VI เอ๋ย ความสุขเจ้าอยู่หนใด

[Suysak]

"พี่ทำไงดีอะหุ้นตก"

ช่วงนี้ผมได้ยินคำพูดนี้บ่อย

ผมมักจะตอบพี่ๆน้องๆที่ยิงคำถามนี้ใส่ผมเสมอว่า

"กรูไม่รู้โว้ย กรูอยู่ดอย" ถ้าแวะมาเยี่ยมกันอย่าลืมเอากาแฟมาสักสิบแพ้ค เพราะ"

"กรูจะอยู่นาน"

ฟังๆดู กลายเป็นว่าช่วงนี้ความสุขเริ่มเลือนหายไป กลายเป็นความทุกข์ไปเสียแล้ว เพราะเปิดจอทีไรเห็นแต่สีแดง

ผมก็มักจะปลอบใจพวกเพื่อนๆไปว่า ราคาตกแล้วไงอ่า

สัดส่วนความเป็นเจ้าของแกก็เหมือนเดิม

มองในแง่ดี แกสามารถเพิ่มสัดส่วนความเป็นเจ้าของได้ในราคาที่ถูกลง

โอ้แม่เจ้า ถ้าคิดเช่นนี้ได้มันช่าง เด็ดสะระตี่ อะไรเยี่ยงนี้

ผมบอกเพื่อนสนิทผมว่า ดูสิเกิดเป็นคนไทยแลนด์แดนสไมล์ มันช่างดีเสียนี่กะไร

อยู่ดีๆ เรามีหุ้นให้ซื้อ แถมมันราคาถูกลงทุกวันๆ

เพราะฉะนั้นเงินเดือนอะ ไอ้น้อง แทนที่จะเอาไปกินเที่ยว เอาไปซื้อดิวะ

จริงๆนะครับ ผมพูดเหมือนเพ้อเจ้อ

แต่ถ้าเป็นผม ผมมีความสุขแบบซู้ดยอด เวลาสัดส่วนความเป็นเจ้าของ ในบริษัทที่ผมอยากลงทุนด้วย เพิ่มขึ้น

มันหมายถึงในอนาคตปันผลที่ผมได้รับก็จะเพิ่มด้วย


แล้วท่านละ ความสุขท่านอยู่หนใด

อยู่ที่ราคาหุ้น หรืออยู่ที่สัดส่วนความเป็นเจ้าของ

[prajuvb]

"แม้เราจะได้ซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งในราคาก่อนที่จะตก
แต่เราก็ยินดีกับการตกลง
เพราะมันทำให้เราซื้อเพิ่มได้อีกในราคาที่คนทิ้งด้วยความตื่นตระหนก
นักลงทุนที่ต้องการซื้อลงทุนไปตลอดชีวิต
ควรมีทัศนคติแบบเดียวกันนี้เมื่อตลาดหุ้นผันผวน
ทว่าหลายคนกลับลิงโลดเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้นและรู้สึกแย่เมื่อมันตก"
ผมคัดมาจากหนังสือwarren Buffett stock portfolio โดยMary Buffett ฉบับแปลโดยนรา สุภัคโรจน์
เผอิญงัดมาอ่านซ้ำเพราะไปเจอฉบับพิมพ์ครั้งที่2ที่ซีเอ็ด
เข้ากับบรรยากาศช่วงนี้จริงๆ

[zephyr]

ความสุขมันไม่มี เพราะว่าเราไม่มีเงินซื้อหุ้นในเวลาที่มันตกลงมาแล้วน่ะสิครับ
ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะไม่เปลี่ยน แต่เงินในกระเป๋าไม่มีนั่นแหละครับ

[prichar s.]

ความสุขอยู่ตรงที่ นักเก็งกำไรที่ยึดครองตลาดอยู่กำลังทะยอยหนีออกจากตลาด
ซึ่งหมายความว่า ตลาดกำลังจะกลับมาเป็นสวรรค์ของนักลงทุน อีกครั้ง

สถานการณ์ที่ราคาของหุ้นดีๆตกจะกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ถ้าคุณไม่ได้ซื้อหุ้นเพิ่มแถมยังขายหุ้นที่มีอยู่ออกไปด้วย – Peter Lynch

[sorawitch]

เชื่อว่าหลายๆคนในเวปนี้ ปอดที่เคยเขียวปี๋ เริ่มจางกลายเป็นเขียวอ่อน

คนที่ถือหุ้นมาตั้งแต่ยุคต้มยำกุ้ง (ตัวดีๆนะ) พวกนี้สบายไปแล้ว

คนที่เข้าตลาดยุคซับไพร์มก็ยังเขียวเข้มดี แต่กำไรคงลดลงไม่น้อย

คนที่เข้าตลาดตอนน้ำท่วม ก็ยังเขียว แต่คงจางลงมาก

แม้จะมีหุ้นบางตัวทนกับแรงขายของต่างชาติในช่วงนี้ แต่คิดว่าถึงเวลานึง ราคาหุ้นตัวอื่นๆที่ถูกลง จะทำให้หุ้นสีทนได้เหล่านี้ราคาตกลง

บัฟเฟตบอกไว้ว่า ไม่ต้องมีไอคิวสูงเพื่อจะเป็นนักลงทุนที่ดี

สิ่งที่สำคัญคือการควบคุมอารมณ์ ไม่ให้โลภ

การรอเพื่อตีลูกโฮมรันในความหมายของบัฟเฟต มันคือการรอจริงๆ

1. อย่าเชื่อที่ใครๆบอกว่า 100% ในหุ้น

2. อย่ามั่นใจกับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพที่เราหรือคนอื่นในที่นี้ประเมินแล้วเห็นว่ามันดีจริงๆกับหุ้นตัวไหนๆก็ตามแบบฝังหัว ทุกอย่างมีวันเสื่อม

[Nevercry.boy]

ความสุขอยู่ที่เราเชื่อในสิ่งที่ทำทำในสิ่งที่เชื่อ แม้มันจะไม่ใช่

สวัสดีจารย์ suisuk. ครับ จะว่าสุขก็ไม่ใช่ครับมันเหมือนเราได้เดินตามความเชื่อมากกว่าครับ ทีนี้ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นก็ดีใช่มั๊ยครับ

แต่พอมันขาลงนี่สิครับ ความเชื่อของเรายังอยู่แต่ตลาดมันลง นั่นคือความเชื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงเพราะตลาดมันลงจริงๆ

แล้วเราจะยังเชื่ออยู่มั๊ยผมเข้าใจครับว่าความเชื่อของผมไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงของตลาด

แต่มุมกลับของ status. นี้ก็คือ ความจริงที่ว่าวันนี้หุ้นตก ความจริงของตลาด ความจริงของใครต่อใครก็แล้วแต่ ก็เปลี่ยนความเชื่อของผมไม่ได้

ผมเชื่อว่าหุ้นที่ดี ธุรกิจแข็งแกร่งเติบโตภายใต้การบริหารของ ผบห ที่มีความสามารถและมีความจงรักภักดีต่อองค์กรจะกลับมาจะฝ่าวิกฤตไปได้ อาจไม่ใช่พรุ่งนี้เดือนหน้าปีหน้าแต่ผมเชื่อว่าจะมีวันของมันวันของผม

อาห์แค่ได้พิมพ์ความคิดเพี้ยนๆ จากสมองน้อยๆ ก็มีความสุขแล้วครับ

ขอบคุณจารย์ suisuk. ครับ

[Plant]

ไม่รู้ว่าผมสุข หรือผมบ้า!!! หรือเปล่าครับ...-_-??)

ตอนนี้วันไหนผมเห็นหุ้นที่ผมเล็งไว้สีแดง ผมจะอมยิ้ม รู้สึกวันนี้จะต้องเป็นวันดีอีกหนึ่งวัน
ส่วนวันไหนตัวที่เล็งไว้เป็นสีเขียวขึ้นมา จะรู้สึกหดหู่ วิตกกังวล กลัว มันแปลกๆหรือเปล่าครับ!!!

เหตุผล เพราะพอเห็นหุ้นที่เล็งไว้ราคาลดลงผมก็มองว่า
"เหอๆ ลงไปๆ จะได้ซื้อถูกๆ เอ๊ะ!! ปันผลได้กี่เปอแล้วนี่ราคานี้!!"

ส่วนวันที่ราคาดีดขึ้น ก็จะเป็นอารมน์นี้
"เอ้า! เด้งแล้วหรือนี่ แล้วมันจะลงมาอีกหรือเปล่า น่าจะลงหนะ
แล้วถ้าไม่ลงมาหละ ราคาตอนนี้ก็ถูกแล้ว ซื้อเลยดีกว่า แล้วถ้ามัน
ลงมาแรงๆอีกหละ เอาไงดีๆ โอ๊ย!!เครียด!!"

เหอๆ ประมานนี้ครับ เวลานี้ก็เลยได้แต่เดินเลือกของเปรียบเทียบมูลค่า
กับปันผลของตัวที่ถืออยู่ กับตัวอื่นๆที่สนใจต่อไป.....^^)

[workart]

เล็งของที่ดี ปั้มตังค์วงนอกตลาด แล้วก็ใส่เพิ่มซะหน่อย วนเวียนๆไปเรื่อยๆ

สุขอยู่ที่ได Mk สุกี้ สุกี้ เอ้ย ไม่ใช่ สรุปผมส่วนตัวก็ทำตามที่ตัวเองเชื่อ และสบายใจ ถ้าพลาดไปก็เป็นประสบการ์ณ

[ส.สลึง]

จะลิงโลด ก็ตอนเจอหุ้นตีแตกครับ
สำหรับกระดานเขียวๆ แดงๆ ผมกลับรู้สึกเฉยๆ มากกว่า

[anuchitkova]

ช่วงนี้ผมหัดเรียนรู้และทำใจให้มากครับ

[PLUSLOVE]

สุขอยู่ที่การ รอ ครับ stay calm stay invest

ผมไม่ตีทุกลูกที่ลอยเข้ามา แต่จะ รอจะเลือก ตี เฉพาะลูกที่คิดว่า โฮมรัน

ถ้าทุกคนจำได้ ตอนซัพไพรม์ ทุกคนก้คิดว่าตรง500 ก้คงไม่สุดทุกคนกลัวไม่กล้า

แต่ท่านปรมาจารย์ได้ออกมาพูดว่า หุ้นถูกแล้วให้ซื้อได้

ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้ลดลงตามดัชนี ดังนั้นหุ้นจึงถูกมาก

ผมเห็นด้วยกับท่านปรมาจารย์ รอบนี้ก้เช่นกัน

ผมเชื่อว่า ถึงจุดๆหนึ่งที่ทุกคนไม่คิด ทุกคนจะโยนผ้ายอมแพ้ และคิดว่ามีถูกกว่านี้

ผมจึงเลือกปูซาน ไว้เพราะเป็นที่ๆ ทุกคนไม่คิดว่าจะลงถึง แต่ถ้าลงถึง

ก้ไม่มีใครคิดว่า ตรงนี้จะยืนอยู่ ทุกคนจะถอยหลังกลับไปและไปรอต่ำๆ 7 8 900


สำหรับผม ผมไม่คิดว่า ศัตรูจะยังมีแรงมาตีใส่ผมได้ เพราะระหว่างทาง เค้าต้องเจอกับ

คนอีกหลายๆคนเข้าไปมะรุมมะตุ้ม กว่าจะรอดมาหาผม ขอให้ครบ32 แล้วกันครับ

ที่ปูซาน กำแพงเมืองแข็งแรงมาก เป็นที่ชุมนุมของเหล่านักรบรุ่นก่อนๆ

ถึงจะผ่าน 18 อรหันต์แห่งลุ่มแม่น้ำนักดงมาได้ ก้คงเหลือทัพแค่ไม่มาก

ในเมื่อพื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยน ผลประกอบการไม่ลดลง

สิ่งที่ต้องทำ ก้คงแบบเดียวกับที่ท่านปรมาจารย์ ได้กล่าวไป คือ


นั่งกระดิกเท้า รอของถูกดีกว่า

[saichon]

จะลิงโลด ก็ตอนเจอหุ้นตีแตกครับ
สำหรับกระดานเขียวๆ แดงๆ ผมกลับรู้สึกเฉยๆ มากกว่า

ผมเป็นอีกคนที่เริ่มมีความรู้สึกคล้ายๆพี่ส.สลึงเรื่องราคาหุ้น
ส่วนหุ้นตีแตกผมรู้สึกแบบเดียวกับพี่มา3-4ปีแล้วครับ

หลังจากผมเจอหุ้นแบบนี้แล้วความสุขของผมก็อยู่ที่
การตามดูผลประกอบการและความสุขที่ได้หวังว่าจะมีปันผลเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัวในอนาคต
ส่วนเรื่องราคาหุ้นจะเป็นยังไงผมไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าก่อนหน้านี้อีกแล้วครับ

[nz]

เมื่อวานนี้มีคนเอาหุ้นมาขายแบบลดราคาให้

[apollo]

ไม่สุข ตรงตังหมดไม่มีซื้อเหมือนกันคะ

[todayiswhat]

วิกฤตคือโอกาส
เพราะฉะนั้นโอกาสมันมาแล้ว

[sei96]

ตอนหุ้นตก จะดีใจ หรือเศร้าใจ ขึ้นอยู่กับว่า ต้นทุนที่ซื้ออยู่ที่จุดไหน
มาซื้อตอน 1600 จุด ก็จิตตกเป็นธรรมดา แต่ถ้าซื้อตอน 400 จุด ก็ลิงโลดว่าจะได้ซื้อเพิ่ม

[sei96]

[quote="Plant"]ไม่รู้ว่าผมสุข หรือผมบ้า!!! หรือเปล่าครับ...-_-??)

ตอนนี้วันไหนผมเห็นหุ้นที่ผมเล็งไว้สีแดง ผมจะอมยิ้ม รู้สึกวันนี้จะต้องเป็นวันดีอีกหนึ่งวัน
ส่วนวันไหนตัวที่เล็งไว้เป็นสีเขียวขึ้นมา จะรู้สึกหดหู่ วิตกกังวล กลัว มันแปลกๆหรือเปล่าครับ!!!

เหตุผล เพราะพอเห็นหุ้นที่เล็งไว้ราคาลดลงผมก็มองว่า
"เหอๆ ลงไปๆ จะได้ซื้อถูกๆ เอ๊ะ!! ปันผลได้กี่เปอแล้วนี่ราคานี้!!"

ส่วนวันที่ราคาดีดขึ้น ก็จะเป็นอารมน์นี้
"เอ้า! เด้งแล้วหรือนี่ แล้วมันจะลงมาอีกหรือเปล่า น่าจะลงหนะ
แล้วถ้าไม่ลงมาหละ ราคาตอนนี้ก็ถูกแล้ว ซื้อเลยดีกว่า แล้วถ้ามัน
ลงมาแรงๆอีกหละ เอาไงดีๆ โอ๊ย!!เครียด!!"

เหอๆ ประมานนี้ครับ เวลานี้ก็เลยได้แต่เดินเลือกของเปรียบเทียบมูลค่า
กับปันผลของตัวที่ถืออยู่ กับตัวอื่นๆที่สนใจต่อไป.....^^)[/quote]

ไม่แปลกครับ ผมก็เป็น ถ้าหากหุ้นตัวที่เห็นแดงๆ ร่วงๆ นั้น เป็นหุ้นที่เล็งว่าจะซื้อ แต่ยังไม่ได้ซื้อ
แต่ถ้าซื้อแล้วในต้นทุนที่สูง และจำนวนหุ้นที่สูง อารมณ์จะเป็นอีกแบบ

[Tibular]

มีความสุขเพราะมี MoS คับ

[luangrit]

ความสุขผมอยู่ที่ ความไม่สุขไม่ทุกข์ ครับ...
รู้สึกดีที่เราเริ่มจะไม่ตระหนกกับภาวะแบบนี้

พอเริ่มเข้าใจแนวทาง VI มากขึ้นเรื่อยๆ
ใจก็เริ่มปรับกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าว่าเป็นสิ่งชั่วคราว
เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ไม่แน่ไม่นอน

สุดท้าย ก็ต้องขอยกเครดิตให้กับอาจารย์ในแนวทาง VI ทุกๆคน
ที่ทำให้ผมได้เข้าใจแนวคิด และทำให้ลงทุนอย่างไม่เป็นทุกข์ครับ

[Plant]

ไม่แปลกครับ ผมก็เป็น ถ้าหากหุ้นตัวที่เห็นแดงๆ ร่วงๆ นั้น เป็นหุ้นที่เล็งว่าจะซื้อ แต่ยังไม่ได้ซื้อ
แต่ถ้าซื้อแล้วในต้นทุนที่สูง และจำนวนหุ้นที่สูง อารมณ์จะเป็นอีกแบบ

ขอบคุณ คุณ "sei96" ครับ ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้บ้าไปคนเดียว
(เอ๊ะ! ยังไงเนี่ย หุหุหุ)

เรื่องซื้อในต้นทุนที่สูง และจำนวนหุ้นสูง ผมจะใช้แนวคิดดังนี้ครับ
เมื่อราคามันลงมามากๆจนเราเริ่มไม่สบายใจ ผมจะกลับไปดูเหตุผลที่ผมซื้อ
หุ้นตัวนั้นมาครับ ถ้าปัจจัยต่างๆไม่เปลี่ยนจากที่เราเคยประเมินไว้ มีเพียงราคาที่เปลี่ยน
ผมก็จะไม่ได้สนใจเรื่องราคาที่ลงมาครับ หรืออาจจะพิจารณาซื้อเพิ่มเติมด้วย

ส่วนตัวที่พิจารณาแล้วว่ามีปัจจัยบางอย่างเปลี่ยนไป และเราไม่แน่ใจในอนาคตก็จะพิจารณา
ขายออกเพื่อไปซื้อตัวอื่นที่มั่นใจกว่าครับ

ซึ่ง ณ เวลาตลาดหุ้นตอนนี้ผมก็ใช้แนวคิดนี้ในการวิเคราะห์ทุกตัวที่ผมซื้อมาครับ
ก็ปรากฎว่าตอน 1600 ถืออยู่ 8 ตัว ตอนนี้ปัจจัยเปลี่ยนไป 1 ตัว ส่วนอีก 7 ตัว
ยังถืออยู่ แม่ว่าจะแดงเถือกไปแล้ว 6 ตัวก็ตามครับ...T-T)

ปล. วันนี้ก็เก็บเพิ่มมาอีก 1 ตัวครับ...^^)

[Jatuporn9]

ขอโทษเจ้าของกระทู้ด้วยนะคับ จะกดบวก ดันกดโดนลบไปซะงั้น

[BIG87]

น่าจะเพราะเค้ายังไม่เคยผ่านช่วงที่หุ้นตกลงมาแรงๆ บ้างมั้งครับ
พึ่งเข้ามาตอนหุ้นช่วงที่แพงๆแล้ว พอลงมาแรงๆ ก็ได้เวลากลับมาทบทวนคุณภาพของหุ้นที่เราถืออยู่
อย่างจริงๆจังๆกันเลยทีเดียว ทำให้เหลือตัวที่เรามั่นใจจริงๆไม่กี่ตัว


ตอนนี้ก็ทะยอยเก็บอยู่นะ แต่ตั้งเป็นขั้นๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนประตู ไคมง คิวมง เซย์มง ...

ขั้นหลังๆ จะตั้งซื้อเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ถ้าหุ้นตก ก็เลยไม่กลัว เพราะรอไว้อยู่แล้ว

โดยส่วนตัว ได้แรงบันดาลใจ+เตรียมกระสุนได้ทัน จากกระทู้นี้ด้วยครับ (กระทู้ คุณปลานิลจิ๋ว ใน Pantip)
http://pantip.com/topic/30594035

ปล.คุณปลานิลจิ๋ว ในPantip ผมยอมรับจริงๆครับว่า เขาเป็นเซียนกราฟตัวจริง
ติดตามผลงานเขามาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แม่นยำและเฉียบขาดมาก ทุกครั้งที่เขามา post เตือน

ปล. ขอออกตัวว่า ผมไม่เคยสนใจเรื่อง Technical เลยนะครับ ดู Fundamental และกด ato อย่างเดียวเวลาซื้อ/ขาย เพราะโดยส่วนตัวผมใช้กราฟแล้วไม่ได้ผล
แต่ต้องขอยกให้คุณปลานิลจิ๋วไว้ 1 คนครับ แม่นยำ จนน่ากลัว เอาไว้ดูประกอบการตัดสินใจครับ

[pullmeunder]

พอหุ้นตก ก็ทุกข์เพราะไม่มีเงินซื้อ

พอซื้อแล้วหุ้นก็ไม่ไปไหน อาจจะตกด้วยซ้ำ

ครั้นเหลืิอบเห็นพอร์ตของเพื่อน เอ๋.. ทำไมเขากำไรเยอะจัง

พอมานั่งคิดดีๆ หุ้นที่เราถือมันก็ไม่เลวร้ายนี่นาบริษัทก็ยังดำเนินการปกติไป

เมื่อได้สติก็คิดได้ว่าเราไม่ต้องรีบรวยไปขนาดนั้นหรอกถ้าหุ้นที่เราถือมันดีจริงยังไงราคามันก็ขึ้นตามผลงานของมันเอง

ค่อยๆเก็บเงินซื้อไป อย่าไปสนใจราคามากจนเกินไป จะทำให้เราซะปล่าวๆ

stay calm stay invest

โชคดีการลงทุนทุกท่านครับ

[Suysak]

คุณ NB อย่าถึงเรียกอาจารย์เลยครับ ผมแค่พบเห็นอะไรก็มาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ

ผมว่า หุ้นขึ้นลง มันก็อนิจจัง จะลงทุนประสบผล ต้องสำเร็จที่ใจก่อน

ตราบใดที่เรายังหาสตางค์ได้ทุกเดือน ก็ไม่ต้องกลัวไม่มีเงินซื้อหุ้น

สำคัญอย่าใจร้อน

หุ้นลงไม่แปลก หุ้นขึ้นก็ไม่แปลก

หุ้นเขียวเราก็ได้ตัง หุ้นแดงเราก็ได้ซื้อถูก

คิดให้มีความสุข เราก็มีความสุข

หุ้นจะลงทั่วแดนก็ขอให้ไทยแลนด์เจริญ ไชโย

[yakjabon]

สุขเมื่อบริษัทที่ผมเป็นเจ้าของได้กำไรเกินคาดคุ้มค่าสุดๆเมื่อเทียบกับราคาที่ซื้อมา