ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 32
ผมขออนุญาติแนะนำเล่มนี้แล้วกันนะครับ---> "ร้านไหน?กำไรมากกว่า" ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท.silverfin เขียน:ขอบคุณมากค่ะ พอจะเข้าใจค่ะเรื่องความเหมาะสม แต่ที่ถามเพราะเกรงว่าไม่ทราบสามารถจะสมัครอบรมได้เมื่อไร เพราะสมาชิกล้นหลามมาก และตัวเองความไวต่ำค่ะ 555 ส่วนหนังสือเนี่ยมีแล้วทั้ง 3 เล่มค่ะ ตีแตกอ่านเรียบร้อย เล่มอ่านงบการเงินให้เป็นนี่อ่านแล้วแอบงง เรื่องการบันทึกบัญชีอยู่ค่ะ แบบว่าเด็กศิลป์น่ะค่ะ (ไม่ทราบว่าจะมีเล่มอื่นที่ช่วยความเข้าใจได้อีกหรือไม่) ส่วนเล่มวัดมูลค่าหุ้นยังไม่ได้เริ่มอ่านค่ะ อย่างไรจะลองอ่านและทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด หากติดขัดจะแวะมาขอความรู้พี่ๆเพื่อนๆค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุ่น) เป็นหนังสือแปลนะครับ..^^)
ผมซื้อมาจาก se-ed แต่ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังมีขายอยู่หรือไม่ เล่มนี้ไม่ได้สอนการลงบันทึกบัญชี
ครับแต่สอนวิธีอ่านงบการเงินโดยเล่าผ่านตัวละครเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่าย และไว้ใช้ในการบริหาร
งานผ่านตัวเลขทางบัญชีครับ ผมโตมาได้(เข้าใจตัวเลขทางบัญชีกับการบริหารมากขึ้น)จากหนังสือ
เล่มนี้ครับ ขอบอกว่าซื้อไปอ่านแล้วจะมองเห็นสิ่งๆต่างในตัวเลขทางบัญชีมากขึ้นกว่าที่เราเคยเห็น
มาก่อนแน่นอนครับ และถ้าใครมีกิจการเป็นของตนเองเล่มนี้คุณต้องมีไว้เลยครับ เพราะมันช่วยผม
ผ่านวิกฤตทางธุรกิจที่บ้านมาหลายครั้งหลายคราแล้วครับ เพราะประเด็นหลักของเล่มนี้คือ
"คุณไม่จำเป็นต้องลงบัญชีเองเป็น แต่คุณจำเป็นต้องอ่านตัวเลขในบัญชีให้ออกครับ"...^^)
มีเว็ปของสำนักพิมพ์ด้วยนะครับ www.tpabookcentre.com หรือ
www.tpa.or.th/publisher/new ครับ
ปล. ผมไม่อยากให้เชื่อในสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดก่อนที่คุณจะได้อ่านมันครับ
(เหมือนเป็นsale ขายของเลยแฮะ 555+....^^)
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 33
1ไตรมาส 2 ไตรมาส หรือแม้กระทั่งปี มันก็ยังสั้นไป ที่จะบอกว่าเราลงทุนถูกหรือผิด เก่งหรือเฮง
ผมมองว่าเราต้องให้เวลายาวขึ้น ได้พิสุจน์ความสามารถครับ ผมริดว่าอย่างน้อยต้องมี 5-6ปี
หรือจะให้แน่ใจว่าเก่งจริงเก๋าจริงต้องมี 10 ปีครับ มันต้องผ่านทั้งตลาดหมี ตลาดกระทิง และวิกฤต
ครับ ดังนั้น อย่าพึ่งตัดสินเราในระยะเวลาอันสั้นๆครับ การลงทุนคือชีวิตทั้งชีวิตครับ
ผมมองว่าเราต้องให้เวลายาวขึ้น ได้พิสุจน์ความสามารถครับ ผมริดว่าอย่างน้อยต้องมี 5-6ปี
หรือจะให้แน่ใจว่าเก่งจริงเก๋าจริงต้องมี 10 ปีครับ มันต้องผ่านทั้งตลาดหมี ตลาดกระทิง และวิกฤต
ครับ ดังนั้น อย่าพึ่งตัดสินเราในระยะเวลาอันสั้นๆครับ การลงทุนคือชีวิตทั้งชีวิตครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 34
ผมว่าคุณmoodยังตัดสินเร็วไปนะครับ
ผมถือมาครึ่งปีแล้วยังเท่าทุนอยู่เลย ขนาดซื้อถัวแล้วนะ
ก่อนหน้านี้ยังขาดทุนทางบัญชี30%เลยครับ
ตัวที่ผมถือตอนนี้revisionทุกไตรมาสนะครับ
เดิมก็คิดว่าจะถืออย่างน้อย2ปี อย่างมาก5ปี
แต่อาจยาวกว่านั้นหากมีปัจจัยบวกให้ถือต่อ
ดูกันยาวๆครับ
ผมถือมาครึ่งปีแล้วยังเท่าทุนอยู่เลย ขนาดซื้อถัวแล้วนะ
ก่อนหน้านี้ยังขาดทุนทางบัญชี30%เลยครับ
ตัวที่ผมถือตอนนี้revisionทุกไตรมาสนะครับ
เดิมก็คิดว่าจะถืออย่างน้อย2ปี อย่างมาก5ปี
แต่อาจยาวกว่านั้นหากมีปัจจัยบวกให้ถือต่อ
ดูกันยาวๆครับ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
- airazoc
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 35
ลองผ่านไปสักสามวิกฤติครับ ใหญ่เล็กปนๆกันไป ถ้ายังอยู่ได้ไม่ขาดทุน ก็น่าจะมาถูกทางแล้วครับ
"In life and business, there are two cardinal sins ... The first is to act precipitously without thought, and the second is to not act at all.” – Carl Icahn
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 36
อืม... เท่าที่อ่านดู ถ้าจะตบกระโหลกให้ คงจะเป็นประเด็นที่ว่า แนวทางการลงทุนเป็นนักเก็งกำไรมากเกิน อยากได้กำไรเร็วๆ ทำให้เคลื่อนไหวตัวเร็วเกินไปมั้งครับ
การเป็นนักลงทุนที่ดีต้องไม่ปล่อยให้อคติ และอารมณ์ของตลาดครอบงำ มองในมุมคนนอก ที่มองให้รอบด้าน และมองไกล
การเป็นนักเก็งกำไรก็เหมือนขับรถแล้วมองใกล้ๆ แค่ระยะสัก 20 เมตร จริงๆ มันก็สนุก เร้าใจดีนะ แต่มันอันตราย และเสียวไปหน่อย เดี๋ยวจะหักรถเลี้ยวหลบไม่ทัน
การเป็นนักลงทุนที่ดีต้องไม่ปล่อยให้อคติ และอารมณ์ของตลาดครอบงำ มองในมุมคนนอก ที่มองให้รอบด้าน และมองไกล
การเป็นนักเก็งกำไรก็เหมือนขับรถแล้วมองใกล้ๆ แค่ระยะสัก 20 เมตร จริงๆ มันก็สนุก เร้าใจดีนะ แต่มันอันตราย และเสียวไปหน่อย เดี๋ยวจะหักรถเลี้ยวหลบไม่ทัน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1336
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 37
เท่าที่ทราบการขายหมูเป็นงานอดิเรกของคนที่ใกล้จะเป็นเซียน ยินดีด้วยครับmood เขียน:ช่วงนั้นก็ลุยหาหุ้นไปเรื่อยๆครับ ยังไม่มีหุ้นกลุ่มไหนที่ถนัดเป็นพิเศษ
ส่วนที่เลือกแล้วไม่ได้ดังหวัง จริงๆผมผิดหวังการขายหมูของตัวเองมากกว่าการเลือกหุ้นใหม่ครับ จิงอยู่ว่างบยังไม่ออกอาจเร็วไปที่จะตัดสินว่าตัวเองคิดถูกหรือผิด แต่ในงบส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณนะครับ ข้อมูลเชิงคุณภาพ รวมถึง catalyst ต่างๆสามารถหาข้อมูลได้ตลอดเวลา
อยากให้ช่วยแชร์ หรือยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยว่า มี catalyst แบบใหน หรือข้อมูลเชิงคุณภาพแบบใหนที่พอจะบอกได้ว่าหุ้นกำลังจะขึ้นครับ
ผมลงทุนมาหลายปี ยังมองเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยออกเหมือนกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 40
ชีวิตประจำวันของ นักเก็งกำไร เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ... "เอ... วันนี้อั๊วะจะไปเสนอขายร้านให้ใครดีน้อ.. ตั้งราคามันสักเท่าไหร่ดีจะได้ขายกิจการออก .. เอ๊ะๆวันนี้ไอ้คนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวมันมาทำงานป่าวหว่า .. มีแมลงสาบตกไปในน้ำซุปหรือเปล่า ... แต่ช่างมันเถอะ อั๊วะเอาเวลาไปเสนอขายร้านก๋วยเตี๋ยวให้อาเจ๊กข้างๆบ้านต่อดีกว่า เผื่อมันจะสนใจซื้อ"
ชีวิตประจำวันของ นักลงทุน เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ... "เอ... วันนี้เราจะออกก๋วยเตี๋ยวสูตรใหม่อย่างไรดีนะ แล้วจะถูกปากลูกค้ามั้ย .. วันก่อนไอ้ลูกจ้างคนใหม่มันขยันมากเลย ทำงานคนเดียวเหมือนจ้างมา 3 คน .. ต้องให้ค่าตอบแทนมันให้พอควรมัดใจมันไว้ .. ลูกค้าวันนี้ก็เต็มร้านขายแทบไม่ทันเช่นเคย .. ยังมีไอ้นายทุนมาขอเสนอเซ้งร้านต่ออีก แต่ฝันไปเถอะ ลูกค้าเยอะขนาดนี้ใครจะไปขาย ... จะเอากำไรที่ได้เดือนนี้ไปเปิดสาขาสองเลยดีกว่า .."
ชีวิตประจำวันของ เม่า^^ เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ... "เออ ... อยากเป็นเจ้าของกิจการอะ มันเท่ดี เดี๋ยวนี้ใครเขาจะไปเป็นลูกจ้าง .. ว่าแต่ก๋วยเต๊๋ยวนี่มันลวกเส้นไงหว่า ... ^^!"
ชีวิตประจำวันของ นักลงทุน เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ... "เอ... วันนี้เราจะออกก๋วยเตี๋ยวสูตรใหม่อย่างไรดีนะ แล้วจะถูกปากลูกค้ามั้ย .. วันก่อนไอ้ลูกจ้างคนใหม่มันขยันมากเลย ทำงานคนเดียวเหมือนจ้างมา 3 คน .. ต้องให้ค่าตอบแทนมันให้พอควรมัดใจมันไว้ .. ลูกค้าวันนี้ก็เต็มร้านขายแทบไม่ทันเช่นเคย .. ยังมีไอ้นายทุนมาขอเสนอเซ้งร้านต่ออีก แต่ฝันไปเถอะ ลูกค้าเยอะขนาดนี้ใครจะไปขาย ... จะเอากำไรที่ได้เดือนนี้ไปเปิดสาขาสองเลยดีกว่า .."
ชีวิตประจำวันของ เม่า^^ เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ... "เออ ... อยากเป็นเจ้าของกิจการอะ มันเท่ดี เดี๋ยวนี้ใครเขาจะไปเป็นลูกจ้าง .. ว่าแต่ก๋วยเต๊๋ยวนี่มันลวกเส้นไงหว่า ... ^^!"
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 43
เวลาที่ผมซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ผมก็จะมี target ของผมอยู่ว่าผมจะดูอะไร และให้เวลากับมันแค่ไหน ระหว่างที่เวลาผ่านไปงบออกทีละไตรมาส ผมก็จะดูว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดหรือไม่ เหมือนเราตั้งสมมติฐาน ทำการทดลอง เอาผลมาวิเคราะห์ ผมจะแบ่งผลของมันเป็น 4 กลุ่มครับ
1) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์และราคาหุ้นขึ้นไปตาม แบบนี้ถือว่าดีที่สุด
2) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือตกลง แบบนี้ถือว่ายังไม่เสียหายเพราะในเชิงการวิเคราะห์พื้นฐานถือว่ายังไม่ผิดพลาด แต่อาจจะต้องให้เวลาหุ้นตัวนั้นอีกหน่อย
3) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่หุ้นขึ้น แบบนี้ผมจะถือว่าผมฟลุ๊คครับ หุ้นมันอาจจะขึ้นเพราะ "เจ้าเข้า" ข่าวลือ หรือตลาดกระทิงก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือ "อย่า bias" ในกรณีแบบนี้เด็ดขาดครับ เพราะมันจะทำให้เราติดกับดักตัวเองครับ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า "ยามตลาดกระทิง ใครซื้ออะไรมันก็ขึ้น"
4) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์และหุ้นไม่ขึ้นหรือลง แบบนี้คือแย่ที่สุดครับ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมจะกลับมาทบทวนใหม่ว่าผมพลาดตรงไหน ความผิดพลาดมันแก้ไขได้หรือไม่ ต้องให้เวลาหุ้นมันมากกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วไม่มีทางแก้ไข มันคงมีอยู่ทางเดียวครับ คือยอมเจ็บขายหุ้นตัวนั้นออกไปครับ
1) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์และราคาหุ้นขึ้นไปตาม แบบนี้ถือว่าดีที่สุด
2) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือตกลง แบบนี้ถือว่ายังไม่เสียหายเพราะในเชิงการวิเคราะห์พื้นฐานถือว่ายังไม่ผิดพลาด แต่อาจจะต้องให้เวลาหุ้นตัวนั้นอีกหน่อย
3) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่หุ้นขึ้น แบบนี้ผมจะถือว่าผมฟลุ๊คครับ หุ้นมันอาจจะขึ้นเพราะ "เจ้าเข้า" ข่าวลือ หรือตลาดกระทิงก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือ "อย่า bias" ในกรณีแบบนี้เด็ดขาดครับ เพราะมันจะทำให้เราติดกับดักตัวเองครับ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า "ยามตลาดกระทิง ใครซื้ออะไรมันก็ขึ้น"
4) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์และหุ้นไม่ขึ้นหรือลง แบบนี้คือแย่ที่สุดครับ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมจะกลับมาทบทวนใหม่ว่าผมพลาดตรงไหน ความผิดพลาดมันแก้ไขได้หรือไม่ ต้องให้เวลาหุ้นมันมากกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วไม่มีทางแก้ไข มันคงมีอยู่ทางเดียวครับ คือยอมเจ็บขายหุ้นตัวนั้นออกไปครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 44
คนที่ยอมรับข้อผิดพลาด สมควรได้รับการยกย่องชมเชยไม่ใช่หรือครับ ^^
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 45
ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนชอบเล่นเกมส์ แนวสร้างเมือง ขยายเมือง และยึดเมือง ทุกครั้งที่เล่น ผมจะมองหา ฐานที่มั่นที่มั่นคงเป็นเมืองหลัก ใช้สะเบียงและ ผลผลิตจากเมืองนี้ ค่อยๆขยายอิทธิพลออกไป ผมไม่ชอบที่จะสละ ฐานเดิมเพื่อที่จะ ยึดเมืองใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้ามีฐานที่มั่นคงหลายแห่งขึ้น เราก็สามารถ สร้างกองกำลังไปบุกยึดเมืองต่างๆได้มากขึ้น ตอนนี้ผมกำลัง พยายามใช้แนวทางเดียวกัน นี้ ในการลงทุนครับ
Freedom
-
- Verified User
- โพสต์: 1161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 47
leky เขียน:เวลาที่ผมซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ผมก็จะมี target ของผมอยู่ว่าผมจะดูอะไร และให้เวลากับมันแค่ไหน ระหว่างที่เวลาผ่านไปงบออกทีละไตรมาส ผมก็จะดูว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดหรือไม่ เหมือนเราตั้งสมมติฐาน ทำการทดลอง เอาผลมาวิเคราะห์ ผมจะแบ่งผลของมันเป็น 4 กลุ่มครับ
1) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์และราคาหุ้นขึ้นไปตาม แบบนี้ถือว่าดีที่สุด
2) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือตกลง แบบนี้ถือว่ายังไม่เสียหายเพราะในเชิงการวิเคราะห์พื้นฐานถือว่ายังไม่ผิดพลาด แต่อาจจะต้องให้เวลาหุ้นตัวนั้นอีกหน่อย -> ผมกลับชอบอันนี้ที่สุดเลย เพราะผมชอบของถูก เผื่อจะมีเงินซื้อเพิ่ม ถือว่าผมโรคจิตไหมครับ
3) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่หุ้นขึ้น แบบนี้ผมจะถือว่าผมฟลุ๊คครับ หุ้นมันอาจจะขึ้นเพราะ "เจ้าเข้า" ข่าวลือ หรือตลาดกระทิงก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือ "อย่า bias" ในกรณีแบบนี้เด็ดขาดครับ เพราะมันจะทำให้เราติดกับดักตัวเองครับ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า "ยามตลาดกระทิง ใครซื้ออะไรมันก็ขึ้น"
4) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์และหุ้นไม่ขึ้นหรือลง แบบนี้คือแย่ที่สุดครับ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมจะกลับมาทบทวนใหม่ว่าผมพลาดตรงไหน ความผิดพลาดมันแก้ไขได้หรือไม่ ต้องให้เวลาหุ้นมันมากกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วไม่มีทางแก้ไข มันคงมีอยู่ทางเดียวครับ คือยอมเจ็บขายหุ้นตัวนั้นออกไปครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 49
ของสุมาอี้คับengeng เขียน:หนังสือ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง ใครเขียนหรอครับ จะไปหาอ่านบ้างครับ
ปล. หนังสือ ร้านไหนกำไรมากกว่า เป็นหนังสือที่ดีและอ่านง่ายจริงๆครับ
http://www.chulabook.com/description.as ... 9740630913
http://www.dekisugi.net
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากโดนตบกะโหลก(กะทู้สำนึกผิด)
โพสต์ที่ 50
ขอบคุณมากครับF2 เขียน:ของสุมาอี้คับengeng เขียน:หนังสือ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง ใครเขียนหรอครับ จะไปหาอ่านบ้างครับ
ปล. หนังสือ ร้านไหนกำไรมากกว่า เป็นหนังสือที่ดีและอ่านง่ายจริงๆครับ
http://www.chulabook.com/description.as ... 9740630913
http://www.dekisugi.net