ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
โพสต์ที่ 1
อยากจะทราบในประเด็นต่างๆต่อไปนี้ครับ
1. มีขั้นตอนและเกณฑ์ในการอนุมัติอย่างไรบ้าง
2. ใช้ระยะตั้งแต่ยื่นขอจนกระทั่งได้รับอนุมัตินานมั้ยครับ
3. ในขณะที่อยู่ในกระบวนการ ไม่ทราบว่าจะเริ่มมีผลคุ้มครองหรือยัง
4. แล้วอย่าง ThaiVi.com ได้จดลิขสิทธิ์ แล้วก็จำเป็นต้องมี ใบอนุญาตประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิค หรือเปล่าครับ
ถ้าไม่ จะมีวิธีป้องกัน หากมีผู้นำบทความหรือแหล่งข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในทางการค้า หรือนำไปเป็นผลงานของตัวเอง ได้อย่างไรครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
1. มีขั้นตอนและเกณฑ์ในการอนุมัติอย่างไรบ้าง
2. ใช้ระยะตั้งแต่ยื่นขอจนกระทั่งได้รับอนุมัตินานมั้ยครับ
3. ในขณะที่อยู่ในกระบวนการ ไม่ทราบว่าจะเริ่มมีผลคุ้มครองหรือยัง
4. แล้วอย่าง ThaiVi.com ได้จดลิขสิทธิ์ แล้วก็จำเป็นต้องมี ใบอนุญาตประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิค หรือเปล่าครับ
ถ้าไม่ จะมีวิธีป้องกัน หากมีผู้นำบทความหรือแหล่งข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในทางการค้า หรือนำไปเป็นผลงานของตัวเอง ได้อย่างไรครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
โพสต์ที่ 2
เคยมีกระทู้เก่าๆ พูดไว้แล้วครับ เอาประเด็นที่สำคัญก่อน
1. ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง
ซึ่งได้รับความคุ้มครองเมื่อเขียนและเผยแพร่โดยไม่ต้องจด
งานเขียนทุกชิ้นใน thaivi.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ถ้าใครเอาไปเผยแพร่หรือหาประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้เขียนมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ทันที
2. ทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องจดคือ "สิทธิบัตร"
3. ที่เรียกกันว่าจดลิขสิทธิ์ น่าจะหมายถึง registered trademark
หรือเครื่องหมายทางการค้าแบบจดลิขสิทธิ์
สามารถไปขอรายละเอียดได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา
หรือไม่ก็ติดต่อทนายเพื่อขอจด
สรุปว่า ถ้าจะทำเอง ติดต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา
เพื่อขอข้อมูลและดำเนินการ
ถ้าไม่อยากทำเอง ให้จ้างทนายทำให้ได้
1. ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง
ซึ่งได้รับความคุ้มครองเมื่อเขียนและเผยแพร่โดยไม่ต้องจด
งานเขียนทุกชิ้นใน thaivi.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ถ้าใครเอาไปเผยแพร่หรือหาประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้เขียนมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ทันที
2. ทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องจดคือ "สิทธิบัตร"
3. ที่เรียกกันว่าจดลิขสิทธิ์ น่าจะหมายถึง registered trademark
หรือเครื่องหมายทางการค้าแบบจดลิขสิทธิ์
สามารถไปขอรายละเอียดได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา
หรือไม่ก็ติดต่อทนายเพื่อขอจด
สรุปว่า ถ้าจะทำเอง ติดต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา
เพื่อขอข้อมูลและดำเนินการ
ถ้าไม่อยากทำเอง ให้จ้างทนายทำให้ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
โพสต์ที่ 3
เดี๋ยวจะลองค้นๆดูครับ
ขอบพระคุณพี่ CK มากครับ
ขอบพระคุณพี่ CK มากครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
โพสต์ที่ 4
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ถือเป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรม ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองทันทีนับแต่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียน หรือแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ดีท่านอาจนำงานลิขสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นมาแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ต่อกรมฯ เพื่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะได้รวบรวมไว้ในฐานข้อมูลของกรมฯ และเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น นำหนังสือรับรองการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ที่กรมฯ ออกให้ไปเป็นหลักประกันการกู้เงินกับธนาคาร
ที่ร่วมโครงการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุน เป็นต้น สำหรับหลักฐานที่ใช้ในการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์มี ดังนี้
(1) แบบ ลข.01 พร้อมสำเนาจำนวน 1 ฉบับ
(สามารถโหลดแบบฟอร์มได้ที่เว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ www.ipthailand.org หรือรับแบบฟอร์มการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้)
(2) สำเนาผลงานลิขสิทธิ์
(3) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือกรณีที่เป็นนิติบุคคลต้องใช้ต้นฉบับหนังสือรับรองนิติบุคคลที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
(4) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น สำเนาหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และท่านสามารถแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ได้ที่งานบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
ที่ร่วมโครงการแปลงทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุน เป็นต้น สำหรับหลักฐานที่ใช้ในการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์มี ดังนี้
(1) แบบ ลข.01 พร้อมสำเนาจำนวน 1 ฉบับ
(สามารถโหลดแบบฟอร์มได้ที่เว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ www.ipthailand.org หรือรับแบบฟอร์มการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้)
(2) สำเนาผลงานลิขสิทธิ์
(3) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือกรณีที่เป็นนิติบุคคลต้องใช้ต้นฉบับหนังสือรับรองนิติบุคคลที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
(4) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น สำเนาหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และท่านสามารถแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ได้ที่งานบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
โพสต์ที่ 5
งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
โพสต์ที่ 6
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานวรรณกรรม ตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ซึ่งได้รับความคุ้มครองทันทีโดยไม่ต้องจดทะเบียนเพื่อขอรับความคุ้มครองแต่อย่างใด และเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ ต่อสาธารณชน ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น และอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ ดังนั้น ผู้ใช้จึงต้องพึงระวังว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมีลิขสิทธิ์ และไม่อาจทำซ้ำ ดัดแปลงหรือกระทำการใดๆ แก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 เช่น วิจัยหรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจำนวนที่สมควรโดยบุคคลผู้ซึ่งได้ซื้อหรือได้รับโปรแกรมนั้นมาจากบุคคลอื่นโดยถูกต้อง เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบำรุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย เป็นต้น ทั้งนี้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ให้ความคุ้มครองแก่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภท ไม่มีบัญญัติเฉพาะ Freeware และ Shareware เป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี โดยทั่วไป Freeware และ Shareware มีลักษณะโดยทั่วไป ดังนี้ 1. โปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบทดลองใช้ (Shareware Software หรือ Trailware) เจ้าของลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ อนุญาตให้ผู้ใช้ทดลองใช้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยกำหนดระยะเวลาของการทดลองใช้ไว้ อันเป็นมาตรการทางการตลาดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ทดลองใช้นำไปจำหน่าย หรือแสวงหาประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ได้จากอินเทอร์เน็ต หรือทำซ้ำจากแผ่นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นได้ และเมื่อตัดสินใจซื้อ ผู้ซื้อได้รับสิทธิในการใช้เท่านั้น โดยผู้ซื้ออาจจะได้รับการบริการด้านเทคนิคหลังการขาย รวมถึงอาจได้รับเอกสารเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม และอาจมีการอัพเกรด (upgrade) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ภายหลังด้วย กรณีการทดลองใช้อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ กรณีที่ครบกำหนดระยะเวลาทดลองใช้แล้ว ผู้ใช้ดาวน์โหลดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่อีกครั้งเพื่อทดลองใช้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ซื้อเป็นสิ่งที่ ไม่ควรกระทำ เพราะอาจขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของ เจ้าของลิขสิทธิ์และกระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร ทั้งนี้ ผู้ใช้ควรจะต้องศึกษารายละเอียดของเงื่อนไขในการอนุญาตให้ทดลองใช้อย่างละเอียด ลักษณะของสัญญาอนุญาตให้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกลุ่มนี้ (แต่ไม่ได้เป็น ข้อกำหนดตามกฎหมาย) โดยทั่วไปมีดังนี้ - ผู้ใช้อาจไม่สามารถทำซ้ำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ ยกเว้นกรณีการทำสำเนาเพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบำรุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย และจะใช้สำเนาที่ทำสำรอง (backup copy) ไว้ได้เฉพาะเมื่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต้นฉบับสูญหาย หรือเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น - ผู้ใช้ไม่สามารถพัฒนาต่อยอดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ 2 - ผู้ใช้ไม่สามารถจำหน่ายหรือโอนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ และการโอนต้องโอนไปทั้งหมด ทั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์และคู่มือการใช้ 2. โปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบใช้ได้เสรี (Freeware Software) - โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีลิขสิทธิ์ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ ซึ่งจะมีข้อจำกัดการใช้น้อยกว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการจำหน่าย และโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบทดลองใช้ เช่น อาจกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ใช้สามารถทำซ้ำได้ฟรี แต่ห้ามจำหน่ายหรืออาจอนุญาตให้บุคคลทั่วไปใช้ได้ ยกเว้นหน่วยราชการ เป็นต้น - อาจมีการส่งมอบซอร์สโค้ดพรัอมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถดัดแปลงหรือทำวิศวกรรมย้อนกลับได้ - สามารถพัฒนาต่อยอดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เจ้าของลิขสิทธิ์ แต่ทั้งนี้ผู้พัฒนาต่อยอดจะต้องยินยอมให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาต่อยอดขึ้นนั้นเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบใช้ได้เสรีเช่นกัน กล่าวคือ ไม่สามารถอ้างลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมา หรือนำไปจำหน่ายในลักษณะที่เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อ การจำหน่ายหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบทดลองใช้ได้ อย่างไรก็ดี เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิที่จะ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไข การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ที่ได้พัฒนาออกมาใหม่ให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการจำหน่ายได้ ลักษณะของสัญญาอนุญาตให้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ (แต่ไม่ได้เป็น ข้อกำหนดตามกฎหมาย) โดยทั่วไปมีดังนี้ - สามารถดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ - สามารถทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ ทั้งการทำเพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ ในการบำรุงรักษาหรือป้องกันการสูญหาย และการแจกจ่ายโดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร ทั้งนี้ ก่อนที่จะนำ Freeware และ Shareware ควรอ่านเงื่อนไขการใช้ก่อนทุกครั้ง เช่น อ่านให้ละเอียดว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ฟรีเฉพาะใช้เพื่อส่วนตัวหรือรวมถึงนำโปรแกรมอันมีลิขสิทธิ์นั้น ออกขายหรือแสวงหากำไรได้ หากเงื่อนไขระบุไว้ไม่ชัดเจน ควรสอบถามไปยังผู้เป็น เจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน เนื่องจากเจ้าของลิขสิทธิ์แต่ละคนมีสิทธิกำหนดเงื่อนไขที่ต่างกันไป ดังนั้น การที่มีคนนำ Freeware และ Shareware มารวบรวมขายจะไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เฉพาะกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้กำหนดเงื่อนไขอนุญาตไว้ แต่อย่างไรก็ดี กฎหมายลิขสิทธิ์จะไม่คุ้มครองความคิด ขั้นตอน กรรมวิธี ระบบ หรือ วิธีใช้หรือทำงาน หรือแนวความคิด หลักการ และการค้นพบ ดังนั้น หากท่านสร้างสรรค์โปรแกรมคอมพิวเตอร์จากความวิริยะอุสาหะของท่านเองโดยไม่ได้ลอกเลียนงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่นแม้การสร้างสรรค์งานดังกล่าวได้สร้างสรรค์จากการนำแนวคิด หรือกรรมวิธีของผู้อื่นมาใช้การกระทำดังกล่าวย่อมไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
"Winners never quit, and quitters never win."