เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย

[theenuch]

เก็บเกี่ยวข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากที่นี่มานานแต่ไม่เคยมาทักทายค่ะ
(สามีอาจเคยใช้ usernameมาโพสถามคำถามบ้าง....แต่ตัวเราเองเพิ่งตั้งกระทู้แรก)

เป็นกระทู้แรกที่มาคุยและอาจเป็นกระทู้สุดท้ายเลยด้วย
เพราะปกติไม่ค่อยชอบคุยค่ะ.....ชอบฟังคนอื่นคุยมากกว่า

ที่อยากมาทักทายเพราะคิดว่าพอจะมีเรื่องราวที่อาจมีประโยชน์มาแบ่งปัน
หลังจากได้ประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวมานานมาก

เราเป็นข้าราชการที่สุจริตมากๆ เงินเดือนก็น้อยและขึ้นช้าๆ ไปตามระบบค่ะ
ลำพังเงินของตัวเองคงไม่น่างอกเงยได้มากนัก
แต่ต้องขอบคุณพ่อของลูกที่ไว้ใจให้บริหารเงินในบ้านจนงอกเงย

เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน เราได้อ่านหนังสือชื่อว่า "เค้าเก็บเงินล้านกันอย่างไร" จำชื่อไม่แม่น
น่าจะประมาณนี้ค่ะ
รู้สึกดีมากอ่านแล้วอ่านอีกและปฏิบัติตาม ก็ไม่เชิงจะปฏิบัติตาม 100% นะ
เพราะหลายๆ อย่าง เราปฏิบัติตรงกับในหนังสืออยู่แล้วแต่การได้อ่านหนังสือเล่มนี้
ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่คงจะมาถูกทางที่จะทำให้เก็บเงินล้านได้

อ่านซ้ำไป ซ้ำมา เหมือนสะกดจิตตัวเอง ในที่สุดล้านแรกก็มา

ไม่นานจากนั้นก็มาเจอหนังสือดีๆ อีกเล่ม ชื่อว่า "เก็บเงิน 10 ล้าน คุณทำได้" อะไรประมาณนี้ค่ะ
ยืนอ่านที่ร้านหนังสือ ตอนนั้นเริ่มลงทุนหุ้นบ้างแล้วแต่ยังเป็นมือใหม่มากๆ
ตอนอยู่ที่ร้านหนังสือก็แอบๆ อ่าน....ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าปก เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราเพ้อเจ้อ
อ่านจนจบ (อ่านหนังสือเร็วมากๆๆๆๆ) ก็เลยซื้อกลับมาด้วย.....เอาไว้อ่านซ้ำๆ .....สะกดจิตตัวเอง อีกแล้ว

เนื่องจากหนังสือนั้นเป็นเรื่องของการตั้งเป้าหมายเก็บเงิน 10 ล้าน
ท้ายเล่มจึงมีคำถามผู้อ่านว่า "คุณคิดว่าในชีวิตนี้คุณมีเงินถึง 10 ล้านหรือไม่?"

เขียนตอบตัวเองเอาไว้ว่า ไม่น่าจะถึงเพราะอายุมากแล้วตอนนั้น 30 ปลายๆ แล้ว
ลูกก็เพิ่งย้ายไปเรียนโรงเรียนที่แพงขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่ถ้ารวมๆ ทรัพย์สินด้วยก็อาจจะใกล้เคียง......ฟันธงตัวเองไว้ว่าไม่สามารถ

แล้วก็ลืมไปเลย

วันก่อนหยิบหนังสือเก่าๆ มาอ่าน ค้นๆ ตามชั้นหนังสือ (ที่บ้านหนังสือเยอะค่ะ ต้องค้นๆ จริงๆ)
เจอหนังสือเล่มนั้นอีก พลิกอ่านซ้ำ (อ่านเร็วมากเหมือนเดิม)
ไปเจอคำตอบที่เราตอบไว้ท้ายเล่ม (จริงๆ ลืมไปแล้วว่าเคยตอบไว้)
แล้วก็นั่งยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวเป็นนาน

อืม....ปัจจุบันไม่รวมทรัพย์สินพวกบ้าน รถ ที่ดิน
เรามีเงินครบ 10 ล้านแล้วนี่นา (จริงๆ ไม่ใช่เงินแต่เป็นมูลค่าหุ้น)
บางคนอาจนึกในใจว่า.....โธ่มูลค่าหุ้นไม่ยั่งยืนหรอกเดี๋ยวก็หมด

ขอตอบว่าจริงๆ ก็ทำใจค่ะว่ามูลค่ามันจะผันผวนบ้างก็คงต้องตามนั้น
เพราะก่อนที่จะลงทุนในหุ้นก็พอรู้อยู่ว่าเวลามันขึ้นมากก็จงอย่าฟู
เดี๋ยวเวลามันยุบจะได้ไม่เศร้ามาก ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้มูลค่ามันก็ลดลงมากจริงๆ
(แต่ port ก็ยังเขียวนะ) ตอนนี้ก็กลับขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังไม่เท่าเดิม แต่ก็เกิน 10 ล้านอยู่ดีค่ะ

ไม่ขอบอกชื่อหุ้นที่ถือนะคะเดี๋ยวจะหาว่าชี้นำ

บอกได้เพียงว่าเฉพาะปันผลจากหุ้นตัวนึงจากไม่กี่ตัวที่ถือ
สามารถเป็นค่าเล่าเรียนลูกได้ คาดว่าน่าจะไปจนจบ ป.ตรี
(ไม่ใช่ได้ครั้งเดียวนะคะ ก็คือทุกๆ ปี จะได้ปันผลมากพอที่ไม่ต้องควักเงิน
มาจ่ายเป็นค่าเทอมลูกแล้วค่ะ ค่าเล่าเรียนสูงพอสมควร)

ที่มาเล่าอยากแบ่งปันว่าแนวทางการลงทุนที่เลือกหุ้นพื้นฐานดี
แล้วถือไว้ถ้ากิจการไม่ได้เปลี่ยนน่าจะเป็นแนวทางที่ดีมากแนวทางหนึ่งเลยค่ะ
(ตัวที่จ่ายปันผลดีตัวนี้ตอนนี้มี capital gain อยู่เกือบ 50 % ด้วย...ทนต่อภาวะผันผวนพอสมควร)
แต่ไม่คิดจะขายเพราะอย่างที่บอกค่ะว่าสิ่งที่เราต้องการจากการลงทุนคือเงินปันผลที่มากพอค่ะ

โดยสรุปอยากบอกว่า การใช้ชีวิตที่บอกว่าตรงกับในหนังสือคือ.....
(อาจนึกออกไม่หมด เพราะหนังสือไม่ได้อยู่ที่ตัวค่ะ....ให้เพื่อนยืมต่อๆ กันไปเรื่อย.....เท่าที่นึกได้นะ)

1. ประหยัด ไม่ใช่งกหรือขี้เหนียวนะคะ
(เอาคำอาม่าสอนตอนเด็กๆ มาใช้ "เขียมๆ" และ "เขียม")
2. มีเป้าหมายระยะสั้น กลาง ยาว
3. มีแผนที่สอดคล้องกับความจริงพอสมควร
4. มีวินัย มีหนี้ได้แต่ต้องมีวินัยในการใช้คืน (เช่น ผ่อนบ้านให้เร็ว)
(บ้านเรา 4 ล้านกว่า กู้ 3.3 ล้าน ผ่อนมาเกือบ 5 ปี ตอนนี้เหลือ 5 แสนกว่า
ปิดบัญชีไม่ได้เพราะ รีไฟแนนซ์มาจะครบกำหนด มีค. 58 ก็เลยผ่อนไปเรื่อยๆ ก่อน)
- บัตรเครดิตใช้ได้แต่ไม่เคยจ่ายขั้นต่ำค่ะ จ่าย 100 % ตลอด
5. รู้จักรอคอย "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" ......อยากได้อะไรก็เก็บเงินก่อน
ซื้อช้าลงหน่อยของบางอย่างตกรุ่นมันจะถูกลง เผลอๆ เวลาเปลี่ยนเราอาจไม่อยากได้มันเลย
เรื่องนี้ฝึกทำบ่อยๆ มันจะกลายเป็นนิสัยในที่สุดค่ะ
6. มีทัศนคติที่ดีต่อเงิน เห็นคุณค่า และใช้ไปทำงาน....อย่าให้อยู่ว่าง
7. หาความรู้ทางการเงินอยู่เสมอ เช่น การลงทุน การลดภาษี การขอคืนภาษีตามสิทธิ์
8. คณิตศาสตร์ (ระดับไม่ต้องซับซ้อนมาก) มีความสำคัญเพราะจะช่วยฉายภาพในอนาคตทางการเงิน
ของครอบครัวออกมาให้เห็นได้ มีประโยชน์ในการสร้างแรงจูงใจ
และนำมาอธิบายให้สามีรู้ว่าเราเอาเงินที่เค้าทำงานหามานั้นไปทำอะไรบ้าง
ที่สำคัญคือพอจะเห็นภาพในอนาคตได้ด้วย
9. ห้ามให้คนอื่นยืมเงิน ให้แนวทางการหาเงินได้ (ให้วิธีจับปลาย อย่าให้ปลา)
ในทางกลับกันก็อย่าคิดว่าจะยืมใคร (ต้องวช่วยตัวเองก่อนและกลับไปอ่านข้อ 5 ค่ะ)

10. ห้ามค้ำประกันใคร กรณีการค้ำประกันทำคนพังมาเยอะค่ะ
ตาม web ต่างๆ ก็อ่านเจอกันบ่อยๆ เนอะ (เรียนรู้จากความผิดพลาด.....ดี
แต่เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น...ดีกว่า ...จากหนังสือของคุณบัณฑิต อึ้งรังสี)


ขอบอกว่าที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยเกิดมาบนกองเงินกองทองกันนะคะ

เตี่ย+แม่เราเป็นข้าราชการ ดีตรงที่มีบำนาญและเบิกค่ารักษาได้
ครอบครัวสามียากจนมากๆๆๆๆ ตอนจบใหม่ๆ ยังต้องส่งน้องเรียนตั้ง 2 คน
เราพอหาเงินได้จากการทำงานพิเศษนอกเวลาบ้างยังต้องช่วยเค้าส่งน้องส่งบ้านเลยค่ะ
แต่ที่เลือกเค้ามาเพราะเห็นความดีที่อยู่ในตัว.....ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ
(แต่แรกๆ ...ก็จะแย่เหมือนกัน ฐานเราไม่รวยแต่ก็ไม่ลำบากมากเท่าตอนอยู่กับเค้าแรกๆค่ะ)

เคยเช่าห้องราคาถูกๆ อยู่ นั่งรถสาธารณะมานานมากก่อนซื้อรถส่วนตัว

บ้านก็เริ่มผ่อนจาก townhouse แล้วค่อยขยับขยายเป็นบ้านเดี่ยว

เคยผ่านช่วงที่รอเงินเดือนออก นับเศษเหรียญ กินมาม่า
จัดสรรปันส่วนเงินให้พอถึงสิ้นเดือนกันมาแล้วค่ะ
แต่ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก เลยมุ่งมั่นวางแผนชิวิตและแผนการเงินมาก

ลืมบอกไปสามีเป็นวิศวกรค่ะ เงินเดือนเคยน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามอายุงาน

เมื่อช่วงน้ำท่วมบริษัทปิดไป ตอนนั้นก็เครียดนะ
ได้เงินก้อนออกมาก็เอามาจ่ายบ้านเพิ่ม
และพอรู้ว่าได้งานใหม่แล้ว (โชคดีได้งานใหม่เร็ว..ไม่มีข่วงว่างงานเลย)

เราตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ อีกครั้งคือซื้อหุ้นตัวที่ให้ปันผลเป็นเงินสดเพิ่ม
คำนวณให้ปันผลที่ได้รับเพียงพอที่จะอยู่ได้หากไม่มีรายรับเข้า
(passive income)

ยาวมากค่ะ คิดว่าคงพอจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆ คนบ้างนะคะ

หลังจากนี้ก็คงไม่ค่อยมาตั้งกระทู้เหมือนเดิมแหละค่ะ แอบอ่านอย่างเดียวเหมือนเดิม

สุดท้ายอยากฝากว่าให้รู้สึกชื่นชมคนที่ประสพความสำเร็จด้วยใจจริง
ไม่ได้ให้ชื่นชม จขกท.นะคะ เพราะตัวเราเองเมื่อเทียบกับหลายคนในห้องนี้ยังห่างไกลค่ะ
แต่หมายถึงคนรอบๆ ตัวค่ะ เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาเรามักจะได้รับสิ่งดีจากการ
รู้สึกชื่นชมผู้ที่สำเร็จ ไม่ใช่รวยอย่างเดียวนะ แต่ขยัน ดี มีคุณณธรรมค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น พี่เลี้ยงน้องบ้านนึงอยู่กับบ้านนั้นเลี้ยงน้องมานนาน
เราก็รู้สึกชื่นชม และบอกให้ลูกเอาอย่าง
เพราะเราเดาได้ว่าเค้าต้องมีคุณธรรมเรื่องความซื่อสัตย์ และขยัน
เพียงแค่อาจไม่มีโอกาสทางการศึกษาเท่าเราแค่นั้นเอง
เมื่อเรารู้สึกชื่นชมใคร เวลาเราคุยกับเค้าหรือแค่ยิ้มให้กัน

เราว่าความรู้สึกดีๆ ต่อกันจากข้างในมันคงจะเปล่งแสงออกไป

แล้วเรารู้สึกว่าที่ผ่านมามักจะได้รับความกรุณา ได้รับคำแนะนำดีๆ
หรือเวลาไปติดต่อทำธุระอะไรที่ไหน มักจะราบรื่น
มีมิตรจิต มิตรใจ ต่อกันกับผู้คนแวดล้อม แล้วในที่สุดจะไม่ค่อยเจออุปสรรคใหญ่ๆ มากนักค่ะ

ลูกก็อารมณ์ดี ครอบครัวอยู่สงบเย็นดีค่ะ

โดยส่วนตัว เรามีวันนี้ได้ เพราะแนวทางการลงทุนที่ดีที่เก็ยวเกี่ยวจากที่นี่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาค่ะ

สุดท้าย.....ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

[theenuch]

นี่คือเจ้าของกระทู้เองนะคะ

ไม่แน่ใจว่า post กระทู้มาถูกที่ถูกทางหรือไม่

ถ้าไม่ถูกที่ขออภัยด้วยนะคะ
และคงไม่ค่อยมีเวลาแวะมาคุยนะคะ
แค่อยาก share ประสบการณ์เฉยๆ

และอยากขอบคุณข้อมูลต่างๆ
ที่ตัวเองได้รับจาก THAIVI แล้วส่งผลให้ได้ประโยชน์ในการลงทุนน่ะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

[dome@perth]

ยอดเยี่ยมเลยครับ

[yy]

สุดยอดครับ เส้นทางคล้ายๆกันเลย
แต่ผมเอาเงินภรรยามาลงทุน 555

[kissme]

อ่านเพลินมากเลยครับ

[oatty]

ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ
ผมว่าคนที่โชคดีกว่าพี่คือ สามีของพี่ครับ ทำบุญมาดีจริง ๆ ได้เมียเป็นแม่ยอดศรีเรือนแบบนี้

[simpleBE]

เป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์มากๆ ครับ
ผมได้ข้อคิดดีๆ มากมายจากกระทู้ของคุณ theenuch
ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันครับ

[kjarrung]

ผมก็ราชการ ลงทุนเป็นงานหลัก ผมถือว่างานรชการเป็นงานที่เราสามารถลงทุนควบคู่กันไปได้ ทุกวันนี้ถือว่ามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว และคงอยู่กับราชการอีกไม่งาน ชีวิตที่เหลือถือเป็นโบนัส

[khunsa]

อ่านด้วยรอยยิ้ม และเป็นกระทู้ที่หาอ่านได้ยากครับ

ขอบคุณในความหวังดีของผู้เขียน

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

[TLSS]

สุดยอดมากๆ ครับ ขอบคุณมากครับ

[dr1]

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ
กรุณาโพสท์อีกนะครับ
น่าอ่านมาก

วีไอหญิงมีกันอยู่น้อยด้วย
(หรือมาก แต่ไม่ได้แสดงตัว?)

[aob_kab]

ขอบคุ ณมากครับ

[Rakkiat]

เป็นประโยชน์มากครับ สำหรับแนวทางนี้

[saichon]

พี่จขกท.คืออีก1ตัวอย่างของความสำเร็จในการใช้ชีวิตและการลงทุนแนววีไอ

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์และ
ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จด้วยอีกคนครับ

[sai]

ยินดีด้วยครับผม

[chowbe76]

SALUTE!!

[laemwade]

แนวทาง การอ่านหนังสือคล้ายกัน ผมเพิ่งเริ่ม port ส่วนใหญ่ยังเป็นกองทุนรวม LTF RMF ส่วนหุ้นพยายามศึกษาและเรียนรู้อยู่ครับ ครบล้านแรกเมื่อไหร่ จะมาบอกกล่าวครับผม

[kasam]

เยี่ยมครับ

[เด็กใหม่ไฟแรง]

รายการ moneytalk ได้ประสานเชิญมาออกรายารแล้วครับ
อีกไม่นานได้พบตัวจริงครับ

[H888]

ขอชื่นชม และยินดีด้วยครับ ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน

[tigerroad197]

ร่วมชื่นชมและยินดีด้วยครับ

[SpiritCarriesOn]

ขอชื่นชมด้วยครับ และจะรอชมทาง money talk ครับ

[TWT]

ขอบคุณมาครับสำหรับข้อคิดดีๆ

รอชมตัวจริงทางโทรทัศน์ครับ

[thanom]

ผมได้แรงบันดาลใจจากกระทู้นี้มากครับ ชมจากใจจริง
ขอบคุณมากครับ

[theenuch]

สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้เองค่ะ

โห...มีคนมาทักทายเยอะเลย ขอบคุณค่ะ

ที่ตั้งกระทู้มานั้นอยากให้เห็นภาพรวมๆ ของการใช้ชีวิตของคนธรรมดาๆ
ที่มีฐานะไม่ต่างจากเพื่อนๆ ในที่นี้มากนัก
แต่ด้วยความตั้งใจจริงและเดินมาถูกทางจึงมีวันนี้ได้ค่ะ
เพื่อเป็นกำลังใจให้หลายๆ คนว่าวันนึงเราก็จะทำได้เหมือนกัน

แต่จะขออนุญาตมาเล่าถึงเรื่องการลงทุนในหุ้นแบบคร่าวๆ หน่อยนึง
เพราะจริงๆ แล้วยังมีผู้ที่เป็นหลักให้ยึดเป็นแนวทางในการลงทุน
ที่ควรต้องกล่าวถึงมากๆ และยังไม่ได้กล่าวถึงเลยเพราะมัวแต่เล่า background อยู่

ขออุบไว้ก่อน....น่าจะตรงกับใครหลายคนเลยทีเดียวค่ะ

อย่างที่บอกว่าค่อนข้างประหยัด ก็เลยทำงานบ้านเองค่ะ
เวลาที่รีดผ้านี่เป็นเวลาดีค่ะ...ลากอุปกรณ์มายืนรีดหน้าทีวี
ดูรายการช่อง money channel ไปด้วย

แรกๆ ไม่ได้รู้ว่าตัวเองจะดูช่องนี้ทำไม
รู้แค่ว่าเวลาฟังอะไรที่เป็นตัวเลข แล้วชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ
ฟังการรายงานอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ฯลฯ ทั่วโลก...รู้สึกเพลิน
ต่อๆ มาก็ฟังรายงานตลาดหุ้นด้วย รีดผ้าไปฟังไป เงยหน้าดูบ้างเป็นครั้งคราว

มาสะดุดการลงทุนในหุ้นเพราะหนังสือแนวเก็บเงินล้าน ให้เงินทำงาน
ก็มีการกล่าวถึงการลงทุนในหุ้นอยู่ด้วย

หลังจากนั้นมาก็หาอ่านตาม web การลงทุน....อ่านไปเรื่อย
อะไรเกี่ยวกับหุ้นก็อ่านหมดค่ะ เห็นหลายๆ web
มีคนที่ชอบหนังสือของอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เยอะ....ไปซื้อมาอ่านบ้าง
เล่มแรกรู้สึกจะเป็น "เล่นหุ้นในภาวะวิกฤต" ค่ะ
เพราะช่วงที่สนใจลงทุนในหุ้นเป็นช่วงที่เพิ่งฟิ้นตัวหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
(เสียดายว่ามารู้จักการลงทุนในหุ้น...ตอนที่ราคาหุ้นกลับขึ้นมากันหมดแล้ว)

หลังจากนั้นเล่มอื่นๆ ก็ทยอยตามมารวมทั้ง "ตีแตก" ด้วย

หลังจากนั้นเวลาดู money channel รู้สึกว่าดูรู้เรื่องขึ้น
ได้มีโอกาสดู money talk ทีแรกก็รีดผ้าไปฟังไปยังไม่ได้ดูในจอทีวีค่ะ
พอเหลือบๆ ดู ท่านวิทยากรที่ดำเนินรายการอยู่ อ๊ะ...นั่นใช่ ดร.นิเวศน์หรือเปล่านะ
คุ้นๆ หน้า จากปกหนังสือ ดูไปดูมา อืม...ใช่จริงๆ

หลังจากนั้นก็ติดตามฟัง+ดูรายการเท่าที่จะมีโอกาส
(แอบเลือกหุ้นตามท่านอาจารย์ด้วยนะคะ)

และล่าสุดทาง...ตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ที่จะมีโอกาสได้พบตัวจริง
ของอาจารย์ทุกท่านที่เรานับถือและยึดเป็นต้นแบบในการลงทุนมาจนทุกวันนี้

ช่วงลงทุนแรกๆ แอบเล่นหุ้นปั่น หุ้นมี story อยู่พักนึงค่ะ
แต่เทียบกันแล้วสำหรับตัวเอง...แนว VI ตอบโจทย์มากกว่าค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกท่านนะคะ
ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้....เราก็มีโอกาสที่จะทำได้ค่ะ

[fund100]

ระยะเวลาเพียงแค่ 4 ปี ทำได้ถึง 10 ล้าน

ไม่ทราบว่าเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเท่าไรหรือครับ

[syj]

ขอชื่นชมด้วยคนครับ
ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ

[KittipongS]

เข้ามาชื่นชมครับความสามารถครับ แต่ทางผมนี้ภรรยาใช้สามีลงทุน ไม่ใช่ใช้เงินสามีลงทุนครับ อันนี้แซวกันเล่นๆครับ

[theenuch]

อันนี้ต้องรีบชี้แจงค่ะ ว่ามีการลงทุนเพิ่มตลอดทางค่ะ
เพราะต้องการสะสมหุ้นที่จ่ายปันผลให้มากพอ
แต่ส่วนที่งอกเงยจากการลงทุนที่ทบต้นเองก็มากค่ะ
เคยเลือกหุ้นบางตัวถือไว้เกือบปี แล้วราคาโตเกิน 100%
ก็ขายเอามาซื้อหุ้นปันผลที่เราอยากได้ค่ะ

จะมีหุ้น 2 ลักษณะคือถือยาวไปเลย
ตราบเท่าที่กิจการของบริษัทยังดีอยู่
และอีกแบบถือเพื่อทำกำไรรอบใหญ่ๆ
แต่ต้องเป็นหุ้นที่มีปันผลในอัตราสูงพอสมควร
เผื่อยังไม่ใช่โอกาสเหมาะที่จะขายก็ยังมีปันผลให้เราค่ะ

ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองลงทุนเก่งนะคะ

แต่พยายามจะสื่อสารว่า...อยากให้เพื่อนๆ สนใจเรื่องของการให้เงินทำงาน
และสำหรับการลงทุนในหุ้นการลงทุนแนว VI
นั้นสามารถตอบโจทย์สำหรับตัวเอง
ซึ่งมีความตั้งใจที่จะเป็นนักลงทุนคนหนึ่ง...เท่านั้นค่ะ

เคยลงทุนในคอนโด + ที่ดินบ้าง (กู้เงินมาซื้อบ้างแต่เป็นหนี้ที่ทำให้เกิดรายได้ค่ะ)
แต่คอนโดให้เช่าก็จุกจิกเยอะ เลยขายไปได้ทั้งทุนและกำไรมา
เอามาลงทุนในหุ้น..สะดวกและมีสภาพคล่องสูงกว่ามาก (หากจำเป็นต้องขาย)
พอรู้จักการลงทุนแนว VI รู้สึกว่าตอบโจทย์ที่ได้เงินปันผลค่ะ
ถ้งลงทุนในที่ดิน...ต้องขายมันออกไปถึงจะได้เงินและมีค่าธรรมเนียม+ภาษีมาก
แต่การลงทุนในหุ้นปันผล ไม่ต้องขายก็ได้
แค่ปล่อยไว้ให้เติบโต และลงทุนเพิ่มถ้าเราพอมี

หลังๆ มาได้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีกเลยเพราะไม่ค่อยสะดวก

ก็เก็บเงินจากเงินเดือนสามีหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะหาจังหวะสะสมหุ้นเพิ่มถ้ามีโอกาสค่ะ
และถ้ามีเงินพิเศษเช่น โบนัสมาเพิ่มหลังจากซื้อพวก LTF
เพื่อหักภาษีแล้วก็จำนำมาลงทุนเท่าที่มีโอกาสค่ะ

ก็วกกลับไปที่เรื่องของการวางแผน วางเป้าหมาย
อดเปรี้ยวไว้กินหวานอยู่ดีค่ะ คือแทนที่เราจะใช้เงินโบนัส
หรือเงินเดือนที่เหลือเพื่อความสุขเฉพาะหน้าสั้นๆ
เราก็อดทนรอ มีความสุขเฉพาะหน้าน้อยลงนิดนึง
แต่ในภายหน้าอาจมั่นคงกว่า...อะไรประมาณนี้ค่ะ

อาจไม่ใช่แนวที่ดีที่สุดแต่คงพอจะเป็นแนวสำหรับครอบครัวมนุษย์เงินเดือน
ที่อยากสะสมเพื่อรับปันผล....และรอดูการเติบโตระยะยาวได้ค่ะ

[ACME49]

ยินดีด้วยครับกับจขกท. จากการอ่านได้พบว่าจขกท.ได้ลงทุนด้วยความมุ่งมั่นและมีความสุขกับการลงทุน รวมถึงการแสดงออกถึงการไฝ่รู้ตลอดเวลาในแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการลงทุนแนวVI จนประสบความสำเร็จ ดีใจด้วยครับ