Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเรื่อง
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเรื่อง
โพสต์ที่ 1
Money talk@SET 2Jun13
• Money talk ครั้งต่อไป Sunday 21 Jul13
o เปิดจอง
เสาร์ 13/7 เปิดจองทาง Facebook
ศุกร์ 12/7 เปิดจองสำหรับผู้อาวุโส
o หัวข้อ 1 บริหารหุ้น บริหารเงินทอง บริหารชีวิต
วิทยากร คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย, คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ, คุณถาวร โชติชื่น, อ.ไพบูลย์
o หัวข้อ 2 เรียนอย่างไรให้รวย รวยอย่างไรให้มีคุณภาพ // เรียนอย่างไรให้รวย อย่างมีคุณค่า
วิทยากร ดร.วิพุธ คณบดีนิด้า, คุณวรวรรณ ธาราภูมิ, คุณวรวุฒิ อุ่นใจ
o กาแฟ อเมซอน, เลอแปง, เจด ดราก้อน สนับสนุนของว่าง
หัวข้อที่ 1 อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
1.คุณสัญชัย เนื่องสิทธิ์ รองประธานกรรมการ บมจ. บิวเดอสมาร์ท (BSM)
2.คุณปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E)
3.คุณทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN)
4.คุณอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ นพ. ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ดำเนินรายการ
• L&E ทำอะไร?
o คุณปกรณ์ L&E ทำธุรกิจด้าน โคมไฟฟ้า อุปกรณ์แสงสว่างทุกชนิด มีหน่วยพัฒนาสินค้า ห้องทดสอบ มีโรงงาน 4 โรง สินค้าที่ผลิตนำไปสู่งผู้บริโภคมีช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศนอกประเทศ มีบริการออกแบบการให้แสงสว่างให้ลูกค้าฟรี
o เป็นโรงผลิต LED แห่งแรกในประเทศไทย สร้างเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
LED เป็นนวัตกรรม มีคุสมบัติประหยัดพลังงานมาก อายุยืนยาว ขนาดเล็ก ทำสีได้หลากหลาย
อายุการใช้งาน หลอดไส้ 1,000 ชม. นีออน 12,000 ชม. LED 50,000 ชม.
LED เพิ่งเกิดขึ้นมา 10 กว่าปี ช่วงแรกใช้ในสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น ตึกใบหยก เซ็นทรัล ในโรงแรม ตู้เพชรต่างๆ เช่น ตู้เพชรพลอยเดิมใช้หลอดฮาโลเจน ปัจจุบันใช้ LED ประหยัดกว่า
ช่วงแรกๆ LED แพงกว่าเป็น 10 เท่า คิดว่าภายใน 2 ปีข้างหน้า ผู้บริโภค 50% จะใช้หลอด LED ยกเว้นญี่ปุ่นจะเปลี่ยนเร็วกว่า
สัดส่วน LED ต่อหลอดไฟประเภทอื่น ในเมืองไทย 14-15% รายได้บริษัทก็เช่นเดียวกัน ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนตรงนี้จะเพิ่มเป็น 50%
• โครงสร้างรายได้?
o ตลาดโครงการ 70% การก่อสร้างใหม่ๆ บ้านอยู่อาศัย ศูนย์การค้า
o ตลาด Replacement 20-25%
o ตลาด ส่งออก 4-5% เชื่อว่า AEC เกิดขึ้นสัดส่วนนี้จะสูงขึ้น ประชากรจะเป็น 600 ล้านคน เราจะมีโอกาสเติบโต
• ผู้ผลิต LED ในไทยมีเยอะไหม?
o มีหลายบริษัทกำลังสร้างอยู่ ที่สร้างเสร็จแล้วเท่าที่รู้มี L&E เจ้าเดียว
• บริษัทที่ทำเหมือน L&E มีอีกไหม?
o เท่าที่ทราบไม่มี มีบริษัทอื่นนำสินค้าเข้ามาขาย แต่ถ้าแบบ L&E ต้องลงทุนมหาศาลในการที่จะบริการครบวงจร
• มี show room L&E ใกล้ เซ็นทรัลพระราม 9
• ส่งออก 5% ไปในอาเซียนเป็นส่วนใหญ่ ปีนี้เริ่มส่งออกไปออสเตรเลีย น่าสนใจเขาต้องการสินค้าคุณภาพดี คู่แข่งไม่มาก
• ตลาดสินค้าดีเราใช้แบรนด์ L&E ตลาดที่ต้องการสินค้าถูกหน่อย จะใช้ Lumax เป็น fighting brand
• สัดส่วนผลิตเอง จากโรงงานเรา 4 โรงงาน 32% outsource 50% นำเข้าต่างประเทศ 10%
• การจ้างคนอื่น มีโอกาสที่เขาจะเอาสินค้าเราไปผลิตเองหรือไม่?
o เป็นไปได้ เราจึงเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทำ R&D เราจึงไม่กลัวการลอกเลียนแบบ
• Modern ทำธุรกิจอะไรบ้าง?
o คุณทักษะ ทำ furniture มา 33 ปี ตั้งแต่ สำนักงาน ไปจนถึงใช้ในบ้าน ช่วงหลังขยายไปในธุรกิจเฉพาะ เช่น ขายในโรงพยาบาล สถาปัตยกรรม เป็น furniture และ equipment
เรามีบริษัทในเครือเราสามารถจัดหาอุปกรณ์และทำห้องผ่าตัดได้ทั้งห้อง ต่อไปสามารถขยายทำห้อง ICU หรืออย่างอื่นได้
• Furniture ของ modern สัดส่วนประกอบด้วย?
o เราแยกเป็น 2 หมวด สำนักงาน:ในบ้าน 50:50
• เราออกแบบ และทำ R&D แล้วให้โรงงานอื่นทั้งในประเทศและนอกประเทศผลิตให้
• สัดส่วนผลิตเอง กับ outsource
o 30% outsource ตอนนี้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเราไม่ได้ต้นทุนถูกอีกต่อไป จึงเน้นเรื่อง value added
• Modern มี show room กี่แห่ง
o เราไม่เน้นมาก ตอนนี้มี ที่ CDC, central world ตามหัวเมือง ภูเก็ต พัทยา
• มีขายใน Home pro, index ?
o ยังไม่มี ลักษณะสินค้า อาจไม่ match กัน ในอนาคตไม่แน่ กำลังศึกษา
• วัสดุที่เราใช้มี แผ่นบอร์ด, MDF, หนังสัตว์ ผ้าหุ้ม
• มีลงทุนในบริษัทฟอกหนัง IHL มีลงทุนใน MFEC , ใน TPAC ที่อยู่นอกตลาด modern form health&care, xxx
• MFEC ไมม่เกี่ยวข้องในการจัดการ แต่เราลงทุนมากว่า 20 ปีแล้ว เราเป็น 1 ในผู้ก่อตั้ง mfec เหมือนกัน
• คู่แข่ง furniture บ้าน มีคู่แข่งเยอะ ที่ทราบ 2 รายใหญ่ๆ คือ index กับ SB ทำ model ต่างกับเรา ของเราทำงานโครงการมากกว่า แต่ 2 บริษัทนั้นทำด้าน retail เยอะกว่า มี show room เยอะ ทำต่างจังหวัดเยอะ
• Market share ในส่วนบ้าน มีไม่เยอะ แต่ไม่แน่นอน เราประมาณว่าราว 10% แต่ furniture สำนักงานเรากล้าพูดได้ว่าเราเป็นพูดนำ share ราว 30%
• ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ furniture บ้าน โตเร็ว แต่ช่วงหลังก็เริ่ม furniture สำนักงานเริ่มเร่งขึ้นมา ต่อไปสัดส่วน furniture สำนักงานของเราก็อาจจะแซงขึ้นมา
• คู่แข่งที่สั่งของจากต่างประเทศก็เยอะ เพราะเราก็สั่งเข้ามาเหมือนกัน ใช้วิธีหาพันธมิตร เจ้าไหนที่เก่ง เราก็ไม่สามาราถผลิตได้ทักอย่าง และก็ห้ามให้เขาเข้ามาไม่ได้ด้วย
• เราขายความสุขในการทำอาหาร มี emotional factor เข้ามา
• ที่ขายให้โครงการจะมีที่คุยกับ developer ด้วย ว่าต้องการแบบไหนอย่างไร ไม่ใช่แค่ซื้อเข้ามาใส่
• เรามีทำเอา LED ฝังไว้ที่หัวเตียง สามารถทำให้กระพริบ มองดูดาวก็ได้
• BSM ประกอบธุรกิจอะไร?
o คุณสัญชัย เราเป็นที่รู้จักในผู้ออกแบบ และผู้รับเหมา (ผู้บริโภคอาจไม่รู้จัก)
o อยู่ในหมวดวัสดุก่อสร้าง เป็น building product ที่ใช้กับตัวอาคาร เรามี 3 ตัว
ระบบผนัง ทำจากอลูมิเนียม ในการกั้นห้อง เป็น partition องค์ประกอบคือ กรอบอลูมิเนียม และกระจก ex. ห้องประชุมไม่อยากให้ทึบ แต่เก็บเสียง
ผ้าเพดานและผนังกั้นห้อง ทำจากยิปซั่ม ex. ตึกสูงทั่วไป จะไม่ใช้ก่ออิฐ ฉาบปูน ทำได้รวดเร็ว
ประตูหน้าต่างคุณภาพสูง fletcher ใช้ภายนอกกับบ้านและคอนโด
Fletcher เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่นิวซีแลนด์ ทำ curtain wall ผนังหุ้มอาคารตึกสูง เราไปติดต่อขอผลิตในเมืองไทย ในเอเชียเราเป็นเจ้าเดียว
• สัดส่วนรายได้ ?
o ระบบผนัง 35% ยิปซั่ม 40-45% ประตูหน้าต่าง 9-10% เพิ่งทำได้เป็นปีที่ 2 ปี
o ลูกค้ามี 3 กลุ่ม 1) developer ทั้งที่อยู่อาศัย และสำนักงาน 2) ผู้ออกแบบ มัณฑนาการ สถาปนิค 3) ผู้รับเหมา คนที่ซื้อเราจริงๆ คือผู้รับเหมา ช่วงหลังมีกลุ่ม developer ด้วย
• บริษัทย่อยมี 2 บริษัท ทำงานของ builder smart อีกบริษัทเพิ่งก่อตั้ง บ.ประตูหน้าต่างเอเซีย ทำแบรนด์ fletcher โดยเฉพาะ
• ตัวสินค้าที่เติบโตคือ Alloy และ fletcher ตรงนี้เติบโตได้ ตลาดใหญ่ เขาไม่ใช้กรอบไม้แล้ว จะใช้อลูมิเนียม
• คู่แข่งประตูหน้าต่างมี 4-5 ราย ปัจจุบันมีทำจากวัสดุ 2 ประภทหลักๆ อลูมิเนียม ex. Sun paradise, tostem และ วัสดุ PVC ex. windsor
• เทียบกับ PVC มีข้อจำกัดแตกต่างกันไป อลูมิเนียม มีสีหลากหลาย สี standard 33 สี มีนวัตกรรมใหม่คือ สีลายไม้ ส่วนราคาพอๆกัน
• SC asset ทำอไรบ้าง?
o คุณอรรถพลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
o กลุ่ม 1 สนับสนุนการเติบโตองค์กร สินค้าจะเป็นโครงการที่เราพัฒนาเพื่อขาย มีบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม
o กลุ่ม 2 ทำ ออฟฟิศให้เช่า มีพื้นที่อยู่ 100,000 ตร.ม. หลักๆ อาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 1,2,3
• สัดส่วนรายได้?
o สัดส่วนเพื่อขาย 90% รายได้ให้เช่า 10%
• อัตราการเช่ากี่ % ของพื้นทีทั้งหมด?
o โดยเฉลี่ย 90% ช่วง 1-2 ปี นี้มีอัตราการเช่าดีในภาพรวม ปีนี้มีแผนจะขึ้นสำนักงานแห่งใหม่ บริษัทชั้นนำใหญ่ๆมีการลงทุน ขยายสำนักงานเพิ่มเติม
o พื้นที่เช่าใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นราว 10% ปัจจุบันอาคารสำนักงานหาที่ดินที่อยู่ย่านใจกลางเมืองค่อนข้างยาก
• รายได้ของชินวัตร 1,2,3?
o ชินวัตร ทาวเวอร์ 3 ใหญ่สุดเป็นรายได้หลัก คิดเป็นราว 50%
• Supply น้อยกว่า demand สำนักงานให้เช่า?
o นักลงทุนเป็นห่วงไม่กล้าลงทุน demand เมื่อ 4-5 ปีก่อนน้อย แต่ช่วงนี้เริ่มเกิด อีก 2-3 ปี จะมี supply ใหม่เข้ามา 2-3 แสน ตรม. จากปัจจุบันมีอยู่ราว 8 ล้าน ตร.ม. อยู่ในทิศทางที่กำลังดีขึ้น ถ้ามองไปถึง AEC ถือว่าบ้านเราเป็น location ที่ support ผู้ประกอบการได้ดี
• อัตราการเช่า 90% ถือว่าเต็มใช่ไหม
o ใช่ บางอาคารก็เต็ม แต่พอร์ตของเราที่สนับสนุนการเติบโตจริงๆคือการขายโครงการต่างๆ เรา focus ที่กรุงเทพเป็นหลัก ปริมาณฑลบ้าง แต่ก็มีขยายไปหัวเมือง
• สัดส่วน คอนโด บ้านเดี่ยว?
o เราจะพัฒนาบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม 70% คอนโด 30% เราไม่ได้ตามกระแสว่าช่วงไหนอะไรบูม เราวางสัดส่วนไว้แบบนี้อยู่แล้ว
• ปีนี้มีแผนเปิด 13 โครงการ บ้นเดี่ยว+ทาวน์โฮม 9 โครงการ คอนโด 4 โครงการ
• กลุ่มลูกค้าปานกลางขึ้นไป B ขึ้น
o คอนโด ราคาเฉลี่ย ราว 100,000 บาท/ตรม ขึ้น
เรามีลองพัมนาคอนโดที่ห่างรถไฟฟ้าหน่อย แถบรามอินทรา อาจจะใกล้ขึ้นทางด่วน จะขายราว 60,000 บาท/ตรม.
• เราจะมีงานเปิดตัวคอนโดพร้อมกัน 3 แห่ง ที่สยามพารากอน
• อัตราการจองโปรเจคล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง?
o โดยรวมสัดส่วนการเปิดคอนโดเกิน 50% แม้สัดส่วนจะเยอะ แต่ก็มี demand มาก life style คนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปเยอะ ในอดีตคนไม่เคยใช้ facebook, instragam คนชอบอยู่ในครอบครัวเดี่ยว เยอะ ความต้องการเปลี่ยนไปตามพฤติกรรม สินค้าที่ตอบโจทย์คือ คอนโดมิเนียม รวมทั้งตอบโจทย์วัยกลางคนได้ ชีวิตการเดินทางประจำวัน เส้นทางการทำงานใช้เวลาไปกลับเกิน 2 ชม. ต้องหาทำเล/คอนโดเพื่อรองรับการเดินทาง
• SC asset ranking ลำดับไหน?
o อันดับ 8-9 เราเข้าตลาดตรงนี้มาราว 10 ปี แต่ก็มีการพัฒนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลประกอบการที่ผ่านมาโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี
• มีคนบอกว่า อสังหาฯฟองสบู่แล้ว ลูกโป่งมาแล้ว จริงไหม?
o ถ้าเรามองการที่เกิดฟองสบู่ เพราะราคาสินทรพัย์สูงกว่าความเป็นจริง และมีความต้องการที่ไม่แท้จริงเยอะ แต่ถ้าเราวิเคราะห์ ความต้องการแท้จริงมีเยอะกว่าที่เก็งกำไร ถ้าดูกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออยู่ หรือซื้อไปปล่อยเช่า ก็เป็นการซื้อจริง มีสัดส่วนราว 80% การเก็งกำไรมีไม่ถึง 20% ความต้องการที่แท้จริงจะสนับสนุนธุรกิจ และการพัฒนา
o ผู้ประกอบการหลายรายมีบทเรียน เคยประสบปัญหาช่วงต้มยำกุ้ง ผู้ประกอบการเข้าใจ ก่อนจะทำอะไรใช้ข้อมูลการตลาดไม่ได้ใช้ความรู้สึก จะทำให้ช่วยดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง สถานบันการเงินต่างๆ มีมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อ และมีความระมัดระวังมากกว่าอดีต npl ไม่ถึง 2%
o ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีมาตรการกำหนดหลายๆเรื่องที่ทำหน้าที่ติดตาม ดูแล ไม่ให้ร้อนแรงเกินไป อย่างที่ออก LTV คุมบ้านเดี่ยว 5% คอนโด 10% ถ้าสถานการณ์ไม่ดี ก็อาจมีมาตรการบางเรื่องอีก เช่น ไม่ให้ดาวน์ 0%
o จึงเชื่อว่าตรงนี้เป็นกลไก ไม่ให้ถลำลึกเหมือนในอดีด แต่ก็มีสินค้าบางส่วนที่ oversupply บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นสาระหลัก
L&E ผลดำเนินงานและทิศทาง?
• รายได้ปีก่อน 2200 ล้าน กำไร 90 ล้าน
o ไตรมาสแรก กำไรโต 7% แต่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น
o ตั้งเป้าเติบโต 15-20% กำไรน่าจะโตมากกว่า เรามี fixed cost 55%
o ปีที่แล้วรายได้เติบโต 12% กำไรเติบโต 20%
• หมอเคทำข้อมูลมาเฉลี่ยของปี 2008 -2012
o L&E รายได้เติบโต 54% กำไรเติบโต 540%
o SC รายได้เติบโต 77% กำไรโต 45%
o MODERN รายได้โต 34% กำไรโต 37%
o BSM รายได้โต 17.8% กำไร drop 1.8%
• คำถามคือ ทำไม L&E จึงเติบโตมาก?
o ช่วงแรกก็ไม่ได้เติบโตมาก เราสร้างโครงสร้างไว้ ที่แล้วมาต้องแข่งกับบริษัทข้ามชาติ ต้องออกแบบให้ฟรี ทำ lab ต่างๆ เพื่อให้ทำสินค้าใหม่ๆ มาสู้ได้ จึงคิดว่าน่าจะเติบโตได้มาก
o ค่าใช้จ่ายในการขาย 24% ปีที่ผ่านมา 20% ต่อไปกำไรจึงน่าจะเติบโตสูงขึ้น
ตลาดใหญ่ขึ้นจาก AEC จาก 60 เป็น 600 ล้านคน
ช่วงที่เปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง จากนี้ไปการเติบโตน่าจะเติบโต 15-20% โดยเฉลี่ย
• งบรัฐบาลที่จะลงทุน 8,000 ล้าน เปลี่ยนแสงไฟ โครงการนี้ทำอะไร และ L&E จะได้ส่วนแบ่งนี้แค่ไหน?
o เป็นโครงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในไฟตามถนน มูลค่าโครงการ 8,700 ล้านบาท อยู่ในช่วงประมูล pilot project เราก็จะเข้าไปร่วมแข่งขัน เราก็เป็นไม่กี่บริษัทที่ผ่านการแข่งขันนี้ สำนักงานใหญ่กฟผ ลองเปลี่ยนหลอดเป็น LED ผู้ว่าพอใจมาก จึงมีนโยบายที่จะเปลี่ยนเป็น หลอด LED
o คืนทุนในปีกว่า และไม่ต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า
o ตอนนี้ทำ TOR อยุ่ คาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือน 400,000 กว่าโคม
o ถนนวิภาวดีเปลี่ยนไปแล้ว เราไป supply ให้กรมทางหลวง
o ไฟในกทม. เป็นนของ กทมฬ แต่ให้ไฟฟ้านครหลวงดูแล
• สรุปแล้ว L&E โตปีละ 15-20% ขณะนี้เราก็เป็นผู้นำในประเทศไทยอยู่แล้ว เราเสนอเป็น solution ถ้าเร่าขยายในอาเซียนจะได้ประโยชน์มาก เราเข้าไปที่เวียดนามแล้ว เราไปติดตั้งตึกสูงสุดในเวียดนาม ตึก time square
• หุ้น L&E ทำไมน่าสนใจ?
o จ่ายเงินปันผลดี จ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ที่ผ่านมา yield 4-8% ยกเว้นปี 2009 ในปีนั้นรวม div กว่า 20% มีปันผลพิเศษ
o มั่นคงพอสมควร ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์บ้าง มีความโปร่งใส CG score 4-5 ดาว และเราได้ set award เรื่องของ CG 2 ครั้ง
o มีอัตราการเติบโตที่สูง 4-5 ปีข้างหน้า 15-20% มาจาก AEC และช่วงเปลี่ยนผ่านนวัตกรรม
o วันนี้เราเป็นผู้นำแล้ว มีสินค้าบริการต่างๆ มากมาย ทำให้ตอบสนองลูกค้าได้อย่างคล่องตัว มีสินค้าใหม่ๆ คู่แข่งยังตามไม่ทัน
o ปัญหาของเราคือสภาพคล่องน้อยมาก กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรจึงเพิ่มสภาพคล่องได้
o เรามีผู้ถือหุ้นกว่า 500 ราย ตามหลักเกณฑ์มี 27% มีจำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมขาย ผมเคยถามเขาบอกว่ายังพอใจเงินปันผลที่ได้รับ กับชอบสไตล์การทำงานของ L&E ผู้บริหารเน้นความโปร่งใส และใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม
• MODERN ผลดำเนินงานและทิศทาง?
o ปีที่แล้ว รายได้รวมราว 3,000 ล้านกำไร 400 กว่า Q1 56 ขาย 800 กว่าล้าน กำไรเกือบ 80 ล้าน
o ปกติตัวเลขเราจะเข้ามาครึ่งปีแล้ว คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว
o ปีนี้ backlog มีมาก ส่วนใหญ่ส่งมอบครึ่งปีหลัง น่าจะไม่มีปัญหา ปีหน้าก็มี order พอสมควร
o Furniture เข้ามาใหม่ง่าย เติบโต 10-15% ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆคงไม่โตมากกว่านี้ เรากำลังมอง business model อยู่ คงไม่ได้ทำ furniture อย่างเดียว หรืออย่างโต๊ะ เราก็สามารถไปร่วมมือกับ L&E หรือ BSM ก็ได้ ความคาดหวังที่จะเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม
o เป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า ก็คาดว่าจะ double ได้ แต่ยัง sustain ได้อย่างไร
o Modern จ่ายไม่ต่ำกว่า60% ในความจริงจ่าย 70-80%
• ทำไมน่าลงทุนใน modern?
o ดูจากประวัติที่ทำมาก็เห็นการเติบโตอย่างดี ถ้าเปรียบเทียบกันคงไม่ได้ ถ้าทั้ง 3 หน่วยงานนี้มาแต่งงานกันสุดยอดเลย
BSM ผลดำเนินงานและทิศทาง?
• ยอดขายปีก่อน 440 ล้าน กำไร 14 ล้าน ไตรมาสแรก ยอดขาย 130 ล้นา เพิ่ม 26% กำไร 5.5 ล้าน เพิ่มราว 60%
• ปีนี้เป้า 3 ปีข้างหน้า ยอดขายโต 30% ต่อปี รวมทั้งปีนี้ด้วย ดังนั้นใน 3 ปีจะมากกว่า 1 เท่า
• กำไรน่าจะคล้ายๆกับไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจาก overhead หรือการลงทุนต่างๆไม่ได้เพิ่มตามสัดส่วนยอดขาย
• จะโตจาก 2 อย่าง 1) หาตลาดใหม่ หรือลูกค้าใหม่ 2) ลูกค้าเดิม แต่เราขายสินค้ามากขึ้น
o ที่ผ่านมาเราไม่ได้เข้าไปส่วนที่อยู่อาศัยพวกบ้านหรือคอนโด ของเราตลาดเดิมคือ office เป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้เรามี fletcher ประตูหน้าต่าง พวกบ้านตากอากาศ หัวหิน ต่างๆ เราก็ขยายตลาดได้มากขึ้น Fletcher เป็นระดับพรีเมียม ตลาด B ขึ้นไป
o อีกธุรกิจส่วนเสริม ลูกค้าพวกโรงงานที่ทำบ้านสำเร็จรูป ส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ส่งให้โรงงานที่ทำบ้านสำเร็จรูป fabricate แล้วส่งให้เขา
o พวก precast มีช่องเปิดจะเป็นมาตรฐาน จะเป็นอีกตลาดที่เข้าไปได้
• Product ใหม่ อย่างโรงพยาบาลที่ทราบกัน ต้องการความเร็ว ถ้าสามารถทำห้องได้เร็ว ก็รับคนไข้ได้มากขึ้น เรามีระบบผนังที่ก่อสร้างทำได้รวดเร็ว อย่างเรากำลังทำให้ธนาคารของ city bank เขามี 1,000 ตรม. ต่อ floor มี 10 floor เราก็ supply ผนังกั้นห้องให้โครงการเขา
• นโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40%
• ทำไม BSM น่าสนใจ?
o ถ้าดูจากยอดขาย หรือผลกำไรเล็กกว่า พี่ๆเขาเยอะ เราเริ่มทำธุรกิจปี 2001 เข้าตลาดปี 2008 ลองผิดลองถูกจนปัจจุบันมั่นใจว่าเรามาถูกทาง และมีสินค้าที่เป็นความต้องการของตลาด และเราก็ทุ่มเทด้าน innovation เหมือนกัน น่าจะเป็นช่วงที่เป็น high growth potential เหมือนกัน เพราะเราไม่ได้มาจากฐานที่ใหญ่
SC ผลดำเนินงานและทิศทาง?
• รายได้ปีก่อน 12,000 ล้าน กำไร 1100 ไตรมาสแรก ขาย 2,000 กว่าล้าน กำไร 200 กว่าล้าน
• เป้าปีนี้ยอดขาย 15,000 ล้าน มากขึ้น 20% (ยอดขายที่รับรู้และยังไม่รับรู้รายได้) ร่ายได้ 10,000 กว่าล้าน เป็นปีแรก
• เป้าหมายโตก็ไม่น่าต่ำกว่า 20% เพราะเรามียอดขายรองรับต่อเนื่อง และมีเปิดโครงการใหม่ๆ มูลค่าโครงการเกือบ 20,000 ล้าน
• อสังหาเอามากินหมดแล้วต้องหาใหม่ทุกปี?
o ถือว่าเลือกเกิดไม่ได้ แล้วแต่ใครจะทำธุรกิจอะไร ขอให้ผู้ประกอบการตรงนั้นทุ่มเท และสร้างประสบการณ์ทำงาน ผมเริ่มจากยอดขายไม่ถึง 1,000 ล้าน แม้ว่าจะต้องขายใหม่ทุกปี เราก็สามารถสร้างการเติบโตได้
• ถ้าทิศทาง เป้าหมายธุรกิจ กลยุทธ์ชัดเจน เป้าหมายแต่ละปีก็อยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาเราก็ดำเนินการได้ตามเป้าทุกปี เราเน้นในเรื่องความสามารถในการทำกำไรให้สมดุลกับความแข็งแรงทางการเงินด้วย ไม่ใช่สร้างหนี้เกินตัว
• นโยบายจ่ายปันผล 40% อย่างปีนี้มีจ่ายเพิ่มเติมเป็นหุ้นปันผล ส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงที่เราขยายจึงต้องการใช้เม็ดเงินรองรับการเติบโตอย่างมีสเถียรภาพ ไม่ว่าปัจจัยภายนอกจะกระทบ
• ดอกเบี้ยลดก็เป็นปัจจัยบวก เพิ่มความสามารถผ่อนชำระของลูกค้า อย่างน้อยก็รู้สึกผ่อนน้อยลง และผู้ประกอบการก็มี่ต้นทุนการเงินต่ำลง
• Money talk ครั้งต่อไป Sunday 21 Jul13
o เปิดจอง
เสาร์ 13/7 เปิดจองทาง Facebook
ศุกร์ 12/7 เปิดจองสำหรับผู้อาวุโส
o หัวข้อ 1 บริหารหุ้น บริหารเงินทอง บริหารชีวิต
วิทยากร คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย, คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ, คุณถาวร โชติชื่น, อ.ไพบูลย์
o หัวข้อ 2 เรียนอย่างไรให้รวย รวยอย่างไรให้มีคุณภาพ // เรียนอย่างไรให้รวย อย่างมีคุณค่า
วิทยากร ดร.วิพุธ คณบดีนิด้า, คุณวรวรรณ ธาราภูมิ, คุณวรวุฒิ อุ่นใจ
o กาแฟ อเมซอน, เลอแปง, เจด ดราก้อน สนับสนุนของว่าง
หัวข้อที่ 1 อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
1.คุณสัญชัย เนื่องสิทธิ์ รองประธานกรรมการ บมจ. บิวเดอสมาร์ท (BSM)
2.คุณปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E)
3.คุณทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN)
4.คุณอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ นพ. ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ดำเนินรายการ
• L&E ทำอะไร?
o คุณปกรณ์ L&E ทำธุรกิจด้าน โคมไฟฟ้า อุปกรณ์แสงสว่างทุกชนิด มีหน่วยพัฒนาสินค้า ห้องทดสอบ มีโรงงาน 4 โรง สินค้าที่ผลิตนำไปสู่งผู้บริโภคมีช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศนอกประเทศ มีบริการออกแบบการให้แสงสว่างให้ลูกค้าฟรี
o เป็นโรงผลิต LED แห่งแรกในประเทศไทย สร้างเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
LED เป็นนวัตกรรม มีคุสมบัติประหยัดพลังงานมาก อายุยืนยาว ขนาดเล็ก ทำสีได้หลากหลาย
อายุการใช้งาน หลอดไส้ 1,000 ชม. นีออน 12,000 ชม. LED 50,000 ชม.
LED เพิ่งเกิดขึ้นมา 10 กว่าปี ช่วงแรกใช้ในสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น ตึกใบหยก เซ็นทรัล ในโรงแรม ตู้เพชรต่างๆ เช่น ตู้เพชรพลอยเดิมใช้หลอดฮาโลเจน ปัจจุบันใช้ LED ประหยัดกว่า
ช่วงแรกๆ LED แพงกว่าเป็น 10 เท่า คิดว่าภายใน 2 ปีข้างหน้า ผู้บริโภค 50% จะใช้หลอด LED ยกเว้นญี่ปุ่นจะเปลี่ยนเร็วกว่า
สัดส่วน LED ต่อหลอดไฟประเภทอื่น ในเมืองไทย 14-15% รายได้บริษัทก็เช่นเดียวกัน ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนตรงนี้จะเพิ่มเป็น 50%
• โครงสร้างรายได้?
o ตลาดโครงการ 70% การก่อสร้างใหม่ๆ บ้านอยู่อาศัย ศูนย์การค้า
o ตลาด Replacement 20-25%
o ตลาด ส่งออก 4-5% เชื่อว่า AEC เกิดขึ้นสัดส่วนนี้จะสูงขึ้น ประชากรจะเป็น 600 ล้านคน เราจะมีโอกาสเติบโต
• ผู้ผลิต LED ในไทยมีเยอะไหม?
o มีหลายบริษัทกำลังสร้างอยู่ ที่สร้างเสร็จแล้วเท่าที่รู้มี L&E เจ้าเดียว
• บริษัทที่ทำเหมือน L&E มีอีกไหม?
o เท่าที่ทราบไม่มี มีบริษัทอื่นนำสินค้าเข้ามาขาย แต่ถ้าแบบ L&E ต้องลงทุนมหาศาลในการที่จะบริการครบวงจร
• มี show room L&E ใกล้ เซ็นทรัลพระราม 9
• ส่งออก 5% ไปในอาเซียนเป็นส่วนใหญ่ ปีนี้เริ่มส่งออกไปออสเตรเลีย น่าสนใจเขาต้องการสินค้าคุณภาพดี คู่แข่งไม่มาก
• ตลาดสินค้าดีเราใช้แบรนด์ L&E ตลาดที่ต้องการสินค้าถูกหน่อย จะใช้ Lumax เป็น fighting brand
• สัดส่วนผลิตเอง จากโรงงานเรา 4 โรงงาน 32% outsource 50% นำเข้าต่างประเทศ 10%
• การจ้างคนอื่น มีโอกาสที่เขาจะเอาสินค้าเราไปผลิตเองหรือไม่?
o เป็นไปได้ เราจึงเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทำ R&D เราจึงไม่กลัวการลอกเลียนแบบ
• Modern ทำธุรกิจอะไรบ้าง?
o คุณทักษะ ทำ furniture มา 33 ปี ตั้งแต่ สำนักงาน ไปจนถึงใช้ในบ้าน ช่วงหลังขยายไปในธุรกิจเฉพาะ เช่น ขายในโรงพยาบาล สถาปัตยกรรม เป็น furniture และ equipment
เรามีบริษัทในเครือเราสามารถจัดหาอุปกรณ์และทำห้องผ่าตัดได้ทั้งห้อง ต่อไปสามารถขยายทำห้อง ICU หรืออย่างอื่นได้
• Furniture ของ modern สัดส่วนประกอบด้วย?
o เราแยกเป็น 2 หมวด สำนักงาน:ในบ้าน 50:50
• เราออกแบบ และทำ R&D แล้วให้โรงงานอื่นทั้งในประเทศและนอกประเทศผลิตให้
• สัดส่วนผลิตเอง กับ outsource
o 30% outsource ตอนนี้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเราไม่ได้ต้นทุนถูกอีกต่อไป จึงเน้นเรื่อง value added
• Modern มี show room กี่แห่ง
o เราไม่เน้นมาก ตอนนี้มี ที่ CDC, central world ตามหัวเมือง ภูเก็ต พัทยา
• มีขายใน Home pro, index ?
o ยังไม่มี ลักษณะสินค้า อาจไม่ match กัน ในอนาคตไม่แน่ กำลังศึกษา
• วัสดุที่เราใช้มี แผ่นบอร์ด, MDF, หนังสัตว์ ผ้าหุ้ม
• มีลงทุนในบริษัทฟอกหนัง IHL มีลงทุนใน MFEC , ใน TPAC ที่อยู่นอกตลาด modern form health&care, xxx
• MFEC ไมม่เกี่ยวข้องในการจัดการ แต่เราลงทุนมากว่า 20 ปีแล้ว เราเป็น 1 ในผู้ก่อตั้ง mfec เหมือนกัน
• คู่แข่ง furniture บ้าน มีคู่แข่งเยอะ ที่ทราบ 2 รายใหญ่ๆ คือ index กับ SB ทำ model ต่างกับเรา ของเราทำงานโครงการมากกว่า แต่ 2 บริษัทนั้นทำด้าน retail เยอะกว่า มี show room เยอะ ทำต่างจังหวัดเยอะ
• Market share ในส่วนบ้าน มีไม่เยอะ แต่ไม่แน่นอน เราประมาณว่าราว 10% แต่ furniture สำนักงานเรากล้าพูดได้ว่าเราเป็นพูดนำ share ราว 30%
• ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ furniture บ้าน โตเร็ว แต่ช่วงหลังก็เริ่ม furniture สำนักงานเริ่มเร่งขึ้นมา ต่อไปสัดส่วน furniture สำนักงานของเราก็อาจจะแซงขึ้นมา
• คู่แข่งที่สั่งของจากต่างประเทศก็เยอะ เพราะเราก็สั่งเข้ามาเหมือนกัน ใช้วิธีหาพันธมิตร เจ้าไหนที่เก่ง เราก็ไม่สามาราถผลิตได้ทักอย่าง และก็ห้ามให้เขาเข้ามาไม่ได้ด้วย
• เราขายความสุขในการทำอาหาร มี emotional factor เข้ามา
• ที่ขายให้โครงการจะมีที่คุยกับ developer ด้วย ว่าต้องการแบบไหนอย่างไร ไม่ใช่แค่ซื้อเข้ามาใส่
• เรามีทำเอา LED ฝังไว้ที่หัวเตียง สามารถทำให้กระพริบ มองดูดาวก็ได้
• BSM ประกอบธุรกิจอะไร?
o คุณสัญชัย เราเป็นที่รู้จักในผู้ออกแบบ และผู้รับเหมา (ผู้บริโภคอาจไม่รู้จัก)
o อยู่ในหมวดวัสดุก่อสร้าง เป็น building product ที่ใช้กับตัวอาคาร เรามี 3 ตัว
ระบบผนัง ทำจากอลูมิเนียม ในการกั้นห้อง เป็น partition องค์ประกอบคือ กรอบอลูมิเนียม และกระจก ex. ห้องประชุมไม่อยากให้ทึบ แต่เก็บเสียง
ผ้าเพดานและผนังกั้นห้อง ทำจากยิปซั่ม ex. ตึกสูงทั่วไป จะไม่ใช้ก่ออิฐ ฉาบปูน ทำได้รวดเร็ว
ประตูหน้าต่างคุณภาพสูง fletcher ใช้ภายนอกกับบ้านและคอนโด
Fletcher เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่นิวซีแลนด์ ทำ curtain wall ผนังหุ้มอาคารตึกสูง เราไปติดต่อขอผลิตในเมืองไทย ในเอเชียเราเป็นเจ้าเดียว
• สัดส่วนรายได้ ?
o ระบบผนัง 35% ยิปซั่ม 40-45% ประตูหน้าต่าง 9-10% เพิ่งทำได้เป็นปีที่ 2 ปี
o ลูกค้ามี 3 กลุ่ม 1) developer ทั้งที่อยู่อาศัย และสำนักงาน 2) ผู้ออกแบบ มัณฑนาการ สถาปนิค 3) ผู้รับเหมา คนที่ซื้อเราจริงๆ คือผู้รับเหมา ช่วงหลังมีกลุ่ม developer ด้วย
• บริษัทย่อยมี 2 บริษัท ทำงานของ builder smart อีกบริษัทเพิ่งก่อตั้ง บ.ประตูหน้าต่างเอเซีย ทำแบรนด์ fletcher โดยเฉพาะ
• ตัวสินค้าที่เติบโตคือ Alloy และ fletcher ตรงนี้เติบโตได้ ตลาดใหญ่ เขาไม่ใช้กรอบไม้แล้ว จะใช้อลูมิเนียม
• คู่แข่งประตูหน้าต่างมี 4-5 ราย ปัจจุบันมีทำจากวัสดุ 2 ประภทหลักๆ อลูมิเนียม ex. Sun paradise, tostem และ วัสดุ PVC ex. windsor
• เทียบกับ PVC มีข้อจำกัดแตกต่างกันไป อลูมิเนียม มีสีหลากหลาย สี standard 33 สี มีนวัตกรรมใหม่คือ สีลายไม้ ส่วนราคาพอๆกัน
• SC asset ทำอไรบ้าง?
o คุณอรรถพลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
o กลุ่ม 1 สนับสนุนการเติบโตองค์กร สินค้าจะเป็นโครงการที่เราพัฒนาเพื่อขาย มีบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม
o กลุ่ม 2 ทำ ออฟฟิศให้เช่า มีพื้นที่อยู่ 100,000 ตร.ม. หลักๆ อาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 1,2,3
• สัดส่วนรายได้?
o สัดส่วนเพื่อขาย 90% รายได้ให้เช่า 10%
• อัตราการเช่ากี่ % ของพื้นทีทั้งหมด?
o โดยเฉลี่ย 90% ช่วง 1-2 ปี นี้มีอัตราการเช่าดีในภาพรวม ปีนี้มีแผนจะขึ้นสำนักงานแห่งใหม่ บริษัทชั้นนำใหญ่ๆมีการลงทุน ขยายสำนักงานเพิ่มเติม
o พื้นที่เช่าใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นราว 10% ปัจจุบันอาคารสำนักงานหาที่ดินที่อยู่ย่านใจกลางเมืองค่อนข้างยาก
• รายได้ของชินวัตร 1,2,3?
o ชินวัตร ทาวเวอร์ 3 ใหญ่สุดเป็นรายได้หลัก คิดเป็นราว 50%
• Supply น้อยกว่า demand สำนักงานให้เช่า?
o นักลงทุนเป็นห่วงไม่กล้าลงทุน demand เมื่อ 4-5 ปีก่อนน้อย แต่ช่วงนี้เริ่มเกิด อีก 2-3 ปี จะมี supply ใหม่เข้ามา 2-3 แสน ตรม. จากปัจจุบันมีอยู่ราว 8 ล้าน ตร.ม. อยู่ในทิศทางที่กำลังดีขึ้น ถ้ามองไปถึง AEC ถือว่าบ้านเราเป็น location ที่ support ผู้ประกอบการได้ดี
• อัตราการเช่า 90% ถือว่าเต็มใช่ไหม
o ใช่ บางอาคารก็เต็ม แต่พอร์ตของเราที่สนับสนุนการเติบโตจริงๆคือการขายโครงการต่างๆ เรา focus ที่กรุงเทพเป็นหลัก ปริมาณฑลบ้าง แต่ก็มีขยายไปหัวเมือง
• สัดส่วน คอนโด บ้านเดี่ยว?
o เราจะพัฒนาบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม 70% คอนโด 30% เราไม่ได้ตามกระแสว่าช่วงไหนอะไรบูม เราวางสัดส่วนไว้แบบนี้อยู่แล้ว
• ปีนี้มีแผนเปิด 13 โครงการ บ้นเดี่ยว+ทาวน์โฮม 9 โครงการ คอนโด 4 โครงการ
• กลุ่มลูกค้าปานกลางขึ้นไป B ขึ้น
o คอนโด ราคาเฉลี่ย ราว 100,000 บาท/ตรม ขึ้น
เรามีลองพัมนาคอนโดที่ห่างรถไฟฟ้าหน่อย แถบรามอินทรา อาจจะใกล้ขึ้นทางด่วน จะขายราว 60,000 บาท/ตรม.
• เราจะมีงานเปิดตัวคอนโดพร้อมกัน 3 แห่ง ที่สยามพารากอน
• อัตราการจองโปรเจคล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง?
o โดยรวมสัดส่วนการเปิดคอนโดเกิน 50% แม้สัดส่วนจะเยอะ แต่ก็มี demand มาก life style คนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปเยอะ ในอดีตคนไม่เคยใช้ facebook, instragam คนชอบอยู่ในครอบครัวเดี่ยว เยอะ ความต้องการเปลี่ยนไปตามพฤติกรรม สินค้าที่ตอบโจทย์คือ คอนโดมิเนียม รวมทั้งตอบโจทย์วัยกลางคนได้ ชีวิตการเดินทางประจำวัน เส้นทางการทำงานใช้เวลาไปกลับเกิน 2 ชม. ต้องหาทำเล/คอนโดเพื่อรองรับการเดินทาง
• SC asset ranking ลำดับไหน?
o อันดับ 8-9 เราเข้าตลาดตรงนี้มาราว 10 ปี แต่ก็มีการพัฒนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลประกอบการที่ผ่านมาโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี
• มีคนบอกว่า อสังหาฯฟองสบู่แล้ว ลูกโป่งมาแล้ว จริงไหม?
o ถ้าเรามองการที่เกิดฟองสบู่ เพราะราคาสินทรพัย์สูงกว่าความเป็นจริง และมีความต้องการที่ไม่แท้จริงเยอะ แต่ถ้าเราวิเคราะห์ ความต้องการแท้จริงมีเยอะกว่าที่เก็งกำไร ถ้าดูกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออยู่ หรือซื้อไปปล่อยเช่า ก็เป็นการซื้อจริง มีสัดส่วนราว 80% การเก็งกำไรมีไม่ถึง 20% ความต้องการที่แท้จริงจะสนับสนุนธุรกิจ และการพัฒนา
o ผู้ประกอบการหลายรายมีบทเรียน เคยประสบปัญหาช่วงต้มยำกุ้ง ผู้ประกอบการเข้าใจ ก่อนจะทำอะไรใช้ข้อมูลการตลาดไม่ได้ใช้ความรู้สึก จะทำให้ช่วยดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง สถานบันการเงินต่างๆ มีมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อ และมีความระมัดระวังมากกว่าอดีต npl ไม่ถึง 2%
o ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีมาตรการกำหนดหลายๆเรื่องที่ทำหน้าที่ติดตาม ดูแล ไม่ให้ร้อนแรงเกินไป อย่างที่ออก LTV คุมบ้านเดี่ยว 5% คอนโด 10% ถ้าสถานการณ์ไม่ดี ก็อาจมีมาตรการบางเรื่องอีก เช่น ไม่ให้ดาวน์ 0%
o จึงเชื่อว่าตรงนี้เป็นกลไก ไม่ให้ถลำลึกเหมือนในอดีด แต่ก็มีสินค้าบางส่วนที่ oversupply บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นสาระหลัก
L&E ผลดำเนินงานและทิศทาง?
• รายได้ปีก่อน 2200 ล้าน กำไร 90 ล้าน
o ไตรมาสแรก กำไรโต 7% แต่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น
o ตั้งเป้าเติบโต 15-20% กำไรน่าจะโตมากกว่า เรามี fixed cost 55%
o ปีที่แล้วรายได้เติบโต 12% กำไรเติบโต 20%
• หมอเคทำข้อมูลมาเฉลี่ยของปี 2008 -2012
o L&E รายได้เติบโต 54% กำไรเติบโต 540%
o SC รายได้เติบโต 77% กำไรโต 45%
o MODERN รายได้โต 34% กำไรโต 37%
o BSM รายได้โต 17.8% กำไร drop 1.8%
• คำถามคือ ทำไม L&E จึงเติบโตมาก?
o ช่วงแรกก็ไม่ได้เติบโตมาก เราสร้างโครงสร้างไว้ ที่แล้วมาต้องแข่งกับบริษัทข้ามชาติ ต้องออกแบบให้ฟรี ทำ lab ต่างๆ เพื่อให้ทำสินค้าใหม่ๆ มาสู้ได้ จึงคิดว่าน่าจะเติบโตได้มาก
o ค่าใช้จ่ายในการขาย 24% ปีที่ผ่านมา 20% ต่อไปกำไรจึงน่าจะเติบโตสูงขึ้น
ตลาดใหญ่ขึ้นจาก AEC จาก 60 เป็น 600 ล้านคน
ช่วงที่เปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง จากนี้ไปการเติบโตน่าจะเติบโต 15-20% โดยเฉลี่ย
• งบรัฐบาลที่จะลงทุน 8,000 ล้าน เปลี่ยนแสงไฟ โครงการนี้ทำอะไร และ L&E จะได้ส่วนแบ่งนี้แค่ไหน?
o เป็นโครงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในไฟตามถนน มูลค่าโครงการ 8,700 ล้านบาท อยู่ในช่วงประมูล pilot project เราก็จะเข้าไปร่วมแข่งขัน เราก็เป็นไม่กี่บริษัทที่ผ่านการแข่งขันนี้ สำนักงานใหญ่กฟผ ลองเปลี่ยนหลอดเป็น LED ผู้ว่าพอใจมาก จึงมีนโยบายที่จะเปลี่ยนเป็น หลอด LED
o คืนทุนในปีกว่า และไม่ต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า
o ตอนนี้ทำ TOR อยุ่ คาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือน 400,000 กว่าโคม
o ถนนวิภาวดีเปลี่ยนไปแล้ว เราไป supply ให้กรมทางหลวง
o ไฟในกทม. เป็นนของ กทมฬ แต่ให้ไฟฟ้านครหลวงดูแล
• สรุปแล้ว L&E โตปีละ 15-20% ขณะนี้เราก็เป็นผู้นำในประเทศไทยอยู่แล้ว เราเสนอเป็น solution ถ้าเร่าขยายในอาเซียนจะได้ประโยชน์มาก เราเข้าไปที่เวียดนามแล้ว เราไปติดตั้งตึกสูงสุดในเวียดนาม ตึก time square
• หุ้น L&E ทำไมน่าสนใจ?
o จ่ายเงินปันผลดี จ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ที่ผ่านมา yield 4-8% ยกเว้นปี 2009 ในปีนั้นรวม div กว่า 20% มีปันผลพิเศษ
o มั่นคงพอสมควร ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์บ้าง มีความโปร่งใส CG score 4-5 ดาว และเราได้ set award เรื่องของ CG 2 ครั้ง
o มีอัตราการเติบโตที่สูง 4-5 ปีข้างหน้า 15-20% มาจาก AEC และช่วงเปลี่ยนผ่านนวัตกรรม
o วันนี้เราเป็นผู้นำแล้ว มีสินค้าบริการต่างๆ มากมาย ทำให้ตอบสนองลูกค้าได้อย่างคล่องตัว มีสินค้าใหม่ๆ คู่แข่งยังตามไม่ทัน
o ปัญหาของเราคือสภาพคล่องน้อยมาก กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรจึงเพิ่มสภาพคล่องได้
o เรามีผู้ถือหุ้นกว่า 500 ราย ตามหลักเกณฑ์มี 27% มีจำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมขาย ผมเคยถามเขาบอกว่ายังพอใจเงินปันผลที่ได้รับ กับชอบสไตล์การทำงานของ L&E ผู้บริหารเน้นความโปร่งใส และใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม
• MODERN ผลดำเนินงานและทิศทาง?
o ปีที่แล้ว รายได้รวมราว 3,000 ล้านกำไร 400 กว่า Q1 56 ขาย 800 กว่าล้าน กำไรเกือบ 80 ล้าน
o ปกติตัวเลขเราจะเข้ามาครึ่งปีแล้ว คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว
o ปีนี้ backlog มีมาก ส่วนใหญ่ส่งมอบครึ่งปีหลัง น่าจะไม่มีปัญหา ปีหน้าก็มี order พอสมควร
o Furniture เข้ามาใหม่ง่าย เติบโต 10-15% ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆคงไม่โตมากกว่านี้ เรากำลังมอง business model อยู่ คงไม่ได้ทำ furniture อย่างเดียว หรืออย่างโต๊ะ เราก็สามารถไปร่วมมือกับ L&E หรือ BSM ก็ได้ ความคาดหวังที่จะเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม
o เป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า ก็คาดว่าจะ double ได้ แต่ยัง sustain ได้อย่างไร
o Modern จ่ายไม่ต่ำกว่า60% ในความจริงจ่าย 70-80%
• ทำไมน่าลงทุนใน modern?
o ดูจากประวัติที่ทำมาก็เห็นการเติบโตอย่างดี ถ้าเปรียบเทียบกันคงไม่ได้ ถ้าทั้ง 3 หน่วยงานนี้มาแต่งงานกันสุดยอดเลย
BSM ผลดำเนินงานและทิศทาง?
• ยอดขายปีก่อน 440 ล้าน กำไร 14 ล้าน ไตรมาสแรก ยอดขาย 130 ล้นา เพิ่ม 26% กำไร 5.5 ล้าน เพิ่มราว 60%
• ปีนี้เป้า 3 ปีข้างหน้า ยอดขายโต 30% ต่อปี รวมทั้งปีนี้ด้วย ดังนั้นใน 3 ปีจะมากกว่า 1 เท่า
• กำไรน่าจะคล้ายๆกับไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจาก overhead หรือการลงทุนต่างๆไม่ได้เพิ่มตามสัดส่วนยอดขาย
• จะโตจาก 2 อย่าง 1) หาตลาดใหม่ หรือลูกค้าใหม่ 2) ลูกค้าเดิม แต่เราขายสินค้ามากขึ้น
o ที่ผ่านมาเราไม่ได้เข้าไปส่วนที่อยู่อาศัยพวกบ้านหรือคอนโด ของเราตลาดเดิมคือ office เป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้เรามี fletcher ประตูหน้าต่าง พวกบ้านตากอากาศ หัวหิน ต่างๆ เราก็ขยายตลาดได้มากขึ้น Fletcher เป็นระดับพรีเมียม ตลาด B ขึ้นไป
o อีกธุรกิจส่วนเสริม ลูกค้าพวกโรงงานที่ทำบ้านสำเร็จรูป ส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ส่งให้โรงงานที่ทำบ้านสำเร็จรูป fabricate แล้วส่งให้เขา
o พวก precast มีช่องเปิดจะเป็นมาตรฐาน จะเป็นอีกตลาดที่เข้าไปได้
• Product ใหม่ อย่างโรงพยาบาลที่ทราบกัน ต้องการความเร็ว ถ้าสามารถทำห้องได้เร็ว ก็รับคนไข้ได้มากขึ้น เรามีระบบผนังที่ก่อสร้างทำได้รวดเร็ว อย่างเรากำลังทำให้ธนาคารของ city bank เขามี 1,000 ตรม. ต่อ floor มี 10 floor เราก็ supply ผนังกั้นห้องให้โครงการเขา
• นโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40%
• ทำไม BSM น่าสนใจ?
o ถ้าดูจากยอดขาย หรือผลกำไรเล็กกว่า พี่ๆเขาเยอะ เราเริ่มทำธุรกิจปี 2001 เข้าตลาดปี 2008 ลองผิดลองถูกจนปัจจุบันมั่นใจว่าเรามาถูกทาง และมีสินค้าที่เป็นความต้องการของตลาด และเราก็ทุ่มเทด้าน innovation เหมือนกัน น่าจะเป็นช่วงที่เป็น high growth potential เหมือนกัน เพราะเราไม่ได้มาจากฐานที่ใหญ่
SC ผลดำเนินงานและทิศทาง?
• รายได้ปีก่อน 12,000 ล้าน กำไร 1100 ไตรมาสแรก ขาย 2,000 กว่าล้าน กำไร 200 กว่าล้าน
• เป้าปีนี้ยอดขาย 15,000 ล้าน มากขึ้น 20% (ยอดขายที่รับรู้และยังไม่รับรู้รายได้) ร่ายได้ 10,000 กว่าล้าน เป็นปีแรก
• เป้าหมายโตก็ไม่น่าต่ำกว่า 20% เพราะเรามียอดขายรองรับต่อเนื่อง และมีเปิดโครงการใหม่ๆ มูลค่าโครงการเกือบ 20,000 ล้าน
• อสังหาเอามากินหมดแล้วต้องหาใหม่ทุกปี?
o ถือว่าเลือกเกิดไม่ได้ แล้วแต่ใครจะทำธุรกิจอะไร ขอให้ผู้ประกอบการตรงนั้นทุ่มเท และสร้างประสบการณ์ทำงาน ผมเริ่มจากยอดขายไม่ถึง 1,000 ล้าน แม้ว่าจะต้องขายใหม่ทุกปี เราก็สามารถสร้างการเติบโตได้
• ถ้าทิศทาง เป้าหมายธุรกิจ กลยุทธ์ชัดเจน เป้าหมายแต่ละปีก็อยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาเราก็ดำเนินการได้ตามเป้าทุกปี เราเน้นในเรื่องความสามารถในการทำกำไรให้สมดุลกับความแข็งแรงทางการเงินด้วย ไม่ใช่สร้างหนี้เกินตัว
• นโยบายจ่ายปันผล 40% อย่างปีนี้มีจ่ายเพิ่มเติมเป็นหุ้นปันผล ส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงที่เราขยายจึงต้องการใช้เม็ดเงินรองรับการเติบโตอย่างมีสเถียรภาพ ไม่ว่าปัจจัยภายนอกจะกระทบ
• ดอกเบี้ยลดก็เป็นปัจจัยบวก เพิ่มความสามารถผ่อนชำระของลูกค้า อย่างน้อยก็รู้สึกผ่อนน้อยลง และผู้ประกอบการก็มี่ต้นทุนการเงินต่ำลง
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 146
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับบิ๊ก
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณครับ
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 12
ละเอียดมากๆขอบคุณครับ
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 20
ในส่วนที่ 2 หัวข้อ สอนลูกหลานเรื่องหุ้น
แขกรับเชิญ
1) คุณธันวา เลาหศิริวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
2) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญหุ้น
ผู้ดำเนินรายการ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
• อ.เสน่ห์ถามแขกรับเชิญว่ามีลูกกี่คน? กำลังทำงานอะไร?
o คุณธันวา มีลูก 2 คน ภรรยา 1 คน คนโต ผู้หญิง 20 คนเล็ก ผู้ชาย 18 ปี อยู่ในวัยเรียน
o ดร.นิเวศน์ มีลูกสาว 1 คน อายุจะ 25 ปีแล้ว ทำงานแล้ว เป็น อาจารย์ เป็นพิธีกร รายการ stock around us
o ดร.ไพบูลย์ มีลูก คนโต 27 คนเล็ก 20 ยังเรียนอยู่
o อ.เสน่ห์มี ลูก 2 คน เป็นฝาแฝด อายุ 16
• ทำไมคนรวยมีลูกน้อย คนไม่มีเงินมีลูกเยอะ?
o ดร.นิเวศน์ สมัยนี้ลูกไม่ใช่การลงทุน มีลูกเป็นการบริโภค มีลูกเป็น entertainment สมัยก่อนลูกเป็นการลงทุน ตอนหลังจะได้มาเลี้ยงเรา มีเงินก็ลงทุนมากหน่อย โตขึ้นเขาก็มาเลี้ยงเรา สมัยนี้มีลูกเอาเงินเราโตขึ้นก็เอาเงินเยอะ entertainment มีความสุข สนุกสนาน ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเด็กๆ โตขึ้นๆความบันเทิงจะหายไป ลูกก็ไปบันเทิงของเขาไป บางคนสมัยนี้ไม่เอา
o คุณธันวา คนวางแผนครอบครัวมากขึ้น คนจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ สมัยก่อนกระจายความเสี่ยงแบบที่ดร.นิเวศน์บอก ก็อาจมีบางคนดีมาเลี้ยงเราบ้าง สมัยนี้ focus investment
• อ.เสน่ห์พูดถึงว่าสมัยนี้เปลี่ยนไปนิยามอะไรสั้นๆ อย่างคำอวยพรงานแต่งสมัยนี้ก็ต้องสั้นๆ อย่าง “ขยันเอาเข้าไว้” (เผื่อใครจะเอาไปใช้ ^^”)
o ขยัน - ขยันขันแข็ง
o เอา - เอาอกเอาใจกัน
o เข้า - เข้าอกเข้าใจกัน
o ไว้ – ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
• วางแผนการเรียนลูกไว้อย่างไร?
o คุณธันวา ไม่ได้วางแผนเท่าไรนัก ให้อิสระในสิ่งที่เขาอยากเรียน คนเราเวลาทำอะไรในสิ่งที่ชอบสิ่งที่รักจะทำได้นาน ถ้าไปบังคับวันหนึ่งเขาจะคิดว่าไม่ใช่ทางของเขา คนโตเรียนเศรษฐศาสตร์
o แนวทางในการวางแผนชีวิตคุณธันวา พิจารณาจากข้อมูลอายุขัยเฉลี่ยผู้ชายไทย 72.1ปี จึงวางแผนชีวิตเป็น 3 ช่วง คือ 24 ปีแรก คือช่วงเรียน ศึกษา น่าจะใช้ชีวิตด้านการเรียนเยอะสุด อีก 24 ปีถัดมา ควรต้องทำงาน ใช้ศักยภาพของเราทำงานเต็มที่ อีก 24 ปี เราจะทำสิ่งที่อยากทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำตอนเราทำงานหนัก แต่ถ้าวางแผนไม่ดี เราอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
o ในช่วง 24 ปีหลังที่อยากทำของคุณธันวาตอนนี้คือ ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ทั้งในแนวบนและแนวล่าง แนวบนคือ บรรพบุรุษ พ่อแม่ แนวล่างคือลูกหลาน ควรจะต้องเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนั้น ควรให้เวลากับตัวเองมากขึ้น เรามีสิ่งอยากค้นหาในโลกนี้
o ในช่วงหลัง 24 ปีที่เรียนจบ เป็นสิ่งที่สำคัญผมคิดว่า เราต้องบริหารจัดการให้ดี การลงทุนก็เป็นวิธีหนึ่ง บางคนอาจต้องทำงานถึง 60 หรือ 65 ถ้าทำตรงนี้ได้ไม่ดี
o สิ่งที่พูดในข้างต้นเป็นแนวคิดที่ใช้กับตัวคุณธันวาเอง และก็อยากให้ลูกหลานดูเป็นตัวอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้บังคับว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
o ผมคิดว่าสำคัญทั้ง 3 ช่วง คนเราจะประสบผลสำเร็จได้มีอยุ่ 3 อย่าง เรื่องของการงาน การเงิน ครอบครัว
การงาน เรียนมาอยู่ 24 ปี ต้องใช้ศักยภาพให้มากที่สุด
การเงิน ต้องดำเนินชีวิตด้วยตนเอง อย่าพึ่งอยู่บนเงินพ่อแม่
ครอบครัวก็ต้องสอนลูกหลานของตัวเองให้ประสบความสำเร็จด้วย
• วางแผนการเรียนลูกไว้อย่างไร?
o ดร.นิเวศน์ ผมเคยคิดว่าถึงวันหนึ่งผมจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเรามีเงินครบ 100 ล้านจะทำอะไร ถ้ามีเงินครบ 500 ล้านจะทำอะไร สุดท้ายไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไรก็ทำเหมือนเดิม
o วันที่เรายังไม่ถึงเราก็ฝันไว้ ในความจริงเราก็ทำเหมือนเดิม อย่างนั้นลูกผมก็เลยบอกว่าถ้าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็ทำไปเลย
o สมัยผมเราต้องทำงานหนักไม่มีทางเลือก ลูกเราถ้าเขาอยากทำอะไรมีความสามารถด้านไหน ตอนเด็กเขาคิดไม่ออกเราก็วิเคราะห์แล้วคิดให้เขาว่าเหมาะที่จะทำอะไร ตอนเด็กๆเราวางให้เขา แต่พอโตไปถึงจุดหนึ่งเขาก็วางให้เขา
o อย่างเราให้เขาเรียนดนตรี ตอนเด็กอาจไม่ชอบเท่าไร ก็บังคับให้เรียนดนตรี เราวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนเขาก่อน แล้วมองหาโอกาส
o ภาษาอังกฤษเราเห็นว่าสำคัญมาก และต้องเป็นภาษาอังกฤษต้อง perfect เราก็ส่งไปเรียน inter เพื่อให้เขาเก่งจริงๆ ทั้งที่สมัยนั้นยังไม่ได้นิยม ตัดสินใจให้ลูกเข้า inter ตั้งแต่ ป.1
o เรื่องของเงิน ก็สอนให้รู้ค่าของเงินบ้าง ไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย
o เรื่องลงทุนหุ้น เขาไม่ได้เก่ง เพราะจุดแข็งของเขาไม่ใช่การคำนวณ วิเคราะห์ ไม่ได้เป็นหัววิทยาศาสตร์ เขาสนใจด้านศิลปะมากกว่า ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นนักลงทุนในหุ้น อย่างวอรเรน บัฟเฟตต์ไม่มีใครสนใจหุ้นเลย ชาลี มังเกอร์ ลูกก็ไม่สนเรื่องหุ้นเหมือนกัน จึงต้องไปหานักลงทุนมือดี แล้วเอาไปให้เขาบริหาร ผมคิดว่าเขาก็ให้เพื่อลูกหลาน เวลาที่เขาตายไปลูกหลานก็บริหารไม่เป็น
• เงินทุนของตัวเองจะให้ใครบริหาร?
o ดร.นิเวศน์ ต้องดูคนที่เราเชื่อใจไว้ใจได้ ก็ดูไปเรื่อยๆ
o เราก็ให้เขาเริ่มศึกษาทีละนิด อย่างไปออกรายการทีวี ก็ต้องไปศึกษาข้อมูลกิจการ ก็จะทำให้เราสอนง่ายขึ้น
• แล้วถ้าอย่างคนทั่วไป สอนอย่างไรดี?
o ดร.นิเวศน์ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนไม่สอนลูกก็อยากเรียนอยู่แล้ว พวกแบบนี้แป๊บเดียวก็เก่งกว่าพอ่แล้ว
• อ.เสน่อห์ถามดร.ไพบูลย์บ้าง สอนนักศึกษามาเยอะแยะ ลูกตัวเองสอนไหม?
o ดร.ไพบูลย์ สอนให้สนใจ แนะแนว ชี้ช่องทางว่าวิชาอะไรเหมาะกับยุคสมัย และดูความชอบของเขา อย่างลูกคนโต ชอบกฏหมาย กฏหมายธุรกิจก็น่าสนใจ อย่างคนเล็กชอบตัวเลข เราก็บอกว่าในที่สุดตัวเลขจะไปบรรจบอยู่ที่ว่าจะสร้างความมั่งคั่งอย่างไร ไม่ใช่จะให้เขาโลภ
o สอนนักศึกษาก็เล่าให้เขาฟัง ถ้าเขาสนใจเราก็แนะนำให้
o ความรู้พื้นฐานเรื่องหุ้นต้องให้กับเด็กทุกคน แต่ไม่ต้องรู้ขนาดไปบริหารเงินทุ่มเวลาทั้งหมด
• สอนอะไรบ้าง?
o ดร.ไพบูลย์ ต้องรู้ว่าการลงทุนในหุ้นเป็นเครื่องมือบริหารความมั่งคั่งยุคใหม่ พ่อแม่เราอาจจะไม่ได้สอนมาแบบนั้น สิ่งที่ผมพยายามทำคือให้ชวนลูกหลานมาฟัง
o ไม่จำเป็นว่าต้องให้ทำ cash flow เป็น แต่อย่างคนเล็กทำเป็นเพราะเขาเรียน แต่ถ้าไม่ได้ชอบขนาดนั้น ก็สอนให้รู้ว่าในระยะยาวหุ้นให้ความมั่งคั่ง เลือกหุ้นง่ายๆด้วย pe ต่ำๆ ผลตอบแทนก็ 40% ต่อปี เป็นงานวิจัย
o และต้องสอนให้รู้ถึงความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น หลายคนได้ได้เงินง่ายไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ก็ไปกู้เงินมาทุกปี เมื่อไรที่พลาดขึ้นมาก็จะเดือดร้อน การลงทุนแบบนี้ไม่ได้เหมาะกับคนทั่วไป ต้องสอนเขา ห้ามทำเป็นการพนัน ห้ามทำเป็นการเก็งกำไร ต้องลงทุนเป็นระยะยาว
o ถ้าพ่อแม่เก็งกำไรติดนิสัยก็อย่าให้ลูกรู้ อย่าทำให้เป็นตัวอย่าง เป็นการทำให้ลูกเล่นการพนัน
• ดร.ไพบูลย์สรุปทวนสิ่งที่ดร.นิเวศน์พูดว่าหมายถึง การสอนลูกเรื่องหุ้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่อย่าไปบังคับ ต้องชี้ทางให้ลูก ถ้าทำเองไม่ได้ก็ให้มืออาชีพดูแลให้
• อ.ไพบูลย์ถามอ.เสนห์ว่าสอนลูกอย่างไร?
o อ.เสน่ห์ ตอนลูกยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย เคยคิดว่าให้ลูกเป็นนักพูด ฝาแฝดหญิงคู่แรกของประเทศไทย เป็นจุดขาย ผู้หญิงที่พูดสนุกก็มีน้อย จะโดดเด่นเลย แต่ข้อเท็จจริงก็ส่งลูกไปเรียนให้เขาคิดเอง ผมทำให้ลูกค้าเป็นสินค้า ให้พัฒนาให้เหมาะ ไม่ใช่เป็นโรงงานที่เราสั่งผลิต ปรากฏว่าฝาแฝด 2 คนชอบไม่เหมือนกัน อีกคนไปทางศิลปะ อีกคนไปทางวิทยาศาสตร์ พอลูกเลือกเรียน เราก็แนะนำมีตัวหนึ่งที่ให้ต้องเรียนคือ บริหารธุรกิจ พอไปเรียนก็จะมาบ่น ซึ่งก็ต้องมาคุยกับพ่อ ซึ่งเราก็จะได้สอนเขาได้ ถ้าลูกมาบ่นก็แสดงว่าสนใจ พอตอนหลังๆฟังเด็กคุยกันก็จะพบว่าเขาเริ่มรู้ บางเรื่องก็รู้มากกว่าเรา แล้วก็เริ่มหันมาดูแล้ว เริ่มศึกษาวิเคราะห์
o ไม่ได้บังคับให้ลูกเล่นหุ้น แต่ก็ให้เขารู้ว่าจัดรายการอะไรอยู่
o ให้ลูกวางแผนดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ให้คำนึงถึงการทำงานที่ควบคู่ไปกับการลงทุน
o ถ้าให้เรียนจบแล้ว มาลงทุนหุ้น ก็ไม่ต้องส่งไปเรียน เป็นความสูญเสีย
o เราต้องให้ลูกสนใจเรื่องหุ้น แต่ก็ต้องไม่ทิ้งเรื่องงาน และต้องจัดการตัวเองให้ทำงานประสบความสำเร็จได้
• หลักการทั่วๆไป ควรสอนอะไรบ้าง?
o คุณธันวา เวลาสอนลูก ไม่ได้สอนเรื่องหุ้นอย่างดัยว แต่สอนแนวทางใช้ชีวิตด้วย ในทุกๆช่วงชีวิตควรมีแผน A กับ B แผนแรก กับแผนสำรอง ลูกคนโต เขาไปเรียน finance เขาก็ตัดสินใจเอง พอถึงช่วงที่สองในชีวิตไม่อยากให้ขึ้นอยู่กับการทำงานประจำอย่างเดียว ต้องให้มีการวางแผนทางการเงินที่ดี ผมก็บอกเขาก่อนหน้านี้ว่าผมจะไม่ทำงานประจำแล้ว แล้วก็เตรียมเงินให้ 2 ก้อน ให้ลูก 2 คน ให้เขาบริหารจัดการเงินของตัวเอง ในการไปเรียน ไปขอทุน หรือไปเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ต้องมาถามผม แต่ให้บริหารจัดการเอง ผมก็มาจัดการว่ายอดเงินคงเหลือเท่าไร พอเขาอายุ 25 ปี ผมก็จะให้เงินที่เตรียมไว้ให้เขาไปบริหารจัดการส่วนที่เหลือ ผมคิดว่าการลงทุนหุ้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ผมจะเล่าในกรณีศึกษา รูปแบบบริหารธุรกิจ แต่ไม่สอนการประเมินมูลค่าหุ้น เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ แต่พวกกรณีศึกษาต้องเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เวลาที่ผมใช้ด้วยมากอย่างเช่นเวลาอยู่ในรถหรือไปต่างจังหวัด ก็จะพยายามเล่าเรื่องกรณีศึกษาทางธุรกิจให้ฟัง
o การลงทุนที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ การเรียนรู้มีหลายวิธี อย่างให้เขาเริ่มอ่านหนังสือด้านการเงิน การมีกิจกรรมร่วมกัน มีโอกาสผมก็จะพยายามให้เขาเรียนรู้ ติดอาวุธให้ หรืออย่าง opportunity day หรือ company visit ก็จะพาไปด้วยตามโอกาสเหมาะสม
• ข้อคิดหลักการในการสอนลูกเกี่ยวกับหุ้น?
o ดร.นิเวศน์ ขึ้นกับตัวเรา ถ้าคุณรวยมีเงินก็อาจจะสอนให้ระวัง อย่าไปเล่นหุ้นมากเดี๋ยวเจ๊ง สอนให้มีความรู้ได้ แต่หน้าที่อาจจะต้องเป็นการรักษาเงินป้องกันไว้ อะไรที่เป็นชีวิตเขา ทำแล้วเป็นความสุขเราก็ส่งเสริมเขา บางเรื่องก็แนะนำ หรือให้เงินส่งเสริมบ้าง เช่น บอกลูกว่าเป็นอาจารย์ดี ชีวิตมีอิสระ เขามองว่าเงินเดือนน้อยไม่พอ เราก็จ่ายเงินเพิ่มให้ แล้วเขาก็มาพบว่าเป็นอาจารย์ก็ดี
• ถ้าลูกคนอื่นทั่วไป?
o ดร.นิเวศน์ ก็ต้องพัฒนาบนจุดแข็งของเขา อย่างบางคนจุดแข็งแต่ก็ยังหากินไม่ได้ อาจจะต้องยอมแพ้ ต้องพยายามดัดแปลง ให้หากินได้ และเป็นสิ่งที่เขาชอบ พอถึงจุดหนึ่งเขาก็จะเป็นตัวของตัวเอง ไปสั่งเขาไม่ได้
o ต้องสอนลูกหลานเรื่องหุ้น หุ้นมันคือธุรกิจ ทุกคนต้องทำมาหากิน จะบริษัทที่อยู่ในตลาดหรือไม่อยู่ ต้องรู้จักฝั่งที่เป็นเจ้าของ ในโลกสมัยใหม่หาเงินจากหุ้นที่จดทะเบียนง่ายกว่า ไม่ต้องไปลำบากทำแต่ธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียน
o สอนให้รู้จักเป็นเจ้าของกิจการ ร่วมเป็นเจ้าของกิจการ ถ้าทำได้ดี ก็เป็นแหล่งที่มีเงินให้เราแล้วก็ใช้ชีวิตที่อยากทำ
• เราควรจะแบ่งเงินให้ลูกไปลองลงทุนหุ้นไหม?
o ดร.นิเวศน์ กะจะแบ่งให้เขาลองให้รู้ เจ๊งก็ดี จะได้รู้ ถ้าทำได้ถูกต้องก็ดี จะได้บริหารให้ดีขึ้น ต้องให้ลอง ถ้าเล่นเสียๆจะได้สอนเขา ต้องแนะนำไม่ให้ไปผิดทาง แล้วเรื่องแบบนี้เขาจะฟังเราเพราะเขารู้ว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญ
o เราก็พูดข้อดีบ้างอะไรบ้าง จนถึงวันที่เขาอยากทำเขาถึงจะทำ
• ลูกอ่านหนังสือที่อ.นิเวศน์เขียนไหม?
o ไม่เคยอ่านเลย มีหนังสือเต็มบ้าน
• เราควรจะแบ่งเงินให้ลูกไปลองลงทุนหุ้นไหม?
o ดร.ไพบูลย์ ผมบอกลูกหลายทีแล้วให้ลอง แต่เขายังไม่เอา ที่ผมกลัวในการแบ่งเงินให้ลูกไปบริหารคือ เขาลงผิดทาง แล้วประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุด อย่างเช่นไปลงหุ้นเก็งกำไร หรือวิเคราะห์ผิด แต่ได้กำไร ต้องให้เขาทดลองขณะที่เรายังอยุ่ ผมคิดว่าน่าจะทำทุกคน มีนักลงทุน vi แบ่งเงินให้ลูกลองตั้งแต่ 2 ขวบ ด้วยเงิน 1 แสนบาท ตอนนี้ 9 ขวบ เงินเป็น 2 ล้านแล้ว
o อย่างน้อยเขาต้องไม่เก็งกำไร ไม่ทุ่มไปเลยตัวเดียว ไม่กี่วันมันต้องขึ้นมา ถ้าเขาทำแล้วได้ก็ต้องสอนให้รู้ว่ามันบังเอิญ ทำอีกไม่ได้ นักเก็งกำไรบางส่วนก็ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีบางส่วนที่เราแต่ส่วนที่สำเร็จ หรือมีบางคนที่เขาทำสำเร็จได้ แต่ก็ต้องดูว่าชีวิตแบบนั้นมีความสุขหรือเปล่า
• ถ้าลูกไม่เป็นไปตามเส้นทาง จะทำอย่างไร?
o คุณธันวา สิ่งที่ต้องคำนึง คือเราทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาแล้ว ถ้าไม่เป็นไปอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องตำหนิตัวเอง ก็ขึ้นอยู่กับเขาด้วยเหมือนกัน เขาก็มีหน้าที่ต้องรับช่วงต่อ
o ดร.ไพบูลย์ กล่าวถึงคุณวิวรรณเคยพูดว่าเราที่เป็นพ่อแม่ อยากให้ลูกทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้ เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าทั้งๆที่มันอาจไม่เหมาะกับเขา เช่น อยากให้เรียนมหาวิทยาลัยที่เราอยากเรียน อยากให้ได้เกรดดีๆ เรียนเก่งๆ ซึ่งที่จริงอาจจะไม่เหมาะก็ได้
o ดร.นิเวศน์ เขาไม่เคยเชื่อผมอยู่แล้ว หัวศิลปะแบบแม่ ความคิดความเห็นก็ไปทางเดียวกันตลอด เราก็พยายามเสนอความคิดว่าอันไหนไม่ถูก
กล่าวช่วงท้าย
• ดร.ไพบูลย์ สิ่งสำคัญต้องบอกให้เขารู้สิ่งที่เราทำก็ด้วยความรัก แล้วก็เรื่องศีลธรรมก็ต้องบอก อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องการตรงต่อเวลา
• คุณธันวา ผมไม่ได้สอนเฉพาะเรื่องการลงทุน ก็สอนทั่วไปทุกๆอย่าง สอนให้เขาต้องใจกว้าง แล้วทำกิจกรรมเยอะๆในวัยเรียน เป็นการสอนให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สังคมจะน่าอยู่ ถ้ามีการให้กันมากขึ้น
• ดร.ไพบูลย์ ผมจะบอกให้เขารู้ว่าพ่อแม่ไปเท่าไรก็ไม่รู้ เขาต้องพร้อมรับสิ่งเหล่านี้ เร็วหรือช้า เกิดได้ตลอดเวลา ยิ่งลูกคนเดียว ถ้าพ่อแม่ตายพร้อมกัน ลูกอยู่อย่างไร
• ดร.ไพบูลย์ สุดท้ายอย่าลืมว่าความรักต่อลูกนำไปสู่การถ่ายทอดสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต้องสอนศีลธรรมจริยธรรม
ที่บันทึกมาหากมีผิดเพี้ยนหรือตกหล่นอย่างไร ขออภัยด้วยนะครับ ถ้าท่านใดจะช่วยแก้ไขหรือเสริมก็ยินดียิ่งครับ
แขกรับเชิญ
1) คุณธันวา เลาหศิริวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
2) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญหุ้น
ผู้ดำเนินรายการ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
• อ.เสน่ห์ถามแขกรับเชิญว่ามีลูกกี่คน? กำลังทำงานอะไร?
o คุณธันวา มีลูก 2 คน ภรรยา 1 คน คนโต ผู้หญิง 20 คนเล็ก ผู้ชาย 18 ปี อยู่ในวัยเรียน
o ดร.นิเวศน์ มีลูกสาว 1 คน อายุจะ 25 ปีแล้ว ทำงานแล้ว เป็น อาจารย์ เป็นพิธีกร รายการ stock around us
o ดร.ไพบูลย์ มีลูก คนโต 27 คนเล็ก 20 ยังเรียนอยู่
o อ.เสน่ห์มี ลูก 2 คน เป็นฝาแฝด อายุ 16
• ทำไมคนรวยมีลูกน้อย คนไม่มีเงินมีลูกเยอะ?
o ดร.นิเวศน์ สมัยนี้ลูกไม่ใช่การลงทุน มีลูกเป็นการบริโภค มีลูกเป็น entertainment สมัยก่อนลูกเป็นการลงทุน ตอนหลังจะได้มาเลี้ยงเรา มีเงินก็ลงทุนมากหน่อย โตขึ้นเขาก็มาเลี้ยงเรา สมัยนี้มีลูกเอาเงินเราโตขึ้นก็เอาเงินเยอะ entertainment มีความสุข สนุกสนาน ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเด็กๆ โตขึ้นๆความบันเทิงจะหายไป ลูกก็ไปบันเทิงของเขาไป บางคนสมัยนี้ไม่เอา
o คุณธันวา คนวางแผนครอบครัวมากขึ้น คนจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ สมัยก่อนกระจายความเสี่ยงแบบที่ดร.นิเวศน์บอก ก็อาจมีบางคนดีมาเลี้ยงเราบ้าง สมัยนี้ focus investment
• อ.เสน่ห์พูดถึงว่าสมัยนี้เปลี่ยนไปนิยามอะไรสั้นๆ อย่างคำอวยพรงานแต่งสมัยนี้ก็ต้องสั้นๆ อย่าง “ขยันเอาเข้าไว้” (เผื่อใครจะเอาไปใช้ ^^”)
o ขยัน - ขยันขันแข็ง
o เอา - เอาอกเอาใจกัน
o เข้า - เข้าอกเข้าใจกัน
o ไว้ – ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
• วางแผนการเรียนลูกไว้อย่างไร?
o คุณธันวา ไม่ได้วางแผนเท่าไรนัก ให้อิสระในสิ่งที่เขาอยากเรียน คนเราเวลาทำอะไรในสิ่งที่ชอบสิ่งที่รักจะทำได้นาน ถ้าไปบังคับวันหนึ่งเขาจะคิดว่าไม่ใช่ทางของเขา คนโตเรียนเศรษฐศาสตร์
o แนวทางในการวางแผนชีวิตคุณธันวา พิจารณาจากข้อมูลอายุขัยเฉลี่ยผู้ชายไทย 72.1ปี จึงวางแผนชีวิตเป็น 3 ช่วง คือ 24 ปีแรก คือช่วงเรียน ศึกษา น่าจะใช้ชีวิตด้านการเรียนเยอะสุด อีก 24 ปีถัดมา ควรต้องทำงาน ใช้ศักยภาพของเราทำงานเต็มที่ อีก 24 ปี เราจะทำสิ่งที่อยากทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำตอนเราทำงานหนัก แต่ถ้าวางแผนไม่ดี เราอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
o ในช่วง 24 ปีหลังที่อยากทำของคุณธันวาตอนนี้คือ ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ทั้งในแนวบนและแนวล่าง แนวบนคือ บรรพบุรุษ พ่อแม่ แนวล่างคือลูกหลาน ควรจะต้องเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนั้น ควรให้เวลากับตัวเองมากขึ้น เรามีสิ่งอยากค้นหาในโลกนี้
o ในช่วงหลัง 24 ปีที่เรียนจบ เป็นสิ่งที่สำคัญผมคิดว่า เราต้องบริหารจัดการให้ดี การลงทุนก็เป็นวิธีหนึ่ง บางคนอาจต้องทำงานถึง 60 หรือ 65 ถ้าทำตรงนี้ได้ไม่ดี
o สิ่งที่พูดในข้างต้นเป็นแนวคิดที่ใช้กับตัวคุณธันวาเอง และก็อยากให้ลูกหลานดูเป็นตัวอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้บังคับว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
o ผมคิดว่าสำคัญทั้ง 3 ช่วง คนเราจะประสบผลสำเร็จได้มีอยุ่ 3 อย่าง เรื่องของการงาน การเงิน ครอบครัว
การงาน เรียนมาอยู่ 24 ปี ต้องใช้ศักยภาพให้มากที่สุด
การเงิน ต้องดำเนินชีวิตด้วยตนเอง อย่าพึ่งอยู่บนเงินพ่อแม่
ครอบครัวก็ต้องสอนลูกหลานของตัวเองให้ประสบความสำเร็จด้วย
• วางแผนการเรียนลูกไว้อย่างไร?
o ดร.นิเวศน์ ผมเคยคิดว่าถึงวันหนึ่งผมจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเรามีเงินครบ 100 ล้านจะทำอะไร ถ้ามีเงินครบ 500 ล้านจะทำอะไร สุดท้ายไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไรก็ทำเหมือนเดิม
o วันที่เรายังไม่ถึงเราก็ฝันไว้ ในความจริงเราก็ทำเหมือนเดิม อย่างนั้นลูกผมก็เลยบอกว่าถ้าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็ทำไปเลย
o สมัยผมเราต้องทำงานหนักไม่มีทางเลือก ลูกเราถ้าเขาอยากทำอะไรมีความสามารถด้านไหน ตอนเด็กเขาคิดไม่ออกเราก็วิเคราะห์แล้วคิดให้เขาว่าเหมาะที่จะทำอะไร ตอนเด็กๆเราวางให้เขา แต่พอโตไปถึงจุดหนึ่งเขาก็วางให้เขา
o อย่างเราให้เขาเรียนดนตรี ตอนเด็กอาจไม่ชอบเท่าไร ก็บังคับให้เรียนดนตรี เราวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนเขาก่อน แล้วมองหาโอกาส
o ภาษาอังกฤษเราเห็นว่าสำคัญมาก และต้องเป็นภาษาอังกฤษต้อง perfect เราก็ส่งไปเรียน inter เพื่อให้เขาเก่งจริงๆ ทั้งที่สมัยนั้นยังไม่ได้นิยม ตัดสินใจให้ลูกเข้า inter ตั้งแต่ ป.1
o เรื่องของเงิน ก็สอนให้รู้ค่าของเงินบ้าง ไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย
o เรื่องลงทุนหุ้น เขาไม่ได้เก่ง เพราะจุดแข็งของเขาไม่ใช่การคำนวณ วิเคราะห์ ไม่ได้เป็นหัววิทยาศาสตร์ เขาสนใจด้านศิลปะมากกว่า ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นนักลงทุนในหุ้น อย่างวอรเรน บัฟเฟตต์ไม่มีใครสนใจหุ้นเลย ชาลี มังเกอร์ ลูกก็ไม่สนเรื่องหุ้นเหมือนกัน จึงต้องไปหานักลงทุนมือดี แล้วเอาไปให้เขาบริหาร ผมคิดว่าเขาก็ให้เพื่อลูกหลาน เวลาที่เขาตายไปลูกหลานก็บริหารไม่เป็น
• เงินทุนของตัวเองจะให้ใครบริหาร?
o ดร.นิเวศน์ ต้องดูคนที่เราเชื่อใจไว้ใจได้ ก็ดูไปเรื่อยๆ
o เราก็ให้เขาเริ่มศึกษาทีละนิด อย่างไปออกรายการทีวี ก็ต้องไปศึกษาข้อมูลกิจการ ก็จะทำให้เราสอนง่ายขึ้น
• แล้วถ้าอย่างคนทั่วไป สอนอย่างไรดี?
o ดร.นิเวศน์ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนไม่สอนลูกก็อยากเรียนอยู่แล้ว พวกแบบนี้แป๊บเดียวก็เก่งกว่าพอ่แล้ว
• อ.เสน่อห์ถามดร.ไพบูลย์บ้าง สอนนักศึกษามาเยอะแยะ ลูกตัวเองสอนไหม?
o ดร.ไพบูลย์ สอนให้สนใจ แนะแนว ชี้ช่องทางว่าวิชาอะไรเหมาะกับยุคสมัย และดูความชอบของเขา อย่างลูกคนโต ชอบกฏหมาย กฏหมายธุรกิจก็น่าสนใจ อย่างคนเล็กชอบตัวเลข เราก็บอกว่าในที่สุดตัวเลขจะไปบรรจบอยู่ที่ว่าจะสร้างความมั่งคั่งอย่างไร ไม่ใช่จะให้เขาโลภ
o สอนนักศึกษาก็เล่าให้เขาฟัง ถ้าเขาสนใจเราก็แนะนำให้
o ความรู้พื้นฐานเรื่องหุ้นต้องให้กับเด็กทุกคน แต่ไม่ต้องรู้ขนาดไปบริหารเงินทุ่มเวลาทั้งหมด
• สอนอะไรบ้าง?
o ดร.ไพบูลย์ ต้องรู้ว่าการลงทุนในหุ้นเป็นเครื่องมือบริหารความมั่งคั่งยุคใหม่ พ่อแม่เราอาจจะไม่ได้สอนมาแบบนั้น สิ่งที่ผมพยายามทำคือให้ชวนลูกหลานมาฟัง
o ไม่จำเป็นว่าต้องให้ทำ cash flow เป็น แต่อย่างคนเล็กทำเป็นเพราะเขาเรียน แต่ถ้าไม่ได้ชอบขนาดนั้น ก็สอนให้รู้ว่าในระยะยาวหุ้นให้ความมั่งคั่ง เลือกหุ้นง่ายๆด้วย pe ต่ำๆ ผลตอบแทนก็ 40% ต่อปี เป็นงานวิจัย
o และต้องสอนให้รู้ถึงความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น หลายคนได้ได้เงินง่ายไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ก็ไปกู้เงินมาทุกปี เมื่อไรที่พลาดขึ้นมาก็จะเดือดร้อน การลงทุนแบบนี้ไม่ได้เหมาะกับคนทั่วไป ต้องสอนเขา ห้ามทำเป็นการพนัน ห้ามทำเป็นการเก็งกำไร ต้องลงทุนเป็นระยะยาว
o ถ้าพ่อแม่เก็งกำไรติดนิสัยก็อย่าให้ลูกรู้ อย่าทำให้เป็นตัวอย่าง เป็นการทำให้ลูกเล่นการพนัน
• ดร.ไพบูลย์สรุปทวนสิ่งที่ดร.นิเวศน์พูดว่าหมายถึง การสอนลูกเรื่องหุ้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่อย่าไปบังคับ ต้องชี้ทางให้ลูก ถ้าทำเองไม่ได้ก็ให้มืออาชีพดูแลให้
• อ.ไพบูลย์ถามอ.เสนห์ว่าสอนลูกอย่างไร?
o อ.เสน่ห์ ตอนลูกยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย เคยคิดว่าให้ลูกเป็นนักพูด ฝาแฝดหญิงคู่แรกของประเทศไทย เป็นจุดขาย ผู้หญิงที่พูดสนุกก็มีน้อย จะโดดเด่นเลย แต่ข้อเท็จจริงก็ส่งลูกไปเรียนให้เขาคิดเอง ผมทำให้ลูกค้าเป็นสินค้า ให้พัฒนาให้เหมาะ ไม่ใช่เป็นโรงงานที่เราสั่งผลิต ปรากฏว่าฝาแฝด 2 คนชอบไม่เหมือนกัน อีกคนไปทางศิลปะ อีกคนไปทางวิทยาศาสตร์ พอลูกเลือกเรียน เราก็แนะนำมีตัวหนึ่งที่ให้ต้องเรียนคือ บริหารธุรกิจ พอไปเรียนก็จะมาบ่น ซึ่งก็ต้องมาคุยกับพ่อ ซึ่งเราก็จะได้สอนเขาได้ ถ้าลูกมาบ่นก็แสดงว่าสนใจ พอตอนหลังๆฟังเด็กคุยกันก็จะพบว่าเขาเริ่มรู้ บางเรื่องก็รู้มากกว่าเรา แล้วก็เริ่มหันมาดูแล้ว เริ่มศึกษาวิเคราะห์
o ไม่ได้บังคับให้ลูกเล่นหุ้น แต่ก็ให้เขารู้ว่าจัดรายการอะไรอยู่
o ให้ลูกวางแผนดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ให้คำนึงถึงการทำงานที่ควบคู่ไปกับการลงทุน
o ถ้าให้เรียนจบแล้ว มาลงทุนหุ้น ก็ไม่ต้องส่งไปเรียน เป็นความสูญเสีย
o เราต้องให้ลูกสนใจเรื่องหุ้น แต่ก็ต้องไม่ทิ้งเรื่องงาน และต้องจัดการตัวเองให้ทำงานประสบความสำเร็จได้
• หลักการทั่วๆไป ควรสอนอะไรบ้าง?
o คุณธันวา เวลาสอนลูก ไม่ได้สอนเรื่องหุ้นอย่างดัยว แต่สอนแนวทางใช้ชีวิตด้วย ในทุกๆช่วงชีวิตควรมีแผน A กับ B แผนแรก กับแผนสำรอง ลูกคนโต เขาไปเรียน finance เขาก็ตัดสินใจเอง พอถึงช่วงที่สองในชีวิตไม่อยากให้ขึ้นอยู่กับการทำงานประจำอย่างเดียว ต้องให้มีการวางแผนทางการเงินที่ดี ผมก็บอกเขาก่อนหน้านี้ว่าผมจะไม่ทำงานประจำแล้ว แล้วก็เตรียมเงินให้ 2 ก้อน ให้ลูก 2 คน ให้เขาบริหารจัดการเงินของตัวเอง ในการไปเรียน ไปขอทุน หรือไปเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ต้องมาถามผม แต่ให้บริหารจัดการเอง ผมก็มาจัดการว่ายอดเงินคงเหลือเท่าไร พอเขาอายุ 25 ปี ผมก็จะให้เงินที่เตรียมไว้ให้เขาไปบริหารจัดการส่วนที่เหลือ ผมคิดว่าการลงทุนหุ้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ผมจะเล่าในกรณีศึกษา รูปแบบบริหารธุรกิจ แต่ไม่สอนการประเมินมูลค่าหุ้น เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ แต่พวกกรณีศึกษาต้องเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เวลาที่ผมใช้ด้วยมากอย่างเช่นเวลาอยู่ในรถหรือไปต่างจังหวัด ก็จะพยายามเล่าเรื่องกรณีศึกษาทางธุรกิจให้ฟัง
o การลงทุนที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ การเรียนรู้มีหลายวิธี อย่างให้เขาเริ่มอ่านหนังสือด้านการเงิน การมีกิจกรรมร่วมกัน มีโอกาสผมก็จะพยายามให้เขาเรียนรู้ ติดอาวุธให้ หรืออย่าง opportunity day หรือ company visit ก็จะพาไปด้วยตามโอกาสเหมาะสม
• ข้อคิดหลักการในการสอนลูกเกี่ยวกับหุ้น?
o ดร.นิเวศน์ ขึ้นกับตัวเรา ถ้าคุณรวยมีเงินก็อาจจะสอนให้ระวัง อย่าไปเล่นหุ้นมากเดี๋ยวเจ๊ง สอนให้มีความรู้ได้ แต่หน้าที่อาจจะต้องเป็นการรักษาเงินป้องกันไว้ อะไรที่เป็นชีวิตเขา ทำแล้วเป็นความสุขเราก็ส่งเสริมเขา บางเรื่องก็แนะนำ หรือให้เงินส่งเสริมบ้าง เช่น บอกลูกว่าเป็นอาจารย์ดี ชีวิตมีอิสระ เขามองว่าเงินเดือนน้อยไม่พอ เราก็จ่ายเงินเพิ่มให้ แล้วเขาก็มาพบว่าเป็นอาจารย์ก็ดี
• ถ้าลูกคนอื่นทั่วไป?
o ดร.นิเวศน์ ก็ต้องพัฒนาบนจุดแข็งของเขา อย่างบางคนจุดแข็งแต่ก็ยังหากินไม่ได้ อาจจะต้องยอมแพ้ ต้องพยายามดัดแปลง ให้หากินได้ และเป็นสิ่งที่เขาชอบ พอถึงจุดหนึ่งเขาก็จะเป็นตัวของตัวเอง ไปสั่งเขาไม่ได้
o ต้องสอนลูกหลานเรื่องหุ้น หุ้นมันคือธุรกิจ ทุกคนต้องทำมาหากิน จะบริษัทที่อยู่ในตลาดหรือไม่อยู่ ต้องรู้จักฝั่งที่เป็นเจ้าของ ในโลกสมัยใหม่หาเงินจากหุ้นที่จดทะเบียนง่ายกว่า ไม่ต้องไปลำบากทำแต่ธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียน
o สอนให้รู้จักเป็นเจ้าของกิจการ ร่วมเป็นเจ้าของกิจการ ถ้าทำได้ดี ก็เป็นแหล่งที่มีเงินให้เราแล้วก็ใช้ชีวิตที่อยากทำ
• เราควรจะแบ่งเงินให้ลูกไปลองลงทุนหุ้นไหม?
o ดร.นิเวศน์ กะจะแบ่งให้เขาลองให้รู้ เจ๊งก็ดี จะได้รู้ ถ้าทำได้ถูกต้องก็ดี จะได้บริหารให้ดีขึ้น ต้องให้ลอง ถ้าเล่นเสียๆจะได้สอนเขา ต้องแนะนำไม่ให้ไปผิดทาง แล้วเรื่องแบบนี้เขาจะฟังเราเพราะเขารู้ว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญ
o เราก็พูดข้อดีบ้างอะไรบ้าง จนถึงวันที่เขาอยากทำเขาถึงจะทำ
• ลูกอ่านหนังสือที่อ.นิเวศน์เขียนไหม?
o ไม่เคยอ่านเลย มีหนังสือเต็มบ้าน
• เราควรจะแบ่งเงินให้ลูกไปลองลงทุนหุ้นไหม?
o ดร.ไพบูลย์ ผมบอกลูกหลายทีแล้วให้ลอง แต่เขายังไม่เอา ที่ผมกลัวในการแบ่งเงินให้ลูกไปบริหารคือ เขาลงผิดทาง แล้วประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุด อย่างเช่นไปลงหุ้นเก็งกำไร หรือวิเคราะห์ผิด แต่ได้กำไร ต้องให้เขาทดลองขณะที่เรายังอยุ่ ผมคิดว่าน่าจะทำทุกคน มีนักลงทุน vi แบ่งเงินให้ลูกลองตั้งแต่ 2 ขวบ ด้วยเงิน 1 แสนบาท ตอนนี้ 9 ขวบ เงินเป็น 2 ล้านแล้ว
o อย่างน้อยเขาต้องไม่เก็งกำไร ไม่ทุ่มไปเลยตัวเดียว ไม่กี่วันมันต้องขึ้นมา ถ้าเขาทำแล้วได้ก็ต้องสอนให้รู้ว่ามันบังเอิญ ทำอีกไม่ได้ นักเก็งกำไรบางส่วนก็ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีบางส่วนที่เราแต่ส่วนที่สำเร็จ หรือมีบางคนที่เขาทำสำเร็จได้ แต่ก็ต้องดูว่าชีวิตแบบนั้นมีความสุขหรือเปล่า
• ถ้าลูกไม่เป็นไปตามเส้นทาง จะทำอย่างไร?
o คุณธันวา สิ่งที่ต้องคำนึง คือเราทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาแล้ว ถ้าไม่เป็นไปอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องตำหนิตัวเอง ก็ขึ้นอยู่กับเขาด้วยเหมือนกัน เขาก็มีหน้าที่ต้องรับช่วงต่อ
o ดร.ไพบูลย์ กล่าวถึงคุณวิวรรณเคยพูดว่าเราที่เป็นพ่อแม่ อยากให้ลูกทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้ เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าทั้งๆที่มันอาจไม่เหมาะกับเขา เช่น อยากให้เรียนมหาวิทยาลัยที่เราอยากเรียน อยากให้ได้เกรดดีๆ เรียนเก่งๆ ซึ่งที่จริงอาจจะไม่เหมาะก็ได้
o ดร.นิเวศน์ เขาไม่เคยเชื่อผมอยู่แล้ว หัวศิลปะแบบแม่ ความคิดความเห็นก็ไปทางเดียวกันตลอด เราก็พยายามเสนอความคิดว่าอันไหนไม่ถูก
กล่าวช่วงท้าย
• ดร.ไพบูลย์ สิ่งสำคัญต้องบอกให้เขารู้สิ่งที่เราทำก็ด้วยความรัก แล้วก็เรื่องศีลธรรมก็ต้องบอก อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องการตรงต่อเวลา
• คุณธันวา ผมไม่ได้สอนเฉพาะเรื่องการลงทุน ก็สอนทั่วไปทุกๆอย่าง สอนให้เขาต้องใจกว้าง แล้วทำกิจกรรมเยอะๆในวัยเรียน เป็นการสอนให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สังคมจะน่าอยู่ ถ้ามีการให้กันมากขึ้น
• ดร.ไพบูลย์ ผมจะบอกให้เขารู้ว่าพ่อแม่ไปเท่าไรก็ไม่รู้ เขาต้องพร้อมรับสิ่งเหล่านี้ เร็วหรือช้า เกิดได้ตลอดเวลา ยิ่งลูกคนเดียว ถ้าพ่อแม่ตายพร้อมกัน ลูกอยู่อย่างไร
• ดร.ไพบูลย์ สุดท้ายอย่าลืมว่าความรักต่อลูกนำไปสู่การถ่ายทอดสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต้องสอนศีลธรรมจริยธรรม
ที่บันทึกมาหากมีผิดเพี้ยนหรือตกหล่นอย่างไร ขออภัยด้วยนะครับ ถ้าท่านใดจะช่วยแก้ไขหรือเสริมก็ยินดียิ่งครับ
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 333
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณคับ
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money talk@SET2Jun13 หุ้นเกี่ยวเนื่องอสังหา&สอนลูกหลานเร
โพสต์ที่ 27
คลิปย้อนหลังครับ
[youtube]N0Yd3Pv8Yyc[/youtube]
[youtube]N0Yd3Pv8Yyc[/youtube]
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น