.....คุณ…เชื่อหรือไม่ ? ว่าคุณไม่มีเวลา …แม้เพียงรู้จักตนเอง !!
.....ถ้าสมมติให้มนุษย์คนทุกคนบนโลกตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับเงินในธนาคาร ๘๖,๔๐๐ บาท ที่เบิกใช้ได้ทันที และเงินจำนวนนี้จะลบยอดทิ้งนับใหม่ในวันรุ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะใช้หรือไม่ใช้ก็ตาม
.....นั่นหมายความว่าคุณจะต้องบริหารเงินจำนวนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าคุณไม่ลงทุนเท่ากับเงินที่ได้สูญเปล่าอย่างน่าเสียดาย และเงินจำนวนนี้คือธนาคารเวลาในหนึ่งวันของคุณนั่นเอง ๒๔ ชั่วโมงของคุณคิดเป็นมูลค่าได้ ๘๖,๔๐๐ วินาที ซึ่งทั้งนี้ไม่ว่าคนชาติใดภาษาใด มั่งมีหรือยากจนเพียงไหน ล้วนมีสิทธิเสมอภาคในการใช้เวลาเท่าเทียมกัน
.....หากแบ่งเวลา ๒๔ ชั่วโมงนี้ออกเป็นสามส่วน จะได้ส่วนละ ๘ ชั่วโมง ส่วนแรกในแต่ละวันหมดไปกับการนอนหลับพักผ่อน เรียกได้ว่าถ้ามนุษย์มีอายุเฉลี่ย ๗๕ ปี ไม่ขาดไม่เกิน เวลานอนใช้ไปทั้งหมด ๑ ใน ๓ ของชีวิต เท่ากับเราหลับใหลถึง ๒๕ ปี เลยทีเดียว ส่วนที่สองหมดไปกับการทำงานประจำวัน บางคนหมดเวลาไปกับการเดินทาง อยู่ในรถ ในเครื่องบิน กับงานประจำที่ต้องทำทุกวัน ถึงเหนื่อยถึงเบื่อก็ต้องทำ และส่วนที่สามหมดไปกับการดูแลบริหารร่างกาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ต้องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ บางคนวุ่นวายกับการหมักผม ขัดผิว ถ้านับรวมเสื้อผ้าอีกวันหนึ่งๆก็ใช้เวลาไปไม่น้อย
.....คุณคิดว่ากิจกรรมที่มนุษย์ส่วนใหญ่วนเวียนอยู่อย่างนี้ เพียงพอแล้วหรือยังต่อการดำเนินชีวิตให้มีความสุขที่สุด ชีวิตยังขาดอะไรไปอีกหรือเปล่า?
.....หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า คนเราส่วนใหญ่หลงลืมเวลาอย่างหนึ่งที่สำคัญต่อตัวเองไป.. นั่นคือ เวลาที่ให้กับ " จิตใจ " ของเราเอง
.....เราหลงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปทำความรู้จักกับคนอื่น กับสิ่งอื่น จนลืมที่จะรู้สึกบุคคลที่สำคัญที่สุด คือตัวเราเอง ความสับสนและความวุ่นวายทั้งหลายในชีวิตยากนักจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เมื่อเราแก้ปัญหาให้ตัวเองไม่ได้ หรือแก้ไม่ถูกจุด ปัญหานั้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตนเองเท่านั้น ยังส่งผลไปยังบุคคลอื่นรอบข้างอีกด้วย
…แล้วเราจะทำอย่างไร ที่จะรู้จักกับตัวเองให้ดีที่สุด ?
.....คงเคยได้ยินกันมาบ้าง ว่ามนุษย์ทุกคนที่ดำเนินชีวิตประจำวันจะใช้พลังศักยภาพที่มีอยู่ภายในตัวแค่เพียง ๗% เท่านั้น แต่จริงๆแล้วพลังศักยภาพที่เหลือซึ่งถูกเก็บไว้อีก ๙๓% ยังไม่ถูกนำมาใช้เลย แต่ถ้าเมื่อใดมนุษย์เราสามารถนำพลังศักยภาพตรงนี้มาใช้ทั้ง ๑๐๐ %
…เมื่อนั้น คำว่า ไม่สำเร็จ จะไม่มีอยู่ในพจนานุกรมใจมนุษย์…
.....แต่…น่าเสียดาย มนุษย์ส่วนใหญ่มิได้ถูกฝึกให้รู้จักนำพลังส่วนนี้มาใช้ เหมือนมีก้านไม้ขีดกับกลักไม้ขีด แต่ไม่รู้วิธีที่จะทำให้เกิดประกายไฟได้อย่างไร ทั้งที่วิธีการนั้น ง่ายแสนง่ายจริงๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนเลย ซึ่งไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถทำได้ อยู่ที่คุณพร้อมที่จะให้ของขวัญกับตัวเองแล้วหรือยัง
.....รถยนต์ที่วิ่งระยะทางไกลๆยังต้องการการพักเครื่องบ้าง จึงจะวิ่งต่อไปได้ จิตใจก็เช่นกัน ใช้คิดตรึกตรองอยู่ทุกวันยิ่งต้องการการพักผ่อน ซึ่งเป็นทางมาของกำลังใจ และพลังใจที่ไร้ขีดจำกัด เอาเรื่องหนักๆออกไปให้รู้สึกผ่อนคลายเสียบ้าง ให้ใจมีที่ว่างสำหรับพักฟื้นตนเอง
.....วิธีการนั้นเพียงแต่เอาใจที่เคยวิ่งวนไปรอบโลก ให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ด้วยการทำใจให้ หยุด ทำใจให้ นิ่ง ในกลางกาย อย่างเบาๆ สบายๆ
.....เหมือนเครื่องชาร์ตแบตเตอรี่บนแท่นชาร์ต ฐานที่ตั้งของใจ ณ กลางกายนี้จึงเป็นที่อยู่ที่แท้จริงของใจ ซึ่งเป็นจุดก่อกำเนิดพลังงานได้อย่างมหาศาล
พลังงานเหล่านี้จะก่อเกิดเป็น พลังปัญญา ที่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในชีวิต ด้วยการปรับแง่คิด ทัศนคติ มองเห็นชีวิตและโลกใบนี้ตามความเป็นจริงมากขึ้น
…ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะให้เวลากับตัวเราเอง ด้วยการพักผ่อนใจที่ถูกวิธี
…เพราะคำว่า ความสุข แท้จริงแล้วไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม แต่อยู่ภายในตัวเรานี่เอง
BELIEVE IT..OR NOT ?
http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamm ... d=99999999
คุณเชื่อหรือไม่ว่า คุณไม่มีเวลาแม้เพียงรู้จักตนเอง
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
คุณเชื่อหรือไม่ว่า คุณไม่มีเวลาแม้เพียงรู้จักตนเอง
โพสต์ที่ 1
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเชื่อหรือไม่ว่า คุณไม่มีเวลาแม้เพียงรู้จักตนเอง
โพสต์ที่ 2
คับเห็นด้วยเลยคับ พักจิตพักใจ ตามรู้กายใจ ตามความเป็นจริง
รู้ว่าสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
รู้ว่าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี รู้ว่าสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป
เห็นตามอย่างนี้แล้ว ก็จะละจากความยึดมั่นถือมั่น
ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามแต่ใจเราต้องการ
ซึ่งมันเป็นไปเป็นไม่ได้ หากแต่อยู่ที่เหตุและปัจจัยให้เป็นไป
เราจะหันมาแก้ไขปัญหาที่เหตุ สร้างเหตุแห่งผลมากขึ้นๆ
พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้นๆ ไม่วิงวรขอพรพึ่งพิงสิ่งต่างๆอีกต่อไป
ใจก็จะสงบ กายก็จะสงบ ความคิดก็จะสงบ ความสุขก็เกิดขึ้นเอง
ก็ลองมาฟังดูคับ คำสอนจากปากพระพุทธเจ้าเองเลย
แรกๆคงขัดกับสิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังกันมาพอสมควร
แต่ถ้าเรานับถือพุทธกัน ก็ควรที่จะฟังให้ชัดเจนว่า
พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรเองบ้าง จากคำของท่านเอง
แล้วลองคิดตามไปด้วย ดูได้ที่นี่ http://www.watnapp.com/
ผมว่าก็ครบถ้วน และหาได้ยากในสมัยนี้ สาธุคณะที่จัดทำคับ
รู้ว่าสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
รู้ว่าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี รู้ว่าสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป
เห็นตามอย่างนี้แล้ว ก็จะละจากความยึดมั่นถือมั่น
ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามแต่ใจเราต้องการ
ซึ่งมันเป็นไปเป็นไม่ได้ หากแต่อยู่ที่เหตุและปัจจัยให้เป็นไป
เราจะหันมาแก้ไขปัญหาที่เหตุ สร้างเหตุแห่งผลมากขึ้นๆ
พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้นๆ ไม่วิงวรขอพรพึ่งพิงสิ่งต่างๆอีกต่อไป
ใจก็จะสงบ กายก็จะสงบ ความคิดก็จะสงบ ความสุขก็เกิดขึ้นเอง
ก็ลองมาฟังดูคับ คำสอนจากปากพระพุทธเจ้าเองเลย
แรกๆคงขัดกับสิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังกันมาพอสมควร
แต่ถ้าเรานับถือพุทธกัน ก็ควรที่จะฟังให้ชัดเจนว่า
พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรเองบ้าง จากคำของท่านเอง
แล้วลองคิดตามไปด้วย ดูได้ที่นี่ http://www.watnapp.com/
ผมว่าก็ครบถ้วน และหาได้ยากในสมัยนี้ สาธุคณะที่จัดทำคับ