สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 481

โพสต์

SET:คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้น ตามตลาดหุ้นตปท.
,ปัจจัยภายใน-ต่างประเทศช่วยหนุน


กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--รอยเตอร์


*นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีจะปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น

ต่างประเทศ โดยตลาดได้รับผลดีจากการชุมนุมทางการเมืองในประเทศช่วงวันเสาร์

ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์น่ากังวล ขณะที่ปัญหาหนี้ของกรีซ และภาวะหน้าผาการคลัง

หรือ fiscal cliff ของสหรัฐ คาดว่าจะออกมาในเชิงบวก

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ในวันศุกร์ ท่ามกลางการซื้อขายเบาบาง

เนื่องจากตลาดปิดทำการเร็วกว่าปกติ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 1.35% ขณะที่

นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่ร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดวันศุกร์ ปรับขึ้น 90

เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 88.28 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากการประท้วง

ครั้งใหม่ในอียิปต์ และการคาดการณ์ในทางบวกต่อการเจรจาเรื่องการปล่อยเงิน

ช่วยเหลือให้แก่กรีซ

*วันศุกร์ต่างชาติขายสุทธิ 409.89 ลบ.จากวันพฤหัสฯซื้อสุทธิ 1.45 หมื่นลบ.

*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 30.64/71 จากเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 30.68/73

*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,280 ส่วนแนวต้านที่ 1,295


"วันนี้ตลาดค่อนข้างสดใส โดยได้รับแรงหนุนทั้งจากภายในและภายนอก"นายปริญทร์

กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี

(ประเทศไทย) กล่าว

นายปริญทร์ กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศ ช่วงวันเสาร์ที่

ผ่านมา นับว่าไม่มีสิ่งที่น่ากังวล และจบการชุมนุมได้เร็ว จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนที่เคย

กังวลต่อปัจจัยการเมือง มีมุมมองที่ดีขึ้น

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ มีมุมมองในเชิงบวกต่อสถานการณ์หนี้ของกรีซน่าจะออกมาดี

รวมถึงปัญหา fiscal cliff ซึ่งเชื่อว่าการประชุมของสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะออกมาใน

เชิงบวกและเป็นผลดีต่อประเทศ


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ ปิดบวก 2.19 จุด หรือ 0.17% มาที่ 1,281.70

ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19,705.33 ล้านบาท

*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันศุกร์ ปิดบวก 172.79 จุด หรือ 1.35% มาที่

13,009.68 และดัชนีแนสแดค ปิดบวก 40.30 จุด หรือ 1.38% มาที่ 2,966.85

*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวกรอบแคบ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์

บวก 0.44%, ญี่ปุ่น บวก 0.82% ,เกาหลีใต้ ลบ 0.13%, ไต้หวัน บวก 0.87%

และฮ่องกง ลบ 0.07%


จับตาหุ้น

*SAT คาดยอดขายปี 56 โต 15%,งบลงทุน 700 ลบ.ปรับปรุงโรงงาน-เครื่องจักร

*SYMC ตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 55-57 โตเฉลี่ยปีละ 10%,รายได้โต 15-20%

*RPC ยังมองลงทุนด้านพลังงานต่อ, ซื้อหุ้น SAMCO โอกาสขยายธุรกิจ--จบ--


(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 482

โพสต์

ตารางข้อมูลบริษัทที่จะขายหุ้น IPO ในตลาดหุ้นไทย

กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--รอยเตอร์


รายชื่อบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้ประชาชนทั่วไป(IPO) และ

เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)




ชื่อ ราคา จำนวน วันเสนอขาย ที่ปรึกษาฯ



อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ 4.2-4.9 1,333 28-30 พ.ย. บัวหลวง

บิวตี้ คอมมูนิตี้ 7.5-8.5 82.50 พ.ย. ฟิลลิป(ประเทศไทย)

ดีเอ็นเอ 2002 - 160 Q4/55 ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่

อัคคีปราการ - 84 Q4/55 คันทรี่ กรุ๊ป

แอร์ไรว์ ซินดิเคท - 50 Q4/55 ฟิลลิป(ประเทศไทย)

ยูเรกา ดีไซน์ - 50 55 หรือ 56 ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่

พลังงานบริสุทธิ์ - 560 55 แอสเซทโปรฯ

พรีเมียร์ โพรดักส์ - 82.50 - เคจีไอฯ

เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนฯ - 60 - สีลม แอ๊ดไวเซอรี่

สหการประมูล - - 56 คันทรี่ กรุ๊ป

อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค - - - แอสเซทโปรฯ

สยาม อมาโก้ โฮลดิ้งส์ - 65 - โกลเบล็ก

ซีเค พาวเวอร์ - - 56 เคทีบี แอดไวเซอรี่,แอดไวเซอรี่ พลัส

เอ็มเคเรสโตรองต์ - - 56 เอเซีย พลัส

คาร์ลตัน - - - แอสเซทโปรฯ

โอเชี่ยน คอมเมิรช - - 55 หรือ 56 แอสเซทโปรฯ

เอส.พี.ซี.พรีเชียสฯ - - 56 โนมูระ พัฒนสิน

เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดฯ - - 56 เอเซีย พลัส

พีทีจี เอ็นเนอยี่ - 420 56 เซจ แคปปิตอล

เพซ ดีเวลลอปเมนท์ฯ - 600 - เวลท์ พลัส แอ๊ดไวเซอรี่

ไทยฮั้วยางพารา - - - ธนชาต

ทางยกระดับดอนเมือง - - - ภัทร

สมาร์ทคอนกรีต - 115 - แอสเซทโปรฯ

บางกอกแอร์เวย์ - - Q1/56 บัวหลวง

ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 - - - เคที ซีมิโก้

อัคราไมนิ่ง - - - -

สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง - - 56 -

ตรังน้ำมันปาล์ม - - 55 หรือ 56 เคที ซีมิโก้

บริหารสินทรัพย์กรุงเทพฯ - - - -

กรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต - - - -

เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ - 53 - ไอวี โกลบอล

ไอเอ็มซีซี คอร์ป - - - แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่

เซียร์ พร็อพเพอร์ตี้ - - - แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่

ออสสิริส - - 56 คันทรี่ กรุ๊ป

ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป โฮลดิ้ง - - - -

วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม - - - -

วันทูวัน คอนแทคส์ - - - -

บัณฑิต เซ็นเตอร์ - - - แอสเซทโปรฯ

สยามโกลบอล เอ็นจิเนียริ่ง - - - แอสเซทโปรฯ

ซี.พี.แลนด์ กรุ๊ป - - - เอเซีย พลัส

สยามพาร์คซิตี้ - - - -

ตั้งฮั่วเส็ง - - - แอสเซทโปร

ไทยประกันชีวิต - - - โนมูระ พัฒนสิน

เบทาโกร กรุ๊ป - - - -

เอสเอฟ ซีเนม่า - - - เอเซีย พลัส--จบ--


หากมีข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ วิรัช บูรณกนกธนสาร ;Reuters

Messaging:wirat.buranakanokthanasan.reuters.com@reuters.

net; โทร.0-2648-9756,แฟ็กซ์ 0-2637-5624-5


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 483

โพสต์

รูปภาพ
ตลาดหลักทรัพย์รับปีนี้หุ้นเทรดดิ้งอะเลิร์ทพุ่ง

ตลาดหลักทรัพย์ระบุปีนี้หุ้นซื้อขายผิดปกติมีมากกว่าปีก่อน เหตุดัชนีหุ้นปรับขึ้นวอลุ่มเพิ่ม กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มบริษัทขนาดเล็กถึงกลาง

นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้หุ้นซื้อขายผิดจากสภาพปกติ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหากเทียบจากปีก่อน เนื่องจากภาพรวมบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยคึกคัก ดัชนีผันผวน และมูลค่าการซื้อขายก็เพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสเก็งกำไรมากขึ้น ซึ่งลักษณะความผิดปกติที่ตลาดหลักทรัพย์เข้าไปตรวจสอบ มีทั้งกรณีการใช้ข้อมูลภายในเพื่อให้ได้ประโยชน์จากราคาหุ้น (อินไซเดอร์เทรดดิ้ง) และการเข้ามามีพฤติกรรมสร้างราคา

อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของข้อมูลว่า มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ที่มีการตรวจสอบพบความผิดและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณา เพราะมีข้อตกลงกันไว้

"ปีนี้ตลาดหุ้นคึกคักวอลุ่มการซื้อขายสูงขึ้น ทำให้มีหุ้นเก็งกำไรเพิ่มขึ้น และตลาดหลักทรัพย์ มีหน่วยงานที่คอยตรวจสอบการซื้อขายอยู่แล้ว หุ้นใดมีความผิดปกติหรือไม่ และปัจจุบันหุ้นที่มีการซื้อขายเข้าข่ายผิดปกติก็ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก เพราะเป็นหุ้นที่มีจำนวนไม่มาก การทำให้ราคาปรับขึ้นหรือลงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก" นายสุภกิจ กล่าว

เขากล่าวว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์ มีมาตรการเตือนกรณีที่มีหุ้นซื้อผิดไปจากสภาพปกติ การใช้เกณฑ์เทรดดิ้งอะเลิร์ท (Trading Alert) กับหุ้นที่ซื้อขายผิดปกติ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าการใช้เครื่องมือดังกล่าวในการบอกเตือนนักลงทุนถือว่าได้ผลดี และส่วนใหญ่หลังจากประกาศมาตรการดังกล่าวกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง จำนวนและมูลค่าการซื้อขายก็เบาบางลงหรือการซื้อขายกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นแสดงว่ามาตรการดังกล่าวสามารถใช้บอกเตือนนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง
โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ในปี 2555 มีหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เกณฑ์เทรดดิ้งอะเลิร์ท จำนวน 20 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ 15 บริษัทและเอ็มเอไอ 5 บริษัท โดยหุ้นที่ถูกประกาศใช้เกณฑ์ดังกล่าวบ่อยที่สุดมี 3 บริษัทประกอบด้วย บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ (KWH) 2 ครั้ง บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) 2 ครั้ง บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ (TFS) 2 ครั้ง

ขณะที่บริษัทอื่นจะถูกแจ้งเตือนเพียง 1 ครั้ง ประกอบด้วย บริษัท พีเออี(PAE) บริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) บริษัท บิวเดอสมาร์ท (BSM) บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ (TH) บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) SLC

นอกจากนี้ ยังมีบริษัท ไทยนามพลาสติกส์ (TNPC) บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (KTP) บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม (TKT) บริษัท บางปะกง เทอร์มินอล (BTC) บริษัท หาดทิพย์ (HTC) บริษัท ไดเมท (DIMET) และ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK)


ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลข้างต้น มีหุ้นถูกแจ้งเตือน 2 ครั้ง เนื่องจากการขายหุ้นผิดจากสภาพผิดปกติบ่อย และเมื่อเข้าไปตรวจสอบข้อมูลจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นยังพบว่า จะเป็นที่หุ้นที่มีนักลงทุนรายใหญ่ถือครองหุ้นในจำนวนที่สูง เช่น หุ้นอินเทอร์เน็ต พบว่า นายทวีฉัตร จุฬางกูร นักลงทุนรายใหญ่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นสูงเป็นอันดับ 4 จำนวน 11 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.4% ขณะที่หุ้นทรีซิกตี้ไฟว์ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดเป็นนายคุณากร เศรษฐี ถือครองหุ้น 100.07 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.76%

รูปภาพ
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 484

โพสต์

รูปภาพ
แนวโน้มหุ้นผันผวน กังวลหน้าผาการคลังสหรัฐ

โบรกฯมองแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้ แกว่งตัวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ
กังวลหน้าผาการคลังสหรัฐ จับตาปัญหาหนี้ยุโรป แนวรับ 1,279 แนวต้าน 1,284 จุด


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 พ.ย.) ว่า แม้ว่ายังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ตลาดหุ้นสหรัฐก็ยังสามารถแกว่งบวกขึ้นมาได้ดี และปิดเป็นบวกไปถึงกว่า 1% โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่หนุนตลาด หลังรอบที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มนี้ลงมาพอควรแล้ว

ขณะที่นักลงทุนยังรอดูการประชุมกลุ่มยูโรในวันนี้ (26 พ.ย.) อีกครั้งว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการให้เงินช่วยเหลือกรีซหรือไม่

นอกจากนี้ ด้านการเมืองในบ้านเราก็ถือว่าผ่อนคลายลงหลังกลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวไปโดยไม่มีเหตุการณ์บานปลาย ทำให้

FSS คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังมีโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องได้ แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนให้เห็นเป็นระยะ และย้อนลงลบได้ด้วย จนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐออกมาให้เห็น

กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ คาดแนวรับ 1279-1276 , 1273-1270 จุด แนวต้าน 1284-1285 , 1291-1296 จุด

รูปภาพ
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 485

โพสต์

บ้านระเบียงน้ำ ระเบียงใจ กับสายน้ำแห่งลุ่มเจ้าพระยา

รูปภาพ
บรรยากาศการเมืองก็ดูดีขึ้น เมื่อการชุมนุมยกเลิก ดีครับ อยู่กันสงบๆ สักพัก เรื่องไหนไม่ดีก็ออกมาพูด เรื่องไหนไม่เข้าท่าก็ออกมาวิจารณ์ แต่ถ้าทำให้ใครลำบากก็ยกเลิก ดีกว่าพวกก่อนที่แล้วที่ไม่รักษาคำพูดว่าจะเลิก ว่าจะหยุด ดีแต่บุก ทำลายบ้านเมือง เวรจริงๆ คนไทยหรือเปล่าเนี้ย..

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

วันนี้จะพาไปกินร้านอร่อยอีกร้านแถวนนทบุรี สนามบินน้ำ ร้านนี้อยู่ริมน้ำ เลยชื่อ ร้านบ้านระเบียงน้ำ ตรงไปตรงมา เสน่ห์ของร้านนี้จะต้องจอดรถในวัดและต้องนั่งสามล้อเข้าไป รถไปไม่ถึง ก็แปลกไปอีกแบบหนึ่งแต่ต้องบอกเลยว่า ร้านนี้เหมาะมานั่งกินแบบหนุ่มๆ สาวๆ หน่อย บรรยากาศดี ยิ่งตอนเย็นๆ แหมช่างได้ใจเสียจริง

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

อาหารที่ร้านเป็นไทยๆ ครับ มีทั้งหมี่กรอบ อาหารทะเลเผา หอยแครงดิสโก้ เกี๊ยวห่อสาหร่าย สลัดกุ้งทอด น้ำพริกลงเรือ กินแล้วอยากออกไปแจวเรือจริงๆ ยิ่งหน้านี้มีกุ้งเผาน้ำปลาหวาน ขอบอกได้คำเดียว ยอมจริงๆ ร้านนี้ผมชอบที่รสอาหาร และบรรยากาศที่เหมาะเจาะ รสมือที่เหมือนกับกินที่บ้าน ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ถึงร้านจะมีคนเยอะไปนิดในวันหยุด แต่ที่เก่งคือรสอาหารที่ไม่เปลี่ยนแปลง ต้องบอกได้คำเดียวว่า เจ้าของร้านเอาใจใส่เลยทีเดียว มาครั้งนี้ต้องกลับไปอีกแน่นอนครับผม..

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ร้านนี้อยู่ที่ ซอยนนทบุรี 23 (วัดแคนอก) สนามบินน้ำ ข้างๆ กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2968-1481-2, 08-9182-7100

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)


รูปภาพ
โดย ธนา ทุมมานนท์
26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 486

โพสต์

รูปภาพ
GMM Z' ขยายช่องทางรับชมใหม่ เจาะกลุ่มใช้ระบบ Android
"ช่องแกรมมี่" ขยายช่องทางรับชมใหม่เจาะกลุ่มใช้ระบบ Android ส่ง 10 ช่องแกรมมี่ประเดิม เทงบ 10 ล้านจัดแคมเปญแอพได้อีก แอพได้ฟรี ได้ซี้ซุปตาร์ เพื่อกระตุ้นผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ปลื้มยอดผู้ชมทะลัก 44 ล้านคน...

นายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงาน Platform Strategy บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ในปี 2556 ว่า บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสทำตลาดกับกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่รองรับระบบ Android ที่ปัจจุบันมีอยู่ในท้องตลาดสูงถึง 3 ล้านราย จึงขยายช่องทางการรับชมช่องแกรมมี่ 10 ช่อง ได้แก่ FAN TV/ Bang Channel/ Green Channel/ ACTS Channel/ Play Channel/ JKN/ MAXXI TV/ GMM Music/ O Shopping และสาระแน แชนแนล ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชมช่องแกรมมี่ให้ง่ายและเข้าถึงมากที่สุด สอดรับกับภาวะเทคโนโลยีการรับชมที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นอจากนี้ บริษัทฯใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท จัดแคมเปญแอพได้อีก แอพได้ฟรี ได้ซี้ซุปตาร์ เพื่อกระตุ้นผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นรับชมช่องแกรมมี่ในวงกว้าง ส่งผลให้ขณะนี้เรามียอดดาวน์โหลดสูงถึง 1.5 แสนราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone ทั้งประเทศที่มีมากกว่า 1 ล้านราย ดังนั้น การขยายช่องทางรับชมเพิ่มไปยังระบบ Android จะยิ่งทำให้แอพพลิเคชั่นช่องแกรมมี่มีฐานผู้ชมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี จากรายงานการสำรวจจาก Nielsen Thailand ระบุว่า ในปี 2555 มีอัตราการเติบโตของการรับชมสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพิ่มสูงถึง 64% จากจำนวนผู้รับชมโทรทัศน์ทั่วประเทศจำนวนกว่า 22 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศหรือประมาณ 70 ล้านคน โดยยอดจำนวนผู้รับชมที่เข้าถึงช่องแกรมมี่ทั่วประเทศ พบว่ามีจำนวนผู้รับชมกว่า 12 ล้านครัวเรือน ถือเป็นตัวเลขน่าพอใจกับความนิยมของยอดผู้รับชมที่มีต่อช่องแกรมมี่

สำหรับช่องรายการเพลงไทยลูกทุ่งแฟนทีวียังคงมียอดผู้ชมสูงสุดในกลุ่มช่องแกรมมี่ หรือช่องรายการเพลงไทยสากลที่วัยรุ่นนิยมสูงสุด แบง ชาแนล ช่องรายการวาไรตี้ทันกระแสแวดวงบันเทิงที่ถูกพูดถึงมากที่สุด กรีน แชนแนล ทั้ง แฉแต่เช้า Club Friday ฯลฯ รวมถึงช่องรายการละคร ซีรีส์แอ็กซ์ แชนแนล ที่ครองอันดับ 1 ในกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานทั่วประเทศ ปัจจุบันมียอดผู้ชมที่เข้าถึงว่า 44 ล้านคน.


รูปภาพ
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 487

โพสต์

รูปภาพ
เงินสะพัดบึงกาฬ...หมื่นล้าน ! 4 บิ๊กโรงงานยาง-จีนพาเหรดลงทุน

คอลัมน์ เจาะเศรษฐกิจบึงกาฬ
ทุกวันนี้ "ยางพารา" คือชีวิตและลมหายใจของชาวจังหวัดบึงกาฬ เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจจังหวัดบึงกาฬโดยแท้ เพราะเม็ดเงินจากการค้าขายยางเพียงอย่างเดียว สร้างรายได้ให้จังหวัดน้องใหม่แห่งนี้ปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ที่สำคัญคือ สร้างอาชีพและรายได้ให้เกษตรกรสวนยางได้เป็นกอบเป็นกำ

ล่าสุด กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) อำเภอบึงกาฬ ระบุว่า จังหวัดบึงกาฬใน 8 อำเภอ มีพื้นที่ปลูกยางรวมทั้งสิ้น 731,921 ไร่ เปิดกรีดแล้วทั้งหมด 386,135 ไร่ มากที่สุดคือ อ.บึงกาฬ 201,656 ไร่ เปิดกรีด 101,860 ไร่

รองลงมาคือ อ.ปากคาด 128,194 ไร่ เปิดกรีด 98,596 ไร่, อ.เซกา 100,342 ไร่ เปิดกรีด 58,456 ไร่, อ.โซ่พิสัย 97,128 ไร่ เปิดกรีด 30,111 ไร่, อ.ศรีวิไล 90,877 ไร่ เปิดกรีด 59,726 ไร่, อ.บึงโขงหลง 45,642 ไร่ เปิดกรีด 19,800 ไร่, อ.พรเจริญ 42,098 ไร่ เปิดกรีด 16,317 ไร่ และ อ.บุ่งคล้า 25,981 ไร่ เปิดกรีด 1,265 ไร่


จังหวัดบึงกาฬ ทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งเป้าหมายว่า ในอนาคตหากเปิดกรีดยางเต็มพื้นที่ปลูก 800,000 ไร่ ครบทั้ง 8 อำเภอ จะมีเงินเข้าจังหวัดปีละกว่า 36,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

แต่เอาเข้าจริง พื้นที่ปลูกยางบึงกาฬวันนี้มีมากกว่า 1 ล้านไร่ไปแล้ว เกษตรกรสวนใหญ่มีสวนยางราว 10-15 ไร่ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,000-50,000 บาท ส่วนพวกเถ้าแก่ที่มีเป็น 100 ไร่ หรือ 200 ไร่ หรือมากกว่านั้น มีรายได้สูงกว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนเสียอีก ส่วนคนที่ไม่มีสวนยางก็รับจ้างกรีด ซึ่งก็ได้ค่าตอบแทนในสัดส่วนที่สูงเช่นเดียวกัน

"ปฐพงศ์ เมืองปลอด" หัวหน้าสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) จังหวัดบึงกาฬ ให้ข้อมูลว่า เหตุผลที่ยางพาราบึงกาฬเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก เพราะมีสภาพพื้นที่เหมาะสมทั้งดิน น้ำ อากาศ และปริมาณน้ำฝนที่พอเหมาะ ซึ่งดินบึงกาฬเป็นเป็นลักษณะดินร่วนปนทราย ได้ความชื้นจากรัศมีแม่น้ำโขงที่แผ่ได้ถึง 30-60 กิโลเมตร ทำให้บึงกาฬและพื้นที่แถบอีสานเหนือปลูกยางได้ดี

นอกจากนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ สกย.เดินทางมาบุกเบิก ให้คำแนะนำ และติดตามการปลูกยางอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปี 2534 คนบึงกาฬจึงเห็นประโยชน์จากการปลูกยาง กระทั่งมีโครงการปลูกยาง 1 ล้านไร่ เมื่อปี 2547 ทำให้การค้าขายยางพาราเป็นไปอย่างคึกคัก ส่งผลให้ราคายางถีบตัวสูงขึ้น และพื้นที่ปลูกยางก็ขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย

ชาวสวนยางบึงกาฬรายหนึ่งให้ความรู้ว่า ปัจจุบันผลผลิตยางที่บึงกาฬส่วนใหญ่เป็น "ยางก้อนถ้วย" นิยมซื้อขายกันสด ๆ เกษตรกรต้องกรีดให้ได้ราว 8 มีด จึงจะสามารถเก็บยางก้อนถ้วยไปขายได้ ตามมาตรฐานของสหกรณ์ หรือตามที่ตลาดประมูลยางกำหนด

แต่ช่วงหลังเริ่มมีการแปรรูปยางก้อน หรือขี้ยางเป็น "ยางเครป" วิธีการผลิตคือ นำยางก้อนเข้าเครื่องรีดยางเพื่อนำสิ่งสกปรกออกจากยาง ซึ่งจะทำให้คุณภาพค่ายางหรือเนื้อยางแห้งเพิ่มสูงขึ้นจากยางก้อนถ้วย และทำให้ขายได้ราคาเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่ายาง ซึ่งยางเครปในปัจจุบันเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดอุตสาหกรรมยางมากขึ้นเรื่อย ๆ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เอง ธุรกิจยางพาราในบึงกาฬจึงก่อตัวขึ้นเป็นล่ำเป็นสันทั่วทั้งจังหวัด สวนยางหลายสวนมีกระบวนการผลิตครบวงจร ตั้งแต่แปลงเพาะกล้ายาง ร้านจำหน่ายพันธุ์ยาง ร้านรับซื้อยางแผ่น ยางก้อนถ้วย และเศษยาง ทั้งรายใหญ่และรายย่อย

ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมยางพารายักษ์ใหญ่ก็ไม่พลาดที่จะมาลงทุนที่บึงกาฬเช่นกัน

ปัจจุบันบึงกาฬมีโรงงานรับซื้อยางพาราจำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด, บริษัท รับเบอร์แลนด์ โปรดักส์ จำกัด ในเครือศรีตรัง, บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น และมีแนวโน้มที่จะเปิดตัวเพิ่มอีก 1 โรงงาน โดยกลุ่มทุนประเทศจีนในเร็ว ๆ นี้

"ธนพล พลพิสิฐกุล" ประธานชมรมพ่อค้ายางบึงกาฬ และผู้จัดการกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น สาขาบึงกาฬ ผู้รับซื้อยางถ้วยรายใหญ่ของบึงกาฬ บอกว่า ไทยอีสเทิร์นเข้ามาบุกเบิกตั้งโรงงานที่บึงกาฬตั้งแต่ปี 2545 โดยเล็งเห็นว่าพื้นที่ภาคอีสานน่าจะเป็นแหล่งปลูกยางได้ โดยอนาคตเชื่อว่าจะมีการปลูกยางเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับ "อัฏฐพร พงศ์พันธุ์บัณฑิต" ผู้จัดการโรงงานบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด ผู้รับซื้อน้ำยางข้นรายใหญ่ในบึงกาฬ ที่บอกว่า สาเหตุหลักในการมาลงทุนตั้งโรงงานที่บึงกาฬ เพราะเป็นจังหวัดที่มีปริมาณวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก และขยายพื้นที่การปลูกยาได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ประธานหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ "ประเสริฐ อดุลสุทธานนท์" อธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยางพาราในบึงกาฬมีครบวงจร ตั้งแต่เกษตรกร ชมรมพ่อค้ายาง สหกรณ์ และองค์การสวนยาง ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมก็ทยอยเข้ามาลงทุนในบึงกาฬอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากให้มีการต่อยอดคือ โรงงานอุตสาหกรรมภาคการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับทุกภาคส่วนของจังหวัด

"ปัจจุบันปริมาณยางในบึงกาฬมีมากขึ้นทุกวัน และอีก 2 ปีก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านก็ทยอยปลูกยางกันมากเช่นกัน ดังนั้นในอนาคตภาคอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราน่าจะเข้ามาลงทุน เพื่อสร้างงานในจังหวัด และเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบยางพารา"

ชั่วโมงนี้ ภาพลักษณ์บึงกาฬ คือศูนย์กลางยางพาราภาคอีสานไปเรียบร้อยแล้ว

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 488

โพสต์

รูปภาพ

เซเว่น อีเลฟเว่น
รับรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลังแห่งประเทศไทย 2012” สาขาค้าปลีกสมัยใหม่


เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ภายใต้การบริหารของ ซีพี ออลล์ รับรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลังแห่งประเทศไทย 2012” สาขาค้าปลีกสมัยใหม่ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ สำรวจจาก 16,000 ตัวอย่าง ถือเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลและการรับรู้แบรนด์ของผู้บริโภคชาวไทยที่ครอบคลุมและมากสุดครั้งหนึ่งในไทย ขณะที่ก่อนหน้า ซีพี ออลล์ ได้รับรางวัล “สุดยอดแบรนด์องค์กรไทย 2555” กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ ด้วยมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด 161,601 ล้านบาท

รูปภาพ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานประกาศผลสำรวจ “สุดยอดแบรนด์ทรงพลังแห่งประเทศไทย 2012” (The Most Powerful Brand of Thailand 2012) โดยมี ศาสตราจารย์ น.พ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ 41 แบรนด์ที่ได้อันดับ 1 ในแต่ละกลุ่มสินค้า ซึ่งมีทั้งหมด 8 กลุ่มสินค้า โดย นายธานินทร์ บูรณมานิต รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ได้ขึ้นรับรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลังแห่งประเทศไทย 2012” สาขาค้าปลีกสมัยใหม่ ในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่และภัตตาคาร ซึ่งการวัด ความทรงพลังของแบรนด์ มีด้วยกัน 4 ประการ คือ ความตระหนักในแบรนด์ เป็นการรู้จักหรือนึกถึงแบรนด์ ความชื่นชอบ คือ ความชื่นชอบในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ความแตกต่าง คือ ความแตกต่างในด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และ การใช้ คือ ความถี่ในการซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์




รองศาสตราจารย์ ม.ล.สาวิกา อุณหนันทน์ หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงผลการสำรวจ “สุดยอดแบรนด์ทรงพลังแห่งประเทศไทย 2012” ว่า มาจากการวิจัยหัวข้อ “การพัฒนาเครื่องมือประเมินคุณค่าแบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อจัดอันดับแบรนด์ผลิตภัณฑ์” ซึ่งที่มาของการจัดอันดับดังกล่าว มาจากความตระหนักถึงคุณค่าและพลังที่ไม่มีขีดจำกัดของแบรนด์ในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งเครื่องมือในการวัดมูลค่าแบรนด์จากการรับรู้ของผู้บริโภคถือว่ามีความสำคัญมาก จึงได้พัฒนาเครื่องมือประเมินคุณค่าแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เพื่อนำไปสู่การประเมินแบรนด์ที่ทรงพลัง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

รูปภาพ

การพัฒนาเครื่องมือวัดมูลค่าแบรนด์ดังกล่าว ได้ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18-60 ปี จำนวน 16,000 ตัวอย่างครอบคลุมทุกส่วนของประเทศ แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 8,000 ตัวอย่าง และอีก 8,000 ตัวอย่างใน 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ราชบุรี เพชรบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา จากนั้นใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นนี้ทำการประเมินคุณค่าแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ 41 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลและการรับรู้แบรนด์ของผู้บริโภคชาวไทยที่ครอบคลุมและมากที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย




อนึ่ง ในปีนี้ ซีพี ออลล์ ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น ได้รับรางวัล “สุดยอดแบรนด์องค์กรไทย 2555” (Thailand’s Top Corporate Brands Values 2012) กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ ด้วยมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด 161,601 ล้านบาท จัดโดยคณะผู้วิจัยแบรนด์องค์กรไทย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาแล้ว ซึ่งปัจจัยสำคัญของ ซีพี ออลล์ ในการทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ คือ การให้บริการ โดยยึดหลัก “เราปรารถนารอยยิ้มจากลูกค้า ด้วยทีมงานที่มีความสุข” บริการลูกค้าเสมือนญาติหรือเพื่อน และ พนักงาน ซึ่งบริษัทต้องส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างต่อเนื่อง



ข่าววันที่ : 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 489

โพสต์

รูปภาพ

ซี.พี.เปิดตัว รง.ปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ทันสมัยแห่งแรกของไทย - บุกเบิกฮับขนส่งทางน้ำ

นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ รับผิดชอบธุรกิจข้าวและอาหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์พร้อมสนับสนุนการยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวสาร คลังจัดเก็บสินค้าข้าว และท่าเรือขนส่งทางน้ำ ที่ทันสมัยเป็นผู้บุกเบิกรายแรกของประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ปี 2558 โดยได้ลงทุน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการข้าวนครหลวง, โครงการท่าเรืออยุธยาและไอซีดี และโครงการภาพยนตร์โฆษณาชุด “ความทรงจำ” เปิดตัวพร้อมกันวันนี้ ณ โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โครงการฯ ที่ลงทุนทั้งหมดมุ่งสร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยทุ่มงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท จัดทำศูนย์กลางโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวที่มีท่าเรือขนาดใหญ่ บริการครบวงจร และทันสมัยที่สุดในโลก ประสิทธิภาพเทียบเท่าท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งท่าเรือกรุงเทพฯ และแหลมฉบัง

นายสุเมธ กล่าวว่า โครงการข้าวนครหลวง หรือ โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวนครหลวงแบบครบวงจร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 270 ไร่ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบอาคารโดดเด่น เมื่อมองจากด้านบน จะเห็นเป็นรูปทรงเมล็ดข้าวงดงาม ส่วนภายในอาคารโรงงานได้ลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีกำลังการผลิต วันละ 3,600 ตัน/วัน หรือกว่า 1,080,000 ตัน/ปี ข้าวที่ผลิตได้จากโรงงานแห่งนี้ จะส่งออกตลาดต่างประเทศ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด หรือกว่า 120 ประเทศทั่วโลก

ในแต่ละขั้นตอนการผลิตใช้เทคโนโลยี และเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง ตลอดกระบวนการผลิต ประกอบด้วย เครื่องทำความสะอาด ที่ใช้คัดแยกสิ่งเจือปนที่ใหญ่กว่าข้าว, เครื่องแยกหิน ที่ใช้คัดแยกสิ่งเจือปนที่หนักกว่าข้าว, เครื่องขัดมัน ที่ใช้ในการทำความสะอาดผิวข้าวให้สะอาดมันวาว, เครื่องตะแกรงเหลี่ยม ที่ใช้ในการคัดแยกข้าวเต็มเมล็ด, เครื่องตะแกรงกลม ที่ใช้ในการแยกความยาวเมล็ดที่ต้องการ พร้อมทั้งเครื่องแยกสี ที่ใช้ในการคัดแยกสิ่งเจือปนที่ขนาดใกล้เคียงเมล็ดข้าว รวมทั้งสิ่งเจือปนที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น แก้ว หรือเม็ดพลาสติก ด้วยกล้องเอ็นไออาร์ เซ็นเซอร์พิเศษ ที่ตรวจจับ คัดแยกออกได้

นอกจากนี้ยังมีไซโล สำรองข้าวสาร ไว้ในอาคารผลิต ได้มากถึง 83,600 ตัน แบ่งเป็น ไซโลขนาด 1,600 ตัน/ไซโล จำนวน 36 ไซโล และ ไซโลขนาด 1,300 ตัน/ไซโล จำนวน 20 ไซโล

สำหรับข้าวสารที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพเรียบร้อย จะถูกบรรจุด้วยเครื่องบรรจุอัตโนมัติ ประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีความสามารถบรรจุ และแพ็คลงถุง ได้มากกว่า 4,000 ตัน/วัน พร้อมระบบตรวจจับโลหะ และเครื่องทวนสอบน้ำหนักหลังการบรรจุ และแพ็คลงถุง ทุกถุง 100% มั่นใจในคุณภาพ

(ปี 2555 ข้าวตราฉัตร มียอดจำหน่ายในประเทศ จำนวน 350,000 ตัน มูลค่า 9,500 ล้านบาท คาดว่าจะโตขึ้น 16% จากปี 2554 และส่งออกต่างประเทศ จำนวน 604,000 ตัน มูลค่า 14,000 ล้านบาท คาดว่าจะโตขึ้น 2.2%)

รูปภาพ

ส่วนโครงการก่อสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สามารถขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ได้สูงสุด 500,000 ตู้/ปี จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี สนับสนุนกลยุทธ์การขนส่งของภาครัฐ โดยใช้ความได้เปรียบการขนส่งสินค้าทางน้ำของประเทศไทย สำหรับการขนส่งสินค้าของข้าวตราฉัตร เน้นการขนส่งทางเรือ สามารถขนส่งได้ จำนวน 1,500 ตัน/เที่ยว เทียบเท่าการขนส่งด้วยรถบรรทุก 50 เที่ยว ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการจราจรรถบรรทุกบนท้องถนน ได้ในระยะยาว

ขณะเดียวกันจะประหยัดการใช้น้ำมันลง เช่น เส้นทางการขนส่ง ระหว่างพระนครศรีอยุธยา-กรุงเทพฯ ลดลงได้ไม่น้อยกว่า 15 ลิตร/ตู้/เที่ยว หรือ 3 ล้านลิตร/แสนตู้ และจุดได้เปรียบของสถานที่ตั้ง คือ อยู่จุดศูนย์กลางธุรกิจรายล้อมด้วยนิคมอุตสาหกรรมหลัก 4 แห่ง คือ นิคมสหรัตนนคร ระยะทางห่างกันเพียง 9 กม. นิคมโรจนะ ระยะทาง 22 กม.นิคมไฮเทค ระยะทาง 32 กม.นิคมบางปะอิน ระยะทาง 35 กม. และนิคมเหมราช ระยะทาง 42 กม.

อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขนส่งให้แก่ผู้ใช้ จากบริการขนส่งสินค้าทางน้ำเลียบชายฝั่งหรือลำเลียง สร้างความเที่ยงตรงในการรับมอบ-ส่งมอบสินค้า มีขีดความสามารถในการขนส่งตู้สินค้าได้ครั้งละ 40-60 ตู้/เที่ยวเรือ รองรับสินค้าได้ปีละ 500,000 ตู้/ปี

สำหรับโครงการท่าเรือขนส่งสินค้าครบวงจร ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนแรก ท่าเรือชายฝั่ง (coast port) ในพื้นที่ 14 ไร่ ความยาวหน้าท่า 276 เมตร ระดับความลึกหน้าท่า 4.5 เมตร รองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์และเรือสินค้าทั่วไปขนาดความยาวประมาณ 50 เมตร กินร่องน้ำลึกสูงสุด 3.5 เมตร รับได้พร้อมกันครั้งละ 5 ลำ ส่วนที่สอง ไอซีดีในพื้นที่ 80 ไร่ ใช้เป็นสถานที่ตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร

ส่วนโครงการภาพยนตร์โฆษณาข้าวตราฉัตรความยาว 1 นาที จะออกสู่สายตาประชาชนใน ธีม “ความทรงจำในวัยเด็ก” ได้รับเกียรติจาก คุณบี๋-ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ช่างภาพมืออาชีพเป็นผู้ทำโปรดักชั่น และได้รับเกียรติจากคุณหนิง-นิรุตต์ ศิริจรรยา นักแสดงรุ่นใหญ่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ร้อยเรียงเสียงถ่ายทอดเรื่องราวความทรงจำในวัยเด็ก ที่มีต่อข้าวไทย ยังคงเก็บไว้อยู่เสมอ โดยนำเสนอเรื่องราว ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็นภาพ จากทุ่งนาสู่โรงงาน คนไทยเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค คือ ส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตวัฒนธรรมไทย ที่นำมาหลอมรวมเข้ากับเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นของพนักงานเครือ ซี.พี.ทุกคนที่ใส่ใจต่อ “ข้าวไทย” และความผูกพันธ์กับองค์กร เติมเต็มความมั่นใจให้อุตสาหกรรมข้าว ก้าวสู่มาตรฐานโลกอย่างแท้จริง

อีกทั้ง “ข้าวตราฉัตร” ตอกย้ำ “ข้าวหอมมะลิไทย ยอดขายดี เป็นแบรนด์อันดับ 1 ของประเทศ (ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน)” จากผลสำรวจของ AC Neilsen หรือ บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปานี ซึ่งข้าวหอมมะลิตราฉัตร สามารถครองใจผู้บริโภคในประเทศ ด้วยคุณสมบัติ ข้าวคุณภาพดี การันตีโดยรางวัล “ข้าวที่ดีที่สุด” หรือ World Best Rice Award 2009 จากงานสัมมนาข้าวโลก

รูปภาพ

by Public Relation Office

C.P. Intertrade Co., Ltd.

ข่าววันที่ : 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 490

โพสต์

รูปภาพ

ไก่ย่าง 5 ดาวอินเดียเปิดตัวจุดขายแรก ณ เมืองบังคาลอร์อย่างเป็นทางการ

รูปภาพ

เมื่อเร็วๆนี้ นายซานจีฟ แพนท์ รองกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ซีพีอินเดีย ร่วมกับทีมงานอาหารห้าดาวอินเดีย จัดเชิญสื่อมวลชน และ แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน Grand Opening Event เปิดตัวซุ้มไก่ห้าดาวซุ้มแรกในเมืองบังคาลอร์อย่างเป็นทางการ ณ Nilgiris Supermarket ถนนอัลซูวร์ เมืองบังคาลอร์ โดยภายในงานดังกล่าว ได้มีกิจกรรมต่างๆน่าสนใจมากมาย อาทิ เช่น มินิคอนเสริตจากวงดนตรี Garden city college, การละเล่นดนตรีแบบพื้นเมือง, พิธีบูชาเปิดกิจการใหม่แบบดั้งเดิมตามประเพณีอินเดีย รวมถึงการแจกทดลองชิมฟรีสินค้าห้าดาว และร่วมถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกของทีมงาน สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานทุกคน โดยในการเปิดจุดขายวันแรกนี้ถือว่าได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภค ที่มาซื้อบริโภคและทดลองชิมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกอกถูกใจในรสชาติอาหาร และราคาที่คุ้มค่า ของธุรกิจอาหารห้าดาวอินเดีย นอกจากนั้นการเปิดตัวแบรนด์ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ห้าดาวในกลุ่มผู้บริโภคชาวอินเดียให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย"

รูปภาพ

รูปภาพ

ข่าววันที่ : 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 491

โพสต์

สิงคโปร์ไฟเขียวไก่สดแช่แข็งซีพีเอฟ
ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป


รูปภาพ

นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า รัฐบาลประเทศสิงคโปร์รับรองอนุญาตนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากซีพีเอฟ หลังจากหน่วยงาน Agri-Food and Veterinary Authority of Singapore (AVA) ของสิงคโปร์ เข้าเยี่ยมชมเพื่อศึกษาระบบคอมพาร์ทเมนต์สัตว์ปีกปลอดโรคไข้หวัดนก ของโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ครบวงจรซีพีเอฟ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ AVA สิงคโปร์ มีความมั่นใจในมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนกของซีพีเอฟ และมาตรการภาครัฐโดยกรมปศุสัตว์ จึงให้การรับรองการนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากโรงงานดังกล่าวของซีพีเอฟ นับเป็นโรงงานแห่งแรกของประเทศไทยที่สิงคโปร์เปิดรับไก่สด ภายหลังการเกิดการระบาดไข้หวัดนกตั้งแต่ปี 2547

นายธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่เข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ในด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารเปิดประตูรับไก่สดจากซีพีเอฟในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของบริษัทในการพัฒนาด้านคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของอาหารอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

“มาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพที่ซีพีเอฟปฏิบัติ ไม่เพียงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรคไข้หวัดนกเท่านั้น แต่ยังช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคระบาดอื่นๆ ถือเป็นหลักประกันที่ช่วยสร้างเสริมความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำเร็จเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็น “ครัวของโลก” เพื่อ “คนทั้งโลก” ได้อย่างยั่งยืน” นายธีรศักดิ์ กล่าว

โดย ด้านสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ CPF
ข่าววันที่ : 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 492

โพสต์

รูปภาพ

"ธนากร เสรีบุรี" นายกสภาธุรกิจไทย-จีน พบ "เหวิน เจียเป่า"
นายกรัฐมนตรีจีนในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ


หลังเสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมประชุม สุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 15 และ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) ครั้งที่ 7 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีกำหนดการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนเป็นกิจกรรมแรกทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทย ซึ่งนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนได้งานเลี้ยงต้อนรับอย่างสมเกียรติขึ้นที่หอการค้าไทย-จีน อาคาร Thai CC Tower ถนนสาทรใต้ ในการนี้นายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-จีน เป็นตัวแทนนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีนและคณะฯอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ซึ่งปรากฏว่าทางรัฐบาลจีนได้ใช้ภาพเผยแพร่อย่างเป็นทางการไปตามสื่อต่าง ๆ ของจีน เช่น เว็บไซต์ของรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน, เว็บไซต์ของสำนักข่าวซินหัว เป็นต้น

รูปภาพ

รูปภาพ

ข่าววันที่ : 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 493

โพสต์

รูปภาพ
วิชัย ทองแตง บริหารความเสี่ยงด้วยวิสัยทัศน์

“CTH ในนิยามของผมก็คือ เคเบิลทีวีบ้านนอก ที่พร้อมจะเดินหน้าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง”

ชื่อของ วิชัย ทองแตง กลับมาสู่สปอตไลต์ของสังคมธุรกิจการเมืองอีกครั้ง หลังจากที่ CTH (Cable Thai Holding) คว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมๆ กับการประกาศแผนธุรกิจที่สั่นคลอนสถานภาพของผู้ประกอบการรายเดิมอย่างหนักหน่วงและกว้างขวาง

ก้าวย่างของวิชัย ทองแตง อาจได้รับการกล่าวถึงควบคู่กับข้อเท็จจริงที่ว่า วิชัย ทองแตง เคยเป็นอดีตทนายความที่นำพาทักษิณ ชินวัตร รอดพ้นจากข้อกล่าวหาในกรณีซุกหุ้น ก่อนที่วิชัย ทองแตง จะผันตัวเองเป็นนักลงทุนที่เข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลเปาโล และการเข้าซื้อหุ้นโรงพยาบาลพญาไท ซึ่งการซื้อหุ้นและกิจการโรงพยาบาลในครั้งนั้น เป็นภาพที่สอดรับกับนโยบายว่าด้วย 30 บาทรักษาทุกโรค และการหนุนให้ไทยเป็น Medical Hub ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของวิชัย ทองแตง ผูกพันอยู่ในฐานะตัวแทนของกลุ่มทุนการเมืองเรื่อยมา

“ผมไม่ปฏิเสธว่าผมรู้จักผู้คนมากมาย แต่การทำธุรกิจจะมีเพียงเครือข่ายสายสัมพันธ์หรือ connection อย่างเดียวไม่ได้หรอก ปัจจัยสำคัญที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ วิสัยทัศน์ ที่ต้องประเมินให้ได้ว่าธุรกิจใดมีศักยภาพ และธุรกิจใดที่มีความเสี่ยง ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้มาด้วยกาลเวลา ได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์และความรู้จากการทำงาน”

ตลอดเวลาที่วิชัย ทองแตง โลดแล่นอยู่ในสังคมธุรกิจ เขาได้รับการกล่าวขานถึงในฐานะพ่อมดตลาดหุ้น อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยยอมรับสมญานามนี้เท่าใดนัก แต่เขาไม่ปฏิเสธว่าทุกการลงทุนของเขา เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ความเสี่ยง ยิ่งมีความเสี่ยงต่ำเท่าใด ย่อมหมายถึงความน่าลงทุนและผลตอบแทนที่จะดีมาก ซึ่งอาจจะขัดแย้งกับผู้ลงทุนรายอื่นๆ

วิชัย ทองแตง ฉายภาพความเป็นไปของการลงทุนในกิจการโรงพยาบาลว่า ไม่ว่าประเมินจากมิติใด ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และสามารถพัฒนาให้เป็นยุทธศาสตร์ของชาติได้ไม่ยาก แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครสนใจอย่างจริงจังมากนัก ซึ่งเมื่อเขา turn around ธุรกิจโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้ซื้อมา ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าจึงกลายเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของสังคม ก่อนที่เขาจะสวอปหุ้นกับกลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการ และทำให้เขาเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของเครือโรงพยาบาลชั้นนำที่มีเครือข่ายกว้างขวางที่สุดแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่ามิติมุมมองที่ดำเนินออกมาเป็นรูปธรรมการลงทุนของวิชัย ทองแตง ดูจะเป็นประหนึ่งภาพสะท้อนในเชิงยุทธศาสตร์และนโยบายของกลุ่มทุนการเมืองขนาดใหญ่ ที่กำลังดำเนินอยู่เป็นคู่ขนานในนามของอภิมหาโปรเจ็กต์ที่อาจผุดพรายขึ้นในห้วงเวลานับจากนี้

ท่วงทำนองเนิบช้า แต่แฝงความลุ่มลึกของวิชัย ทองแตง เป็นสิ่งที่ผู้ได้มีโอกาสพบเห็นย่อมสัมผัสได้ไม่ยาก วิชัย ทองแตง ไม่มีภาพของผู้บริหารที่อวดรู้ และคุยเขื่องคำโต เขาย้ำบ่อยครั้งระหว่างการสนทนาว่าเขามาจากครอบครัวชาวนา และเป็น “บ้านนอก” ที่ยินดีเสมอเมื่อได้ยินใครเรียกเขาว่า “บ้านนอก” เพราะถ้อยความคำนี้ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบสำหรับเขา ซึ่งมีพื้นเพเดิมมาจากอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี แต่อย่างใด

การรุกเข้ามาพัฒนาธุรกิจเคเบิลทีวีท้องถิ่น หรือเคเบิลทีวีภูธร เป็นหนึ่งในข้อยืนยันทั้งในมิติของทัศนะ และวิสัยทัศน์ทางธุรกิจของวิชัย ทองแตง ได้เป็นอย่างดี เขามองเห็นอนาคตของเคเบิลทีวีท้องถิ่นแตกต่างไปจากผู้คนอื่นๆ เพราะการเข้าไปโอบอุ้มเคเบิล ไทย โฮลดิ้ง พร้อมกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 300 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว หากยังเกิดขึ้นควบคู่กับการดึงกลุ่มวัชรพลจากไทยรัฐ มาร่วมลงทุนด้วย ซึ่งนับเป็นก้าวย่างที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

ข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหน้าเขาก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในธุรกิจเคเบิลทีวี อยู่ที่จำนวนฐานสมาชิกที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ที่ประเมินในเบื้องต้นว่ามีอยู่มากถึง 3.5 ล้านครัวเรือน ในขณะที่ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นเหล่านี้ยังขาดอำนาจในการต่อรอง และขาดทิศทางที่จะดำเนินไปร่วมกัน ท่ามกลางการแข่งขันที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ

“CTH ในนิยามของผมก็คือ เคเบิลทีวีบ้านนอก ที่พร้อมจะเดินหน้าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ผมขอให้นิยามสั้นๆ แค่นี้” วิชัย ทองแตง ย้ำกับ ผู้จัดการ 360 ํ อย่างอารมณ์ดี แต่แฝงนัยความหมายครอบคลุมบริบททั้งทางธุรกิจ การเมือง และสังคมไปในคราวเดียวกัน

การเข้าไปปรับทิศทางและวางรากฐานทางธุรกิจใน CTH ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้วิชัยจำเป็นต้องเดินสายทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นอยู่เป็นระยะ ซึ่งสำหรับวิชัยแล้ว เขาตระหนักดีว่าการบริหารความเปลี่ยนแปลง (manage change) เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีมิติที่ซับซ้อน

การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหรือ English Premier League (EPL) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศไทย รวมถึงเพื่อนบ้านทั้ง สปป.ลาว และกัมพูชา ได้เปิดพื้นที่และโอกาสทางธุรกิจให้กับ CTH อย่างกว้างขวาง ในด้านหนึ่งอาจทำให้ก้าวย่างของ CTH มีอนาคตที่สดใส

เพราะนี่คือจังหวะก้าวของการเข้าสู่ตลาดแบบก้าวกระโดด ที่พร้อมจะต่อยอดเป็นกลไกสร้างรายได้ให้ CTH ก้าวไปสู่เป้าหมายที่ลึกล้ำกว่านั้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง ลิขสิทธิ์ EPL เป็นเพียง content และจิ๊กซอว์สำหรับระยะเบื้องต้นทางธุรกิจของ CTH เท่านั้น

“ก่อนหน้านี้ อาจไม่มีใครรู้จัก CTH แต่หลังจากที่ CTH ได้รับลิขสิทธิ์ EPL ตอนนี้ไปติดต่อใครที่ไหน ก็ง่ายขึ้น เพราะ CTH มีโปรไฟล์ และอยู่ในสปอตไลต์แล้ว”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประเมินจากข้อเท็จจริงที่ว่า วิชัย ทองแตง ไม่ได้วางเป้าหมายในการพัฒนา CTH ให้หยุดอยู่เพียงในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ประกอบการด้านบันเทิงและสันทนาการ หากแต่เขามองไปไกลและกำหนดเป้าหมายของ CTH ไว้มากกว่านั้น โดยเขามุ่งหมายที่จะผลักดันให้ CTH ก้าวไปสู่การเป็นบรรษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสาร ที่มี contents หลากหลายไว้ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่า

“หากถามผมว่า ในอนาคตเมื่อ CTH ดำเนินการตามแผนธุรกิจและสามารถพัฒนาธุรกิจให้เข้าหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งผมวางเป้าหมายไว้ประมาณ 3 ปี CTH ควรจะอยู่ในกลุ่มไหน ผมก็ต้องตอบตามความคิดของผมว่า น่าจะอยู่ในกลุ่มสื่อสาร นี่เป็นความคิดของผมนะ เพราะในอนาคตธุรกิจของ CTH ไปไกลกว่าบันเทิงและสันทนาการแน่นอน”

การสานสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งกับ ทีโอที ซึ่งมีโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก ครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว รวมถึงการร่วมมือกับบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้ CTH สามารถร่นระยะเวลาในการขยายโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกเพื่อรองรับกับการขยายตัวทางธุรกิจของ CTH ได้มากถึง 3 เท่า และทำให้เป้าหมายในการขยายฐานสมาชิกไปสู่ระดับ 7-10 ล้านครัวเรือน ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินความเป็นจริง

และในอนาคตเราอาจได้เห็นโครงข่ายการสื่อสารภาคพื้นดินที่ทรงประสิทธิภาพ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจกลุ่มนี้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในขอบเขตประเทศไทย แต่อาจข้ามพ้นพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางฝั่งตะวันออก-ตะวันตก และเหนือ-ใต้ ซึ่งหมายรวมถึงประเทศในเขตภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ของ AEC อีกด้วย

กระบวนทัศน์ทางความคิดที่น่าสนใจติดตามของวิชัย ทองแตง หลังจากการลงทุนทางยุทธศาสตร์ผ่าน CTH ครั้งนี้ ก็คือ การเปิดเผยความสนใจที่จะลงทุนในกิจการด้านโลจิสติกส์ และพลังงานทดแทน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกระบวนทัศน์ที่พร้อมจะต่อยอดและถักทอมิติว่าด้วยโครงข่ายที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เป็นโครงข่ายที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ และทักษะในการประเมินศักยภาพและประเด็นทางยุทธศาสตร์ ที่แหลมคมและอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างทางธุรกิจ สังคม ได้ไม่น้อยเช่นกัน

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 494

โพสต์

รูปภาพ
SAA และ Life Path Choice ข้อเสนอที่ยังไร้บทสรุปจาก กบข.
Submitted by Somsak Damrongs
ความพยายามของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่จะตอบสนองความพึงพอใจให้กับสมาชิกกองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของผลตอบแทนการลงทุน กำลังทำให้ กบข. ต้องแสวงหาหนทางในการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องมีการแก้กฎกระทรวงที่เป็นเงื่อนบังคับการบริหารงานของ กบข. หรือแม้กระทั่งอาจขยายผลไปสู่การปรับแก้พระราชบัญญัติว่าด้วย กบข. ในอนาคตอีกด้วย

มิติมุมมองเกี่ยวกับการปรับแผนการลงทุนระยะยาว (Strategic Asset Allocation: SAA) ที่ได้จัดทำขึ้นใหม่ และอยู่ระหว่างการสรุปแนวทางการจัดทำแผนเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2555 และจะสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ต้นปี 2556 อยู่ที่การสร้างความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์การลงทุนได้ตามวงจรเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับสมาชิกได้สูงขึ้น

กรณีดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องจากการที่กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง เตรียมแก้ไขการจ่ายเงินบำนาญให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ตามข้อเรียกร้องของข้าราชการที่บรรจุก่อนวันที่ 27 มีนาคม 2540 ซึ่งไม่พอใจเงินก้อนที่ได้รับจาก กบข. หลังเกษียณ เนื่องจากเห็นว่าไม่เป็นไปตามสมมุติฐานเดิมที่ตั้งไว้ในช่วงแรกของการจัดตั้งกองทุน

เหตุดังกล่าวทำให้กรมบัญชีกลางได้ข้อสรุปเพื่อยุติปัญหาต่างๆ โดยจะให้สมาชิกที่รับราชการก่อนปี 2540 สามารถเลือกได้ว่าจะรับบำนาญสูตร กบข. ต่อไป หรือจะกลับไปใช้บำนาญสูตรเดิม ตาม พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญ 2494 โดยหากสมาชิกส่วนใหญ่เลือกกลับไปใช้บำนาญสูตรเดิม แน่นอนว่าภาครัฐต้องมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอาจส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว

แต่ขณะเดียวกันมาตรการเยียวยาดังกล่าวย่อมส่งผลต่อสถานะ ภาพลักษณ์ และความเป็นไปของ กบข. ในระยะยาวอย่างไม่อาจเลี่ยง

โสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ระบุว่า ภายใต้กรอบแนวคิดในการลงทุนแบบเดิมอาจทำให้ กบข. สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับประมาณ 5.1% ต่อปี แต่เมื่อพิจารณาไปในอนาคตการหาผลตอบแทนที่ดีจะทำได้ยากขึ้นและความเสี่ยงจะมีมากขึ้น

"กบข. มีแนวคิดที่จะปรับกรอบกลยุทธ์การลงทุนใหม่ภายใต้แผนการลงทุนในระยะยาว (SAA) โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างความเพียงพอของเงินออมให้แก่สมาชิก ซึ่งจะมีผลตอบแทนที่สามารถชนะเงินเฟ้อ และเพียงพอไว้ใช้จ่ายในวัยเกษียณโดยไม่ได้มองสินทรัพย์แบบเดิมๆ เช่นที่ผ่านมา”

กรอบการลงทุนใหม่ของ กบข. อยู่ที่การมองกรอบสินทรัพย์ภายใต้แนวคิดใหม่โดยแบ่งเป็น 1) สินทรัพย์ที่มั่นคง 2) สินทรัพย์ในการกระจายความเสี่ยง 3) สินทรัพย์ที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อ และ 4) สินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าจากการเติบโตในระยะยาว ซึ่งน่าจะช่วยทำให้ผลตอบแทนที่ กบข. จะสร้างให้กับสมาชิกปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม และหากไม่ทำอะไรเลยในอนาคตผลตอบแทนที่จะสร้างได้อาจจะมีแนวโน้มลดลงด้วย

อย่างไรก็ดี โครงสร้างการลงทุนตามกฎหมายของ กบข. จะต้องลงทุนในตราสารหนี้ไม่ต่ำกว่า 60% หุ้นไม่เกิน 35% การลงทุนในต่างประเทศ 25% และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีก 8% ซึ่งความพยายามในการปรับสัดส่วนการลงทุนตามแผนการลงทุนระยะยาว หรือ SAA ฉบับใหม่จะมีโครงสร้างการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไรหรือไม่ ยังไม่มีข้อสรุปที่เด่นชัด


เพราะการปรับแก้สัดส่วนการลงทุนดังกล่าว เกี่ยวเนื่องไปสู่การปรับแก้กฎหมายที่กำกับ กบข. อยู่ โดยในเบื้องต้นขณะนี้ กบข. มีความพยายามที่จะปรับแก้ในส่วนของกฎกระทรวงเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนใหม่ที่จัดทำขึ้น ซึ่งดูจะเป็นทางเลือกที่มีความยุ่งยากน้อยที่สุดก่อน

การปรับเปลี่ยนดังกล่าวในด้านหนึ่งอาจขยายผลไปสู่การปรับแก้ พ.ร.บ. กบข. ซึ่งมีผลบังคับใช้มานานกว่า 15 ปีแล้ว และอาจเป็นโอกาสในการปรับปรุงแก้ไขส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากการจ่ายเงินบำนาญข้างต้นไปในคราวเดียวกันเลย ซึ่ง กบข. อยากเสนอให้แก้ข้อบังคับเรื่องของการลงทุน โดยขอให้ตัดประเด็นที่กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ไม่มีความเสี่ยงอย่างน้อย 60% ออกไป และให้คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดเองตามสถานการณ์ของตลาดเพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

“กรอบการลงทุนของ กบข. ค่อนข้างถูกจำกัด และหากปล่อยไว้เช่นนี้ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าโอกาสในการสร้างผลตอบแทนของ กบข. ก็จะถูกจำกัดไปด้วย การปรับแก้ในเรื่องของกฎหมายคงจะใช้เวลานานมาก สิ่งที่น่าจะทำได้ก่อนคงเป็นในส่วนของกฎกระทรวงที่สามารถผ่านขั้นตอนของการประชุมคณะรัฐมนตรี และหากเป็นไปได้ในอนาคตไม่อยากให้มีการกำหนดสินทรัพย์เป็นสัดส่วนด้วยตัวเลข เพื่อจะทำให้การลงทุนของ กบข. มีความยืดหยุ่นและเหมาะกับสภาพการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไปมากขึ้น และจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากการปรับแก้เหล่านี้สามารถทำได้ทันภายในปีหน้า” โสภาวดี ระบุ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้ง กบข. มาจนถึงปัจจุบันผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนอยู่ที่ 7% ซึ่งต่ำกว่าสมมุติฐานเดิมที่ 9% ซึ่งด้านหนึ่งเป็นผลมาจากผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยลดต่ำลง ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ก็มีผลตอบแทนเพียง 2-3%

ขณะที่ปัจจุบัน กบข. เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศมากสุดถึง 63.88% หรือเป็นเงินกว่า 2.7 แสนล้านบาท สำหรับตราสารทุนหรือหุ้น ซึ่งผลตอบแทนสูงที่สุดลงทุนได้แค่ 8-10% ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ กบข. พยายามที่จะทำเรื่องเสนอไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อจะได้แก้ไขใน พ.ร.บ. ไปในคราวเดียวกัน

เป้าหมายที่น่าสนใจมากประการหนึ่งของ กบข. ก็คือ การกระจายการลงทุนและบริหารผลตอบแทนให้สามารถอยู่เหนือกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งแผนการลงทุนใหม่จะทำให้การลงทุนของ กบข. ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับวงจรเศรษฐกิจได้มากขึ้น โดยแนวทางก็คือ การปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ลงและเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งในส่วนของหุ้นและการลงทุนทางเลือกให้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบโจทย์การออมเพื่อเกษียณของสมาชิกได้ดียิ่งขึ้น กบข. กำลังจะเพิ่มแผนการลงทุนที่มีการปรับลดสินทรัพย์เสี่ยงตามช่วงอายุโดยอัตโนมัติ ที่เรียกว่า Life Path Choice ซึ่งน่าจะเปิดให้สมาชิกเลือกได้ในปี 2556 นี้ ซึ่งจะทำให้ง่ายขึ้นสำหรับสมาชิกในการเลือกนโยบายที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพราะทางกบข. จะดูแลการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุของสมาชิกที่เปลี่ยนไปเพื่อเป้าหมายการออมเพื่อเกษียณได้ดียิ่งขึ้น

“การบริหารเงินลงทุนยังถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมาย หากแก้ไขให้เปิดกว้างและคล่องตัวมากขึ้น จะทำให้มีผลตอบแทนสูงขึ้น โดยคณะกรรมการมีหน้าที่ดูแลและระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนอยู่แล้วจึงไม่น่าห่วง จริงๆ อยากให้มีแผนการลงทุนหลักที่จะปรับลดสัดส่วนการลงทุนตามอายุของสมาชิกแบบอัตโนมัติไปเลยด้วยซ้ำ”

ทั้งนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา กบข. ได้ทยอยกระจายการไปลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเริ่มมีการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมทั้งกระจายการลงทุนไปในการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) เพิ่มเติมด้วย เช่น กระจายการลงทุนไปในโครงสร้างพื้นฐานโลกและอสังหาริมทรัพย์โลกเพิ่มเติมแล้วในปีนี้

ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่หากเปรียบเทียบการบริหารกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการของประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ พบว่ากองทุนเหล่านี้สามารถสร้างสรรค์บทบาทในการพัฒนาศักยภาพของประเทศได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะในมิติของการเป็นจักรกลสำคัญในการช่วยหนุนเสริมพัฒนาการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และในหลายกรณีก็ช่วยกระตุ้นและอำนวยประโยชน์ให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

ข้อเสนอของ กบข. ว่าด้วยเรื่องข้อกำหนดในการลงทุนภายใต้กรอบของ SAA และแผนการลงทุนแบบ Life Path Choice จึงมีความน่าสนใจในมิติที่ว่าเมื่อถึงเวลาที่จะมีการปรับแก้กฎกระทรวงหรือแม้แต่พระราชบัญญัติว่าด้วย กบข. ตามข้อเสนอดังกล่าวแล้ว การบริหารกองทุนของ กบข. ซึ่งมีสถานะเป็นองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ จะมีการปรับทิศทางให้กลายเป็นอีกกลไกหนึ่งเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐ มากกว่าการเป็นเพียงกองทุนที่บริหารความพึงพอใจของข้าราชการในยามชราภาพหรือไม่

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 495

โพสต์

รูปภาพ

หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ

DTAC-สยามฟิวเจอร์มอบสิทธิพิเศษร่วมกับร้านอาหารใน Community Mall

ดีแทคและสยามฟิวเจอร์ จัดแคมเปญพิเศษร่วมกับร้านอาหารใน Community Mall
ของเครือสยามฟิวเจอร์ 9 แห่ง มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าดีแทคกินฟรีสูงสุด 300 บาท
โดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมรับส่วนลดกับร้านอาหารที่ร่วมรายการจำนวนมากและมอบฟรี dtac wifi
ให้ลูกค้าดีแทคที่มาใช้บริการได้ใช้งานทั่วทั้งศูนย์การค้ารวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท
ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2555

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์การค้าเอสพลานาด เจ อเวนิว มาร์เก็ตเพลส
ทองหล่อ ลาวิลล่า นวมินทร์ซิตี้ อเวนิว ปิยรมย์เพลส ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ
เฟสติวัลวอล์ค เพชรเกษม พาวเวอร์ เซ็นเตอร์ หรือที่ www.dtac.co.th

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 496

โพสต์

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 497

โพสต์

รูปภาพ

อยากรู้ไหมว่า...
บี้กับไมค์จะทำอะไรสุดขั้วที่รายการตี 10
เจอกันคืนนี้ 4 ทุ่มครึ่งเป็นต้นไปนะคร๊าบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 498

โพสต์

รูปภาพ

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=382

หุ้นเฮฮาอาละวาด MJ จอย โสภา
เจาะเบื้องลึกของอดีตของผู้ประกาศสาว แห่ง Money Channel ว่าทำไมเธอถึงมายืนเป็นแถวหน้าในวงการนี้ได้

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 499

โพสต์

บอดร์ด กสท.ให้ไลเซ่นส์เคเบิลทีวีแก่ CTH - GRAMMY

บอดร์ด กสท.ให้ไลเซ่นส์เคเบิลทีวีแก่ CTH 2 ช่อง GRAMMY 4 ช่อง มีผล 3 ธ.ค.นี้

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า คณะกรรมการกสท. มีมติพิจารณาใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์เพื่อให้บริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ แบบบอกรับสมาชิก โดยใช้ระบบและวิธีการให้บริการผ่านดาวเทียมแบบบอกรับสมาชิก ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียง หรือ โทรทัศน์ พ.ศ. 2555 จำนวน 16 ช่องรายการ


สำหรับผู้ได้รับอนุมัติ ประกอบด้วย บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH จำนวน 2 ช่องรายการ ได้แก่ ช่อง ซี ซีรี่ย์ (C Series) เพื่อนำเสนอรายการบันเทิงเกี่ยวกับภาพยนตร์ซี่รี่ย์จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย โดยซื้อลิขสิทธิ์มาจากผู้ออกอากาศ ในสัดส่วนมากกว่า 90% ของเวลาทั้งหมด และ ช่อง ซี สปอร์ต (C SPORT) นำเสนอรายการกีฬา เช่น การแข่งขันกอล์ฟ มวยปล้ำ เทนนิส โดยการจัดซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ และรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาในประเทศ เช่น ฟุตบอลดิวิชั่น 1 เป็นต้น และรายการข่าวสารสาระความรู้อื่นๆ โดยเน้นรายการประเภทกีฬา ในสัดส่วนมากกว่า 90.5%ของเวลาทั้งหมด

ขณะที่ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) จำนวน 4 ช่องรายการ ประกอบด้วย

1. จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต ทู เอสดี (GMM SPORT TWO SD)
2.จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต ทู เอชดี(GMM SPORT TWO HD)
3.ยูโร สปอร์ต เอสดี (EU SPORT SD)
4.จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต ทู เอชดี (EU SPORT SD)


โดยเผยแพร่การแข่งขันกีฬาระดับโลก ซึ่งระบบเอชดี เป็นระบบภาพปกติ
ส่วนระบบเอสดี เป็นระบบภาพคมชัดสูง (ไฮเดฟฟินิชั่น) ส่วน บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด
จำนวน 10ช่อง รายการ ซึ่งเป็นรายการประเภท กีฬา ความบันเทิง สารคดี และสาระความรู้

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าพิจารณาคำขอใบอนุญาต 5 พันบาท ต่อ 1 ช่องรายการ และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2% และค่าธรรมเนียม กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ USO อีก 2% ต่อปี ขณะที่ ใบอนุญาตช่องรายการทั้ง 16 ใบนี้ นับเป็นการออกใบอนุญาตรอบแรกของประเทศไทย และจะมีผลบังคับใช้ วันที่ 3 ธ.ค. 55 หรือหลังจากให้อนุญาต คือ วันที่ 26 พ.ย.55 อีก 7 วัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ธ.ค. 55 กสทช. ยังเตรียมทำบันทึกความเข้าใจ เรื่องความร่วมมือในการทดลองระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล กับช่อง 5 9 และ 11 เพื่อการทดลอง ทดสอบระบบดิจิตอลทีวี ก่อนเปลี่ยนจากอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล โดยนำร่องทดลองออกอากาศใน 2 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 500

โพสต์

รูปภาพ

เซ็นจูรี่ 21ฯ ฟันธง อสังหาฯ อีสานปีหน้าบูมแน่ !!
หลังดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ต่างวิ่งหาที่ดินแปลงสวยมาพัฒนาเพิ่มหลายโครงการฯ


กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ฯ

เซ็นจูรี่ 21ฯ วิเคราะห์แนวโน้มตลาดอสังหาฯ และราคาที่ดินแถบอีสาน ปี2556 หลังจากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ต่างทยอยรุกตลาดโครงการบ้านเดี่ยว/บ้านแฝด และคอนโดฯ สู่หัวเมืองใหญ่ในหลายจังหวัด ด้านอุดรธานี และขอนแก่น มาแรง!! ถนนศรีจันทร์ครองแชมป์ปล่อยขายแล้วไร่ละ 40 ล้านบาท ส่วนอุดรฯรอเจรจายังอีกหลายแปลงเฉลี่ยที่ 20 -40 ล้านบาทต่อไร่

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหาและราคาซื้อ-ขายที่ดินในหัวเมืองจังหวัดต่างๆของภาคอีสานว่า "อสังหาฯในภาคอีสานมีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากเศรษฐกิจการค้าตามแนวชายแดน และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนในเขตเมือง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นและมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น โคราช ขอนแก่น อุดรธานี หรือ หนองคาย แต่ที่น่าจับตามองเป็นพิแศษ น่าจะเป็นจังหวัดขอนแก่น และอุดรธานี ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดนี้ มีศักยภาพในการพัฒนาสูงมาก และตอบโจทย์การลงทุน AEC เพราะเป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน ที่มีทั้งสนามบิน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ศูนย์กลางการค้าขาย โรงแรมใหญ่ และห้างสรรพสินค้า ทำให้การพัฒนาด้านอสังหาฯเป็นไปอย่างรวดเร็ว"

ส่วนทางด้านจังหวัดขอนแก่นซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองราวๆ สองแสนกว่าคน มีการประเมินราคาที่ดินในรอบปี 2555-2558 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8.42 % เนื่องจากดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น และดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ก็ทยอยเข้ามาพัฒนาโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง เช่น แสนสิริ พฤกษาฯ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ ซี.พี.แลนด์ เป็นต้น โดยการพัฒนาโครงการจะมีอยู่ 2 รูปแบบคือ ประเภทโครงการหมู่บ้าน บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด ทำเลจะอยู่บริเวณ ถนนมะลิวัลย์ ถนนเหล่านาดี และถนนศรีจันทร์ โดยราคาเสนอซื้อ-ขายจริง จะอยู่ที่ตรว.ละ 120,000 -150,000 บาท หรือประมาณไร่ละ 48 - 60 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ดินที่สูงที่สุดในภาคอีสาน ส่วนการพัฒนาโครงการอีกประเภทคือคอนโดมิเนียม จะอยู่บริเวณรอบๆห้างเซ็นทรัลเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาได้ตกลงขายที่ดินไปให้กับดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่รายนึง โดยตกลงซื้อ-ขายที่ไร่ละ 40 ล้านบาท ส่วนบริเวณรอบๆ รัศมีห้างเซ็นทรัลที่ห่างไปสัก 2-3 กิโลเมตร บนถนนศรีจันทร์ ราคาจะตกอยู่ที่ตรว.ละ 37,500 - 50,000 หรือประมาณไร่ละ 15 -20 ล้านบาท

ด้านจังหวัดอุดรธานีก็บูมไม่แพ้กัน เนื่องจากได้รับอานิสงค์จากเขตการค้าตามแนวชายแดน และเป็นแหล่งชอปปิ้งแหล่งใหญ่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน จึงเป็นเมืองที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 61.42% และล่าสุดมีดีเวลลอปเปอร์ใหญ่ 2- 3 บริษัทเตรียมซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาแล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงเจรจาตกลงราคาอยู่ สำหรับราคาเสนอซื้อ-ขายที่ดินบริเวณ ยูดี ทาวน์ รวมถึงถนนโพศรี ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของอุดรฯ ราคาเริ่มที่ 18 - 22 ล้านบาทต่อไร่ ในขณะที่บริเวณใกล้ห้างเซ็นทรัลราคาจะอยู่ที่ไร่ละ 10 - 40 ล้านบาท ส่วนการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว / ทาวน์เฮ้าส์ จะอยู่บริเวณ สำเพ็ง -โบ๊เบ๊อุดร และบริเวณตรงข้ามห้างโฮมโปร และทางด้านถนนมิตรภาพ- หนองคายราคาที่ดินจะตกอยู่ที่ไร่ละ 3- 4 ล้านบาท ซึ่งโดยภาพรวมแล้วที่ดินในอุดรฯ มีแนวโน้มว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอีก 20 - 30 % เนื่องจากยังเป็นตลาดใหม่อยู่

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของปัจจัยเกื้อหนุนจากภาครัฐฯ ที่กำลังเร่งผลักดันโครงการทางพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง สาย โคราช - หนองคาย ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อขยายไปสู่ภาคอีสานตอนบนได้สะดวกขึ้น ประกอบกับการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในปี 2558 ก็จะสามารถผลักดันเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวไปยังประเทศลาว เวียดนาม และ จีนได้อย่างง่ายดาย จึงคาดว่าภายในปีหน้าตลาดอสังหาฯ อีสานจะเริ่มคึกคักขึ้นและโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน" นายกิตติศักดิ์กล่าว


ข่าวประชาสัมพันธ์อสังหาริมทรัพย์ วันจันทร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕

คอนโดแสนสิริ เปิดดัวขายได้หมดในวันเดียว ซื้อเก็งกำไรคน3ห้อง4ห้อง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 501

โพสต์

รูปภาพ

แสนสิริ ทุบสถิติการเปิดขายคอนโดกลางเมือง ระดับราคา 2 แสนบาท/ตร.ม.
สูงที่สุดของคอนโดมิเนียม ‘The XXXIX’ (เดอะ เทอร์ทีไนน์) ปิดการขาย 100% ในวันพรีเซลล์



กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--แสนสิริ

แสนสิริโชว์ศักยภาพผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนอย่างแท้จริง ทุบสถิติการเปิดขายคอนโดมิเนียม ระดับราคาเกิน 2 แสนบาทต่อตรม.ในโซนสุขุมวิทอย่างรวดเร็ว ล่าสุดสร้างปรากฏการณ์ประกาศปิดการขายคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในซอยสุขุมวิท 39 โครงการล่าสุด ‘The XXXIX’ (เดอะ เทอร์ทีไนน์) ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 178 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท 100% ภายในวันพรีเซลล์ ~จากกระแสตอบรับที่ดี/ลูกค้าจองคอนโดฯ ขนาด 3 ห้องนอนและเพนท์เฮาส์ ราคาสูงสุด 80 ล้าน ตั้งแต่การเปิดรอบเอ็กซ์คลูซีฟ พรีวิว จากกระแสเรียกร้องของลูกค้าจำนวนมาก

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเปิดการขาย คอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในซอยสุขุมวิท 39 โครงการ ‘The XXXIX’ (เดอะ เทอร์ทีไนน์) ว่าจากการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ในการจัด Pre- Sale เปิดตัวการขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 - 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการได้ 100% และสร้างยอดขายได้ถึง 2,700 ล้านบาท โดยเฉพาะห้องขนาด 3 ห้องนอนและเพนท์เฮาส์ราคาสูงสุดถึง 80 ล้านบาทนั้นนับว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ที่มีการเข้าจองตั้งแต่การเปิดขายในรอบเอ็กซ์คลูซีฟ พรีวิวจากกระแสความต้องการที่เรียกร้องให้เปิดการขาย โดยความสำเร็จของโครงการมาจากปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ ทำเลที่ตั้งอันเป็นที่สุดแห่งที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองกับความลงตัวของสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งนับเป็น Prime Locations หรือตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ใจกลางเมือง ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์เพียงแค่ 250 เมตร สามารถเชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 31, 49 และทองหล่อได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่ใช้ระยะเวลาและความละเอียดพิถีพิถันในการคัดสรรวัสดุชั้นดีมาไว้ในทุกรายละเอียดของโครงการ รวมทั้งการระดมนักออกแบบชั้นนำซึ่งมีผลงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาร่วมออกแบบในสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด ‘Timeless Luxury’ เรียบหรูคลาสสิค เหนือกาลเวลา ในราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 178 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท

“แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีในการพัฒนาคอนโดเมียมในระดับราคาประมาณ 2 แสนบาทต่อตารางเมตรในโซนสุขุมวิทได้อย่างรวดเร็ว จากความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อแสนสิริมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ทำให้โครงการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่าความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยยังเกิดขึ้นได้หากโปรเจคต์ที่พัฒนาสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ครบทุกมิติ รวมทั้งสิ่งเหล่านี้ คือ หัวใจในการพัฒนาทุกโครงการของแสนสิริ โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา แสนสิริมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมมาแล้วประมาณกว่า 19 โครงการ มีจำนวนยูนิตการอยู่อาศัยเกือบ 3,502 ยูนิต มูลค่าโครงการขายรวมเกือบ 29,000 ล้านบาท โดยมากกว่าร้อยละ 90 เป็นโครงการระดับพรีเมี่ยมที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) อาทิ ย่านสีลม สาทร ราชดำริ ร่วมฤดี รวมถึงย่านคอนโดมิเนียมสุดฮิตอย่างสุขุมวิทและทองหล่อ ตัวอย่างโครงการระดับพรีเมี่ยมที่มีการสร้างเสร็จในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการ Prive’ by Sansiri, Quattro by Sansiri เป็นต้น” นายเศรษฐา กล่าว

โครงการ The XXXIX (เดอะ เทอร์ทีไนน์) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 บนเนื้อที่ประมาณ 1.3 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High-Rise ความสูง 32 ชั้นสไตล์โมเดิร์นที่คงความคลาสสิคเหนือกาลเวลาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Timeless Luxury’ เพรียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายตอบรับในทุกรายละเอียดและทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และความละเอียดพิถีพิถันในการคัดสรรวัสดุชั้นดีมาไว้ในทุกรายละเอียดของโครงการ อาทิ วัสดุชั้นนำ คุณภาพสูงจากต่างประเทศในการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอาคาร อาทิ โพเดียมด้านหน้าตัวอาคาร ที่สง่างามด้วยผนังหินทรายธรรมชาตินำเข้าขนาดใหญ่ และผนังอลูมิเนียมสีทรายทอง ที่จัดวางเป็นแพทเทิร์นสะท้อนรูปแบบอันทันสมัยอย่างลงตัว เชื่อมต่อสู่สถาปัตยกรรมภายในอันสมบูรณ์แบบของโถงต้อนรับภายในอาคาร ซึ่งผ่านการสร้างสรรค์ให้งดงามโอ่โถงด้วยความสูงถึง 5 เมตร กรุด้วยคอปเปอร์บรอนซ์ หินอ่อนนำเข้าจากเหมืองในประเทศอิตาลีที่มีแห่งเดียวในโลก ซึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษ คือ เป็นหินอ่อนที่มีประกายในตัวเองเป็นสีทองแดง และระยิบระยับเมื่อกระทบแสงไฟ เสริมด้วยวัสดุโลหะสีทองแชมเปญสอดรับกับภายนอก บ่งบอกถึงความเป็นที่อยู่อาศัยที่มีรสนิยม รวมทั้งเติมเต็มการใช้ชีวิตด้วยด้วยพื้นที่ส่วนกลางเทียบมาตรฐานโรงแรมชั้นนำแบบ Full-floor facility ซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ภายใต้การออกแบบที่แฝงความคลาสสิกในรายละเอียดโดยการผสมผสานของวัสดุโทนสีขาวครีม สีทองแชมเปญ และสีดำ ได้อย่างลงตัว สระว่ายน้ำขนาดใหญ่แบบ Infinity Edge ท่ามกลางวิวพาโนราม่า พร้อม Water Features ต่างๆ เช่น Plunge Pool ทั้งน้ำอุ่นและน้ำเย็น Rain Shower Chamber, Jacuzzi bed รวมถึงห้องอบไอน้ำ, Sunken Pavilion สำหรับการพักผ่อน พร้อมกันนี้ ‘THE XXXIX’ ได้ออกแบบ Double-volume Business Centre ขึ้นเป็นพิเศษ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบมีรสนิยมของผู้พักอาศัย พร้อมทั้ง Quintessentially service ผู้ให้บริการผู้ช่วยส่วนตัวด้านไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก ทั้งหมดทุกรายละเอียดนี้จึงเป็นที่มาแห่งความสำเร็จของโครงการ นอกจากนี้ เดอะ เทอร์ทีไนน์ยังนับเป็นคอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดของแสนสิริ ที่มีระดับราคา 2 แสนบาทต่อตารางเมตรที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากอีกด้วย

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์อสังหาริมทรัพย์ วันจันทร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 502

โพสต์

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 503

โพสต์

*"บิวตี้ คอมมูนิตี้"กำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 8.00 บาท คาดเข้าเทรด 12 ธ.ค.

กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--รอยเตอร์


บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุง

ผิวที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ กำหนดราคาหุ้นที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)

ที่หุ้นละ 8 บาท จากช่วงราคาหุ้นที่ 7.50-8.50 บาท

"กำหนดราคาแล้วที่ 8.00 บาท และวันนี้จะอัพข้อมูลขึ้นในเว็บไซต์ของ ก.ล.ต."


แหล่งข่าวจากฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ

เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวกับ"รอยเตอร์"

บิวตี้ คอมมูนิตี้ จะเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมด 82.50 ล้านหุ้น ในราคาพาร์

หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายให้กับประชาชน จำนวน 80 ล้านหุ้น และอีก 2.5 ล้านหุ้น

เสนอขาย ต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัท

เขา กล่าวว่า หุ้นจะเสนอขายในวันที่ 29-30 พ.ย. และวันที่ 3 ธ.ค.55

และในเบื้องต้นคาดว่าหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในวันที่

12 ธ.ค.55

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 504

โพสต์

***หุ้นโค้งสุดท้าย...ลุ้น SET พรุ่งนี้ปรับขึ้น เก็งข่าวบวกกรีซ


ดัชนี SET วันนี้ปิดอยู่ที่ระดับ 1,290.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.15 จุด หรือ +0.71%
มูลค่าการซื้อขาย 27,169.05 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +946.27 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +280.68 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -773.13 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -453.82 ล้านบาท


นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงายวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า หลังรัฐบาลได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ 3 เขตของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ทำให้ความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองลดลง

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าในสัปดาห์หนี้ กรีซน่าจะเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดฯสวิงขึ้นได้ แต่การแกว่งขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัด เพราะประเด็นภาวะหน้าทางการคลังของสหรัฐ ยังเป็นประเด็นที่มีน้ำหนักต่อตลาดฯมากกว่า ทำให้อาจเห็น SET ปรับตัวขึ้นระดับหนึ่งและทรงตัว

จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันพรุ่งนี้ดังนี้
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,282-1,295 จุด หุ้นเด่น SYNTEC
บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,310 จุด หุ้นเด่น SIRI
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,275-1,290 จุด หุ้นเด่น LOXLEY

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 505

โพสต์

รูปภาพ

น้ำดื่ม"ชินคุ"ร่วมกิจกรรมลูกทุ่งเพสติวัลปี2
น้ำดื่ม "ชินคุ" ร่วมกิจกรรมกับ อาร์สยาม นำผลิตภัณฑ์มาให้ชิมในงาน "ลูกทุ่งเฟสติวัลปี 2"
วันนี้(26พ.ย.55) บริษัท เซ็นจูรี่ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอโลเวร่า (Aloe Vera)เทรนด์เกาหลี ชินคุ ภายใต้สโลแกน "สดชื่นสุขภาพดีกับเนื้อ Aloe Vera แท้ ๆ" นำโดย น.ส.ณิชา ภาวชิรพงศ์ กรรมการผู้จัดการนำทีมพนักงาน ร่วมกิจกรรมลูกทุ่งเฟสติวัลปี 2 กับอาร์สยาม ในชื่อตอน "สนุกสุดแสน อัศจรรย์แดนลูกทุ่ง" ในงานนี้ "ชินคุ" นำผลิตภัณฑ์มาร่วมให้ชิม เล่นเกมส์ แจกของรางวัล และจัดจำหน่ายชินคุในราคาพิเศษโดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้มาชมงานซึ่งร่วมสนับสนุนกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ งานนี้จัดขึ้นบริเวณมอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิตเก่า)

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 506

โพสต์

SET:หุ้นไทยปิดบวก 0.71%
ซื้อกลุ่มแบงก์-อสังหาฯนำตลาด, คาดพรุ่งนี้แกว่งแคบ


กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--รอยเตอร์


ดัชนีหุ้นไทย ปิดบวก 0.71% ภาวะการซื้อขายภาคบ่าย ดัชนียังเคลื่อนไหว

แดนบวกเหมือนกับภาคเช้า โดยมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์หนาแน่น รองลงมาได้แก่ กลุ่ม

อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มพลังงาน

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลต่อ

ปัจจัยการเมืองในประเทศ ขณะที่ยังมีปัจจัยจะต้องติดตามทั้งปัญหาหนี้ของกรีซ และสเปน

รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันพุธนี้ว่าจะมีการปรับลด

ดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดบวก 9.15 จุด มาที่ 1,290.85 ดัชนีสูงสุดอยู่ที่

1,292.66 ดัชนีต่ำสุดอยู่ที่ 1,286.13 โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 27,169.05 ล้านบาท

ขณะที่ SET50 ปิดบวก 5.15 จุด หรือ 0.59% มาที่ 874.87 และ SET100

ปิดบวก 12.54 จุด หรือ 0.66% มาที่ 1,923.48

ดัชนีกลุ่มแบงก์ บวก 0.80% มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 17.32% รองลง

มาได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บวก 1.57%, และกลุ่มพลังงาน บวก 0.27%


"ตลาดดีดตัวขึ้นมาค่อนข้างแข็งแรง เพราะได้รับผลดีจากปัจจัยการเมืองที่สงบลง

และถือว่าจบ(การชุมนุม)อย่างรวดเร็ว จึงทำให้นักลงทุนคลายความกังวล"



นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าว

นางสาวธีรดา กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามทั้งปัญหาหนี้ของกรีซ และ

สเปนว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศ แม้ว่าขณะนี้จะสงบลง แต่ก็มี

โอกาสที่จะเกิดการชุมนุมอีกได้ เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองยังมีอยู่

รวมถึงยังต้องติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ว่าจะมีการปรับลด

ดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ หลังจากที่ครั้งก่อนได้มีการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ถือว่านอกเหนือ

จากที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ว่าจะคงดอกเบี้ย

เขามองว่า ระดับดัชนีที่ 1,300 จุด จะเป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่แข็งแกร่ง

ซึ่งการที่จะผ่านไปได้นั้น จะต้องมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนอย่างมาก ขณะที่กรอบการ

ปรับตัวลงอยู่ที่ประมาณ 1,280 จุด

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้ เขา คาดว่าดัชนีจะยังเคลื่อนไหวอยู่ใน

กรอบแคบๆ เพราะตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น


หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

SCB บวก 2.00 บาท มาที่ 158.50 บาท

CPALL บวก 0.75 บาท มาที่ 40.75 บาท

BANPU บวก 20.00 บาท มาที่ 394.00 บาท

BLAND บวก 0.06 บาท มาที่ 1.29 บาท

PTT ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 312.00 บาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 507

โพสต์

รูปภาพ

เก็บตกSET in the Cityมูลค่าลงทุน999ล้าน
เก็บตก SET in the City 2012
ตลาดหลักทรัพย์ฯเผยยอดทำธุรกรรมในงานกว่า 999 ล้านบาท
43% ลงทุนหุ้น-อนุพันธ์ 37% ลงทุนกองทุนรวม

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยถึงการจัดงานมหกรรมการลงทุนครบวงจร SET in the City 2012 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 22-25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่าประสบความสำเร็จโดยตลอด 4 วัน ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนและประชาชนที่มาหาข้อมูลการลงทุนและทำธุรกรรมในงาน โดยมีผู้ร่วมงานตลอด 4 วัน กว่าหนึ่งแสนสามหมื่นคน ซึ่งเฉลี่ยกว่า 50% เป็นผู้ยังไม่เคยมาร่วมงาน SET in the City มาก่อนและยังไม่มีบัญชีลงทุนในหลักทรัพย์ และพบว่าพฤติกรรมผู้ลงทุนเน้นให้ความสำคัญข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนและเลือกสรรบริการมากขึ้น

โดยกิจกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือสัมมนาทั้ง 70 หัวข้อ มีผู้เข้าร่วมฟังเต็มเกือบทุกหัวข้อสัมมนา รวมกว่า 15,000 คน โดยเฉพาะหัวข้อที่มีผู้เชี่ยวชาญ นักวิเคราะห์มาร่วมวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจ หรือต้นแบบด้านการลงทุนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองประสบการณ์ ตลอดจนกิจกรรมย่อยต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อตอบรับต่อความต้องการแต่ละด้าน เช่น SET-TFEX Investor Classroom ซึ่งแนะนำเทคนิคการลงทุนทั้งแบบ Technical และ Fundamental รวมถึงการพบปะและรับทราบข้อมูลจากผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนโดยตรง ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้ง บริการเปิดบัญชีหลักทรัพย์เร็วทันใจซึ่งมีผู้ให้บริการถึง 15 บริษัทหลักทรัพย์ และการเปิดหลักสูตรอบรมให้ความรู้ด้านการลงทุนจากสถาบันการเงินต่างๆ ภายในงาน

สำหรับยอดธุรกรรมในงานรวมทั้งสิ้น 16,500 รายการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 999 ล้านบาท โดย 43% เป็นบัญชีลงทุนในหุ้นและอนุพันธ์ เป็นการลงทุนในกองทุนรวม 37% รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ อาทิ การลงทุนในทองคำ กรมธรรม์ประกันภัยควบการลงทุน อีกประมาณ 20%

ทั้งนี้ ผู้ที่พลาดการร่วมงาน SET in the City 2012 สามารถดูรายละเอียดบริการและสัมมนาย้อนหลังได้ทาง www.set.or.th/setinthecity หรือ Mobile Application “SETactivity”

รูปภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 508

โพสต์

เทคนิคการออมเพื่อเกษียณ

รูปภาพ
โดย : วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

หลังจากที่เขียนบทความเกี่ยวกับข้อคิดสำหรับการออมเพื่อเกษียณไปสองสัปดาห์ มีผู้อ่านจำนวนมากอยากทราบข้อมูลและเทคนิคการออมเพื่อเกษียณ
ดิฉันคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านจำนวนมาก จึงอยากจะขอนำมาแนะนำโดยสังเขปในวันนี้


ทำอย่างไรถ้ารู้ตัวว่าเริ่มออมช้าเกินไปเสียแล้ว?

รู้ตัวว่าช้ายังดีกว่าไม่รู้ตัวเลยค่ะ ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยเพิ่งทำการสำรวจพฤติกรรมการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณของคนกรุงเทพฯ พบว่า คนในวัยแรงงานเล็งเห็นถึงความสำคัญของการออมเพื่อการเกษียณถึง 85% โดยกลุ่มข้าราชการเป็นกลุ่มที่ตระหนักถึงการออมเพื่อการเกษียณมากที่สุด คือตระหนักทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ของกลุ่มที่สำรวจ

กลุ่มที่มีการตระหนักถึงการออมเพื่อวัยเกษียณน้อยทีสุดคือกลุ่มผู้รับจ้างและเกษตรกร โดยมีสัดส่วนที่ให้ความสำคัญต่อการออมเพื่อเกษียณ 70% ส่วนผู้ที่ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการออมเพื่อเกษียณนั้น ให้เหตุผลว่ายังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายปัจจุบัน 20% และยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการออมเพื่อวัยเกษียณ 10%

อันที่จริงแล้ว หากไปอธิบายถึงเรื่องค่าเงินในอนาคต ก็อาจจะดูซับซ้อนจนเกินไป ทำให้คนสับสนได้ เทคนิคการอธิบายและคำนวณเงินที่จะใช้ให้เข้าใจง่ายๆโดยไม่ต้องมีเรื่องค่าของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องคือ หลักการที่ว่าต้องการใช้เท่าใดก็ต้องเก็บเท่านั้น

ยกตัวอย่าง หากต้องการมีเงินใช้เดือนละ 20,000 บาท ไปอีก 20 ปี หรือ 240 เดือน หลังเกษียณ ก็ต้องมีเงินอย่างน้อย 4.8 ล้านบาท และถ้าจะเก็บออมเดือนละ 20,000 บาทเพื่อให้ได้เงินก้อน 4.8 ล้านบาท ก็จะใช้เวลา 20 ปี (ในที่นี้ไม่คำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ โดยสมมุติว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนเท่ากับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยคงอำนาจซื้อ)


จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า คนส่วนใหญ่ตั้งเป้าหมายเงินออมเพื่อการเกษียณเอาไว้ที่ 2 ล้านบาท ซึ่งดิฉันเห็นว่าไม่เพียงพอแน่นอนค่ะ แม้จะสามารถลงทุนได้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าเงินเฟ้อก็ตาม
ถ้ารู้ตัวว่า ณ อัตราการออมปัจจุบันไม่สามารถออมได้ถึง 4.8 ล้านบาท สิ่งที่ต้องทำคือ ออมเพิ่มขึ้น หรือ เกษียณให้ช้าลง อาจทำงานพิเศษต่อจนถึงอายุ 65 ปี เพื่อหารายได้เพิ่ม หรือ พยายามหาผลตอบแทนเพิ่มจากการลงทุนค่ะ

อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ เริ่มช้า ก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มเลย หรือพยายามออมเพิ่มขึ้น ประหยัดมากขึ้น ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง

นอกจากนี้ การรักษาสุขภาพให้ดี ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีเงินออมน้อย เพราะรายจ่ายจะลดลงไปมากเลยทีเดียว หากท่านไม่เจ็บไข้ได้ป่วยหลังเกษียณ

และเทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือ ทำประกันชีวิต สำหรับท่านที่มีภาระในการดูแลผู้อื่น ควรจะทำแบบรับเงินคืน หากท่านหากไม่มีภาระใดๆ ให้เลือกทำเฉพาะแบบรับความคุ้มครอง ไม่ต้องทำแบบรับเงินคืน เนื่องจากไม่มีความจำเป็น และเบี้ยประกันต่ำกว่า


ต้องออมเป็นสัดส่วนเท่าไรจึงจะเพียงพอ ?

ข้อนี้ไม่มีกฎตายตัว แต่ดิฉันเห็นว่าขั้นต่ำควรจะประมาณ 10% และขั้นสูงอาจจะถึง 30 หรือ 35% ของรายได้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่สำรวจมีการออมในสัดส่วน 6-10%ของรายได้เท่านั้น

ในช่วงที่รายได้ยังไม่สูง การออม 10% ก็เป็นการเหมาะสม เพราะออมมากกว่านั้น อาจทำให้ต้องอดอยาก แต่เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น เราควรจะออมเพิ่ม ไม่ควรจะนำรายได้ส่วนเพิ่มไปใช้จ่ายจนหมด โดยเฉพาะเมื่อเราหมดภาระในการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เราจะมีเงินที่เราเคยต้องเก็บเพื่อไปผ่อนอยู่ประมาณ 20-30% ของรายได้ ส่วนนี้คือส่วนที่ควรจะออมเพิ่ม

ผู้ที่มีรายได้สูงมากๆ อาจจะไม่สามารถออมได้ถึง 50% ของรายได้ เพราะภาระภาษีจะสูงขึ้นด้วย รายได้สุทธิหลังภาษีของผู้มีฐานภาษีขั้นสูงสุดคือประมาณ 63-65% ของรายได้ การออมถึง 50% ก็แปลว่ามีเงินกันไว้ใช้จ่ายเพียง 13-15% ของรายได้เท่านั้น ซึ่งดิฉันเห็นว่าไม่เพียงพอ

ซึ่งก็สอดคล้องกับการสำรวจค่ะ กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่งบอกว่ายินดีออมเพิ่มเมื่อรายได้เพิ่มขึ้น


เมื่อใดควรเริ่มออมเพื่อการเกษียณ?

ดิฉันเขียนและพูดมาหลายสิบปีแล้วว่า เริ่มต้นทำงานก็ควรจะเริ่มออมและลงทุนเพื่อการเกษียณเลย ในช่วงที่ยังไม่มีภาระในการผ่อนเงินกู้อื่นๆ คือ เงินกู้ซื้อรถ และซื้อบ้าน ก็ควรจะออมในสัดส่วนสูงกว่า เมื่อเทียบกับการออมในวัยที่มีภาระในการใช้จ่ายสูง เช่นในวัย 30-40 ปี ซึ่งอาจจะออมเพื่อการเกษียณเพียง 5% ของรายได้ และเมื่อภาระการผ่อนรถผ่อนบ้านลดลง ก็กลับไปออมเพิ่มขึ้นได้


เวลาคำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ต้องคำนวณเพื่อคนอื่นหรือไม่ ?

อันนี้ขึ้นอยู่กับท่านค่ะ ถ้าท่านมีภาระที่ต้องดูแลผู้อื่น เช่น ภรรยา หรือสามี หรือหลาน ท่านก็ควรจะคำนวณเผื่อเอาไว้ เราจะพูดกันอยู่เสมอๆในแวดวงนักวางแผนการเงินว่า ต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีด้วย มีค่าขนมไว้ให้หลานๆบ้าง มีเงินไปทำบุญ หรือไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนฝูง ฯลฯ

เพราะฉะนั้น ในการประมาณการค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ต้องอย่าลืมค่าใช้จ่ายกลุ่มนี้ด้วยนะคะ

ถ้าจะเกษียณให้เกษม ต้องมีเงินประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป อยากให้คนไทยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านบาทมากกว่า 2 ล้านบาทค่ะ ถ้ามีเงิน 10 ล้านบาท ลงทุนได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี ในระยะเวลา 25 ปี จะสามารถใช้เงินได้เดือนละ 58,563 บาท ถือว่าน่าจะทำให้อยู่ได้อย่างสบายพอสมควร

เชื่อไหมคะว่าเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ยากเลย เก็บเงินเพียงปีละ 5,000 บาท ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เป็นเวลา 32 ปี ก็จะได้เงิน 1.05 ล้านบาท สิ่งสำคัญคือการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีนั่นเอง

การลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญ หนังสือเล่มต่อไปของดิฉันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนค่ะ โปรดติดตามในปีหน้า

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 509

โพสต์

รูปภาพ

Doctor Tony เปิดตัวนวัตกรรมความงามแห่งอนาคต
กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--โอ เอท ครีเอทีฟ คอมมิวนิเคชั่นส์

“ด็อกเตอร์ โทนี่ คลีนิค” โดย นพ.วรพล สุขีวัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ และความงาม ร่วมด้วย คุณอุมาพร ว่องวัฒนะสิน จัดกิจกรรม “Afternoon Tea Party by Doctor Tony” ไขความลับในการแก้ปัญหาริ้วรอยตามวัย พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “Eight Points” โดยมีเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังมาร่วมงาน อาทิ คุณเปรมปรีดี สิงหเสนีย์, คุณสิริโสภา จุลเสวก, คุณนลินี วรวงวสุ และ คุณภัทศา งามจิตสุขศรี ณ ด็อกเตอร์ โทนี่ บิวตี้ คลินิก สาขาทองหล่อซอย16 เมื่อเร็ว ๆ นี้


ข่าวประชาสัมพันธ์สุขภาพ อาหาร วันจันทร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 510

โพสต์

รูปภาพ
GOSSIP: TNDT มีข่าวดี
กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--IR PLUS

หลังจากที่ซุ่มเงียบไม่มีข่าวคราวออกมานาน ล่าสุดแว่วว่า บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT ผู้นำในธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดย ไม่ทำลาย (Nondestructive Testing - NDT) สายเลือดไทยแท้ ที่มี “คุณชมเดือน ศตวุฒิ” เป็นแม่ทัพใหญ่ กำลังจะมีข่าวดี๊-ดี มาฝากผู้ถือหุ้นให้ได้ฮือฮากันอีกครั้ง แต่งานนี้ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับที่มีคนเห็นขุนพลมือขวา “สมอุ้ย ตั้งจิตต์ถาวรกุล” ไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวแม่สาย-ท่าขี้เหล็กมานานนับปีหรือเปล่า แฟนพันธุ์แท้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะใครก็รู้ว่าสไตล์ “คุณชมเดือน” ถ้าไม่ชัวร์ไม่มีข่าวออกมาโคมลอยแน่นอน..คอนเฟิร์ม!!


ข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป วันจันทร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕