เป็นแบบอย่าง
แนวทางการดำเนินชีวิตแบบเน้นคุณค่า ที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน
และหลายท่านยัง ยึดถือหลัก...ประโยชน์ตน...ประโยชน์ท่าน เป็นหลักชีวิตอีกด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือ คุณ teenuch ครับ
เพราะสังคม..ประเมินค่า..ที่จนรวย
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 85
นับถือครับโดยเฉพาะแนวคิดทั้งเรื่องการดำเนินชีวิตและการลงทุน
สร้างแรงบันดาลใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเริ่มต้น เมื่อผู้ที่เดินทางถึงจุดหมายมายืนยันว่านี่เป็นเส้นทางที่ทำได้จริง
ชื่นชมทุกท่านที่สร้างความมั่นคงได้ด้วยหนึ่งสมองสองมือใน generation ของตนเอง
รออ่านต่อครับ
สร้างแรงบันดาลใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเริ่มต้น เมื่อผู้ที่เดินทางถึงจุดหมายมายืนยันว่านี่เป็นเส้นทางที่ทำได้จริง
ชื่นชมทุกท่านที่สร้างความมั่นคงได้ด้วยหนึ่งสมองสองมือใน generation ของตนเอง
รออ่านต่อครับ
- theerasak24
- Verified User
- โพสต์: 614
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 86
ชอบมากเลยครับ เอาไปเขียนเป็นหนังสือขายได้เลย ดิ้นรนดีจริงๆๆ เลยนะครับ นับถืออย่างยิ่งเลย
จะติดตามชมไปตลอดเลยนะ ครับ
จะติดตามชมไปตลอดเลยนะ ครับ
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 87
ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะdrsp เขียน:สามีคุณโชคดีมากที่ได้ภรรยาฉลาด ดีและเก่งขนาดนี้
อย่างที่เขาว่าไว้ว่า เบื้องหลังบุรุษที่ยิ่งใหญ่คือภรรยาที่แสนดีและเกื้อหนุน
อ่านแล้วอยากแชร์ความเห็นบ้าง
ผมว่าขีวิตของแต่ละคนมีเส้นทางของมัน
เมื่อก่อนบอกตามตรงเลยว่า
ผมก็มีนิสัยประหยัดมัธยัสถ์มากๆเช่นกัน
แต่ผลจากการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงมากมา4-5ปีติดต่อกัน
3ปีนี้ผมซื้อรถbmwไป2คัน
325iให้รางวัลตัวเอง
และ320iตอบแทนความดีภรรยา
ซึ่งผมรู้สึกว่าคุ้มมากเพราะเธอดีใจและมีความสุขมาก
ผมกล้าจ่ายเงินมากๆในสิ่งที่ชอบเช่นรถ กล้อง ทานร้านอาหารแพงๆ เที่ยวต่างประเทศฯลฯ
แต่ผมไม่มีนาฬิกาหรูหรือเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม
ผมอายุมากแล้ว ไม่รู้จะเคร่งครัดกับตัวเองไปมากมายเพื่ออะไร
สิ่งทีทําแล้วมีความสุขและไม่เดิอดร้อนก็ทําไป
พอใช้ชีวิตสบายขึ้น การจะสอนลูกให้ประหยัดมากๆก็ลําบาก
เพราะลูกก็เห็นการใช้ชีวิตของพ่อแม่อยู่
ผมเลยไม่ได้เน้นให้ลูกประหยัด
แต่ผมสอนลูกให้เคารพเชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้าอยากสุขสบายก็ต้องพัฒนาศักยภาพความสามารถตัวเองให้สูง
เพื่อที่จะมีรายได้เพียงพอใช้จ่ายได้มากๆในอนาคต
และให้มีความสุขในทุกวันของชีวิต
ชีวิตคนเราสั้นและไม่แน่นอน
อะไรมีความสุขก็ทําไปเถอะ
เจ็บป่วยหนักขึ้นมาเงินทองก็ไม่มีความหมายอะไร
ในทํานองเดียวกันถ้าหุ้นตกหนักเหมือนปี40
ผมก็พร้อมจะกลับไปใชีชีวิตปรหยัดมัธยัสถ์แบบเดิม
แต่คนสำคัญและน่าชื่นชมที่สุดก็คือของที่บ้านก็คือสามีค่ะ
เนอกจากหาเงินได้มากกว่าแล้ว...ยังไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่อีกด้วย
ไม่ค่อยมีของที่อยากได้เป็นพิเศษค่ะแถมเก็บเงินเก่งด้วยค่ะ
กลับจากต่างประเทศแต่ละครั้งเก็บเงินมาได้จำนวนมากค่ะ
(ตอนซื้อบ้านหลังที่สองสามีกลับมาจากอเมริกาตอนบ้านเสร็จพอดี
เก็บเงินมาได้ถึง 4 แสนบาทเลยค่ะ (สมัยนั้นถือว่าเยอะทีเดียว)
เราก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไรกันเลยนะคะโปะบ้านกันลูกเดียวเลย
ทำให้เวาลาขายบ้านยิ่งเหลือเงินส่วนต่างเยอะค่ะ
ที่บ้านเราก็มีบางอย่างที่ให้ความสำคัญนะคะ
เช่น การท่องเที่ยวเพราะมีความสุขกันทั้งครอบครัวค่ะ
การศึกษาลูกค่ะ เลือกเรียนอินเตอร์ที่ AIT ค่ะ (สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย)
ราคาเพิ่มจากโรงเรียนไทย EP ไม่มากค่ะ เพิ่งมาเปลี่ยนตอน ป.4 แต่มีแค่ ป.6 ค่ะ
ตอนนี้ขึ้น ม. 1 แล้ว รร.อินเตอร์ที่ไม่ใช่ AIT ราคาแพงมาก
ต้องพยายามเลือกโรงเรียนที่เราพอจ่ายไหวค่ะ -
ถึงต้องมุ่งมั่นสะสมหุ้นปันผลให้เพียงพอต่อค่าเทอมค่ะ (ตอนนี้ได้ปันผลมากกว่าค่าเทอม/ปีแล้ว)
จริงๆ แล้วชอบ BMW เหมือนกันค่ะ แต่คงได้แค่ชอบค่ะ
คิดว่าไม่เหมาะสมกับที่บ้านเราค่ะ ค่าดูแลในระยะยาวค่อนข้างสูง
เคยซื้อ Ford Escape มือสองมาใช้ (อายุรถไม่ถึง 3 ปี )
ราคาตกตามธรรมชาติของรถยุโรป เหลือ 6.4 แสนเองค่ะ
ใช้ต่อมาอีก 5 ปี ขายต่อไป 4 แสนค่ะ ถือว่าคุ้มมากๆ
คันใหม่เลือก CR-V ค่ะ เพราะที่บ้านน่าจะเหมาะกับรถญี่ปุ่นมากกว่า
ตั้งใจว่าจะใช้ให้ถึง 10 ปี จึงเลือกมือหนึ่งมา อีกคันก็รถเล็กๆ อย่าง Mazda 2 ค่ะ
เลือกเกียร์ธรรมดาเพราะราคาถูกดีค่ะ (..555 หักคืนรถคันแรก 100,000 แล้วเหลือแค่ 450,000)
ทานอาหารนอกบ้านพวกร้าน FUJI จุ่มแซ่มฮัท สัปดาห์ละครั้ง
ที่บ้านประหยัด+เขียมๆ กันจนชินแล้วค่ะ ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร
ถ้าเทียบกับสมัยก่อน......ถือว่าชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นมากแล้วค่ะ
ที่จริงคิดว่าเส้นทางการลงทุนของคุณ drsp
สำเร็จมากกว่าของตัวเองนะคะ น่าจะเป็น idol ให้แก่เพื่อนๆ ได้ดีกว่าด้วยค่ะ
ของตัวเองนี่ตอนนี้มีเพื่อนๆ มาอ่านมากๆ ก็ชักจะอายแล้วค่ะ
รู้สึกว่าตัวเรายังไม่ได้สำเร็จมากมายอะไร
เพียงแต่เรารู้สึกว่าแนว VI ณ ขณะนี้ สามารถสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวได้ระดับนึงแล้ว
คิดว่าเป็นแนวทางที่ดีสำหรับตัวเองเลยอยากมาแบ่งปันเฉยๆ น่ะค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนนะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 88
สวัสดีค่ะพี่ theenuch
ยินดีมากเลยที่พี่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆ อ่านเพลินมากเลยค่ะ
หนูกำลังจะแต่งงานปลายปี แล้วก็เพิ่งเริ่มลงทุนมาไม่ถึงปีค่ะ ขอมาเก็บความรู้เรื่องการลงทุน การใช้ชีวิตคู่ และการเลี้ยงลูก ด้วยคนค่ะ
มาเขียนเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณค่า
ยินดีมากเลยที่พี่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆ อ่านเพลินมากเลยค่ะ
หนูกำลังจะแต่งงานปลายปี แล้วก็เพิ่งเริ่มลงทุนมาไม่ถึงปีค่ะ ขอมาเก็บความรู้เรื่องการลงทุน การใช้ชีวิตคู่ และการเลี้ยงลูก ด้วยคนค่ะ
มาเขียนเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณค่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 89
ส่ง link ของ AIT International School มาให้ค่ะleky เขียน:รบกวนถามเรื่องรร.หน่อยครับ พอดีลูกกำลังจะจบอ.3 กะว่าจะไปสอบสาธิตเกษตร แต่อยากจะหารร.เผื่อไว้ด้วยถ้าสอบเข้าไม่ได้ เพิ่งเคยได้ยินว่า AIT มีอินเตอร์ด้วย อยากทราบว่าเค้ารับเด็กยังไงครับ และค่าเรียนต่อปีเท่าไหร่ครับ หลักสูตรรวม ๆ เป็นยังไงบ้างครับ แล้วที่เคยได้ยินว่าที่ AIT ในส่วนของมหาลัยมีปัญหากันอยู่กระทบต่อรร.ไหมครับ อีกเรื่องครับ การเดินทางเป็นยังไงบ้างครับ บ้านผมอยู่แถวเซ็นทรัลลาดพร้าวเดี๋ยวนี้ขนาดถนนวิภาวดียังรถติดเลยอยากจะเลี่ยงรร.ที่ไกล ๆ ครับ พอดีผมหาข้อมูลใน google ไม่เจอครับเลยต้องรบกวนคุณนุชครับtheenuch เขียน: ที่บ้านเราก็มีบางอย่างที่ให้ความสำคัญนะคะ
เช่น การท่องเที่ยวเพราะมีความสุขกันทั้งครอบครัวค่ะ
การศึกษาลูกค่ะ เลือกเรียนอินเตอร์ที่ AIT ค่ะ (สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย)
ราคาเพิ่มจากโรงเรียนไทย EP ไม่มากค่ะ เพิ่งมาเปลี่ยนตอน ป.4 แต่มีแค่ ป.6 ค่ะ
ตอนนี้ขึ้น ม. 1 แล้ว รร.อินเตอร์ที่ไม่ใช่ AIT ราคาแพงมาก
ต้องพยายามเลือกโรงเรียนที่เราพอจ่ายไหวค่ะ -
ถึงต้องมุ่งมั่นสะสมหุ้นปันผลให้เพียงพอต่อค่าเทอมค่ะ (ตอนนี้ได้ปันผลมากกว่าค่าเทอม/ปีแล้ว)
ขอบคุณครับ
http://www.aitis.ait.asia/
ค่าเทอม เทอมละ 65,000 บาท ไม่รวมค่าอาหาร ไม่มีค่าจุกจิกอื่นๆ ค่ะ แต่ summer และ ค่ากิจกรรมหลังเลิกเรียนราคาถูกมากๆ เลยค่ะถูกแบบไม่น่าเชื่อ
โรงเรียนตั้งอยู่ด้านหลังสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT ใหญ่) มีทางเข้าของโรงเรียนเองแยกจาก AIT ใหญ่ แต่จะเข้าประตูเดียวกับ AIT ใหญ่ก็ได้ค่ะ ถ้าไปถึง AIT ใหญ่แล้วถาม รปภ.ตรงประตูเข้าได้ค่ะ
AIT ใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาออก ถ้าวิ่งจากลาดพร้าวมาตามถนนวิภาวดี-รังสิต ขึ้นโทล์เวย์มาเลยก็ดีค่ะสุดทางโทล์เวย์ลงมาอีกสักครู่จะเจอ ม.กรุงเทพ อยู่ซ้ายมือ...ขับตรงขึ้นไปทางเหนือมุ่งหน้า นวนคร อยุธยา บางปะอิน เมื่อใกล้ถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ให้เบี่ยงออกทางคู่ขนาน AIT ใหญ่อยู่ต่อจาก รพ ธรรมศาสตร์เลยค่ะ
จริงเข้าประตูหลักเดียวกันที่พวกรถประจำทางสาย 29 เลี้ยวเข้า ทางเข้าร่วมกันหมด (รพ.ธรรมศาสตร์ สวทช. และ AIT )หลังเลี้ยวซ้ายเข้าไปแล้ว รพ.ธรรมศาสตร์เลี้ยวซ้าย ตรงไปคือสสวท. และ AIT ใหญ่ไปทางขวา (ถนนเล็กเข้า AIT IS อยู่ระหว่างถนนเข้า สวทช. กับ AIT ใหญ่)
ไม่มีรถโรงเรียนผู้ปกครองต้องรับส่งเอง เด็กๆ นิยมนำจักรยานไปไว้ในโรงเรียน ตกเย็นถ้าปกครองมารับช้าเด็กๆ สามารถ ขี่จักรยานเล่นในบริเวณ AIT ใหญ่ได้ ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ร่วมกับ AIT ใหญ่ได้หมดค่ะ
สถานที่ร่มรื่น ต้นไม่ใหญ่เยอะมาก มีนกที่หาดูยากเยอะเลย... แต่หลังน้ำท่วมมาสภาพก็ยังไม่เนี๊ยบเท่าเดิม แต่ก็เกือบแล้วค่ะ
บรรยากาศการเรียนการสอนครูใกล้ชิดเด็กดีค่ะ เพราะจำนวนเด็กต่อห้องน้อย เด็กๆ ที่นี่สำเนียงภาษาอังกฤษดีมากค่ะรับรอง
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย
โพสต์ที่ 90
คุณtheenuch"ครบเครื่อง"แม่บ้านวีไอจริงๆ
โดยเฉพาะเรื่องลงทุนอสังหาแบบปิรามิด อีกหน่อยคงมีอพาร์ตเม้นท์แหงมๆ
โพสต์ประสบการอสังหาเทียบกับหุ้นมาเรื่อยๆนะครับ รออ่านไปเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องดูแลลูกทั้งสุขภาพ เรื่องเรียน
คงมีคนมาถามเรื่อยๆนะครับ อย่าเพิ่งไปใหนซะก่อน
รับรองมาร์ธา สจ๊วจสู้ไม่ได้
ผมจัดตารางให้เลยละกัน
จันทร์ พุธ ศุกร์ โพสต์เรื่อง ชีวิตประจำวันกับหุ้น (แบบ อ.ลิ้นช์)
อังคาร พฤหัส โพสต์เรื่อง อสังหา การดูแล ตกแต่งบ้าน ที่ดิน วางแผนซื้อขายให้เช่า
เสาร์อาทิตย์ โพสต์เรื่องครอบครัว การดูแลลูก สามี ทำกับข้าว สังเกตุอาการป่วย ปฐมพยาบาล
สอนทำการบ้าน กิจกรรมเสริมปัญญา เที่ยว museum ทำสวน ทำขนม ขี่จักรยาน ๆลๆ
โอย..เยอะ
โดยเฉพาะเรื่องลงทุนอสังหาแบบปิรามิด อีกหน่อยคงมีอพาร์ตเม้นท์แหงมๆ
โพสต์ประสบการอสังหาเทียบกับหุ้นมาเรื่อยๆนะครับ รออ่านไปเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องดูแลลูกทั้งสุขภาพ เรื่องเรียน
คงมีคนมาถามเรื่อยๆนะครับ อย่าเพิ่งไปใหนซะก่อน
รับรองมาร์ธา สจ๊วจสู้ไม่ได้
ผมจัดตารางให้เลยละกัน
จันทร์ พุธ ศุกร์ โพสต์เรื่อง ชีวิตประจำวันกับหุ้น (แบบ อ.ลิ้นช์)
อังคาร พฤหัส โพสต์เรื่อง อสังหา การดูแล ตกแต่งบ้าน ที่ดิน วางแผนซื้อขายให้เช่า
เสาร์อาทิตย์ โพสต์เรื่องครอบครัว การดูแลลูก สามี ทำกับข้าว สังเกตุอาการป่วย ปฐมพยาบาล
สอนทำการบ้าน กิจกรรมเสริมปัญญา เที่ยว museum ทำสวน ทำขนม ขี่จักรยาน ๆลๆ
โอย..เยอะ
samatah