
ตอนที่แล้ว ได้เล่าถึง ชัยพฤกษ์
นิตยสารเล่มเก่งที่เติบโตคู่กันมากับยุคสมัยของกูรู
ทำให้ได้รู้จักโลกแห่งความรู้ที่เกาะเกี่ยวไปกับ ภาษา วรรณกรรม
วิทยาศาสตร์ และปกิณกะทั่วไป
วันหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ชัยพฤกษ์ช่อนั้นก็ร่วงจากไป
เหลือแต่ความทรงจำของดอกเหลืองละออ
มาครั้งนี้ ขอพูดถึงหนังสือวรรณกรรมอีกเล่มซึ่งประทับใจมาตลอด
ดวงใจ ของ ซิม วีระไวทยะ
ฉบับที่ตัวเองครอบครองอยู่เป็นของพี่ๆในตระกูล
เป็นฉบับที่จำหน่ายโดย ห้างหุ้นส่วนรวมสาสน์จำกัด
พิมพ์ที่ โรงพิมพ์เฟื่องนคร ในปี 2507 ว้าว..
ได้รับมอบในฐานะรางวัลเรียนดีประเภทประถมศึกษาตอนปลาย
ฟังชื่อเรื่องแล้วแสนโรแมนติค น่าจะเป็นเรื่องราวความรักนิรันดร์ของหนุ่มสาว
ฮืมม์...ก็น่าจะใช่
แต่ความรักใน "ดวงใจ" ครอบคลุมมากไปกว่านั้น
ซิม วีระไวทยะ (เข้าใจว่าเป็น 1 ในคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองสมัย 2475)
ได้เรียบเรียงเนื้อหาของหนังสือโรแมนติคเล่มนี้
จากโครงเรื่อง IL Course ของ Edmondo De Amieis ชาวอิตาเลียน
ซึ่งเป็นวรรณกรรมเยาวชนเล่มเก่งที่มีการแปลเป็นภาษาต่างๆในอารยประเทศ
ในญี่ปุ่นให้ชื่อว่า โรงเรียนแห่งความรัก
ในอังกฤษ ให้ชื่อว่า Heart
เนื้อเรื่องของ ดวงใจ คือบทบันทึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ประเสริฐ
ผู้เกิดอยู่ในครอบครัวฐานะปานกลาง แต่ร่ำรวยด้วยเพื่อนฝูงต่างวรรณะ
บทบันทึกใน 1 ปีการศึกษานับตั้งแต่เปิดภาคเรียนจนถึงปิดภาค
ล้วนมีเรื่องชวนประทับใจเกี่ยวกับความผูกพัน
ระหว่างคุณครู โรงเรียนและเพื่อนๆในชั้น
ซึ่งมีทั้งเด็กรวย หยิ่ง เด็กจน เจียมตัวทว่ามานะ
และแน่ล่ะต้องมีเด็กแก่นแก้ว
เหลือขอ สร้างปัญหาให้กับโรงเรียน
ด้วยภาษาที่เรียบง่ายและพยายามลดกลิ่นนม กลิ่นเนย สปาเก็ตตี้
เราจึงรู้สึกเหมือนว่า ประเสริฐได้แนะนำบันทึกของตนในแบบฉบับน้ำพริกปลาทู
กลมกล่อม ได้อรรถรสแบบไทยๆ
แม้จะมีบางตอนของบทบันทึกเรื่องเด่นประจำเดือน
ที่เล่าเรื่องวีรบุรุษชาวอิตาลีแก้เลียนนิดหน่อย
(ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของทหาร หริอเยาวชนที่รักชาติ
จนออกแนวโน้มเอียงไปทางชาตินิยม)
แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ การเล่าเรื่องเพื่อนๆของประเสริฐ
ที่มาจากฐานะต่างๆกัน เช่น ลูกแม่ค้า ลูกนักโทษ ลูกกรรมกร
แต่ทุกคนก็สามารถเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันได้
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ
เพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าจะคอยปกป้องเพื่อนคนพิการ
ซึ่งมักจะเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนจากเด็กแก่นเซี้ยว
เพื่อนที่เรียนเก่งก็จะเป็นหัวโจทก์นำช่วยติวเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า
บนพื้นฐานของความเข้าอกเข้าใจในชะตาชีวิตของแต่ละคน
ที่ไม่สามารถกำหนดเองได้
แต่ภายใต้ข้อจำกัดด้านทุนทรัพย์ และสติปัญญา
ทุกคนเลือกวิถีชีวิตที่ปูด้วยคุณธรรมส่องนำทาง
หลายตอนใน ดวงใจ ที่สื่อความนัยของความรักฉันท์เพื่อน
ที่มีพ่อแม่คอยเฝ้าดูแลและปฎิบัติเป็นแนวทาง
เช่น เมื่อครั้งที่ประเสริฐเชิญเพื่อนๆมาเที่ยวบ้าน
พ่อของเขาเก็บภาพจิตรกรรมคนหลังโกงออกไป
เพราะเพื่อนคนหนึ่งของเขาพิการหลังโก่ง
หรือเมื่อเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกช่างปูนน้อย
ใส่เสื้อพ่อตัวเองที่มีฝุ่นเกาะมาเที่ยวบ้านประเสริฐ
เศษฝุ่นเปรอะเปื้อนเบาะเก้าอี้นั่ง ประเสริฐทำท่าจะปัด
แต่พ่อของเขาไล่ให้เด็กๆออกไปเที่ยวนอกบ้าน
แล้วค่อยมาทำความสะอาดเก้าอี้ทีหลัง
เพื่อสอนบทเรียนทางอ้อม
หากปัดฝุ่นต่อหน้าเพื่อน ก็แสดงว่า
เรารังเกียจฝุ่นงานที่มาจากงานสุจริต
เรารังเกียจพ่อของเขา และตัวช่างปูนน้อยด้วย
อ่านจบแล้ว นึกไม่ออกเลยว่า จะมีโรงเรียนไหนบ้างในบ้านเรา
จะสร้างความประทับแนบแน่นเป็นดั่งดวงใจได้สนิทเนียนเท่านี้
ระหว่างครู โรงเรียน เพื่อนนักเรียนและผู้ปกครอง
เคยเอาเรื่องนี้อ่านลงในหนังสือเสียงให้กับมูลนิธิคนตาบอด
ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังอยู่หรือเปล่า
หรืออาจจะทิ้งไว้ไม่สนใจเลยก็ได้
เพราะไม่ใช่หนังสือวรรณกรรมประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
เป็นแค่บทบันทึกฝังใจของเด็กคนหนึ่งที่มีต่อความทรงจำในเยาว์วัย...เท่านั้นเอง
ปล. ปิดเทอมแล้ว ถ้าไม่ต้องเอาเจ้าตัวเล็กไปเรียน Summer พิเศษทั้งหลายแหล่
ลองหาหนังสือเด็กดีๆให้เด็กๆที่บ้านของเพื่อนๆอ่านดู
แล้วจะรู้ว่า บางครั้ง อ้ายเจ้า EQ IQ ทั้งหลาย
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปหลักสูตรเร่งรัดสรรหาหรอก
ใช้เวลาระหว่างบรรทัดกับตัวหนังสือ โดยมีผู้ใหญ่เป็นสื่อกลาง
แค่นี้ก็ได้ Super EQ ที่อบอุ่นทั้งครอบครัว