ผลตอบแทนปี 2005 ของ Berkshire

[ลูกอิสาน]

ทำได้แค่ 6.4 % ชนะ S&P ที่ทำได้ 4.9% ไปแค่ 1.5%

7 ปีหลังๆนี้ผลตอบแทนเกิน 10% แค่ปีเดียวครับตอนฟองสบู่ dot.com แตก
ผลตอบแทน 6.4 % คือเงิน 5.6 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 224,000 ล้านบาท


million at the end of 2005 are itemized.
12/31/05

Shares--- Company--------------------------------- Company Owned%-----Cost*--- Market(in $ millions)
151,610,700 American Express Company ................... 12.2-- $1,287-- $ 7,802
30,322,137 Ameriprise Financial, Inc..................... 12.1-- 183 --1,243
43,854,200 Anheuser-Busch Cos., Inc.................... 5.6 --2,133 --1,884
200,000,000 The Coca-Cola Company ........................ 8.4-- 1,299 --8,062
6,708,760 M&T Bank Corporation .......................... 6.0 --103-- 732
48,000,000 Moodys Corporation .............................. 16.2-- 499-- 2,948
2,338,961,000 PetroChina H shares (or equivalents)... 1.3-- 488-- 1,915
100,000,000 The Procter & Gamble Company .......... 3.0-- 940-- 5,788
19,944,300 Wal-Mart Stores, Inc. ......................... 0.5-- 944-- 933
1,727,765 The Washington Post Company .............. 18.0 --11 --1,322
95,092,200 Wells Fargo & Company......................... 5.7-- 2,754 --5,975
1,724,200 White Mountains Insurance..................... 16.0-- 369-- 963
Others ...................................................... 4,937-- 7,154
Total Common Stocks ............................. $15,947-- $46,721


วอร์เรนเพิ่ง(1-2ปีที่ผ่านมา)ลงทุนใน
-วอลมาร์ท discount store อันดับ 1 ของโลก และยังขาดทุนอยู่เล็กน้อย
-Anheuser-Busch เจ้าของบัดไวเเซอร์ King of Beer และขาดทุนไปอีกเล็กน้อย
-PetroChina เอาไว้ hedge ค่าเงิน ตอนนี้กำไรแล้ว 300% 8)

ดูการลงทุนใน The Washington Post ซิครับ ว่ากำไรกี่เด้ง

[ลูกอิสาน]

รายละเอียดดูที่

http://www.berkshirehathaway.com/

เลือก Warren Buffet letter to Berkshire shareholder
ปี 2005
มี 22 หน้า

[MarginofSafety]

ผมคิดว่า BH (Berkshire นะครับ ไม่ใช่ บำรุงราษฎร์) คงทำผลตอบแทนหรูๆ แบบเมื่อก่อนยากขึ้นทุกทีๆแล้วล่ะครับ
ยิ่งใหญ่ขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาบริษัทที่ลงทุนยากขึ้น เพราะต้องสามารถรองรับปริมาณเงินมหาศาลที่จะมาลงทุนได้

ได้เท่านี้ เมื่อเทียบกับปริมาณเงินมหาศาลขนาดนี้ ก็เยี่ยมแล้วครับ

[Rocker]

คิดแบบคุณ HVI

พอมันโตมากแล้วมันจะโตช้าลงเนื่องจากเม็ดเงินที่ too big

[ลูกอิสาน]

ผมคิดว่า BH (Berkshire นะครับ ไม่ใช่ บำรุงราษฎร์) คงทำผลตอบแทนหรูๆ แบบเมื่อก่อนยากขึ้นทุกทีๆแล้วล่ะครับ
ยิ่งใหญ่ขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาบริษัทที่ลงทุนยากขึ้น เพราะต้องสามารถรองรับปริมาณเงินมหาศาลที่จะมาลงทุนได้

ได้เท่านี้ เมื่อเทียบกับปริมาณเงินมหาศาลขนาดนี้ ก็เยี่ยมแล้วครับ

เรียกได้ว่าแพ้ภัยตัวเองหรือเปล่าครับ
กองทุนใหญ่ๆหุ้นดีก็ลงทุนไม่ได้ เพราะขนาดเล็กไป
เราน่าจะภูมิใจนะครับ ที่เงินยังไม่มาก ลงทุนได้ทุกหุ้น เรียกว่ามีจุดแข็ง :lol:


พูดถึงเรื่องค่าเงินดอลลาร์ที่วอร์เรนแสดงความเป็นห่วง ปีนี้แกลดโพสิชั่นไปเยอะครับ โดนหันไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศเเทน เป็นการป้องกันค่าเงินได้อีกทางและน่าจะดีกว่าด้วย โดย ปีนี้ขาดทุนเก็งกำไรค่าเงินไปประมาณ 1 พันล้านดอล แต่หากคิดตั้งแต่เริ่มแรกยังมีกำไรจากการเก็งค่าเงิน 2 พันล้านดอล

ปัญหาขาดดุลแกก็ยังห่วงครับ เพราะดุลการค้ายังขาดดุลทำสถิติ แกทำนายว่าในไม่ช้าดุลเงินลงทุนจะขาดดุลด้วย เพราะการที่ต่างชาติเป็นเจ้าของสินทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ ที่สุดนักลงทุนต่างชาติเหล่านี้จะได้ผลตอบแทนออกไปมากกว่าที่ชาวอเมริกันได้รับจากการลงทุนทั่วโลก  ส่วนตัวที่สามคือดุลการชำระเงินก็ขาดดุลทุกปีอยู่แล้ว

วอร์เรนเป็นห่วงครับว่าปัญหาเหล่านี้จะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่ ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ จะเป็นการป้องกันความเสี่ยงเรื่องนี้ได้ครับ

[ลูกอิสาน]

โดยรวม Buffet ก็ค่อนข้างพอใจกับผลตอบแทนปีที่ผ่านมานะครับ
ตอนนี้ Berkshire มี 68 กิจการ โดยเน้นการมองหากิจการดีๆ และซื้อเข้ามาเพราะเป็นวิธีที่จะทำให้ผู้ถือหุ้น Berkshire ได้ผลตอบแทนดีๆ

ปีที่ผ่านมามีการซื้อกิจการ 5 บริษัท
ทั้ง 68 บริษัทที่ Berkshire ถือหุ้น แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม

1.กลุ่มประกันภัย ปีที่ผ่านมาทั้ง Berkshire และ Gen Re มีผลขาดทุนจากธุรกิจประกันภัย เนื่องจากมีเฮอริเคนระดับ 3-5 หลายลูก พัดเข้าอเมริกา และแนวโน้มในอนาคตก็ดูจะยิ่งมีความเสี่ยง ดังนั้นในอนาคตบริษัทจะพิจารณารับประกันภัย เมื่อเบี้ยประกันส่วนนี้มีความสมเหตุสมผลเท่านั้น

ส่วน Geico -- the company I (Buffet) like best. ทำผลงานได้ดีมาก กำไรเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น    Warren แนะนำว่าปีนี้หากใครมีลูกชายหรือหลานชาย ให้ตั้งชื่อว่า Tony (CEO Geico) รับรองไม่ผิดหวัง  :lol:

2.ธุรกิจสาธารณูปโภค 1-2 ปีก่อน เพิ่งซื้อกิจการ MidAmerican ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ ทำให้งบรวมของ Berkshire มีหนี้สูงขึ้นมาก ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นปกติของบริษัทสาธาฯ ที่มักจะมีหนี้ และหนี้เหล่านี้ก็ไม่ได้ค้ำประกันโดย Berkshire

3.ธุรกิจด้านการเงิน  เกือบทุกบริษัทไปได้ด้วยดี เว้นแต่แผนกค้าตราสารอนุพันธ์ของ Gen Re ซึ่งยังคงสร้างความผิดหวัง และเหนื่อยหน่ายให้กับ Warren  ได้เปรียบการค้าตราสารอนุพันธ์ ว่าอันตรายสุดๆเหมือนกับการจับแมวที่หาง โอกาสที่จะโดนแว้งกันมีอยู่สูงมาก

Buffer พยายามลดธุรกรรมแผนกค้าตราสารของ Gen Re  จากจำนวนสัญญาประมาณ 23,000 สัญญาในตอนแรกที่ซื้อกิจการ จนเหลือประมาณ 2,900 สัญญาในปีที่ผ่านมา โดยมีผลขาดทุนจากการค้าตราสารปีทีผ่านมาประมาณ  100 ล้านเหรียญ

Buffet ตั้งคำถามถึงความจำเป็นของตราสารอนุพันธ์ เพราะบางตราสารที่ EXIT ในปีที่ผ่านมามีอายุสัญญาถึง 100 ปี  และจะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดสภาวะโกลาหลหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในตลาดการเงิน ถึงตอนนั้นคนที่ถือตราสารอยู่มากๆ จะเป็นอย่างไร   (Gen Re ถือตราสารอนุพันธ์อยู่น้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ)

4.ธุรกิจด้านผลิตและบริการ ปีนี้ SHAW บริษัทผลิตพรม มีปัญหาเพราะวัตถุดิบราคาเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน บริษัท NetJets  ก็เช่นกันคาดว่าจะมีกำไรกลับขาดทุนเพราะต้นทุนและการแข่งขัน (บริษัทนี้ Chalie ไม่เห็นด้วยตอนซื้อ)

ส่วนบริษัทอื่นๆในกลุ่มนี้ยังไปได้ดี

[chatchai]

ขอบคุณมากครับ

[โอ@]

ขอบคุณมากครับ

[Boring Stock Lover]

เห็นบทความฝรั่งว่า กำไรที่ได้รอบนี้เกิดจากกำไรทางบัญชี จริงหรือเปล่า พอกีไม่ได้ถือหุ้นตัวนี้  :D