อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

   ปัจจุบันมีหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและมีเยาวชนสนใจที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆมากขึ้น รวมถึงมีตัวอย่างเรื่องราวของเยาวชนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนออกมามากมาย จนทำให้เกิดแนวโน้มอย่างหนึ่งที่ดิฉันอยากนำมาเขียนในวันนี้ คือ แนวโน้มที่จะยึดการลงทุนเป็นอาชีพ
   กลุ่มที่มีอาชีพลงทุน นอกจากผู้ที่เป็นผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่บริหารเงินลงทุนให้กับลูกค้า ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.แล้ว ยังรวมถึงผู้ลงทุนกลุ่มหนึ่งที่ยึดรายได้จากการลงทุน เป็นรายได้หลัก ซึ่งคือกลุ่มที่จะเขียนถึงในวันนี้ค่ะ
   ส่วนตัวดิฉันไม่ส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวยึดการลงทุนเป็นอาชีพตั้งแต่เริ่มทำงาน ด้วยเหตุผลหลายประการ  ประการแรก การให้เงินทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตัวเราจะสบายเกินไป จะทำให้ขี้เกียจค่ะ อายุยังน้อยควรจะต้องมีกิจกรรมเดินทางไปทำงาน ใช้แรงงานบ้าง ใช้สมองบ้าง มีกิจกรรมอื่นๆกับเพื่อนร่วมงานบ้าง
   ประการที่สอง การไม่ทำงานอาชีพอื่น ทำให้เราขาดปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา  เมื่อเราทำงาน เราจะทราบว่า มีอะไรหลายอย่างมากมายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และเราต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับเรื่องต่างๆ รวมถึงแก้ไขปัญหาต่างๆในการทำงานด้วย
   ประการที่สาม สังคมเราต้องการคนทำงานในอาชีพต่างๆที่หลากหลาย  ลองนึกภาพดูสิคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทุกคนอยากเป็นนักลงทุนกันหมด เวลาไม่สบายก็ไม่มีหมอรักษา ไม่มีวิศวกร ไม่มีช่างก่อสร้าง ไม่มีผู้ผลิตสิ่งของต่างๆมาให้เราใช้ หรือรับประทาน  เศรษฐกิจที่เป็นภาคการผลิตและบริการที่แท้จริงก็จะหายไป และมีหลักฐานปรากฏหลายครั้งหลายคราว่า ประเทศที่พึ่งพาเศรษฐกิจจากภาคบริการการเงินในสัดส่วนสูงนั้น มีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ต่างๆในโลกมากกว่าประเทศที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความสมดุล
   ดังนั้น เราจึงไม่ควรจะส่งเสริมให้เยาวชนหันมาเป็นนักลงทุนอาชีพกันมากๆ เพราะต้องให้มีผู้ที่ทำงานอยู่ในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงด้วยค่ะ
   การเรียนรู้เรื่องค่าของเงินและเรื่องการลงทุนตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นเรื่องที่ดี แต่ทุกคนควรจะได้ทำงานในอาชีพที่ตนเองชอบและมีความถนัดด้วย ดังนั้นจึงอยากเห็นผู้ปกครองส่งเสริมบุตรหลานให้ได้เรียนและทำงานในสายงานที่ชอบ ส่วนการลงทุนนั้น ทำเป็นงานอดิเรกได้ค่ะ หรือเมื่อทำงานไป 20-30 ปี แล้วนึกอยากเป็นนักลงทุนอาชีพ ก็สามารถทำได้
   หันมาดูการทำงาน หรือการลงทุนระหว่างที่ยังศึกษาอยู่บ้าง  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดิฉันได้รับเชิญให้ไปออกรายการ Business Talk ของกรุงเทพธุรกิจทีวี ในหัวข้อ“วัยรุ่นเงินล้าน” เป็นเรื่องราวของเยาวชนไทยที่สามารถทำงานและลงทุนจนมีเงินหนึ่งล้านบาทได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี
	การที่วัยรุ่นมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานหาเงินมาเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่นั้น เป็นเรื่องที่ดี และดิฉันก็เห็นวัยรุ่นไทยเราทำมากขึ้น  แต่ต้องอย่าลืมแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เพื่อให้ชีวิตมีสมดุลนะคะ เป็นเยาวชนก็ควรสนุกกับชีวิต หากสนุกแล้วได้เงินด้วยก็ดี แต่อย่าจริงจังกับการหาเงินจนลืมความสดใสของวัย ลืมสนุกกับการเรียนรู้  
วัยรุ่นควรจะมีชีวิตแบบวัยรุ่น มีความสนุกสนานและมองโลกอย่างสดใส พอถึงวัยผู้ใหญ่ก็ค่อยมองโลกแบบผู้ใหญ่ค่ะ
	น้องนานิ หรือ นิจจรีย์ นิธินวกร เป็นวัยรุ่นไทยอีกคนหนึ่งที่น่าชื่นชมในความเก่งและกล้าแสดงออก เธอเติบโตเรียนหนังสือในต่างประเทศมาตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 3 ปัจจุบันจบปีที่ 1ของ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (HKUST) เธอหาเงินและลงทุนได้หนึ่งล้านบาทตั้งแต่อายุ 19 ปี 6 เดือน และเธอก็ยังสามารถแบ่งเวลาทำกิจกรรม เล่นกีฬา และอื่นๆได้
	วัยรุ่นไทยหลายคนอาจจะอยากเลียนแบบ อยากจะฝากว่า การเปิดรับความคิด การเปิดโลกทัศน์ทำสิ่งใหม่ๆ อย่างที่น้องนานิทำ เป็นสิ่งที่ดี เพราะวัยรุ่นไทยยังมีความเป็นตัวของตัวเองน้อย  แต่อยากจะเตือนว่า ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเดินในรูปแบบเดียวกัน  
   น้องนานิมีความพร้อม เพราะเรียนอยู่ต่างประเทศ โปรแกรมการเรียนไม่แน่นมากเหมือนเด็กไทย และเมื่ออยู่หอพัก ไม่ว่าจะในต่างประเทศหรือในไทย ก็ไม่ต้องช่วยงานบ้าน หรือช่วยแบ่งเบาภาระธุรกิจของครอบครัวเหมือนเยาวชนไทยที่อยู่กับพ่อแม่ จึงมีเวลาที่จะทำกิจกรรมต่างๆมากกว่า
   สิ่งหนึ่งที่ดิฉันประทับใจในตัวน้องนานิคือ เธอมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เด็กที่ได้ไปเรียนต่างประเทศจะมีคุณลักษณะอย่างนี้เกือบทุกคน เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมเราไม่สามารถทำให้เด็กที่เรียนในประเทศมีความเชื่อมั่นอย่างนั้นได้บ้าง
   เธอบอกว่าแต่ละคนต้องค้นหาตัวเอง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ง่ายค่ะ  ดิฉันเคยเขียนเอาไว้ว่า ส่วนใหญ่กว่าจะทราบความชอบและความถนัดของตัวเองก็มักจะต้องทำงานไปประมาณ 3-4 ปี ใครสามารถค้นหาความชอบของตัวเองได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบต้องถือว่าเก่งมาก  หลายคนทำงานไปเป็นสิบปี ยังค้นหาไม่พบเลยค่ะ
   ดิฉันเชื่อว่าผู้ปกครองควรให้บุตรหลานได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ การเข้าโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะเปิดโลกทัศน์ โดยตัวดิฉันเองก็มีโอกาสนั้นเมื่อยังเป็นวัยรุ่น
   การสร้างโอกาสให้กับตนเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญค่ะ การไปลองสอบชิงทุน การเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา ไปทำงานในช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อน ฯลฯ ล้วนแต่ทำให้เยาวชนได้มีโอกาสพบปะกันผู้คนที่หลากหลาย มีโอกาสได้สัมผัสปัญหา ได้ฝึกฝนการเข้าสังคม ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น
	ข้อมูลของเว็ปไซต์เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กที่ดิฉันเคยแนะนำ www.familyeducation.com แสดงให้เห็นว่า การที่วัยรุ่นทำงานระหว่างเรียนมีข้อดีหลายอย่าง โดยมีการทดลองพบว่า กลุ่มที่ทำงานสัปดาห์ละประมาณ 10-15 ชั่วโมง มีผลการเรียนที่ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ทำงาน แต่หากทำมากเกินไปคือเกินกว่า 13-20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะมีคะแนนเรียนที่ลดลง และไม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ต้องอย่าลืมว่า โรงเรียนมัธยมในต่างประเทศมีชั่วโมงเรียนน้อยกว่าโรงเรียนไทยมากค่ะ
	นอกจากนี้ยังพบว่านอกจากเยาวชนจะสามารถนำเงินที่หาได้ไปซื้อข้าวของที่อยากได้แล้ว การทำงานระหว่างเรียนยังช่วยพัฒนาทักษะ ทำให้เยาวชนมีความมั่นใจ พัฒนาความรับผิดชอบ และทำให้รู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นอีกด้วย
	ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขอให้ทำแบบพอดีๆ เดินสายกลาง ไม่ทำมากหรือน้อยเกินไปนะคะ
[/size]
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมเคยอ่านประเด็นนี้หลายครั้ง
หลายคนเป็นห่วง เยาวชนเล่นหุ้นกันหมด จะมีใครไปทำอาชีพอื่น
เรื่องนี้ผมไม่เคยห่วงเลย
อย่าลืมว่าในระบบทุนนิยม เรามี "มือที่มองไม่เห็น"
ถ้าเมื่อไหร่หมอมาเล่นหุ้นกันหมด
ความต้องการหมอจะมหาศาล เงินเดือนหมอจะเป็น หนึ่งล้าน แทนที่จะเป็น หนึ่งแสน
หมอที่เล่นหุ้นได้เงินน้อยกว่านี้ ก็จะกลับไปทำงานรักษาคนไข้
วิศวกรที่เล่นหุ้นไม่เก่ง จะกลับไปทำงานวิศวกร
คนขับแท็กซี่ จะกลับไปขับแท็กซี่
สังคมประกอบด้วยความหลากหลาย
ทุกคนหาเลี้ยงชีพ ตามความรู้ ความถนัด ความชอบ
อาชีพนักลงทุนเป็นหนึ่งในนั้น ทำไมหลายคนตั้งแง่...

13 ปีที่แล้วตอนผมทำงานประจำ ได้เงินเดือน 7 พันบาท
ต้องขับรถไปทำงาน ค่าน้ำมันก็เกือบๆเงินเดือนแล้ว
ทำงาน 6 วัน เลิกงานประมาณ 6 โมงเย็น
ถ้าผมมีทางเลือก ทำงานเป็นนักลงทุน ได้เงินดีกว่า สบายกว่า
ผมควรจะเลือกแบบไหนล่ะ
ผมไม่ได้จบมหาลัยดีๆ ที่จบออกมาเงินเดือนสูงๆ
ได้งานสบายๆ ทำงานแค่ห้าวัน มีสวัสดิการพร้อม
บางคนจบมาเป็นข้าราชการ เงินอาจจะน้อย แต่ที่เหลือสบายหมด
ไม่มีเจ้านาย ไม่มีใครไล่ออกได้
ทุกคนมีต้นทุนทางสังคม ไม่เท่ากัน
ใช้มุมมองของเรา อาจเป็นมุมมองที่คับแคบก็ได้
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะประเมินโดยอาศัยตัวเองเป็นที่ตั้งไงครับ

ถ้าอาชีพลงทุนมันง่ายจนใครๆก็ออกมาหาเลี้ยงชีพได้ผลตอบแทนระยะยาวดีกว่าอาชีพอื่นจริง ทำไมอดีตที่ผ่านมาทั้งหมอ วิศวะ นักธุรกิจ อาจารย์ เจ๊งหุ้นกันเต็มไปหมด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมคิดตรงข้ามเลย เราควรสนับสนุนให้มีการศึกษาเรื่องการลงทุนให้มากกว่านี้ ให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมมากกว่านี้ โดยสื่อควรให้ข้อมูล "อาชีพนักลงทุน" ที่ถูกต้องต่อสังคม ควรเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับได้มากกว่า ไอ้นี่มัน "คนเล่นหุ้น"

ผมเองก็สนับสนุนให้ นายกโจและไทยวีไอ ทำหน้าที่นั้น ผมก็จะช่วยทำด้วย

ผลตอบแทนการลงทุนที่สมเหตุสมผล นั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ สื่อ ควรตั้งเป้า หมอ วิศวะ ฯลฯ ได้เงินเดือนเท่าไร ก็พอจะคะเนกันได้ ผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยที่สมเหตุสมผลเช่น 10% ต่อปี ก็น่าจะเป็นอะไรที่ดูดีและเหมาะสม

ปัจจุบันสิ่งที่สื่อ สื่อสารออกไปคือ "นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ" นักลงทุนผู้ร่ำรวย ฯลฯ ซึ่งมันไม่ใช่ ไม่ใช่เลย จิบเครื่องดื่ม รวยหุ้น รวยง่าย ๆ ออนไลน์ก็ประสบความสำเร็จ พ่อมด แม่มด มันไม่ใช่ มันมอมเมาเยาวชน เล่นหุ้นรายวัน เดย์เทรด ทำให้ผมหวนคิดเรื่องชายปริศนาผู้ร่ำรวยจากเวกัสและหายไปยามค่ำคืน

ผมไม่ปฏิเสธค่านิยมเหล่านี้เพราะผมมีวุฒิภาวะมากพอจากวัยวุฒิ การศึกษาและหลายสิ่งอย่าง แต่ค่านิยมที่ว่า อาชีพนักลงทุน เป็น ง่าย ๆ สบาย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ เงินทองไหลมาเทมา มันผิด มันผิดครับ สังคมควรได้ยิน

กระดุมเม็ดแรกอย่ากลัดผิด ถ้าผิดมันเข้าใจกันผิด ผิดหมด ชีวิต นลท. มันไม่ง่าย เป็นเม่าน่ะง่าย เป็น นลท. น่ะยาก แต่ถึงกระนั้น เป็น นลท. ให้ประสบความสำเร็จจริง ๆ มันรากเลือดของความลำบาก ต้องใช้ความรู้และความพยายามมากมายแถมไม่มีใครมาจ่ายเงินเดือนให้

การวิเคราะห์ธุรกิจ การศึกษาวิชา Investment การบริหารพอร์ต จิตวิทยาการลงทุน การเป็นนักลงทุนผู้มุ่งมั่นยังน้อยในสังคมไทย ช่วยกันเถิดสร้างสรรค์ไปเถิดได้โปรด

นักลงทุนที่แท้จริงและมุ่งมั่นจริง ๆ เป็นส่วนน้อยของสังคมประเทศไทย ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ผมชอบที่จะเรียนรู้อยู่กับมัน

ผมฟินกับการเป็นวีไอ (เป็นไงใช้ศัพย์วัยรุ่นด้วย)
AleAle
Verified User
โพสต์: 2135
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สุดท้ายทุกอย่างมันจะค่อยๆจัดสมดุลของมันเองครับ
harikung
Verified User
โพสต์: 2232
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผู้เขียนมองอะไรสุดกู่เกินไป เอาง่ายๆครับว่า ต่อให้เด็กเองอยากจบมาทำอาชีพนักลงทุนเลย ถามว่าในความเป็นจริงจะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้ถ้าไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีเงินอยู่แล้ว พรัอมให้เงินลูกมาลงทุนมากพอขนาดเงินปันผลเลี้ยงชีพได้เลย(ต้องเป็นครอบครัวที่เข้าใจการลงทุนด้วยนะ ถ้ามีทัศนคติเป็นลบต่อการลงทุนในหุ้นก็อดอีกต่อให้มีเงิน) ฉะนั้นผมว่าแทบไม่ต้องห่วงเลยว่าเด็กจบใหม่จะไม่ไปทำอาชีพอื่น อย่างน้อยๆก็ต้องประกอบอาชีพเพื่อเป็นsource of fundเอาเงินมาลงทุน
kjarrung
Verified User
โพสต์: 262
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

การจะเป็นนักลงทุนเต็มเวลาที่ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องใข้ระยะเวลา ซึ่งผมว่าเป็นไปตามหลัก Demand และ Supply ไม่ใช่ว่าทุกคนอยากจะเป้นแล้ว ได้เป็นนะครับ อาชีพนักลงทุนเต็มเวลา ไม่ง่ายนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

อิอิ คุณคนเขียน กลัวไม่มีลูกค้าหรือป่าวคับ ถ้าทุกคนลงทุนเองได้หมด 55

ผมเชื่อว่านักลงทุนอาชีพหลายๆท่าน มีความรอบรู้ในการลงทุน
ไม่แตกต่างจากมืออาชีพ ที่ทำหน้าที่ในการบริหารเงินเลย
โดยไม่เกี่ยวข้องกับใบปริญญาบัตรแต่อย่างใด

แล้วก็อย่างที่พี่ลูกอีสานว่า สุดท้ายมือที่มองไม่เห็น ก็จะจำแนกให้เองว่า
คนไหนทำอะไรได้ดีกว่า ในสภาวะนั้นๆ ได้อย่างเหมาะสม
คนที่ลงทุนได้ดี ก็จะอยากทำด้านนี้ ส่วนคนที่ไม่ถนัด ก็จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น

แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ เรื่องของความเสียหายที่เกิดขึ้นในขณะที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดหรือไม่ถนัด

ปู่ Charlie Munger มือขวาของปู่ Warren Buffet เคยบอกไว้ว่า
"ถ้าการลงทุนมันไม่ยากสักหน่อย ใครๆ ก็รวยแล้วสิ"
อินทรีย์ทองแดง
Verified User
โพสต์: 513
ผู้ติดตาม: 0

Re: อาชีพลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

อืมม... ใจเย็นครับ ผมว่าที่ผู้เขียนกล่าวมา อาจจะมีsomething wrong อันเนื่องจากการใช้ภาษาและตัวอย่างประกอบ
และอันเนื่องมาจากเราทุกคนในที่นี้เป็นนักลงทุนตัวจริง ทุ่มเทและอุทิศเวลาให้กับการศึกษาวิเคราะห์ธุรกิจ ดังนั้นเราจึงอาจจะรู้สึกไม่ใคร่จะดีนัก. เมื่อมีใครว่ากล่าวในเชิงที่ไม่เป็นบวกต่ออาชีพนี้

[quote="Thai VI Article"][size=150][code]
ส่วนตัวดิฉันไม่ส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวยึดการลงทุนเป็นอาชีพตั้งแต่เริ่มทำงาน ด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก การให้เงินทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตัวเราจะสบายเกินไป จะทำให้ขี้เกียจค่ะ อายุยังน้อยควรจะต้องมีกิจกรรมเดินทางไปทำงาน ใช้แรงงานบ้าง ใช้สมองบ้าง มีกิจกรรมอื่นๆกับเพื่อนร่วมงานบ้าง
ประการที่สอง การไม่ทำงานอาชีพอื่น ทำให้เราขาดปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อเราทำงาน เราจะทราบว่า มีอะไรหลายอย่างมากมายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และเราต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับเรื่องต่างๆ รวมถึงแก้ไขปัญหาต่างๆในการทำงานด้วย
ประการที่สาม สังคมเราต้องการคนทำงานในอาชีพต่างๆที่หลากหลาย ลองนึกภาพดูสิคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทุกคนอยากเป็นนักลงทุนกันหมด เวลาไม่สบายก็ไม่มีหมอรักษา ไม่มีวิศวกร ไม่มีช่างก่อสร้าง ไม่มีผู้ผลิตสิ่งของต่างๆมาให้เราใช้ หรือรับประทาน เศรษฐกิจที่เป็นภาคการผลิตและบริการที่แท้จริงก็จะหายไป และมีหลักฐานปรากฏหลายครั้งหลายคราว่า ประเทศที่พึ่งพาเศรษฐกิจจากภาคบริการการเงินในสัดส่วนสูงนั้น มีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ต่างๆในโลกมากกว่าประเทศที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความสมดุล
ดังนั้น เราจึงไม่ควรจะส่งเสริมให้เยาวชนหันมาเป็นนักลงทุนอาชีพกันมากๆ เพราะต้องให้มีผู้ที่ทำงานอยู่ในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงด้วยค่ะ
การเรียนรู้เรื่องค่าของเงินและเรื่องการลงทุนตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นเรื่องที่ดี แต่ทุกคนควรจะได้ทำงานในอาชีพที่ตนเองชอบและมีความถนัดด้วย ดังนั้นจึงอยากเห็นผู้ปกครองส่งเสริมบุตรหลานให้ได้เรียนและทำงานในสายงานที่ชอบ ส่วนการลงทุนนั้น ทำเป็นงานอดิเรกได้ค่ะ หรือเมื่อทำงานไป 20-30 ปี แล้วนึกอยากเป็นนักลงทุนอาชีพ ก็สามารถทำได้ [/code] [/size][/quote]

ผมตัดเอามาบางส่วนที่น่าจะเป็นประเด็น กรณีนี้ผู้เขียนยกตัวอย่างสุดโต่งมากเกินไป และแถมยังไม่ส่งเสริมให้คนวัยเริ่มทำงานยึดเป็นอาชีพ ซึ่งแน่นอนว่าในฐานะนักลงทุนเราอ่านแล้วย่อมขัดสายตาเป็นแน่แท้
ถ้าสื่อให้ผู้เขียนได้ยินได้ อยากจะบอกว่าครับว่า "คนเราสามามารถทำงานประจำหรืออาชีพที่รักที่ถนัดพร้อมๆกับการเป็นนักลงทุนอาชีพได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่แค่งานอดิเรกครับ และควรอย่างยิ่งที่จะทำทั้งสองสิ่งตั้งแต่อายุน้อยๆ"

ทีนี้มาถึงประเด็นที่ผู้เขียนเป็นห่วง คือโดยธรรมชาติมนุษย์เรารักสบาย งานอะไรที่ทำให้สบายย่อมเป็นที่หมายปอง ผมเข้าใจว่าผู้เขียนทำงานอยู่ในแวดวงสายการเงิน คงจะได้ยินเรื่องราวผู้คนที่ต้องการผันตัวเองสู่ตลาดหุ้น ซึ่งดูผิวเผินเป็นงานที่สบายทำเงินได้ง่าย ซึ่งผู้เขียนเป็นห่วงเรื่องค่านิยมที่ผิดๆ และกลัวสันดานรักสบายของคนไทยจะระบาด
การรักสบายไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่ก่อนที่จะสบายเราควรจะต้องผ่านการเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต ซึ่งสถานที่ๆจะให้เราได้เผชิญชีวิตได้ดีก็คือที่ทำงานนี่แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายขี้บ่น เพื่อนร่วมงานช่างประจบ ลูกน้องจอมอู้ ลูกค้าขี้วีน เจ้าของบริษัทและคุณนายที่ทำตัวเหมือนราชาราชินี ฯลฯ การได้เผชิญปัญหาหลายรูปแบบก็เหมือนร่างกายได้รับเชื้อโรคต่างๆ ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกัน ได้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหา

ผมเคยอ่านเส้นทางชีวิตของคุณลูกอีสาน ก็ให้รู้สึกเลื่อมใสครับกับการต่อสู้ชีวิต แต่ในทางกลับกันถ้ากลายเป็นว่าคุณลูกอีสานเป็นผู้มีอันจะกิน จบโทเมืองนอกด้วยทุนทางบ้าน แล้วออกมาประสบความสำเร็จกับอาชีพนักลงทุน ผมก็คงจะเฉยๆ ถึงแม้ปลายทางจะเป็นนักลงทุนร้อยล้านเหมือนกัน แต่คุณค่ามันต่างกันครับ
โพสต์โพสต์