เรื่องเล่าของนักล่า ตอน วิญญาณสัตว์ป่า

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ม้าเฉียว
Verified User
โพสต์: 350
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องเล่าของนักล่า ตอน วิญญาณสัตว์ป่า

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เรื่องเล่าของนักล่า ตอน วิญญาณสัตว์ป่า

(เรื่องเล่าต่อจากนี้ เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นในจินตนาการของผม "ม้าเฉียว" เท่านั้น)

20 ปีหลังจากภาวะตกต่ำสุดขีดของตลาดหุ้นของประเทศนอร์ทาแลนด์ เป็นเวลานานพอที่จะทำให้ทุกคนในประเทศนี้ลืมเหตุการณ์วิกฤติครั้งนั้น ความเฟื่องฟูของตลาดหุ้นกลับมาอีกครั้ง และดรรชนีหุ้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทุกคนรู้สึกว่า มีแต่คนหน้าโง่เท่านั้นที่คิดว่าหุ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว เศรษฐีใหม่ที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้นปรากฏให้เห็นทั่วไป และสังคมก็ให้การยอมรับในเกียรติและความสามารถของเศรษฐีใหม่เหล่านี้ กว่าครึ่งหนึ่งของนักเรียนที่สมัครเรียนมหาวิทยาลัย เลือกเรียนคณะการเงินและการลงทุน เพื่อหวังว่าจะกอบโกยรายได้จากภาวะขาขึ้นของตลาดหุ้นที่คาดว่าจะกินเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์

นาวินเป็นหนึ่งในบรรดาเศรษฐีใหม่ที่ร่ำรวยจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้น เขาสร้างความฉงนให้กับเพื่อนบ้านอย่างมาก เพราะเขาไม่มีงานประจำทำเหมือนคนอื่นๆ แต่ละวันเขาจะแต่งการด้วยชุดลำลอง ออกจากบ้านพร้อมกับถุงกอล์ฟ ในมือมีโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น และติดตามข่าวสารทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว แล้วขับรถ BMW ซีรี่ 8 รุ่นใหม่ล่าสุด ออกจากบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

จริงๆแล้ว นาวินก็ไม่ได้แตกต่างจากนักเก็งกำไรอื่นๆที่เติบโตมาจากครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน การเก็งกำไรในตลาดหุ้นจึงเป็นหนทางที่ทำให้ร่ำรวยอย่างรวดเร็วที่สุด ครอบครัวของเด็กน้อยนาวิน เป็นชาวไร่สัปปะรด ที่แทบจะหาหนทางสร้างฐานะไม่ได้เลย เพราะแค่พอยังชีพก็ต้องเอาแรงทั้งหมดที่มีเข้าแลก หนุ่มน้อยนาวินตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เมื่ออายุเพียง 15 ปี เด็กหนุ่มคนนี้ซึ่งเป็นคนมีสติปัญญา และไหวพริบดี พยายามคิดหาหนทางสร้างรายได้ด้วยวิธีการต่างๆ โดยเริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างในร้านอาหารในเมือง เพราะงานนี้ทำให้เขาได้ทานข้าว โดยไม่ต้องเสียเงิน เงินเดือนที่เขาได้รับจึงถูกนำมาใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเจ้าความคิดที่ต้องการหารายได้มากๆ ในระหว่างนั่งรถสองแถวกลับบ้านนั้น เขาก็สังเกตเห็นชาวนา ชาวไร่  และชาวสวน ต่างชลมุน กับการรดน้ำต้นไม้ และพืชผลของตน เพราะสองสามปีมานี้ เกิดภาวะฝนแล้งมาก จนทำให้ปริมาณน้ำไม่พอใช้ รัฐบาลต้องเข้ามากำกับการใช้น้ำ โดยในแต่ละวันเจ้าหน้าที่จะจ่ายน้ำให้เกษตรกรในเขตชลประทานหนึ่งๆ เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เขาจึงมีความคิดที่จะสร้างอุปกรณ์ง่ายๆ ที่จะติดตั้งไว้กับเครื่องสูบน้ำของเกษตรกร ที่หากเมื่อใดมีน้ำในคลองชลประทาน อุปกรณ์ดังกล่าวก็จะมีกลไกที่ให้เปิดสวิตซ์เดินเครื่องสูบน้ำเข้าแปลงสวนไร่นาของเกษตรกรทันที ทำให้เกษตรกรไม่ต้องกังวลว่าทางการจะปล่อยน้ำมาเมื่อใด

อุปกรณ์ที่หนุ่มน้อยนาวินประดิษฐ์ขึ้นมานั้นเป็นที่พึงพอใจของเกษตรกร ชาวไร่ชาวนาทั่วประเทศล้วนพากันซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้ โดยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล สิทธิบัตรในอุปกรณ์ดังกล่าว ทำให้หนุ่มน้อยบ้านนอกคนนี้ กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในขณะที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี

ความคิดสร้างสรรค์ของเขาไม่หยุดแค่นั้น เขาประดิษฐ์สินค้าตัวใหม่ หวังจะโกยรายได้เหมือนครั้งก่อน คราวนี้เป็นอุปกรณ์รดน้ำอัตโนมัติที่สามารถรดน้ำได้ทั่วถึง และสามารถปรับปริมาณและความแรงของน้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชแต่ละชนิด ครั้งนี้เขาก็โกยรายได้อีกหลายสิบล้าน แต่โชคชะตายังเล่นตลกกับเขา เพราะอุปกรณ์รดน้ำอัตโนมัติจำนวนหนึ่งของเขาใช้ได้เพียงปีเดียวก็ใช้การไม่ได้ ชาวนาชาวไร่จึงร้องเรียนกับนักการเมืองว่าอุปกรณ์ของเขาไม่ได้มาตรฐาน แรงกดดันจากฝ่ายการเมืองทำให้เขาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวไร่ชาวนานับสิบล้านบาท นับเป็นครั้งแรกที่เขารับรู้รสชาดของอิทธิพลของนักการเมืองในประเทศนี้

นาวินมักรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่ได้พบเจอกับเรื่องดังกล่าว ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเขาคิดว่า นั่นเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่ทำให้ในเวลาต่อมา เขาจะบริจาคเงินให้นักการเมืองอยู่เสมอ โดยเชื่อว่า สักวันหนึ่งดอกผลที่เขาได้รับจะคุ้มกว่าเงินที่บริจาคไปหลายเท่านัก

นาวินเริ่มเข้าวงการค้าหุ้นเมื่อ 10 ปีหลังเหตุการณ์ตลาดหุ้นดิ่งเหวครั้งประวัติศาสตร์ของนอร์ทาแลนด์ ด้วยแรงบัลดาลใจว่าจะต้องตั้งตัวให้ได้ เขาเฝ้าสังเกตการแอบเก็บหุ้นของนักเก็งกำไรรายใหญ่ เมื่อคนพวกนี้มีหุ้นในมือมากพอก็จะกว้านซื้อเป็นล็อตใหญ่ๆ พร้อมๆกับดันราคาหุ้นให้สูงขึ้น แล้วหาทางขายทำกำไรในภายหลัง โดยนักเก็งกำไรรายใหญ่ มักจะมีแหล่งเงินทุนที่มากพอที่จะทุ่มซื้อหุ้น รวมทั้งอาศัยอิทธิพลทั้งทางการเมืองและการเงินในการพยุงราคาหุ้นไว้ ก่อนที่จะถึงเวลาขายทำกำไร

จนกระทั่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม นาวินก็กระโดดไขว่คว้าหาความมั่งคั่งจากตลาดหุ้น แม้จะยังไม่รู้เรื่องหุ้นดีพอ เขายอมรับเสมอๆว่า เขาแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทที่เขาซื้อหุ้นไว้ และเขาก็ไม่สนใจด้วยว่าราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นในอดีตที่ผ่านมา และกราฟเทคนิคเป็นอย่างไร รู้เพียงแต่ว่าจะสามารถขายต่อในราคาที่สูงขึ้นได้ นาวินมักจะรู้สึกขำขันเชิงเยอะเย้ยเสียด้วยซ้ำ เมื่อมีนักค้าหุ้น หรือนักวิเคราะห์พูดถึงเรื่อง เงินปันผล อัตราส่วนพีอี การซื้อหรือขายมากเกินไป หรือข้อมูลแนวรับ แนวต้าน เขามองว่าคนพวกนี้ก็ไม่ต่างจากคนโง่ แต่เฮง และมักจะเฮงเฉพาะภาวะกระทิงเปลี่ยวเท่านั้น แถมยังชอบเรียกตัวเองว่า ผู้เชียวชาญอีกต่างหาก

เป้าหมายแรกของนาวิน คือ บริษัทขนาดเล็ก เขาได้มีการทำข้อตกลงลับๆกับกลุ่มนักการเมือง และนายธนาคารท้องถิ่นที่ต้องการปล่อยสินเชื่อวงเงินสูงๆ เพื่อระดมทุนสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ เพราะทุนส่วนตัวของเขาเองไม่เพียงพอที่จะทำให้เรื่องทั้งหมดสำเร็จได้ อิทธิพลและบารมีของนักการเมืองจะทำให้นายธนาคารยินดีปล่อยเงินกู้จำนวนมาก เพื่อให้นาวินเอาไปกว้านซื้อหุ้น และหลังจากขายทำกำไรแล้ว ก็จะนำเงินมาชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย และกำไรส่วนที่เหลือ เขาก็จะแบ่งกับกลุ่มนักการเมือง ตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกัน

งานชิ้นแรกสำเร็จด้วยดี เขาสามารถทำกำไรได้หลายสิบล้าน เขารู้สึกมั่นใจว่า การทำเงินในช่วงต่อจากนี้ไปจะง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยทุนส่วนตัวเขาก็เพิ่มขึ้นมาก ต่อจากนี้ไปเขาต้องมีทีมงาน เพื่อให้โอกาสในการทำเงินได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ทีมงานของเขาประกอบไปด้วยนักเก็งกำไรหลายคน แต่ละคนช่างมีบุคลิกของนักเก็งกำไรที่มักจะเดินตัวตรง มีท่าทีผยอง และชอบพูดจาเสียงดัง คนขับแท็กซี่ที่ให้บริการคนเหล่านี้ จะรู้สึกได้ทันทีว่า คนพวกนี้ช่างดูตัวพองอย่างน่าพิศวง นาวินในฐานะผู้นำกลุ่มกลับเป็นผู้มีกิริยาวาจาสงบเสงี่ยม และเขาเป็นคนไม่นิยมความเสี่ยงเอาเสียเลย หากต้องเสี่ยง เขาต้องแน่ใจว่าจะสามารถจัดการกับเรื่องต่างๆให้เป็นไปตามแผนของเขาได้ แม้ว่าบางสถานการณ์ช่างดูเย้ายวน และอยากลองมากเพียงใดก็ตาม เขาก็จะไม่ทุ่มเงินลงไป หากเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นาวินจะเป็นผู้ประสานงานกับนักการเมือง นายธนาคาร และโบรกเกอร์ ส่วนทีมงานแต่ละคนก็จะมีหน้าที่และความสำคัญต่างๆกันออกไป บางคนรับหน้าที่ประสานงาน และปล่อยข่าวกับนักลงทุนระยะสั้น และบางคนรับหน้าที่ในการทยอยเก็บหุ้น

การซื้อขายหุ้น และการหากำไรของเขานับวันจะทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น เงินในบัญชีที่พอกพูนขึ้น และความสำเร็จหลายๆครั้งที่ผ่านมา ทำให้เครดิตของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถระดมทุนได้มากขึ้น เขาประกาศว่า ตนเองคือนักเก็งกำไรที่น่าเชื่อถือที่สุด

จนกระทั่งวันหนึ่ง นาวินตัดสินใจว่า ถึงเวลาที่ต้องสร้างเกียรติประวัติอันสูงสุดแล้ว งานชิ้นใหญ่ที่สุด ยากและซับซ้อนกว่าที่เคยทำมาก่อนหน้า งานนี้ผุดขึ้นมาในความคิด เมื่อเขาทราบว่า มาร์โก หนึ่งในนักเก็งกำไรชั้นเซียน ได้ถือหุ้นอยู่ราว 10% ในบริษัท PTN ที่ทำธุรกิจพลังงานแห่งหนึ่ง นาวินจึงไปติดต่อขอซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าว ซึ่งมาร์โกก็เต็มใจขายให้ หุ้นจำนวนดังกล่าวถูกกระจายการถือหุ้นผ่าน Nominees นาวิน เพื่อไม่ให้เกินสัดส่วนที่ทำให้ต้องแจ้งกับทางการ จากนั้นเขาก็เริ่มติดต่อขอซื้อหุ้นจากกองทุน และบริษัทหลักทรัพย์ที่ถือหุ้น PTN ทีละเล็กที่ละน้อย ใช้เวลากว่า 1 ปี จึงได้หุ้นครบตามที่ต้องการ คือ 51% ในช่วงเวลาของการสะสมหุ้นของนาวิน ราคาหุ้น PNT ก็ขยับขึ้นต่อเนื่อง จากประมาณ 100 NTD เป็น 400 NTD การซื้อขายในตลาดเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ราคาหุ้น PNT เปลี่ยนแปลงมากกว่า 5% แล้ว

นาวินเข้าพบคณะกรรมการบริหารของ PNT เพื่อแสดงหลักฐานการถือหุ้นของตน และขู่ว่าจะไล่คณะกรรมการบริหารทุกคนออก เว้นเสียแต่ว่า บริษัท PNT จะยอมซื้อหุ้น 51% ที่เขาถือครองอยู่ ในราคาหุ้นละ 300 NTD ในขณะที่เขาซื้อมาในราคาเฉลี่ยไม่ถึง 150 NTD

นาวินทำให้คณะกรรมการบริหาร PNT ตื่นตระหนกมากขึ้น เมื่อเขาปล่อยข่าวว่า เขาได้ให้บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งติดต่อนักลงทุนต่างชาติให้มาซื้อหุ้น 51% ของเขา หากบริษัท PNT ไม่ยอมซื้อหุ้นดังกล่าว นาวินผลักดันทำให้เรื่องนี้ได้แพร่ไปถึงหูนักการเมือง และสมาชิกสภาสูง ที่รักษาผลประโยชน์ของชาติ นักการเมืองกลุ่มนี้จึงได้เข้าพบคณะกรรมการบริหาร PNT เพื่อขอให้ PNT ทำทุกวิถีทางที่จะไม่ปล่อยให้นักลงทุนต่างชาติเข้าครอบครองหุ้นมากถึง 51%

จากนั้นนาวินก็เข้าติดต่อนายธนาคาร KSB ที่กำลังต้องการปล่อยสินเชื่อจำนวนมาก เพื่อขอให้ปล่อยเงินกู้ให้กับ PNT เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นคืน โดยนาวินจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจำนวนหนึ่ง โดยนายธนาคารคนดังกล่าวจะต้องผลักดันให้คณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารอนุมัติปล่อยกู้ครั้งนี้ให้ได้ โดยให้เหตุผลสำคัญคือ PNT มีความสามารถในการชำระหนี้ให้ธนาคารอย่างแน่นอน เพราะบริษัทนี้สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ PNT จะประหยัดเงินปันผลได้จำนวนมาก และสามารถนำเงินที่ประหยัดได้มาชำระหนี้ธนาคารได้

นายธนาคารจาก KSB เข้าไปติดต่อ คณะกรรมการบริหาร PNT เพื่อยื่นข้อเสนอสินเชื่อสำหรับซื้อหุ้นคืน แรงกดดันจากทุกสารทิศ ทำให้คณะกรรมการบริหาร PNT ไม่สามารถหาหนทางอื่นได้ และในความรู้สึกลึกๆของกรรมการบริหารแต่ละคน ต่างก็เป็นห่วงอนาคตในหน้าที่การงานของตนมากกว่าการรักษาผลประโยชน์ของบริษัท เพราะกรรมการบริหารแต่ละคนถือหุ้นใน PNT เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากถูกไล่ออกจากตำแหน่งที่ทำอยู่จริง หมายถึงรายได้ประจำที่ต้องขาดหายไป โบนัสก้อนโต ก๊วนกอล์ฟ กีฬาโปรด และการใช้ชีวิตที่หรูหรา ที่พลันต้องหายวับไปกับตา สิ่งเหล่านี่ต่างหากคือความกลัวที่อยู่ในใจของกรรมการบริหาร PNT

ภายหลังการเจรจาที่เคร่งเครียดจบลง PNT ตัดสินใจซื้อหุ้น 51% ที่นาวินถืออยู่ในราคาที่เขาต้องการ โดยใช้เงินกู้จาก KSB งานใหญ่ชิ้นนี้สิ้นสุดลง นาวินหัวเราะอย่างภาคภูมิใจกับผลงานชิ้นโบว์แดง กำไรมหาศาลจากการกระทำที่ไม่ต่างกับการกรรโชกทรัพย์ บางส่วนถูกแบ่งให้นักการเมือง และนายธนาคาร ส่วนนักลงทุนระยะสั้นอื่นๆที่เข้ามาเก็งกำไรในหุ้น PNT ต้องอ้าปากค้าง เฝ้ามองราคาหุ้นร่วงจาก 400 NTD ลงมาที่ 300 NTD ทันทีที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป

การปฏิบัติการครั้งประวัติศาสตร์นาวินสิ้นสุดลง ไม่มีสื่อมวลชนใดในประเทศที่ไม่รู้จักเขา หน้ากากถูกเปิดออกแล้ว นาวินไม่สามารถดำรงอยู่ในฐานะผู้นำกลุ่มอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้ คือ หาผู้สืบทอด
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องเล่าของนักล่า ตอน วิญญาณสัตว์ป่า

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เยี่ยมครับ ขอเอาขึ้นหน้าหนึ่งเว็บไซต์นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องเล่าของนักล่า ตอน วิญญาณสัตว์ป่า

โพสต์ที่ 3

โพสต์

:wink: ทันเหตุการณ์
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องเล่าของนักล่า ตอน วิญญาณสัตว์ป่า

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ตามมาอ่าน  :D
ล็อคหัวข้อ