สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 241

โพสต์

รูปภาพ

สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น


20 พ.ย.--ทันหุ้น
Distributor - Bisnews AFE


'TCB'เป้าหมายใหม่39บาทมิชลิน-กู๊ดเยียร์ป้อนงาน100%
TCB ฉายแววรุ่งโรจน์ หลังลูกค้าฝรั่งรายใหญ่ 5 ราย เบียดสั่งออเดอร์รับอานิสงส์อุตสาหกรรมยาน
ยนต์ทะลัก หนุนกำลังผลิตเฉียด 100% ถกบอร์ดกางแผนเพิ่มกำลังผลิต จับตาไตรมาส 4/2555 กำไรบาน
ครองเบอร์ 1 ปั๊มรายได้ทั้งปี 20-25% กูรูเห็นกำไร 48% ด้าน EPS 3.90 บาท โชว์เป้าหมาย 39 บาท

'WHA' เร่งสปีดอัพกำไรถกบอร์ดต้นธ.ค.-ลุ้นปันผลอื้อ
WHA เดินหน้าปั๊มกำไร-รายได้ แย้มผลการดำเนินงาน Q4/2555 เพิ่มจาก Q3/2555 มีกำไรสุทธิ
14.94 ล้านบาทชัวร์ หลังส่งมอบพื้นที่คลังสินค้าเพียบ-ปรับค่าเช่าขึ้น พร้อมส่งซิกประชุมบอร์ดต้นเดือน
ธันวาคม 2555 จ่ายปันผล

INTUCH กำไรดี-ปันผลงาม ADVANC-THCOM แกร่ง
กลุ่ม INTUCH เนื้อหอมรับศาลนัดไต่สวนใบอนุญาต 3G วันนี้ ชูจุดเด่นผลงานเติบโต ชี้ ADVANC ปัน
ผล 100% ของกำไร ส่วนแผนลงทุนปีหน้ารอศาลชี้ชะตาส่วน THCOM ธุรกิจดาวเทียมคืบหน้า ปีนี้พลิกกำไร
หลังรายได้โต 6-7% โบรกแนะสอยหุ้นแม่รับประโยชน์สองเด้ง ปรับราคาใหม่ 78 บาท

จับตา 'PAE' ราคามีสัญญาณแปลกผู้บริหารขอเวลาเช็กข้อมูลวุ่น
PAE มึนตึบไม่รู้ราคาหุ้นพุ่งแรง รับผลประกอบการไตรมาส 4/2555 ส่อแววฟื้นตัวดีขึ้นหลังจาก 9
เดือนแรกของปีขาดทุนยับ มั่นใจลุยรับงรน OIL-GAS ช่วยดันอัตราการทำกำไรดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาด้านโบรก
ส่องราคาเคลื่อนไหวขาขึ้น ระยะสั้นลุ้นต้าน 1.35 บาท

'SAM' ปั๊มกำไรสูงสุดรอบ 15ปีแจกปันผล40%-ต้าน 1.40 บาท
SAM ส่งซิกปี 2555 โชว์กำไรสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2540 ลุ้นถกบอร์ดแจกปันผล 40% ของ
กำไรสุทธิ จับตางบไตรมาส 4/2555 สดใสหลังความต้องการเหล็กล้นทะลักสวนทางต้นทุนวัตถุดิบหด หนุน
มาร์จิ้นทะลุ 10% จาก 7.41% กางแผนบุกตลาดเพื่อนบ้านรับ AEC โบรกเทคนิคเคาะแนวต้าน 1.40 บาท

ROJNA ยอดขายที่ปีนี้ 1.5 พันไร่กูรูส่องเป้า 14.18 บ. -อัพไซด์ 51%
ROJNA มั่นใจยอดขายที่ดินปีนี้แตะ 1.5 พันไร่ เผยนิคมใหม่ 2 แห่ง นักลงทุนตอบรับดี เตรียมแผน
พัฒนาที่ดินนิคม-ปราจีนบุรี เพิ่ม ส่วนรายได้ปีนี้ลุ้นดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 6.46 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า
เริ่มเดินเครื่องต้นปีหน้า ฟากโบรกปรับประมาณการ แนะ "ซื้อ" เป้า 14.18 บาท อัพไซด์ 51%

'SIRI' โรดโชว์ลอนดอนโบรกปรับราคาใหม่ 3.90 บ.
SIRI เผยอยู่ระหว่างโรดโชว์ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ช่วงระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายนนี้
หลังจากนั้นมีแผนเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศโซนเอเซียต่อเนื่อง ต่อด้วยโร
ดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ 3-4 ธันวาคม 2555 หวังสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนสถาบัน และมั่นใจรายได้
และกำไรทั้งปีเติบโตกว่าปีก่อนโบรกปรับราคาใหม่ 3.90 บาท

'TTCL' ทุ่มงบ 170 ล้านดอลลาร์ผุดโรงไฟฟ้าหม่า 100 เมกะวัตต์
TTCL เซ็น MOU ลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่า 100 เมกะวัตต์ มูลค่า 170 ล้านดอลลาร์ คาดผลิตไฟฟ้า
ระยะแรกได้ไตรมาส 2/2556 และจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/2557 ส่วนปีหน้าคาดรายได้โต 30% จากปีนี้
ลุยคว้างานใหม่อีกเพียบ โบรกแนะ "ซื้อ" ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2556 และ 2557 ในอัตรา 8%
และ 25% เป้า 35 บาท

ERW แก้มือ Q4 พลิกกำไรอานิสงส์ไฮซีซันกระตุ้น
ERW คาดผลงาน Q4/2555 พลิกกำไรหลังจาก Q3/2555 ขาดทุนคาดปีหน้ารายได้โต 18-20%
จากปีนี้ที่พลาดเป้า ผู้บริหาร "ไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์" เล็งลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท ทั้งซื้อโรงแรมระดับ
3-4 ดาว และปรับปรุงโรงแรมเก่า ชี้ AEC ส่งผลดีกับธุรกิจโรงแรม

TCAP ออกหุ้นกู้วงเงินราว3พันล.พอร์ตสินเชื่อพุ่ง
TCAP กางแผนธุรกิจ ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อายุ 10 ปีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.60%
ต่อปี เหตุรองรับการลงทุนและชำระหนี้คืน ด้านผู้บริหารย้ำพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ปี 2555 เพิ่มขึ้นสูง
กว่าระดับ 3 แสนล้านบาท โตเกินเป้าตั้งไว้ที่ 8-10%

ตลท.ดันผลงานบจ.แข็งแกร่งโกยกำไร9เดือนพุ่ง5.6แสนล.
ตลท.โชว์ศักยภาพต่อเนื่อง ทำกำไรไตรมาส 3 ปี 2555 รวม 216,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง
34.67% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมาถึง 66.40% ส่งผลให้กำไรสุทธิ
งวด 9 เดือนมียอดรวม 560,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.38% และ ยอดขายรวม 7,614,948 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 11.80%

MATCHเพิ่มทุน120ล.หุ้นจ่อขึ้นแท่นHUBภาพยนตร์
MATCH ประกาศเพิ่มทุน 210 ล้านหุ้น วางเป้าผุดเมืองถ่ายหนังครบวงจร ผงาดขึ้นเป็นศูนย์กลาง
การถ่ายทำภาพยนตร์ของภูมิภาค รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)-แก้ฟรีโฟลตต่ำ ด้านผู้
บริหาร "สมบุญ ชีวสุทธานนท์" ชี้หลังปรับโครงสร้างภายในเสร็จเรียบร้อยพร้อมโตก้าวกระโดด

ออสสิริสกรุ๊ปลุย 'SET in the City' ส่งโปรโมชั่นพิเศษผ่อนทอง 10 เดือน
กลุ่ม บริษัทออสสิริส จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจนักลงทุนด้วยโปรโมชั่น "Ausiris's Advantage
Points" และโปรโมชั่นผ่อนชำระเหรียญทองคำนานสูงสุด 10 เดือน เปิดบูธให้คำปรึกษาด้านการลงทุน
และร่วมกิจกรรมที่น่าสนใจตลอดงานพร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมายระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน นี้ ณ
รอยัลพารากอน ฮอลล์ 2-3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

โกลเบล็กกรุ๊ปฉลอง10ปีแจกแหลกลุ้นรับฮอนด้าซีอาร์วี-โตโยต้าพรีอุส
โกลเบล็ก กรุ๊ปฉลองครบรอบ 10 ปี อัดโปรโมชั่นใหญ่ร่วมงาน Set in the city 2012 สะสม
คะแนนลุ้นรับรถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี-โตโยต้าพรีอุส พร้อมของรางวัลอื่นๆ รวมกว่า 4 ล้านบาท แถมจัดกูรูขึ้น
ให้ความรู้จัดพอร์ตลงทุนหุ้นปันผลอย่างเซียน คาดยอดเปิดบัญชีหุ้น อนุพันธ์ ทองคำในงานรวม 500 บัญชี พบ
กันวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2555 นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ศูนย์การค้าสยามพารากอน

กบข.ปรับแผนจัดสรรลงทุนยาวสู้ภาวะผันผวน-เพิ่มผลตอบแทน
กบข.ปรับแผนจัดสรรการลงทุนระยะยาว (SAA) ใหม่ ภายใต้สถานการณ์การลงทุนผันผวน ผลตอบ
แทนจำกัด เล็งปรับแนวคิด และหลักเกณฑ์การลงทุน ให้สอดคล้องกับวงจรเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความยืดหยุ่น
ในการจัดสรรเงินลงทุน และเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทนให้สมาชิก คาดได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้

'MFC' รุกขาย2กองเลือกได้ตามชอบกองทุนเปิดSPOT33ตั้งเป้าหมาย3%
เอ็มเอฟซีรุกหนักเปิดขาย 2 กองทุน 2 นโยบาย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 (SPOT33) ตั้ง
เป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้ง ภายใน 5 เดือน เปิดขายวันที่ 20-28 พฤศจิกายน 2555 และ
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 เดือน ซีรีส์ 5 หรือ I-Fix12M5 ลงทุนตราสารหนี้ต่าง
ประเทศ เปิดขายวันที่ 19-26 พฤศจิกายน 2555

AGE แง้ม Q4 กำไรกระฉูด 25% โบรกแนะสอยด่วนเป้า 4.05บ.
วงในกระซิบ AGE ผลงาน Q4/2555 ทะยาน 25% จาก Q3/2555 ที่มีกำไร 54.41 ล้านบาท
อานิสงส์ยอดส่งออกปรี๊ด แถมได้ท่าเรือใหม่ช่วยลดต้นทุน ด้านเอ็มดี "พนม" ลั่นปี 2556 งบเทิร์นอะราวนด์
ขานรับดีมานด์ถ่านหินฟื้นตัว ส่วนดีลเหมืองถ่านหินอินโด หวังได้ข้อสรุปปีหน้า ด้านโบรกเกอร์ แนะ "ซื้อ"
เคาะเป้า 4.05 บาท

L&Eแบไต๋Q4งบพีคสุดรอบปีโชว์งานในมือจ่อรับทรัพย์อื้อ
L&E ส่งซิกผลงาน Q4/2555 ดีกว่า Q3/2555 ที่มีรายได้ 596 ล้านบาท โตเด่นสุดในรอบปี รับดี
มานด์ขยายตัว ด้านผู้บริหารโชว์ Backlog ในมือราว 650 ล้านบาท ซดยาวถึงปีหน้าด้านนักวิเคราะห์ส่อง
พิกัดต้าน 13.40 บาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 242

โพสต์

รูปภาพ
นครเชียงใหม่เร่งประดับโคมทั่วเมืองรับเทศกาลเดือนยี่เป็ง
นครเชียงใหม่เร่งตกแต่งเมืองรับเทศกาลเดือนยี่เป็ง นำโคมไฟหลากหลายประดับทั่วเมือง ขณะนักท่องเที่ยวแห่ชมโคมเรือสุพรรณหงส์ แม้การตกแต่งยังไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อย คาดเงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาท...

นครเชียงใหม่ เร่งตกแต่งเมืองรับประเพณีเดือนยี่เป็ง 2555 ทั่วทั้งเมืองมีการประดับประทีบโคมไฟอย่างสวยงาม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลที่จะเดินทางเข้ามา โดยบริเวณถนนสายต่างๆ มีการตกแต่งปฏิมาโคมล้านนา รวมถึงตามประตูเมืองและเส้นทางเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในมีการนำโคมรูปช้างและสัตวป่าหิมพานต์มาประดับอย่างสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 19 พ.ย. ที่จุดลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ใจกลางเมืองเชียงใหม่ มีการทำโคมเรือสุพรรณหงส์และเปิดไฟให้ชม ซึ่งสวยงามเป็นอย่างยิ่ง มีนักท่องเที่ยวไปชมและถ่ายรูปกัน แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม

รูปภาพ

นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า เทศบาลนครเชียงใหม่จะจัดงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ 2555 โดยเน้นย้ำเรื่องของการงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด พร้อมขอความร่วมมือในการงดเล่นประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิงที่จะก่อให้เกิดอันตราย รวมถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีล้านนา แต่งกายชุดพื้นเมือง พูดภาษาคำเมือง ทั้งนี้ ระดมหลายหน่วยงานร่วมบูรณาการ อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้การจัดงานในปีนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทำให้เชียงใหม่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม ปีนี้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้มีการรณรงค์ขอความร่วมมืองดเล่นประทัดยักษ์และร้านค้างดจำหน่ายประทัดยักษ์ ในช่วงเทศกาลเดือนยี่เป็ง 2555 ส่วนบังคับของการใช้กฎหมายทางเทศบาลขอใช้เป็นขั้นตอนสุดท้าย

รูปภาพ

ทั้งนี้ จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราตามจุดต่างๆ อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสะพานเนาวรัฐ สะพานลอยจันทร์สม และริมน้ำปิง ซึ่งในช่วงเทศกาลประเพณีเดือนยี่เป็งในปีนี้ มียอดจองห้องพักโรงแรมในเชียงใหม่ ถึง 80% คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ส่วนทางด้านของ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้มีการประชาสัมพันธ์การจัดงานให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในช่วงประเพณีเดือนยี่เป็ง และขอความร่วมมือให้ชาวเชียงใหม่ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย.

รูปภาพ
ไทยรัฐออนไลน์

โดย ทีมข่าวภูมิภาค
20 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 243

โพสต์

รูปภาพ

ปิดฉาก 'คอมมาร์ต2012' โน้ตบุ๊กแชมป์ขายดีสุดตามคาด

เออาร์ไอพี ผู้จัดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012 เผยโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ขายดี 3 อันดับแรก สารพัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้าได้ผล ทำยอดเงินสะพัดในงานกว่า 2,600 ล้านบาท...

นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที “คอมมาร์ต” กล่าวว่า จากการจัดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012 ที่ผ่านมา ถือเป็นการทิ้งทวนตลาดไอทีปลายปีได้อย่างสวยงาม สามารถปลุกตลาดคอนซูเมอร์ไอทีให้กลับมาคึกคักอีกครั้งตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายของการจัดงาน โดยมีผู้สนใจเข้าคิวรอซื้อสินค้าไอทีตั้งแต่เช้าตรู่ อาทิ Nokia Lumia, Hybrid Tablet, ไอโฟน 5 และตลอดงานทั้ง 4 วัน มีโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ช่วยส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในงานคึกคักทำให้ยอดขายในงานครั้งนี้เป็นไปตามเป้า ทั้งนี้เมื่อรวมยอดขายแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ก ชี้ให้เห็นถึงเทรนด์สินค้าไอทีที่ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต ทำให้มียอดเงินสะพัดภายในงานราว 2,600 ล้านบาท

“ภาพรวมของสินค้าไอทีที่ได้รับความนิยม คือ ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งในแง่ของการใช้งาน ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และความคุ้มค่า ซึ่งในปีหน้าเทรนด์ไอทีต้องตอบโจทย์ตรงนี้ได้ สินค้า 1 ชิ้น จะต้องสามารถรองรับความต้องการได้หลายอย่าง ทั้งความบันเทิงและธุรกิจ ความต้องการสินค้าไอทีมีอยู่ตลอดเวลาและหลากหลายไปตามกระแส และมั่นใจว่าในปีหน้าตลาดไอทียังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายสินค้าภายในงานคอมมาร์ตครั้งนี้" นายปฐม กล่าว

นายปฐม กล่าวอีกว่า ยอดขายงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012 ครั้งนี้ถือว่าเกาะกระแสสินค้าใหม่ๆ อาทิ ไอโฟน 5, Nokia Lumia 820 และ 920, ระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ใช้งานแบบหน้าจอทัชสกรีนที่มาเปิดตัวในงานกว่า 30 รุ่น แท็บเล็ตไฮบริดที่ได้รับความสนใจอย่างมาก และเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์ในปีหน้าอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการการใช้งานที่มีมากกว่าความบันเทิง ส่วนสินค้าไอทีโปรโมชั่นเด็ดต่างๆ ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในงานคึกคักตลอดทั้ง 4 วัน สินค้าไอทีบางรุ่นขายหมดตั้งแต่วันที่สามของการจัดงาน เช่น แท็บเล็ตไฮบริด ของ Sony Duo 11 สมาร์ทโฟน อย่าง Nokia Lumia 920 ส่วนแท็บเล็ตราคาประหยัดที่เริ่มต้นไม่ถึง 2 พันบาท ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บางยี่ห้อขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 500 เครื่อง เหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการดันยอดขาย และเป็นสีสันให้กับงาน

กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บมจ.เออาร์ไอพี กล่าวด้วยว่า ทิศทางการจัดงานคอมมาร์ตในปีหน้า เออาร์ไอพียังคงเน้นเทรนด์สินค้าใหม่ๆ ความคุ้มค่าการซื้อสินค้า และราคาที่เหมาะสมกับผู้บริโภค โดยจะเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรจัดงานคอมมาร์ตต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2013 โดยงานแรกต้นปีคือ งานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2013 ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 21-24 มี.ค.2556 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์.

สำหรับสินค้าขายดีในงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011 มีรายละเอียดดังนี้
รูปภาพ

รูปภาพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
19 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 244

โพสต์

รูปภาพ
'ภูกระดึง' ฤดู 'กอดอก'...!
สังเกตบ้างไหมว่า อากาศหนาวๆ มันทำให้เรา ‘กอดอก’ มากกว่าฤดูอื่นๆ

ในทางวิทยาศาสตร์ภาษากาย การ ‘กอดอก’ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ในทางภาษา ‘หัวใจ’ ที่พูดกันแบบโรแมนติก นัยของการกอดอกนอกจากจะทำให้ได้ความอบอุ่นของร่างกายมากขึ้นแล้ว คนที่ยังไม่มีใครดูแลหัวใจ และยังไม่มีใครให้กอด (ไม่นับคนที่มีสาวหรือหนุ่มให้ความอบอุ่น) การ ‘กอดอก’ ฤดูหนาวเช่นนี้ก็ช่วยให้หัวใจคลายเหงาและอบอุ่นขึ้นมาได้เช่นกัน

ภาพเล่าเรื่องสัปดาห์นี้ Pencil ช่างภาพฝีมือดีที่มาโชว์ผลงานในไทยรัฐออนไลน์แล้วมีคนติดใจ ชวนเราไป 'กอดอก' รับลมหนาวกับภาพเซตภูกระดึง...!


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

**รู้ไว้ใช่ว่า**

วิกิพีเดียระบุว่า อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึงในจังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี พ.ศ. 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร

ภูกระดึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ฤดูหนาวมีคนคิดถึงและอยากจะไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย.


รูปภาพ
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 245

โพสต์

รูปภาพ

อดีตพนักงาน SCC 'ณัฐชาต คำศิริตระกูล'รับปันผล'หลักล้าน'ต่อปี
พอร์ตใหญ่เท่าไรไม่ยอมบอก แต่รับเงินปันผล 'หลักล้านบาท' ต่อปี
'กานต์' ณัฐชาต คำศิริตระกูล อดีตมนุษย์เงินเดือน 'เครือซิเมนต์ไทย' วัย 32 ปี

เคยเป็นพนักงานบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่ใครๆ ก็อยากไปทำงานด้วย แต่ “กานต์” ณัฐชาต คำศิริตระกูล อดีตวิศวกรฝ่ายการตลาด บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) วัย 32 ปี เขาเลือกที่จะทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นบาท หน้าที่การงานที่ใครหลายคนมองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง มีโอกาสก้าวหน้า และมีสวัสดิการดีเป็นเลิศ ตัวเขากลับมองว่าอาชีพลูกจ้างชาตินี้คงหาความมั่นคงไม่ได้ ทันทีที่สิ้นเสียงความคิด! มนุษย์เงินเดือนอย่างเขาก็พร้อมสบัดเก้าอี้ที่เคยนั่งทำงานทุกวัน เพื่อออกไปแสวงหาความยั่งยืนให้กับชีวิต ด้วยการเล่นหุ้นอย่างมีสติ

ณัฐชาต เป็นหนึ่งในสมาชิกวีไอ เข้าร่วมงานกับสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของสำนักงาน และรับสมัครสมาชิก หน้าที่ใหม่ที่ต้องทำงานด้วยความสมัครใจควบคู่ไปกับการเป็นนักลงทุนเต็มเวลา ขณะที่ในเว็บไซต์ "ไทยวีไอ" เขาคือ “Mario" ร่วมอุดมการณ์เดียวกับทางสมาคมฯ ต้องการสอนนักลงทุนให้จับปลากินเอง ไม่ใช่รอคน(เซียนหุ้น)หาปลามาให้

ร้านกาแฟเล็กๆ ข้างสำนักงานของสมาคมฯ คือจุดนัดพบระหว่างเขากับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek เซียนหุ้นหนุ่มเตรียมตัวที่จะมาให้สัมภาษณ์เป็นอย่างดี เห็นได้จากกระดาษช็อตโน้ตที่เขาจดรายละเอียดต่างๆ ที่คิดว่า "บิซวีค" จะต้องตั้งคำถาม

"ผมลงทุนแนว Value Investor มา 7 ปีแล้ว เพิ่งลาออกจากงานประจำเมื่อปี 2554 เพื่อมาลงทุนอย่างจริงจัง อีกอย่างต้องการทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับสมาคมฯ และต้องการมีเวลาดูแลครอบครัว (พ่อ-แม่) มากขึ้น ตอนนี้ตั้งใจจะนำเงินที่ได้จากการลงทุนไปซื้อที่ดิน เพื่อปลูกบ้านให้พ่อกับแม่ที่จังหวัดขอนแก่น และกำลังจะหาซื้อคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ยังเช่าเขาอยู่"

มีวีไอจำนวนไม่น้อยที่คิดคล้ายๆ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร แม้ตอนนี้กานต์จะมีเงินสำหรับซื้อบ้านราคาแพงๆ อยู่อย่างสบายจากกำไรหุ้นมหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขากลับคิดว่าตอนนี้อาจยังไม่ใช่สิ่งจำเป็น เขาเล่าว่า ครอบครัวเป็นคนจังหวัดขอนแก่น มีพี่น้อง 3 คน ตนเองเป็นลูกชายคนโต (คนรองห่างกัน 5 ปี คนเล็กห่างกัน 7 ปี) หลังจากสอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 6 ก็มาเรียนปริญญาตรี ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นก็ต่อภาควิชาวิศวกรรมบริหารการก่อสร้างที่จุฬาฯ จนเรียนจบปริญญาโท

เริ่มเข้าทำงานที่บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ตอนปี 2547 ได้เงินเดือน 20,000 บาท ทำงานได้ 1 ปี บริษัทก็ให้โบนัส 3 เดือน บวกกับเงินเก็บที่ได้จากการทำงานราว 200,000 บาท ก็มานั่งคิดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดีที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัว ทำธุรกิจดีมั้ย! หรือลงทุนอย่างอื่น ตอนนั้นก็พอมีความรู้เรื่องบัญชีอยู่นิดหน่อย

"ผมเริ่มค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็ไปเจอเว็บไซต์ Thaivi.com เปิดเข้าไปอ่านเห็นเขาพูดกันเรื่องการลงทุน ดูมีเหตุมีผลมาก ผมก็เริ่มสนใจ เพราะก่อนหน้ามีเพื่อนที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน เขาเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรรายวัน ผมไม่ค่อยชอบแนวนั้นดูมันเสี่ยงๆ"

จากนั้นก็ไปหาหนังสือมาอ่าน เริ่มตั้งแต่หนังสือ “ตีแตก” ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เผยแพร่แนวความคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคนแรก ในหนังสือก็จะอธิบายว่า ซื้อหุ้นต้องมองให้เป็นธุรกิจ ยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้เปลี่ยนความคิดเรื่องหุ้นอย่างสิ้นเชิง หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่ พรชัย รัตนนนทชัยสุข กรรมการในสมาคมฯ เป็นคนแปล ก็ซื้อมาอ่าน

ช่วงนั้นมีโอกาสไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับบัญชี ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เขาจะเชิญผู้มีความรู้เกี่ยวกับบัญชีมาสอน ยอมรับว่าแรกๆ เดินหน้าหาความรู้ใส่หัวสมองอย่างเดียว พวกรายงานประจำปี 56-1 และงบการเงิน อ่านหมดทุกอย่าง เคยได้อ่านเกี่ยวกับทฤษฎี “ดอกเบี้ยทบต้น” ซึ่งคนที่ลงทุนเร็ว เงินต้นเยอะ และลงทุนถูกวิธี เขาได้กำไรกันถ้วนหน้า พออ่านจบก็มาทำตารางเปรียบเทียบใน Microsoft Excel ว่า ถ้ามีเงินเดือนเท่านี้ลงทุนอย่างนี้อีก 10 ปีข้างหน้าจะมีเงินเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไร แต่ทั้งหมดต้องยืนอยู่บนวินัยการลงทุนที่ดี

"โชคดีที่ผมเป็นคนค่อนข้างรู้จักใช้เงิน เมื่อก่อนช่วงแรกๆ ที่ทำงานผมยังไม่ซื้อรถ และมาเช่าหอพักใกล้ๆที่ทำงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาการเดินทาง"

เซียนหุ้นหนุ่ม เล่าต่อว่า เปิดพอร์ตครั้งแรกในปี 2548 กับ บล.ซีมิโก้ เพราะค่าคอมมิชชั่นมันถูก ช่วงแรกๆ ลงทุนค่อนข้างกระจัดกระจาย รู้แค่ว่าต้องซื้อหุ้นที่มี P/E ต่ำๆ และเงินปันผลเยอะๆ สุดท้ายก็มารู้ว่าหุ้นลักษณะนี้เป็น “หุ้นวัฎจักร” กำไรมันเยอะ เพราะอยู่ในช่วงพีคของธุรกิจ

"ผมโชคดีที่รู้ตัวเร็ว ถือหุ้นไม่ถึงเดือนก็ขายออกมา ไม่ได้กำไรหรือขาดทุน ตอนนั้นซื้อหุ้น สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) หุ้นปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และหุ้นโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) หลังขายหุ้นหมด ก็กลับมาตั้งหลักใหม่ คราวนี้เริ่มไม่สนใจราคาหุ้นหรือค่า P/E มากจนเกินไปแล้ว ใช้เป็นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเน้นดูพื้นฐาน และอัตราการเจริญเติบโตเป็นหลัก ช่วงนั้นผมเดินสายไปฟังงานสัมมนาต่างๆ เกือบทุกเดือน"

เขาเดินสายไปทุกงาน โดยเฉพาะงานที่มีดร.นิเวศน์เป็นวิทยากร ช่วงนั้นสมองเริ่มซึมซับแนวคิดการลงทุนแนว VI มากขึ้น เพราะทำให้รู้วิธีคิดของคนเก่งๆ ทำไมเขาถึงซื้อหุ้นตัวนี้ มีกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร ใช้เหตุผลอะไรในการเลือก เขาต้องการเรียนรู้วิธีการจับปลา ไม่ใช่รอให้เซียนหุ้นบอกใบ้หุ้นให้ ซึ่งมันไม่ยั่งยืน

เซียนหุ้นรายนี้ ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อหุ้นที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ แต่บอกกว้างๆ ว่าสนใจหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ อาทิเช่น กลุ่มอาหาร ค้าปลีก และโรงพยาบาล เพราะเป็นธุรกิจใกล้ตัว เข้าใจง่าย ที่สำคัญกำไรมีอัตราเติบโตปีละ 20% ธุรกิจมีเงินสดเยอะ ไม่มีหนี้ แถมผลตอบแทนจากเงินปันผลดี ยิ่งตัวไหนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8-9% เมื่อราคาลงมาก็จะสะสมไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ในพอร์ตมีหุ้นเฉลี่ย 5 ตัว โดยจะถือนาน 1-2 ปีขึ้นไป ส่วนมูลค่าพอร์ตลงทุนขอไม่พูดถึง เอาเป็นว่าทุกปีได้เงินปันผลมากกว่าเงินที่ลงทุนไปในช่วงแรกเยอะมาก ตอนนี้ก็ปาเข้าไป "หลักล้านบาท" ต่อปีแล้ว

“ผมลงทุนในตลาดหุ้นมา 7 ปี โดย 4 ปีแรก ได้กำไรเฉลี่ยปีละ 30-40% จากนั้นในปี 2551 เจอวิกฤติซับไพรม์ ทำให้พอร์ตขาดทุน 10-20% แต่หลังจากนั้นผลตอบแทนก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ”

แม้ ณัฐชาต จะไม่เปิดเผยพอร์ตการลงทุน แต่จากการตรวจสอบของกรุงเทพธุรกิจ BizWeek พบว่า ณัฐชาต คำศิริตระกูล จะลงทุนคู่กับ รุ่งศักดิ์ คำศิริตระกูล ในทิศทางเดียวกัน ปัจจุบันถือหุ้น เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (AS) ของ ปราโมทย์ สุดจิตพร รวมกัน 3,799,200 หุ้น มูลค่าประมาณ 56 ล้านบาท ถือหุ้น บีจีที คอร์ปอเรชั่น (BGT) ของ นพดล ธรรมวัฒนะ รวมกัน 5,844,400 หุ้น มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท และถือหุ้น มาสเตอร์ แอด (MACO) ของ นพดล ตัณศลารักษ์ รวมกัน 2,072,400 หุ้น มูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท เท่ากับว่า ณัฐชาต และ รุ่งศักดิ์ ถือหุ้น 3 ตัวนี้ (AS, BGT, MACO) รวมกันมูลค่าประมาณ 86 ล้านบาท

ถามถึงกลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบัน เซียนหุ้นหนุ่มวัย 32 ปี เล่าว่า จะเลือกหุ้นที่จะสามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 20-30% ต่อปี ถ้าได้ผลตอบแทนในระดับนี้ผ่านไป 3 ปี เงินต้นจะเพิ่มขึ้นทันที 1 เท่าตัว ขอแค่อย่ามีการขาดทุนหนักๆ ก็พอ พวกหุ้นที่มีกระแสเงินสดที่ดี หนี้สินน้อย และมีการเติบโตสม่ำเสมอ ก็น่าสนใจ ส่วนใหญ่หุ้นประเภทนี้จะทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ แต่ไม่ใช่ว่าเจอแล้วซื้อดะ ต้องมาดูก่อนว่าหุ้นตัวนั้น “ป็อปปูล่า” มากหรือเปล่า! ถ้ามากก็ "ยังไม่ซื้อ"

“เมื่อก่อนแม้จะขาดทุน แต่ไม่เคยหนักหนา ทุกครั้งที่คิดผิดเต็มที ก็จะขาดทุนแค่ 10% ส่วนตัวที่ถือแล้วได้กำไรบางครั้งก็ปล่อยให้มัน Let Profits Run (ปล่อยให้กำไรไหลไปเรื่อยๆ) ถือไปให้นานที่สุด”

เขาเล่ากลยุทธ์การทำกำไรว่า ส่วนตัวจะชอบหุ้น “นอกสายตานักลงทุนรายย่อย" หุ้นประเภทนี้จะมีเพื่อนน้อย เพราะบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ (หัวเราะ) หุ้นแบบนี้จะไม่มีใครเชียร์ ไม่มีใครพูดถึง เพราะมาร์เก็ตแคปไม่ใหญ่ แต่พวกนี้น่าสนใจมาก ยิ่งเป็นผู้นำของกลุ่มและกำลังจะดีขึ้นรีบซื้อเลย อาทิเช่น ผลการดำเนินงานเริ่มดีขึ้น นโยบายบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป หรือผู้บริหารกำลังเปลี่ยนมาเป็นเจ้าของ เป็นต้น ส่วนพวกหุ้นนอกสายตาสถาบัน ก็ “ปลื้ม” นะ โดยเฉพาะธุรกิจที่ทำมาจนมีมาร์เก็ตแคปใหญ่ขึ้นระดับหนึ่ง แต่บังเอิญติดเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้นักลงทุนไม่สนใจ เช่น สภาพคล่องต่ำ เป็นต้น ฉะนั้นหากทุกอย่างเริ่มดีขึ้น และตัวเราเข้าใจ ก็ควรรีบซื้อดักทางไว้ก่อน แต่ต้องเลือกตัวที่ดีที่สุด

“ทุกครั้งที่ซื้อหุ้นผมจะถามตัวเองเสมอว่า นี่คือการลงทุนหรือการเก็งกำไร ถ้าเป็นการลงทุนเราจะตอบได้ว่าหุ้นตัวนั้นมีเงื่อนไขตรงกับที่ต้องการหรือไม่ ถ้าตรงจะกล้าซื้อ 20-30% แต่ถ้าไม่มั่นใจจะซื้อแค่ 5-10% เพื่อดูพัฒนาการของเขา พวกหุ้นผีบอก หุ้นกระซิบ ผมไม่เอาเลย”

ถามถึงเป้าหมายการลงทุนจากนี้ เขาบอกว่า จากนี้อยากมีผลตอบแทนจากการลงทุนเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี นั่นแปลว่าทุกๆ 3 ปี เงินในพอร์ตจะเพิ่มเป็น 1 เท่า และ 10 ปีข้างหน้า ตัวเลขจะเปลี่ยนหลัก (เหมือนที่ ดร.นิเวศ พูดกับวีไอ) โดยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เดินนอกเกมส์ ไม่โลภจนคุมตัวเองไม่ได้ และจะไม่เปลี่ยนหุ้นบ่อยๆ

“ผมอยากฝากบอกนักลงทุนว่า อย่าไปอยากรู้เลยว่านักลงทุนคนนั้นคนนี้เขาซื้อหุ้นตัวไหน การซื้อตามคนอื่นจะทำให้เราไม่มีความแน่ใจตลอดเวลา ทุกครั้งที่หุ้นลงเราจะใจสั่น และต้องคอยถามคนอื่นจะขายหรือยัง จะขายเมื่อไร สำหรับคนที่เพิ่งเรียนจบควรเริ่มมองหาความมั่นคงให้ชีวิตตัวเอง การลงทุนแนว VI ก็เป็นทางเลือกอย่างหนึ่ง" อดีตมนุษเงินเดือน แนะนำ

รูปภาพ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 246

โพสต์

รูปภาพ

Circle สุขุมวิท 11 คอนโดย่านนานาจอดรถลอยฟ้า โดย Fragrant Group

Fragrant Group กำลังจะเปิดตัว Circle สุขุมวิท 11 เป็นตึกสูงในคอนเซปท์ Eco Luxury Living ย่านนานาเน้นระบบพิเศษๆหลายๆอย่าง เช่นระบบจอดรถลอยฟ้า วันที่ 24 พ.ย. 2555 นี้ครับ

Fact @ 17 Nov 2012
■Circle Sukhumvit 11
■SUPER LUXURY CLASS
■Fragrant Development Ltd.
■ที่ดินประมาณ 1-3-26 ไร่
■คอนโดมิเนียม High Rise 34 ชั้น 219 ยูนิต
■พื้นที่ใช้สอย 46.2 – 406.5 ตารางเมตร
■1 – 3 Bedrooms, President Suite, Duplex, Villa
■ที่จอดรถ 219 คัน เป็นระบบอัตโนมัติ 195 คัน ลอยฟ้า 15 คัน บนดิน 9 คัน
■ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้น 160,000 บาท
■ราคาต่อยูนิต 7 – 50+ ล้านบาท
■คาดว่าจะสร้างเสร็จปลายปี 2015
www.fragrantgroup.com

รูปภาพ

โครงการ The Circle สุขุมวิท 11 นี้จะสร้างเสร็จในปลายปี 2015 หรือ พ.ศ. 2558 โดยจะเก็บค่าส่วนกลางที่ตารางเมตรละ 65 บาท มีค่ากองทุนอีกตารางเมตรละ 650 บาท จ่ายครั้งเดียว

สิ่งที่น่าสนใจและเป็นจุดเด่นของโครงการนี้คือระบบพิเศษ ที่เป็น Technology ขั้นสูงในตัวอาคารที่จะทำให้เกิด Eco Living ดังนี้ครับ

PROJECT FEATURES:
■ระบบบำบัดน้ำ Recycle มาช่วยในการรดน้ำต้นไม้
■ระบบน้ำอุ่นจากการหมุนเวียนความร้อน
■ระบบน้ำดื่มส่วนกลาง Tap to Drink
■Floor to ceiling Laminate or Insulated Glass façade
■ระบบเติมอากาศเข้าที่โถงทางเดิน
■IPTV
■Home Automation ของ Bticino
■เครื่องเสียง Aqua Sonic ในสระว่ายน้ำ
■ระบบจอดรถอัตโนมัติ

ซึ่งทาง Think of Living คงจะได้โอกาสเข้าไปทำรีวิวในเร็วๆนี้ครับ

เพิ่มเติมด้วยข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ

นายเจมส์ ดูอัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเกรนท์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมหรู “เซอร์เคิล สุขุมวิท 11” ภายใต้แนวคิด “อีโค่ ลักซูรี่ ลิฟวิ่ง” มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณสุขุมวิท 11 ราคาเริ่มต้นที่ ตร.ม.ละประมาณ 1.6 แสนบาท

จุดเด่นโครงการดังกล่าวเป็นรูปแบบบ้านอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบจอดรถยนต์อัจฉริยะลอยฟ้าแห่งแรกของเมืองไทย จำนวน 15 ยูนิต เพื่อให้อารมณ์เหมือนจอดรถภายในรั้วบ้าน ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับโครงการในสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยลูกค้าสามารถนำรถเข้าลิฟท์ขึ้นมาจอดบริเวณหน้าห้องพัก หากไม่ต้องการใช้รถก็สามารถใช้ลิฟท์ภายในตัวอาคารได้

ตัวอาคารยังถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่า 11 รายการ ทั้งระบบน้ำเสียจากห้องพักและอาคารที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ระบบน้ำอุ่นที่มาจากพลังงานความร้อนของเครื่องปรับอากาศ กระจกกรองความร้อนและกรองเสียงจากภายนอกอาคาร ที่จะช่วยลดพลังงานการใช้เครื่องปรับอากาศ และมีค่ากันความร้อนได้ถึง 23 กิโลวัตต์ต่อตร.ม. ระบบควบคุมอุณหภูมิและคุณภาพในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพิ่มปริมาณพื้นที่สีเขียวด้วยการจัดสวนแนวตั้งในพื้นที่ส่วนกลาง ตัวอาคารยังก่อสร้างด้วยพื้นระบบ Post Tension หรือพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรง สามารถรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมถึงสระว่ายน้ำพร้อมระบบลำโพงใต้น้ำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 247

โพสต์

*PTTEP:ปตท.สผ. คาดแหล่งมอนทาราในออสเตรเลีย จะเริ่มผลิตใน Q1/56

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--รอยเตอร์


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ

บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม PTTEP คาดการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ

มอนทารา ในออสเตรเลีย จะเริ่มได้ในไตรมาส 1/56

ขณะที่ตามแผนเดิม PTTEP มีเป้าหมายการผลิตจากโครงการมอนทารา ในเดือนก.พ.

56 แต่ช่วงฤดูของพายุไซโคลนอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตบ้าง

"เรายังคงเป้าหมายการผลิตไว้ในไตรมาส 1 และเดือนกุมภาพันธ์มีโอกาสที่จะผลิตได้

มากกว่า 50%" นายเทวินทร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 248

โพสต์

รูปภาพ
ปะทะเดือดกาซ่ามีผู้เสียชีวิตพุ่ง111คน

อิสราเอลและฮามาส ยังคงยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 111 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน

อิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ครองอิทธิพลในกาซ่า ได้ใช้อาวุธหนักยิงตอบโต้กัน ท่ามกลางข้อเสนอจากผู้ไกล่เกลี่ยให้หยุดยิง ท่ามกลางความเป็นไปได้ว่า ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนจะทวีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าการใช้ความพยายามทางการทูตล้มเหลว

อิสราเอลยังคงใช้ปฏิบัติการทางอากาศ พุ่งเป้าโจมตีไปที่มีเดีย เซ็นเตอร์ ทำให้สมาชิกระดับสูงของฮามาสเสียชีวิตไป 1 คน ขณะที่อาคารที่ถูกโจมตีถูกไฟลุกท่วม กองทัพอิสราเอล ระบุว่า พวกฮามาส ใช้พื้นที่ของอาคารมีเดีย เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์บัญชาการ

กลุ่มติดอาวุธในกาซ่า ได้ยิงจรวด 95 ลูก โจมตีเมืองใหญ่ในพื้นที่ทางใต้ของอิสราเอล และเกือบ 1 ใน 3 ของจรวดเหล่านี้ ถูกสกัดโดยขีปนาวุธของอิสราเอล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไป 38 คน และเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันนี้อีก 2 คน ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งล่าสุด เพิ่มเป็น 111 คน ในจำนวนนี้เป็นพลเรือน 56 คน บาดเจ็บ 840 คน โดยเป็นเด็ก 225 คน ส่วนฝ่ายอิสราเอล เสียพลเมืองไป 3 คน บาดเจ็บหลายสิบคน

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตายในกาซ่า พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากอิสราเอลเริ่มพุ่งเป้าโจมตีบ้านเรือนที่ถูกระบุว่าเป็นของพวกฮามาส ซึ่งมีบางครอบครัว เสียชีวิตรวมกันถึง 11 คน ซึ่้งมีทั้งเด็ก ผู้หญิงและคนชรา หลังจากบ้านของพวกเขาถูกถล่มจนพังราบ

กองทัพอิสราเอล ระบุว่า กลุ่มติดอาวุธในกาซ่า ยิงจรวดไปจากบริเวณดังกล่าว และยังแพร่ภาพที่เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า จุดที่อิสราเอลโจมตีเป็นคลังเก็บอาวุธของพวกฮามาสด้วย

อิยิปต์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างอิสราเอลกับโลกอาหรับ ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความพยายามทางการทูต โดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอิยิปต์ได้ประชุมร่วมกับทูตอิสราเอล และ
ผู้นำพลัดถิ่นของฮามาส ที่กรุงไคโร แต่ไม่มีสัญญาณว่า ความขัดแย้งจะยุติ เมื่อฝ่ายฮามาส เรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีกาซ่า และยกเลิกมาตรการเข้มงวดด้านการค้า และการ
เดินทางเข้าและออกของชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกจำกัดนับตั้งแต่กลุ่มฮามาสใช้กำลังยึดกาซ่าเมื่อปี 2550 ขณะที่อิสราเอลเรียกร้องให้ฮามาสยุติการยิงจรวดจากกาซ่า และการขนอาวุธเข้าไปในกาซ่า ผ่านเครือข่ายอุโมงค์ต่าง ๆ ที่อยู่ใต้พรมแดนด้านที่ติดกับอิยิปต์

อิยิปต์ ซึ่งเป็นผู้ไกล่เกลี่ยต้องการให้สองฝ่ายหยุดยิงก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะตกลงกันในเงื่อนไขอื่น ๆ แต่ฝ่ายฮามาสแสดงท่าทีว่า จะยอมหยุดยิงก็ต่อเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ และยืนยันว่าจะไม่ยอมรับเงื่อนไขที่อิสราเอลตั้ง เพราะอิสราเอลเป็นฝ่ายที่รุกราน

ขณะที่บรรดาผู้นำอิสราเอล ย้ำว่า จะขยายการโจมตี และการบุกกาซ่าเป็นอีกหนึ่่งทางเลือก โดยขณะนี้ ได้มีการระดมกำลังทหารเข้าประชิดชายแดนกาซ่า รวมทั้งเรียกทหารกองหนุนเข้ามาเสริมอีกด้วย แต่ขณะเดียวกัน ก็ย้ำว่า หวังว่าจะหาข้อยุติได้โดยผ่านการเจรจาทางการทูต

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 249

โพสต์

รูปภาพ

"มหากิจศิริ"สยายปีกอสังหาฯ ทุ่ม1.7พันล.ผุดสนามกอล์ฟเขาใหญ่"มหากิจศิริ" หนึ่งในตระกูลนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย ภายใต้การนำของคู่สามี-ภรรยา "ประยุทธ-สุวิมล มหากิจศิริ"

นอกจากจะทำธุรกิจกาแฟสำเร็จรูป จนได้รับฉายา "เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ทว่าภายหลังธุรกิจนี้ถูกกาแฟสดแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปมาก ตระกูลนี้ยังทำธุรกิจสแตนเลส ในชื่อบริษัท ไทยน็อคซ์ สแตนเลส จำกัด (มหาชน) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) ภายหลังการควบรวมกิจการกับบริษัท โพสโค ผู้ผลิตเหล็กอันดับ 4 ของโลก สัญชาติเกาหลี โดยผลประกอบการปัจจุบันยังคงลุ่มๆ ดอนๆ และอีกหลายธุรกิจที่ไม่ค่อยเป็นข่าว

ทว่าครอบครัวนี้ยังไม่หยุดที่จะหาโอกาสทางธุรกิจ ไปพร้อมกับการเริ่ม "ส่งไม้ต่อ" ให้ทายาท ล่าสุดเจ้าสาวหมาดๆ "นา- อุษณา มหากิจศิริ" ลูกสาวคนสุดท้องของตระกูล รุกสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นผู้บริหารหลักร่วมกับพี่ชาย กึ้ง - เฉลิมชัย มหากิจศิริ

อุษณา มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป จำกัด บอกว่า ได้วางแผนชัดเจนในการก้าวสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว โดยจะพัฒนาโครงการต่อเนื่อง ไปพร้อมกับสร้างการรับรู้ในแบรนด์

"จริงๆ แล้วครอบครัวลงทุนอสังหาฯมาตลอด คุณแม่เป็นคนชอบซื้อที่ดินและมีหลายแปลงอยู่ในมือ มีอาคารซื้อปล่อยเช่า แต่ที่ผ่านมาเพียงแต่เราไม่มีการทำประชาสัมพันธ์ หรือสร้างแบรนด์อย่างจริงจังเหมือนกับบริษัทอื่นๆ แต่จากนี้เราจะทำให้ทุกคนเห็นเรามากขึ้น ทำแบรนด์ดิ้งต่อเนื่อง โดยธุรกิจอสังหาฯ จะเป็นอีกธุรกิจที่พี.เอ็ม.กรุ๊ป ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยส่วนตัวชอบธุรกิจนี้ ชอบนั่งรถไปกับคุณแม่เพื่อตระเวนดูที่ดินและซื้อที่ดินเพื่อซื้อมาไว้ในพอร์ต"

เธอเล่าว่า โครงการอสังหาฯที่ดูแล มีมูลค่ากว่า 1,750 ล้านบาท คือสนามกอล์ฟ และวิลล่าหรู ในชื่อ "เมาน์เท่น ครีก กอล์ฟ รีสอร์ทแอนด์ เรสสิเดนซ์" สนามกอล์ฟมาตรฐานระดับขนาด 27 หลุม บนเนื้อที่ 1,600 ไร่ ที่อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นอกจากสนามกอล์ฟแล้ว ยังมีคลับเฮ้าส์ ร้านอาหาร พร้อมบริการแขกทั้งการพักอาศัยและรองรับการจัดสัมมนามากกว่า 1,000 คน พร้อมรีสอร์ทหรู สไตล์โมเดิร์นแอฟริกัน และวิลล่า รวม 38 ห้อง ปัจจุบันสนามกอล์ฟได้เปิดให้ทดสอบแล้ว โดยจะกำหนดเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในต้นปี 2556

ส่วนในปีหน้า จะเปิดเฟสต่อเนื่อง โดยในส่วนของโรงแรมจะเพิ่มอีกจำนวน 80 ห้อง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี2556 รองรับกลุ่มสัมมนา และนักกอล์ฟ เพราะอนาคตมองไปถึงการดึงทัวร์นาเม้นท์ใหญ่มาทดสอบที่สนาม รวมถึงแผนการขายที่ดินเปล่าพร้อมแบบบ้าน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 8-30 ล้านบาท มีจำนวน 30 ยูนิต

เปิดคอนโดเกาะแนวรถไฟฟ้าปีหน้า
นอกจาก อุษณา จะมีส่วนเข้าไปดูแลธุรกิจสนามกอล์ฟแล้ว เธอยังรับหน้าที่รุกธุรกิจอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยด้วย โดยบอกว่า ในปีหน้ามีแผนนำที่ดินที่มีอยู่ในมืออีกหลายแปลง ออกมาพัฒนา ควบคู่ไปกับการหาซื้อที่ดินแปลงใหม่ โดยเน้นไปในทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า พัฒนาคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น หลังจากเมื่อต้นปีนำร่องเปิดโครงการ เดอะเนสท์ (the next) ย่านถนนเพลินจิต มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

ในปีหน้า ยังมีแผนขยายการลงทุนในส่วนของสนามกอล์ฟ เลควูด คันทรีคลับ บนถนนบางตราด กม.18 จะขยายเพิ่มอีก 18 หลุม จากปัจจุบันมี 27 หลุม พร้อมกับสร้างโรงแรมเพิ่ม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และนักกอล์ฟ จากเกาหลี และญี่ปุ่น ที่นิยมมาเล่นกอล์ฟแบบไปกลับ

รูปภาพ
โดย : กัญสุชญา สุวรรณคร
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 250

โพสต์

รูปภาพ

ร้าน 33 Seafood at Sound of the Sea พลาดไม่ได้เลย บรรกาศดีๆ แบบนี้
หน้าหนาวนี้ใครยังไม่รู้จะพา ครอบครัว คนที่รัก ไปกินข้าว บรรกาศดีๆ ดูพระอาทิตย์
ตกดิน ดิฉันขอแนะนำร้านนี้เลย ค่ะ ไม่ไกลจากกรุงเทพ อยู่จังหวัด ชลบุรี ตรง บางพระค่ะ
รับรองถูกใจกัน ทุกคน :)

รูปภาพ

มีมุม ชิวๆ ริมทะเล ด้วยนะค่ะ สวยมากๆ ลมสบายๆ ฟังเสียงคลื่น

รูปภาพ

บรรกาศสุดๆ ไปเลย เรียกได้ว่า ใครพามา รับรองถูกใจ เลยค่ะ

รูปภาพ

เรื่อง อาหาร จานเด็ดๆ บ้าง หน้าตาน่ากิน มากๆ เลยค่ะ

รูปภาพ

อันนี้ ร้านนี้เขาเอากุ้งเป็นๆ มาเผากันเลย หัวกุ้งนี่ รสชาติ มันได้อีกค่ะ

รูปภาพ

อันนี้ แซ่บอย่าบอกใคร ส้มตำกุ้มก้ามกรามเผา อร่อยมากเลยค่ะ ไม่เคยทานที่ไหน ที่นี เด็ดจิงๆ

รูปภาพ

ทอดมัน ประจำร้านนี้ค่ะ เป็นทอดมัน รวมทะเล 3 อย่างเลยค่ะ
เป็น กุ้ง + ปลา + ปลาหมึก เรียกได้ว่า อร่อบ พอดีคำ แล้วด่านล่างเป็น
ส้มตำทอดค่ะ คือเอาเส้นมะละกอมาทอด กรอบ เหมาะสำหรับทานเล่นมากค้ะ

รูปภาพ

หน้าตาน่าทานมากเลยค่ะ ห่อหมกอันนี้ รสชาติกลมกล่อม มากๆ

รูปภาพ

สำหรับคอเหล้า หรือเบียร์ ค้ะ ทานเป็นกับแกล้บ อร่อยถูกปากเลยค่ะ


แผนที่ร้าน นี้ค่ะ ร้าน จะอยู่เลย หนองมน มาประมาณ 2 กิโล ค้ะ
ไม่ไกลมากจากกรุงเทพ ลูกค้าสามารถ ติดตามข่าวสาร
หรือโปรโมชั่นดีๆ ผ่านทาง เว็ปเพจ เฟสบุ้คของร้านนี้
http://www.facebook.com/33Seafood
หรือส่งอีเมล์ [email protected]
หรือติดต่อเบอร์ ร้านได้ที่ 038-358-634

รูปภาพ
เล่าเรื่องบรรยายภาพ โดยคุณbeammie
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 251

โพสต์

รูปภาพ
20/11/55 ตอน ครม. ขึ้นแล้วค่าแรง 300 บาท
สรุปภาวะตลาดเที่ยงแบบฮาๆ ประจำวันที่ 20/11/55


http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=328
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 252

โพสต์

รูปภาพ

ฮือฮา! “จอร์จ โซรอส” ทุ่มเงินกว้านซื้อทองคำครั้งใหญ่ หลายฝ่ายเชื่อปีหน้าราคาพุ่งกระฉูด
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-แนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มของราคาทองคำครั้งที่ยาวนานที่สุดในรอบกว่า “9 ทศวรรษ” จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2013 โดยล่าสุดพบความเคลื่อนไหวของพวกนักลงทุนและพ่อมดการเงินทั่วโลก รวมถึง “จอร์จ โซรอส” ที่เริ่มทุ่มเงินซื้อทองคำมากักตุนไว้มหาศาล

บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างลงความเห็นว่า ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้น ในทุกๆไตรมาสของปีหน้าและราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,925 ดอลลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งหมายความว่า ราคาทองคำจะปรับสูงกว่าขณะนี้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกันมีรายงานซึ่งอ้างข้อมูลจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ว่า กองทุน “โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนท์” ของนายจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชื่อก้องชาวอเมริกัน เชื้อสายฮังการี วัย 82 ปี ได้เพิ่มการถือครองทองคำ 49 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ถือเป็นความเคลื่อนไหวของโซรอสในการกว้านซื้อทองคำครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับนักลงทุนอีกหลายรายทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ไมเคิล วาชอน โฆษกส่วนตัวของโซรอสปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวการกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่ดังกล่าว และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ต่อสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกเช่นกัน

ด้านทอม เคนดัลล์ นักวิเคราะห์จาก “เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี” ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นผู้คาดการณ์ราคาทองคำที่มีความแม่นยำที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำเฉลี่ยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้าอาจอยู่ที่ราว 1,880 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ยอเคน ฮิตซ์เฟลด์ แห่ง “ยูนิเครดิต” คาดว่า ราคาทองคำในช่วงดังกล่าวจะอยู่ที่ราว1,950 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์


รูปภาพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
20 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 253

โพสต์

"ดีเอ็นเอ 2002" เดินหน้าเข้า mai ปลายปีนี้

“ดีเอ็นเอ 2002” เดินหน้าเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ปลายปีนี้ แต่งตั้ง บล.คันทรี่ กรุ๊ป แกนนำขาย IPO 160 ล้านหุ้น

นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ (Mr.Samart Chuasiriphattana, Managing Director) บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ประเภทภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เปิดเผยความคืบหน้าในการนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ล่าสุด บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ (Home Entertainment) ได้แก่ ภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ในรูปแบบบลูเรย์ ดีวีดี วีซีดี และซีดี และสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน และพ็อกเก็ตบุ๊ก โดยสินค้าประเภทภาพยนตร์และเพลงถือเป็นสินค้าหลักของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของรายได้รวม

กรรมการผู้จัดการ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าเป็นกลยุทธ์หลักในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากด้วยสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ เป็นสื่อเพื่อความบันเทิงในครอบครัว ดังนั้น การกระจายจุดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างนั้น จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของกลุ่มบริษัทฯเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อการขยายตัวและการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 1,432 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ จะเป็นลูกค้าบุคคลทั่วไปที่นิยมรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงที่บ้านมากกว่าเข้าชมในโรงภาพยนตร์ หรือนิยมซื้อผลงานเพื่อเก็บสะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยทำงานขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่นิยมความคล่องตัวในการรับชมและรับฟังงานภาพยนตร์และเพลง ทำให้นิยมซื้อแผ่นภาพยนตร์และเพลงมากกว่าการดาวน์โหลดทางอินเตอร์เน็ต โดยบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่าย 2 รูปแบบ ได้แก่ การขายปลีก ซึ่งมีร้าน DNA ในห้างสรรพสินค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ทั่วประเทศรวม 365 สาขา รวมถึงร้านค้าฝากขายในร้านสะดวกซื้อต่างๆ เช่นโลตัส บิ๊กซี จำนวน 1,067 แห่ง และการขายส่ง (Wholesale) ให้กับเซเว่น อีเลฟเว่น บีทูเอส แมงป่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจสื่อโฆษณาและบันเทิง เป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท ดีเอ็นเอ เรฟโวลูชั่น จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนชำระแล้วอีกด้วย” นายสามารถกล่าว

ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย

โดย บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 มีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท หรือ 640 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นทุนชำระแล้ว 120 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ และคาดว่าจะสามารถขายหุ้น IPO รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปลายปีนี้

ขณะที่ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน นอกจากการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งร้านค้าปลีกและจุดจำหน่ายกว่า 1,432 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทฯยังเน้นทำเลที่ตั้งของร้านค้าที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

“นอกจากนี้ ยังมีเรื่องขนาดพื้นที่ร้านค้าที่เหมาะสม รวมถึงสินค้าที่หลากหลายทั้งแผ่นภาพยนตร์ เพลง และสิ่งพิมพ์ โดยแผ่นภาพยนตร์มีหลายประเภททั้ง VCD DVD Blu-ray การขยาย Product life cycle โดยการผลิตเป็นแผ่นภาพยนตร์ All-in-one หลายเรื่องในแผ่นเดียว และระบบการบริหารจัดการที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการบริหารการขาย สินค้าคงคลังและบัญชี ทำให้ข้อมูลที่อัพเดทแบบ Real-time สามารถนำมาวิเคราะห์ทางการบริหารได้และในอนาคต บริษัทฯยังได้ขยายสาขาไปกับห้างเทสโก้ โลตัสที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 10 สาขา ”ดร.ประสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 บริษัทฯ มีรายได้รวม 750.86 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 952.13 ล้านบาทในปี 2553 และในปี 2554 รายได้รวมอยู่ที่ 1,112.37 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 1,014.93 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 254

โพสต์

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 255

โพสต์

***หุ้นโค้งสุดท้าย...จับตา 1,272-1,270 จุด เอาอยู่หรือไม่


ดัชนี SET วันนี้ปิดอยู่ที่ระดับ 1,276.41 จุด ลดลง 7.24 จุด หรือ -0.56%
มูลค่าการซื้อขาย 24,863.14 ล้านบาท


- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ + 1,196.71 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -248.76 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -1,170.03 ล้านบาท

- นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ +222.08 ล้านบาท


นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ต้องติดตามว่าแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,272-1,270 จุดจะรองรับอยู่หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่อยู่ภาพระยะกลางจะเปลี่ยนไป โดยจะค่อนข้างแย่พอสมควร นอกจากนี้ยังต้องติดตามข้อสรุปการให้ความช่วยเหลือกรีซ

ทั้งนี้แนะนำ ลดพอร์ต หาก SET หลุด 1,270 จุด

นายธวัชชัย บอกอีกว่า หุ้นไทยในวันนี้มีแรงขายออกมาจากความกังวล
หลังมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตร
ของรัฐบาลฝรั่งเศส ลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa1 จากระดับสูงสุดที่ Aaa

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 256

โพสต์

ปัจจัยลบยุโรปกดหุ้นร่วง7.24จุด

ดัชนีหุ้นไทยปิดทำการในวันที่ 20 พ.ย.ที่ระดับ 1,276 .41 จุดลดลง 7.24 จุด
มูลค่าซื้อขาย 24,855.51 ล้านบาท


หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่

1.PTT ปิดที่ 310.00 บาท ลดลง 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,538.30 ล้านบาท
2.PTTGC ปิดที่ 61.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,059.30 ล้านบาท
3.ADVANC ปิดที่ 191.50 บาท ลดลง 6.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,028.92 ล้านบาท
4.BAY ปิดที่ 29.75 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 902.11 ล้านบาท
5.CPF ปิดที่ 33.00 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 869.60 ล้านบาท

นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บล.โนมูระพัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเคลือ่นไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่เปิดตลาดช่วงเช้าดัชนีดีดตัวเพิ่มขึ้น ตอบรับข่าวดีจากดาวน์โจน์สที่พุ่งแรงรับข่าวที่ประธานนาธิบดีสหรัฐออกมาพูดว่าน่าจะสามาถรเจรจาและแก้ปัญหาหน้าผาการคลังได้ แต่ในช่วงช่วงดัชนีปรับตัวลดลงมาอยู่ในแดนลบ หลังจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการแล้วดัชนีลดลง เพราะ
1. มูดีส์ลดอันดับความน่าฝรั่งเศส
2. ตัวเลขหนี้เสียของภาคธนาคารของสเเปนปรับตัวเพิ่มสูงมาก และ
3.ตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจของเยอรมันหดตัวลงเป้ฯตัวกดดันตลาด

"วันนี้ปัจจัยต่างประเทศยังคงมีผลต่อการลงทุนในตลาดและจะยังคงเห็นการขายของนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องซึ่งก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยไม่สามารถพุ่งขึ้นไปได้และจะติดแนวต้านที่ 1290 จุด ส่วนแนวรับจะอยู่ที่ 1267 จุด"
สำหรับปัจจัยในประเทศที่กดดันดัชนีคือแรงขายที่เกิดขึ้นในกลุ่มมสื่อสาร หลังจากมีเรื่องของ 3 จีกลับเข้ามาทำให้นักลงทุนกังวล และขายหุ้นออกมา รวมถึงการขายหุ้นพลังงานหลังจากนักลงทุนกังวลเรื่องการหดตัวของเศรษฐกิจทำให้ความต้องการใช้ลดลงและการที่หุ้น 2กลุ่มนี้มีน้ำหนักต่อตลาดค่อนข้างมากจึงเป็นตัวกดดันดัชนี


รูปภาพ
20 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 257

โพสต์

รูปภาพ

ปมฮั้วประมูล3Gดึงหุ้นไทยปิดลบ7.24จุด

ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดลบ 7.24 จุด หลังมีข่าว ส.ว.เล็งส่งศาลรธน.ตีความ 3G,
ปัจจัยตปท.กดดัน


วันนี้(20 พ.ย. 55)ตลาดหุ้นไทยปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,276.41 จุด ลดลง 7.24 จุด(-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 24,863.14 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ปรับตัวลง-อ่อนกว่าตลาดภูมิภาคที่แกว่งตัวทั้งบวก-ลบ คาดเป็นผลจากที่ส.ว.จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจกทค.ประมูล 3G ขณะที่ตลาดยุโรปเปิดช่วงบ่ายปรับตัวลงหลัง"มูดี้ส์"ปรับลดเครดิตฝรั่งเศส ทั้งนี้มองตลาดบ้านเราราคาไม่ถูกแล้ว-ต่างชาติขายต่อเนื่องและวันนี้ก็คาดว่าจะยังคงขาย-การแก้ปัญหา Fiscal Cliff ในสหรัฐฯไม่ชัดเจน-เศรษฐกิจในยุโรปยังไม่ฟื้น-ตลาดฯไร้ประเด็นใหม่จูงใจให้ซื้อ ทำให้วอลุ่มเทรดของตลาดน้อย พรุ่งนี้ตลาดฯคงแกว่งตัว-อิงขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,270-1,250 แนวต้าน 1,290-1,300 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,276.41 จุด
ลดลง 7.24 จุด(-0.56%)มูลค่าการซื้อขาย 24,863.14 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า
แต่ช่วงบ่ายได้อ่อนตัวลงมาอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่
โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,291.29 จุด
ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,273.82 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 203 หลักทรัพย์
ลดลง 334 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 164 หลักทรัพย์
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายปรับตัวลงมาก คาดว่าจะเป็นผลจากที่มีข่าวออกมาว่า ส.ว.จะยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค)ในการประมูล 3G ทำให้มีโจทก์เพิ่มขึ้น และตลาดยุโรปก็เปิดในช่วงบ่ายปรับตัวลง ภายหลังจากที่"มูดี้ส์"ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส

ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลง และอ่อนตัวมากกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ ทั้งนี้ มองว่าตลาดบ้านเราเวลานี้ถือว่าไม่ถูก และนักลงทุนต่างชาติก็ยังขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงขายอยู่ นอกจากนี้ปัจจัยจากนอกประเทศก็ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหา Fiscal Cliff ในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจในยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งตลาดฯยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามาที่จะเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาซื้อได้ ทำให้เห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดของตลาดฯมีอยู่น้อย และเมื่อวอลุ่มเทรดน้อยจึงดันตลาดฯให้ปรับตัวขึ้นไปยาก

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(21 พ.ย.)นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯคงะแกว่งตัว-อิงขาลง เพราะตราบใดที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ และนักลงทุนต่างชาติยังคงขาย มีเพียงแค่กองทุนที่ซื้อเพราะประโยชน์ทางภาษี พร้อมให้แนวรับ 1,270-1,250 จุด แนวต้าน 1,290-1,300 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,538.31 ล้านบาท ปิดที่ 310.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,059.30 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,028.93 ล้านบาท ปิดที่ 191.50 บาท ลดลง 6.50 บาท
BAY มูลค่าการซื้อขาย 902.12 ล้านบาท ปิดที่ 29.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 869.60 ล้านบาท ปิดที่ 33.00 บาท ลดลง 0.25 บาท


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 258

โพสต์

รูปภาพ
AIS DTAC TRUEให้ปากคำศาลฯ คดีประมูล3จี
ศาลปกครอง ไต่สวน 3บริษัท AIS DTAC TRUE คดีผู้ตรวจการแผ่นดินฟ้องล้มประมูล 3 จี
ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำ 2865/2555 การประมูลให้ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz หรือ 3 จี ของผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด , บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้สั่งระงับการให้ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz หรือ 3 จี ที่คณะกรรการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการจัดประมูลขึ้น เมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 ที่ผ่านมาไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

โดยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด มีนายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์ และพัฒนา บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (ADVANC) นายพงศ์อมร นิ่มพูลสวัสดิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน และนายจิตชาย มุสิกบุตร ผู้อำนวยการสำนักกฏหมาย บริษัทอินทัช จำกัด เป็นตัวแทนเข้าให้ถ้อยคำต่อศาล

ในเวลาต่อมา 13.00 น. ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารบริษัทบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด และดร.รวีพันธ์ พิทักษ์ชาติวงศ์ ฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้แทนบริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด เข้าให้ถ้อยคำต่อศาล

ดร.ดามพ์ กล่าวก่อนเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลว่า ในการเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลวันนี้ได้เตรียมข้อมูลมาพร้อม และหากได้ใบอนุญาตให้เปิดใช้งานได้เร็วเมื่อไหร่ก็จะดีต่อผู้บริโภค ซึ่งสิ่งที่สำคัญหากออกใบอนุญาตช้าก็จะทำให้เปิดใช้บริการได้ช้าตามไปด้วยเนื่องจากต้องใช้ใบอนุญาตในการนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตก็ดำเนินการไปเรื่อยๆ ซึ่งเป้าหมายยังคงเหมือนเดิมคือเปิดให้บริการ 3 จี ในต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 56 ผลกระทบส่วนใหญ่ตกอยู่ที่ผู้บริโภค ถ้าใช้ไม่ได้ตอนนี้ก็จะทำให้ช้าไปกว่านี้อีก แต่เชื่อว่าถ้าสิ่งต่างๆชัดเจน กสทช.ก็จะออกใบอนุญาตให้ได้

ในเวลาต่อมา 14.30 น. นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการ และหัวหน้าคณะกลุ่มกฎหมาย และนายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เข้าให้ถ้อยคำต่อศาล

นายอธึก ได้เปิดเผยภายหลังเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลว่า ได้ชี้แจงถึงประเด็นทั่วๆไป รวมไปถึงได้ชี้แจงว่าการเปิดให้บริการ 3 จี นั้นก็ได้ช้าไปมากแล้ว และหากถูกระงับก็จะทำให้เสียหายทั้งทางความน่าเชื่อถือ และเงิน ซึ่งในการกล่าวหาก็ไม่รู้ว่าผู้กล่าวหามีหลักฐานอะไรบ้าง ท้ายสุดก็ต้องรอว่าศาลจะมีคำตัดสินอย่างไร

"เมืองไทยถ้ากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานก็ไม่น่าหยิบยกมาเป็นประเด็นอะไรมากมายคล้ายๆกับสงสัย เลยให้ไต่สวน อีกหน่อยทุกคนก็จะสงสัยทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานอะไร งานก็ไม่เดินไปไหนซักที" นายอธึก กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่่ผู้แทนจากบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัดได้เข้าให้ถ้อยคำต่อศาลเสร็จได้ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และเดินทางกลับทันที โดยใช้เวลาในการไต่สวนประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนตัวแทนจากบริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด ภายหลังที่เข้าให้ถอยคำต่อศาลเสร็จก็ได้เดินทางกลับทันที โดยใช้ประตูด้านหลังของห้องพิจารณาคดี ซึ่งใช้เวลาไต่สวนประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ใช้เวลาในการไต่สวนประมาณ 2 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ศาลได้ทำการไต่สวนแล้วเสร็จทั้ง 3 บริษัท จากนี้ก็จะพิจารณาคำให้การของผู้ตรวจการแผ่นดิน กสทช. และบริษัทเอกชนที่ร่วมประมูล ก่อนจะมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป


รูปภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 259

โพสต์

TOPNEWS:ข่าวเด่นในประเทศวันนี้

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--รอยเตอร์


ข่าวตลาดเงิน-ตลาดทุน


*กองทุนฟื้นฟูฯคาดนำหุ้น บสก.จดทะเบียนในตลท.ราว H2/56,เตรียมหาที่ปรึกษาฯ(9400)

*ตลาดอนุพันธ์ สรุปการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ส SET50 วันนี้(9399)

*ฟิวเจอร์ส SET50 ภาคบ่ายพลิกเป็นลบ ปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค(9398)

*หุ้นไทยพลิกกลับมาปิดลบ 0.56% แรงขายหุ้นแบงก์-พลังงานถ่วง(900)

*ตลท.เผยวันนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,170.03 ล้านบาท(9396)

*UAC คาดกำไรสุทธิปี 56 ดีกว่าปีนี้, รายได้เพิ่มเป็นราว 1.1 พันลบ.(9394)

*BAFS คาดกำไรสุทธิปีนี้โตมาก แม้รายได้ใกล้เคียงปีก่อน,ปี56 รายได้ฟื้น(9389)

*ปตท.สผ.คาดเงินเพิ่มทุนรองรับขยายงานต่อเนื่อง 3 ปี,สรุปราคา 30 พ.ย.(9388)

*บลจ.กรุงไทย ออกกองทุน RMF ลงทุนหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาฯ ขายวันนี้ถึง 27 พ.ย.

(9387)

*บลจ.ธนชาต ออก 3 กองทุนตราสารหนี้ อายุลงทุน 3-6 เดือน, เสนอขาย พ.ย.นี้

(9385)

*CENTEL คาดกำไรปี 56 โตอย่างน้อย 20%,เล็งซื้อกิจการ รร.-เฟรนไชส์อาหาร

(9383)

*RML คาดรายได้ปี 56 ที่ 7-8 พันลบ. ใกล้คาดการณ์ปีนี้ที่ 7.5 พันลบ.(9371)

*"ดีเอ็นเอ 2002"เพิ่มจำนวนหุ้น IPO เป็น 160 ล้านหุ้น,เล็งขายหุ้นปลายปีนี้(9350)

*MINT บวกมากกว่าตลาด โบรกฯมองแนวโน้มธุรกิจสดใส,กำไรในอนาคตดี(9349)

*ผู้ถือหุ้นแอล.วี.เทคโนโลยี เลื่อนพิจารณาเพิ่มทุน หลังชะลอแผนลงทุนในพม่า(9348)

*MFEC พุ่ง 5.66% โบรกฯคาดกำไรปี 56 โตมาก-ผลตอบแทนปันผลสูง(9347)

*TTCL บวก 4.2% โบรกฯมองบวกต่อกรณีเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่า(9345)

*ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐ-ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น(9339)


ข่าวตลาดเงิน-เศรษฐกิจ

*บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายอ่อนค่าลง ตามตลาดหุ้นไทย, กังวลการชุมนุมการเมือง(901)

*ครม.ให้ขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน เริ่ม 1 ม.ค.56, ใช้ 6 มาตรการช่วย SME(9384)

*ครม.เห็นชอบขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซล อีก 1 เดือน เป็นสิ้นธ.ค.นี้(9373)

*ผลประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 28, 91 และ 182 วัน ในวันนี้(9344)

*ทองแท่งในปท.ขึ้นตามราคาทองตปท.,คาดหวังเชิงบวกแก้วิกฤติการคลังสหรัฐ

(9340)


ข่าวทั่วไป


*"เฉลิม"จะประชุมครม.ย่อย รับมือชุมนุม 24 พ.ย.,ใช้ตร.8 พันนาย ดูแลทำเนียบ(9397)

*ครม.ให้วุฒิสภาอภิปรายโดยไม่ลงมติ 28 พ.ย., ส.ว.หารือกรอบอภิปรายพรุ่งนี้(9390)

*ครม.เห็นชอบแก้ไขกม.การเดินอากาศ ให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึง 70%(9386)

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 260

โพสต์

SET:หุ้นไทยพลิกกลับมาปิดลบ 0.56% แรงขายหุ้นแบงก์-พลังงานถ่วง

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--รอยเตอร์


ดัชนีหุ้นไทยปิดลบ 0.56% โดยดัชนีพลิกมาเคลื่อนไหวในแดนลบในการซื้อขายช่วงบ่าย

หลังจากมีแรงขายนำออกมาในหุ้นกลุ่มแบงก์ และพลังงาน กดดันให้มีแรงขายหุ้นอื่นๆ ตามออกมา

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวตามแรงเก็งกำไรที่มีเข้ามา

แต่มูลค่าซื้อขายโดยรวมไม่มากนัก หลังปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งปัญหาหนี้ยุโรป และแนวทาง

การแก้ปัญหาภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ของสหรัฐ ยังไม่ชัดเจน

อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกจากภายในประเทศเข้ามาหนุน ซึ่งจะถ่วงให้ดัชนีมีโอกาส

อ่อนตัวลงอีก ในวันพรุ่งนี้

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 7.24 จุด มาที่ 1,276.41 จุด ระหว่างวันดัชนีทำระดับ

สูงสุดที่ 1,291.29 และต่ำสุดที่ 1,273.82 ด้วยมูลค่าซื้อขาย 24,863.14 ล้านบาท

ขณะที่ SET50 ปิดลบ 5.20 จุด หรือ 0.6% มาที่ 864.21 จุด และ SET100

ปิดลบ 11.12 จุด หรือ 0.58% มาที่ 1,899.70 จุด

ดัชนีกลุ่มแบงก์ ลบ 0.59% ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดที่ 17.32% นำโดยหุ้น

ธ.กรุงศรีอยุธยา (BAY) ลบ 2.46% ,กลุ่มพลังงาน ลบ 0.46% นำโดยหุ้นปตท.(PTT) ลบ

0.64%,กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลบ 0.30%

ดัชนีกลุ่มเทคโนโลยี ลบ 2.27% นำโดยหุ้นแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)

ลบ 3.28% และกลุ่มปิโตรเคมี ลบ 0.58%


"ตลาดมีมูลค่าซื้อขายไม่มาก ยังไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้มาก เป็นลักษณะเก็งกำไร

ไปวันๆ...ภาพรวมตลาดต่างประเทศก็ไม่ต่างจากเรา"


นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์

เทคนิคและกลยุทธ์ฝ่ายการลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าว

เขา เห็นว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับขึ้นในช่วงแรก จากความคาดหวังเรื่องการ

แก้ปัญหา fiscal cliff และการที่รัฐมนตรีคลังยุโรป จะอนุมัติแผนการช่วยเหลือกรีซ แต่

จะส่งมอบเงินให้ในช่วงต้นเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตามทั้งสองเรื่องก็ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก

ซึ่งกดดันต่อภาพรวมการลงทุน

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ทั้งในส่วนของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ที่

ในไตรมาส 4/55 มองว่าจะยังคงเติบโต แต่ไม่น่าที่จะทำได้ตามเป้าหมายของโบรกเกอร์

ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในไตรมาส 4/55

ที่อาจจะไม่ได้เติบโตมากอย่างที่คาดนั้น ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการลงทุน

"ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้ขับเคลื่อนตลาดเลย เมื่อดัชนีขึ้นมาก็โดนแรงขายตลอด"

นายประกิต กล่าว

เขา คาดว่าแนวโน้มการซื้อขายในวันพรุ่งนี้ มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงได้อีก

โดยมองแนวต้านระดับ 1,270 และ 1,260 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,279 จุด


หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

PTT ลบ 2.00 บาท มาที่ 310.00 บาท

PTTGC ปิดไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 61.75 บาท

ADVANC ลบ 6.50 บาท มาที่ 191.50 บาท

BAY ลบ 0.75 บาท มาที่ 29.75 บาท

CPF ลบ 0.25 บาท มาที่ 33.00 บาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 261

โพสต์

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 262

โพสต์

รูปภาพ
“Supertrees” สีสัน สวนสวย ที่ “สิงคโปร์”
รูปภาพ

อลังการ Supertree Grove

ถ้าพูดถึง “สิงคโปร์” หนึ่งในสถานที่ที่ต้องพูดถึงก็คือ “Supertrees” เพราะที่นี่เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเวลานี้ และแน่นอน เราก็ไม่ยอมพลาดเช่นกัน

จากคำแนะนำของหลายๆ คนที่เคยไปเยือน “Garden by the Bay” อันเป็นที่ตั้งของ “Supertrees” บอกกับเราว่า ถ้าไปช่วงกลางวันอากาศจะร้อนมาก ควรไปช่วงบ่ายถึงเย็น ซึ่งจะได้ชมแสงสีตระการตาของที่นั่นด้วย

หลังจากเพลิดเพลินกับ “The Maritime Experiential Museum” มาค่อนวัน ในช่วงบ่ายเราก็ตัดสินใจชวนกันจับรถไฟใต้ดินไปยังสถานี “Bayfront” ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกับ “Garden by the Bay”

ภาพแรกที่ปรากฏตรงหน้า ไม่ทำให้ผิดหวัง เราได้ยินเสียงร้องอุทานอย่างตื่นเต้นจากหลายคนในกลุ่ม พร้อมๆ กับเสียงรัวชัตเตอร์ส่วนตัวกันแบบไม่ยั้ง เพื่อเก็บภาพ “ต้นไม้ยักษ์” เบื้องหน้า

“Supertrees” เป็นส่วนหนึ่งของ “Garden by the Bay” ซึ่ง “สิงคโปร์” ตั้งใจสร้างให้เป็น “สวนที่ใหญ่ที่สุด” แม้ว่าจะมีพื้นที่ของประเทศไม่มาก แต่ทุกอย่างเนรมิตได้ด้วย “ทุน” และ “เทคโนโลยี” ที่มีอย่างล้นเหลือ

“Garden by the Bay” อยู่ในโครงการพัฒนา “Marina Bay” ซึ่งในบริเวณเดียวกันยังสามารถมองเห็น “ตึกรูปเรือ” อันเป็นที่ตั้งของโรงแรม “Marina Bay Sands” ที่เพียงโครงสร้างอาคารก็ตรึงสายตาผู้มาเยือนได้

พวกเราชวนกันเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่า “Supertree Grove” อันเป็นบริเวณที่มี “Supertrees” กว่าสิบต้นเรียงรายด้วยโครงสร้างรูป “ต้นไม้ยักษ์” ที่ภายในมีทั้งพืชเมืองร้อน ไม้ดอก ไม้ประดับ และเฟิร์นชนิดต่างๆ

บริเวณนี้ยังไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่หากต้องการเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพด้านบน ที่เรียกกันว่า “OCBC Skyway” จะต้องซื้อตั๋วราคา 5 เหรียญสิงคโปร์ ซึ่งเป็นทางที่เชื่อมระหว่าง “Supertrees” แต่ละต้นไว้ด้วยกัน

พวกเราเพลิดเพลินกับการเดินถ่ายภาพหลากหลายมุมของที่นี่จนกระทั่งฟ้าค่อยๆ มืดลง แสงไฟที่ประดับอยู่ที่ “Supertrees” แต่ละต้นก็ติดขึ้น ด้วยไฟฟ้าที่มาจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเก็บกักไว้ตลอดวัน

ไม่เพียงแต่แสงไฟอันตระการตาเท่านั้น ระบบการส่งน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงให้ความเย็นของที่นี่ ก็ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เช่นกัน โดย “สวนแนวตั้ง” เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้หมุนเวียนพลังงานแบบยั่งยืน

ราว 2 ทุ่ม แสงไฟหลากหลายสีสันก็เริ่มกะพริบเป็นจังหวะ และในเวลาเดียวกันก็มีเสียงประกาศดังขึ้นว่า จะมีการแสดงแสงสีเสียง ซึ่งทันทีที่ตัวโน้ตแรกเริ่มดังขึ้นก็เรียกเสียงฮือฮาจากนักท่องเที่ยวได้ทันทีเช่นกัน

ราว 20 นาที ที่เราดื่มด่ำกับความงามของสีสันอันตระการตา คลอเคล้าด้วยเสียงดนตรี รับกับจังหวะไฟหลากสีอันงดงาม หลายคนถึงกับลืมถ่ายภาพเก็บไว้ เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับความรื่นรมย์ตรงหน้า

หลังเสร็จสิ้นการแสดง พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารภายในบริเวณใกล้ๆ กัน ซึ่งทำให้เรารู้ว่า เพื่อนบางคนหายไป เนื่องจากได้ซื้อ “ตั๋วออนไลน์” ผ่านทางเว็บไซต์ของ “Garden by the Bay” ไว้ล่วงหน้า

เพื่อที่จะเข้าชม “Cloud Forest” และ “Flower Dome” อันเป็น “โดม” ขนาดใหญ่ ที่ได้รับรางวัล “Best Display Building” จากงาน “World Architecture Festival 2012” เมื่อ ต.ค.55 ที่ผ่านมา

มื้อค่ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว แบบกวาดกันเรียบวุธ ด้วยความหิวของทุกคน และราคาอาหารที่สูงลิ่วเมื่อเทียบเป็นเงินไทย เพราะแค่บะหมี่ก็ราคาถึงชามละ 8 เหรียญ หรือราว 200 บาทเลยทีเดียว

รูปภาพ

OCBC Skyway ชื่นชมทัศนียภาพมุมสูง

ระหว่างนั้นเพื่อนของเรากลับมาสมทบพร้อมกับการันตีในความเจ๋งของ “โดม” ที่ได้เข้าชม และยืนยันว่า เราไม่ควรพลาด ซึ่งก็ทำให้เราตัดสินใจว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อเข้าชม “Cloud Forest” ตามคำแนะนำ

ในวันรุ่งขึ้นเราจึงนั่งรถไฟใต้ดินกลับมายังสถานี “Bayfront” อีกครั้ง เพื่อตีตั๋วเข้าชม “Cloud Forest” ในราคาคนละ 12 เหรียญ (ราว 300 บาท) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับโดมขนาดใหญ่ที่ได้เห็น

รูปภาพ

น้ำตกจำลองใน Cloud Forest

ไอเย็นฉ่ำสัมผัสผิวกาย ทักทายระหว่างที่เราเดินเข้าสู่ประตูทางเข้า ซึ่งไอเย็นที่ว่านี้มาจาก “น้ำตกจำลอง” ขนาดใหญ่ สูงเท่ากับตึก 7 ชั้น หรือเท่ากับจำนวนชั้นภายในโดมนั่นเอง

หลายคนหยุดยืนถ่ายรูปกับ “น้ำตกจำลอง” ขณะที่พวกเราพากันทึ่ง ในความพยายามของ “สิงคโปร์” เพื่อนเราบางคน อดเปรียบเทียบไม่ได้ เมื่อเห็นว่าบ้านเขามีแต่ของจำลอง ขณะที่บ้านเรามีของจริงมากมาย

รูปภาพ

มองเห็นตึกรูปเรือ Marina Bay Sands

เราได้แต่ยิ้มและคิดในใจว่า คนสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์เหมือนบ้านเรา แต่เขากลับเพียรพยายามใช้ทุนและเทคโนโลยีสร้างให้มี ตรงกันข้ามกับเราที่มีมากมาย แต่กลับไม่สนใจจะรักษาไว้

รูปภาพ

Cloud Walk ทางเดินสูงชวนหวาดเสียว

เราเดินไปตามป้ายบอกทาง เพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 6 และเดินเท้าสู่ชั้น 7 อันเป็นชั้นสูงสุด ซึ่งมีทางเดินให้ผู้เข้าชมเดินลง เรียกว่า “Cloud Walk” คล้ายกับการเดินวนรอบภูเขา ซึ่งประดับประดาไปด้วยพืชพรรณ

ดอกไม้หลากหลายสีสัน ไม้เมืองหนาวที่เห็นได้ไม่ยากในเมืองไทย โดยเฉพาะกล้วยไม้ ได้รับการดูแลให้ชูช่อสดชื่น อวดผู้เข้าชมตลอดเวลา นั่นทำให้เราต้องเดินช้าๆ เพื่อรอให้หลายๆ คนเก็บภาพคู่กับดอกไม้เสียก่อน

รูปภาพ

หลากหลายสีสันใน Cloud Forest

เพื่อนของเราชี้ชวนให้ดู “กล้วยไม้รองเท้านารี” ที่น่าจะเรียกว่า เป็น “ทุ่งดอกไม้” และชักชวนให้เงี่ยหูฟังเสียงคล้าย “จิ้งหรีด” ซึ่งเป็นเสียงจำลองที่เปิดให้ผู้เข้าชมได้รู้สึก ราวกับกำลังอยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติจริงๆ

เราเดินลงมาเรื่อยๆ และต้องคอยเตือนตัวเอง ไม่ให้มองลงไปเบื้องล่างของทางเดิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายตะแกรง ทำให้มองเห็นความสูงได้อย่างชัดเจน และก็คงจะไม่น่าพิสมัยนักสำหรับผู้ที่กลัวความสูง

เพื่อนเราคนเดิมแอบชะโงกหน้าไปดูเบื้องหลังการทำ “น้ำตกจำลอง” แล้วหันกลับมายกนิ้วโป้งกับเรา ก่อนจะพากันเดินลงมาตามทางที่มีไอเย็นและหมอกขมุกขมัว คล้ายกับเวลาขึ้นดอยต่างๆ ทางภาคเหนือของไทย

รูปภาพ

ห้องนิทรรศการ หินงอก หินย้อย

เมื่อลงมาด้านล่าง เราเข้าไปยังห้องจัดแสดง ลักษณะคล้ายถ้ำ มีการนำ “หินงอก-หินย้อย” ไปจัดไว้ตามมุมผนังต่างๆ พร้อมกับประดับกระจก ให้เกิดภาพสะท้อนในทุกมุมของห้อง ทำให้ดูคล้ายกับอยู่ในถ้ำจริงๆ

ที่นี่ยังมีการให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ “แร่ธาตุ” และการเกิด “หินงอกหินย้อย” จริงๆ ในธรรมชาติด้วย

กระนั้น สำหรับพวกเราซึ่งเคยไปเยือนถ้ำต่างๆ ในไทยที่เต็มไปด้วย “หินงอก-หินย้อย” ของจริงมาแล้ว กลับรู้สึกว่าห้องนี้ยังดูไม่คล้ายมากนัก โดยเฉพาะบรรยากาศของถ้ำที่น่าจะทำให้รู้สึกเยือกเย็นกว่านี้

ทว่า! เราก็ยังอดชื่นชมไม่ได้ต่อความพยายามของรัฐบาล “สิงคโปร์” ที่เพียรสรรค์สร้างให้ชาวสิงคโปร์ได้เรียนรู้ และสัมผัสกับทรัพยากรทางธรรมชาติที่ไม่มีบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นี่นับเป็นการสร้าง “โอกาสการเรียนรู้” ให้เกิดขึ้นกับประชากรภายในประเทศ ในหลากหลายมิติ ซึ่งย่อมส่งผลต่อภาพรวมของการศึกษา อันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปถึงความก้าวหน้าทางการศึกษาของประเทศนี้

ด้านล่างของที่นี่ยังมีส่วนจัดแสดงที่เรียกว่า “+5 Degree” ซึ่งเป็นภาพยนตร์สั้น ที่บอกเล่าเรื่องราวการคาดคะเน การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของโลกในปัจจุบัน ไปจนถึงปี ค.ศ.2100 ที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดดู

การบอกเล่าถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก คงสะกิดใจหลายคนรวมถึงเรา ที่รู้สึกว่า ภัยพิบัติต่างๆ รุนแรงขึ้นและบ่อยขึ้น และแน่นอนว่าทุกสิ่งคือผลย้อนกลับจากการกระทำของมนุษย์

รูปภาพ

Spertrees ตระการตายามค่ำคืน

หลังจบภาพยนตร์แล้ว เราก็เข้าไปชมส่วนสุดท้าย นั่นคือ ความเป็นมาของโครงการ “Garden by the Bay” ซึ่งมี “Supertrees” ที่พยายามจะตอบโจทย์ของการหมุนเวียน การใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างยั่งยืน

นี่มาจากพื้นฐานการคิดที่ว่า “The Cycles of nature sustain life on Earth” และนี่ก็ทำให้ “สิงคโปร์” พยายามใช้ทุนและเทคโนโลยีที่มีการสร้างอภิมหาโครงการ ที่อีกนัยหนึ่งก็คล้ายกับการควบคุมธรรมชาติเช่นกัน

แต่นั่นก็ทำให้ชาวสิงคโปร์มี “สวนที่ใหญ่ที่สุด” พร้อมกับ “ต้นไม้ยักษ์” และสถานที่อันตระการตา อวดโฉมต่อเหล่านักท่องเที่ยวผู้มาเยือนอีกแห่งหนึ่ง

พร้อมๆ กับคำถามที่ถูกทิ้งท้ายไว้ว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ธรรมชาติควรจะมีคำตอบอย่างไร…

ผู้เขียน : ออนอาร์ต
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 263

โพสต์

เครือซีพีทุ่ม 3,000 ล้านบาทขยายธุรกิจรับเออีซี


รูปภาพ

นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ รับผิดชอบธุรกิจข้าวและอาหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558

ทุ่มงบลงทุนกว่า 3 พันล้านบาท จัดทำศูนย์กลางโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวที่มีท่าเรือขนาดใหญ่ บริการครบวงจร และทันสมัยที่สุดเทียบเท่าท่าเรือขนส่งระหว่างประเทศ

“โครงการนครหลวง หรือโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวนครหลวงแบบครบวงจร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 270 ไร่ ด้วยสถาปัตยกรรมโดดเด่นจะเห็นเป็นรูปทรงเมล็ดข้าว ส่วนภายในอาคารได้ลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีทันสมัยมีกำลังการผลิตวันละ 3.6 พันตัน หรือกว่า 1.08 ล้านตันต่อปี ข้าวที่ผลิตได้จากโรงงานแห่งนี้จะส่งออกตลาดต่างประเทศ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมดหรือกว่า 120 ประเทศทั่วโลก”

นอกจากนี้ยังมีไซโลสำรองข้าวสาร ไว้ในอาคารผลิต ได้มากถึง 8.3 หมื่นตัน แบ่งเป็นไซโลขนาด 1.6 พันตัน/ไซโล จำนวน 36 ไซโล และไซโลขนาด 1.3 พันตัน/ไซโล จำนวน 20 ไซโล และในส่วนข้าวสารที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพเรียบร้อยแล้วจะถูกบรรจุด้วยเครื่องบรรจุอัตโนมัติ ประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีความสามารถบรรจุและแพ็คลงถุงได้มากกว่า 4 พันตัน/วัน พร้อมระบบตรวจจับโลหะ และเครื่องทวนสอบน้ำหนักหลังการบรรจุและแพ็คลงถุงทุกถุง 100%

“ปี 2555 ข้าวตราฉัตร มียอดจำหน่ายในประเทศจำนวน 3.5 แสนตัน มูลค่า 9.5 พันล้านบาท คาดว่าจะโตขึ้น 16% จากปี 2554 และส่งออกต่างประเทศ จำนวน 6.04 แสนตัน มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะโตขึ้น 2.2% และสำหรับในปีหน้าต่างประเทศตั้งเป้า 7 แสนตัน และในประเทศ 4 แสนตัน”

ส่วนโครงการก่อสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าทันสมัย สามารถขนส่งตู้คอนเทรนเนอร์ได้สูงสุด 5 แสนตู้/ปี จะช่วยลดค่าใช้จ่าย อาทิ เช่น การขนส่งสินค้าข้าวตราฉัตร เน้นการขนส่งทางเรือ สามารถขนส่งได้จำนวน 1.5 พันตัน/เที่ยว เทียบเท่าการขนส่งด้วยรถบรรทุก 50 เที่ยว เป็นต้น ขณะเดียวกันจะประหยัดน้ำมันลง เช่น เส้นทางการขนส่งระหว่างพระนครศรีอยุธยา –กรุงเทพ ลดลงได้ไม่น้อยกว่า 15 ลิตร/ตู้/เที่ยว หรือ 3 ล้านลิตร/แสนตู้ และจุดได้เปรียบของสถานที่ตั้งคือ อยู่จุดศูนย์กลางธุรกิจรายล้อมด้วยนิคมอุตสาหกรรมหลัก 4 แห่ง คือนิคมสหรัตนนคร ระยะห่างกันเพียง 9 กม.นิคมโรจนะ ระยะทาง 22 กม.นิคมไฮเทค ระยะทาง 32 กม. นิคมบางปะอิน ระยะทาง 35กม และนิคมเหมราช ระยะทาง 42 กม.

รูปภาพ
วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2012
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 264

โพสต์

รูปภาพ

.: ก.ล.ต.เพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนรวม 3 ราย :.

ก.ล.ต. เพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุน 3 ราย ได้แก่

(1) นางสาวมุทิตา สมวงศ์ สังกัดบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน)
(2) นายภัควัฒน์ บัววัน ขณะกระทำผิดสังกัดบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)
(3) นายโชคชัย การสาลี ขณะกระทำผิดสังกัดบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด


มีผลตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2555

กรณีนางสาวมุทิตา ก.ล.ต. ได้รับผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันคือ บล. ซีไอเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)) และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงที่ลูกค้าไปทำงานต่างประเทศได้มอบหมายให้นางสาวมุทิตาขายหลักทรัพย์ในบัญชีให้เมื่อมีกำไร แต่จะสั่งซื้อหลักทรัพย์เพิ่มเอง โดยนางสาวมุทิตาได้ตัดสินใจซื้อและขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้า รวมถึงได้สั่งขายหลักทรัพย์ที่มีอยู่เดิมในบัญชีของลูกค้าคิดเป็นมูลค่ากว่า 9 แสนบาท เพื่อหักกลบผลขาดทุนที่เกิดจากการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนลูกค้า และแจ้งข้อมูลเท็จแก่ลูกค้าว่าจำนวนเงินที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ได้โอนไปเป็นหลักประกันในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า

ทั้งนี้ นางสาวมุทิตาได้ซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าในลักษณะ day trade ต่อเนื่อง 25 วันทำการ มูลค่าซื้อขายประมาณ 109 ล้านบาท ทำให้นางสาวมุทิตาได้รับค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ (incentives) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนางสาวมุทิตายอมรับว่าตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าโดยที่ลูกค้าไม่ได้สั่งจริง

กรณีนายภัควัฒน์ ก.ล.ต. ได้รับรายงานผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนจาก บล. เอเซีย พลัส และตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า

ลูกค้าได้มอบหมายให้นายภัควัฒน์ตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทน และนายภัควัฒน์
ได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง โดยลูกค้ายินยอมให้ใช้บัญชีได้หนึ่งวันภายในวงเงินที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งนายภัควัฒน์ได้ชำระเงินค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของตนให้ลูกค้าแล้ว


การกระทำของนางสาวมุทิตาและนายภัควัฒน์ที่กล่าวข้างต้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตและไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ อันเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ 20(1) และ 20(2) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ. 3/2555 เรื่อง การให้ความเห็นชอบบุคลากรของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อปฏิบัติหน้าที่วิเคราะห์การลงทุนและแนะนำการลงทุน ลงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555 ก.ล.ต.
จึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนรายนางสาวมุทิตาและนายภัควัฒน์ โดยกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเมื่อพ้นเวลา 2 ปี และ 1 ปี 1 เดือน ตามลำดับ

สำหรับกรณีนายโชคชัย ก.ล.ต. ได้รับรายงานการตรวจสอบจากบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายโชคชัยได้จัดทำเอกสารเท็จ โดยลงลายมือชื่อแทนลูกค้าในเอกสารและสำเนาบัตรประชาชนของลูกค้า เพื่อใช้สิทธิแลกบัตรกำนัล (gift voucher) และเมื่อลูกค้าสอบถามเกี่ยวกับการใช้สิทธิดังกล่าว นายโชคชัยได้ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้สิทธิ รวมทั้งเบียดบังเอา gift voucher ของลูกค้ามาเป็นของตนเอง มูลค่า 1,000 บาท
การกระทำของนายโชคชัยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ 20(1) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ. 3/2555 เรื่อง การให้ความเห็นชอบบุคลากรของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อปฏิบัติหน้าที่วิเคราะห์การลงทุนและแนะนำการลงทุน ลงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบการเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเมื่อพ้นเวลา 2 ปี

นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ผู้ลงทุนต้องไม่มอบหมายหรือยินยอมให้ผู้แนะนำการลงทุนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทน เนื่องจากผู้แนะนำการลงทุนเป็นผู้มีหน้าที่ติดต่อให้คำแนะนำ หรือวางแผนเกี่ยวกับการซื้อขายหรือการลงทุนในหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ลงทุนเท่านั้น โดยผู้ลงทุนต้องตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันไม่เกิดการทุจริตต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุนได้ ส่วนผู้แนะนำการลงทุนในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพที่มีจรรยาบรรณในการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และพึงปฏิเสธที่จะรับมอบหมายจากลูกค้าในการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า”
รูปภาพ
บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 พ.ย. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 265

โพสต์

รูปภาพ

.: สกู๊ปย่านราชประสงค์ : RSTA ระเบิดแคมเปญยักษ์ส่งท้ายปี ดูดนักท่องเที่ยว :.

จากการโหวตของนิตสารจากสหรัฐอเมริกาที่โหวตให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนอยากจะเข้ามาร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายหน่วยงานเริ่มเข้ามาให้ความสนใจกับการจัดงานเคาน์ดาวน์โดยเฉพาะสถานที่ไฮไลท์อย่าง 4 แยกราชประสงค์ ซึ่งปีนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งที่จะมีการจัดงานเคาน์ดาวน์เกิดขึ้นในคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่จะถึงนี้

สำหรับการจัดงานคาน์ดาวน์บริเวณ 4 ราชประสงค์ในปีนี้ ยังคงใช้เวทีหลักตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือกับของสมาชิกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ซึ่งประกอบด้วย โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ,โรงแรมโฟร์ซีซั่น กรุงเทพฯ ,โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ,โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ,โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินั่ม ,โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ,โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ ,ศูนย์การค้าเกษร,ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ,ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ,ศูนย์การค้าเอราวัณแบงค็อก ,ศูนย์การค้าเพรซิเด้นท์ ทาวเวอร์ อาเขต และศูนย์การค้าแพลทินัม

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) , กรุงเทพมหานคร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย-แปซิฟิค) แอลแอลซี เพื่อร่วมจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เดือน ธ.ค. ภายใต้แคมเปญ “Happiness is All Around @Ratchaprasong” โดยในส่วนของปีทาง RSTA ออกมาเปิดเผยว่าจะจัดกิจกรรมแบบ 360 องศาเลยทีเดียว

รูปภาพ

นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า ย่านราชประสงค์ถือเป็นย่านธุรกิจที่มีศักยภาพของกรุงเทพฯ เพราะนอกจากจะรายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานแล้ว ยังเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจการค้า ระบบคมนาคม และแหล่งช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ที่ครบและใหญ่ที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้ภาพลักษณ์ “เดอะ ฮาร์ท ออฟ แบงค็อก - The Heart of Bangkok” และเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดความสนใจและจดจำตลอดเวลา ทางสมาคมจึงได้มีการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีจะมีการจัดกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อให้ย่านราชประสงค์มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและร่วมกิจกรรม

สำหรับการจัดกิจกรรมในช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งถือเป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองเทศการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทาง RSTA ได้ร่วมกับสมาชิกใช้งบประมาณ 80-100 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญ “Happiness is All Around @Ratchaprasong” เพื่อทำกิจกรรมในช่วงเวลา โดยในส่วนของกิจกรรมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ การเปิดไฟประดับทั่วย่านอลังการแสงสียามค่ำคืน เป็นไฮไลท์เด่นของย่านราชประสงค์ที่แสดงถึงการเริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุข โดยได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานครและสมาชิกสมาคมทุกอาคารร่วมประดับประดาดวงไฟในรูปแบบต่างๆ บนพื้นที่มากกว่า 220,000 ตร.ม. เพื่อสร้างความสวยงามยามค่ำคืนและเติมเต็มบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองให้พิเศษยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดกิจกรรม แบงค็อก เคาท์ดาวน์ (Bangkok Countdown) กิจกรรมที่เป็นหัวใจหลักที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างรอคอย ซึ่งในปีนี้ก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานเคาน์ดาวน์ไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน ขณะเดียวกันก็มีการกิจกรรมทำบุญลอยฟ้าบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลสำหรับการเริ่มต้นชีวิตในช่วงปีใหม่

นายชายกล่าวต่อว่า ในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นความสนใจนักท่องเที่ยวมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เข้าไปอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวและอยากกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง ดังนั้นด้านของศูนย์การค้าหรือโรงแรมของสมาชิก RSTA จะมีการแต่งแต้มสีสันประดับต้นคริสต์มาส ให้มีความสวยงามด้วยธีมที่แตกต่างกันไป

สำหรับในส่วนของขาช้อปก็พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นสินค้าลดพิเศษสูงสุด 70% และกิจกรรมชิงรางวัลจากแต่ละศูนย์การค้าที่จัดเซอร์ไพร์สลูกค้า เช่น กิจกรรมสอยดาวลุ้นรับของรางวัลแบรนด์ดังระดับโลกจากศูนย์การค้าเกษร, กิจกรรมลักกี้ ดรอว์ ช้อปครบ 1,000 บาท ลุ้นรับสิทธิ์ซื้อรถยนต์ราคาเพียง 55% และลดราคาของขวัญของฝากสูงสุด 70% ที่ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า เป็นต้น

หากใครอยากชิวๆ ยามค่ำคืน ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมสุดฮิตกับเทศกาลเบียร์การ์เด้นท์ จุดนัดพบกลุ่มเพื่อนช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเพิ่มความพิเศษด้วยการเตรียมจุดถ่ายภาพสำหรับนักท่องเที่ยวได้บันทึกภาพความประทับใจบริเวณทางเดินสกายวอล์กใกล้ทางเข้าศูนย์การค้าเกษรและศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ที่มาพร้อมกิจกรรมร้องเพลงประสานเสียง โดยมีวงประสานเสียง (Kids Christmas carol ) คอยร้องขับกล่อมเพื่อส่งความสุขบริเวณจุดต่างๆ ของย่านฯ ในคืนวันศุกร์ เสาร์ตลอดเดือน ธ.ค.

ในด้านของทางสมาชิกผู้ประกอบการโรงแรมในย่านราชประสงค์เองก็เตรียมโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับอาหารเลิศรส และความบันเทิงอีกมากมาย เช่น อิ่มอร่อยกับซิกเนเจอร์ดินเนอร์, บุฟเฟ่ต์กลางวัน – มื้อค่ำ ที่มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ และพิเศษในช่วงคริสต์มาส กับคริสต์มาส อีฟ บุฟเฟต์, คริสต์มาส บรั้นช์, นิวเยียร์ ดินเนอร์ และปาร์ตี้เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่

จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวตลอดเดือน ธ.ค. คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวภายในย่านราชประสงค์ไม่ต่ำกว่า 16 ล้านคน มียอดการจองห้องพักของโรงแรมภายในย่านไม่ต่ำกว่า 90 % จากปัจจุบันมีท่องเที่ยวเข้ามาจองห้องพักแล้วประมาณ 85-95% และมียอดเงินสะพัดภายในย่านฯ มากกว่า 13,300 ล้านบาท

พล.ต.ต.ดร.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาของการจัดแคมเปญ “Happiness is All Around @ Ratprasong" สตช.จะร่วมกับสมาคมวางแนวทางการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการ ทั้งในส่วนของกล้อง CCTV ที่มีครอบคลุมในพื้นที่ราชประสงค์ นอกจากนี้ ยังจะมีสายตรวจเดินเท้า และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของช่วงวันที่มีการจัดเคาน์ดาวน์จะมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดดภัยมากถึง 4,000 นาย เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่.

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 266

โพสต์

รูปภาพ

Update:กูรู คาด SET พรุ่งนี้ส่อแววดิ่ง แนะติดตามผลอนุมัติเงินกู้รอบต่อไปของกรีซ

ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,276.41 จุด ลดลง 7.24 จุด หรือ -0.56%
มูลค่าการซื้อขาย24,863.14 ล้านบาท



สรุปสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ +1,196.71 ล้านบาท
สรุปบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -248.76 ล้านบาท
สรุปนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -1,170.03 ล้านบาท

สรุปนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ +222.08 ล้านบาท


นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คาดแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยพรุ่งนี้ (21 พ.ย 2555) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ต้องติดตามผลการอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซในคืนนี้ โดยหากการพิจารณาการอนุมัติเงินกู้รอบต่อไปที่ช่วยเหลือประเทศกรีซยังยืดเยื้อจะกดดันดัชนีฯ
นอกจากนี้ ตลาดฯ ได้รับแรงกดดัน ซึ่งบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดระดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสและมีแนวโน้มปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของประเทศฝรั่งเศสลงอีก
กลยุทธ์ แนะนำ นักลงทุนรอซื้อในจังหวะอ่อนตัว โดยดูหุ้นในกลุ่มธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ระดับดัชนีฯ บวกลบ 1,260 จุด พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,265 จุด และประเมินแนวรับที่ 1,285 จุด

ส่วนภาพรวมดัชนีฯวันนี้ พบว่า มีการปรับตัวลดลงแรง โดยปรับตัวลดลงกว่าตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากมีความกังวลในหุ้นกลุ่มสื่อสาร ที่ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนผู้ประกอบการ 3 บริษัท ได้แก่
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)DTAC,
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)ADVANC
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TRUE

ที่ยื่นประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 3 จี บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz
จากก่อนหน้านี้มีการไต่สวนผู้ตรวจการแผ่นดิน และสำนักงาน กสทช.
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องศาลเพื่อให้เพิกถอนการจัดประมูลคลื่นความถี่ 3 จี

ปัจจัยที่ต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ คือ ผลการอนุมัติเงินกู้ช่วยเหลือประเทศกรีซในคืนวันนี้

สำหรับความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในต่างประเทศ ที่ปรับตัวลดลง นำโดย ดัชนี BSESN: ตลาดหุ้นอินเดีย เวลา 16:27 น. อยู่ที่ระดับ 18,292.75 จุด ลดลง 46.25 จุด หรือ -0.25% ดัชนี FTSE: ตลาดหุ้นลอนดอน เวลา 16:22 น. อยู่ที่ระดับ 5,718.39 จุด ลดลง 19.27 จุด หรือ -0.34% ดัชนี DAX: ตลาดหุ้นเยอรมนี เวลา 16:22 น. อยู่ที่ระดับ 7,109.76 จุด ลดลง 14.08 จุด หรือ -0.20 % ดัชนี CAC-40: ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เวลา 16:22 น. อยู่ที่ระดับ 3,421.74 จุด ลดลง 17.84 จุด หรือ -0.52


ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันพรุ่งนี้( 21 พ.ย.) แกว่งตัวกรอบแคบ โดยเคลื่อนไหวสลับกันทั้งแดนบวกและแดนลบได้ไม่มาก เนื่องจาก ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ บวกกับตลาดยังคงกังวลปัจจัยภายนอกทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังโดยนักลงทุนมีความกังวลเรื่องการปรับลดงบประมาณในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าจะสามารถตกลงกันได้หรือไม่ นอกจากนี้ การประชุมของกลุ่มทรอยก้า เพื่ออนุมัติเงินช่วยเหลือประเทศกรีซเป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าจะอนุมัติเงินช่วยเหลือหรือไม่
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไร โดยรอซื้อเมื่ออ่อนตัวหรือซื้อเล่นรอบดักรีบาวน์ โดยประเมินแนวรับที่ 1,270 จุด แและประเมินแนวต้านที่ 1,285 จุด
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ติดตามในวันพรุ่งนี้ คือ การแถลงภาวะเศรษฐกิจของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด รวมทั้งติดตาม ศาลปกครองไต่สวนผู้ประกอบการ 3 ราย กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่ 3 จี ย่านความถี่ 2.1 GHz ที่ขณะนี้ยังไม่ทราบผลรวมทั้งติดตามปัจจัยทางการเมืองเรื่องการชุมนุมของ องค์การพิทักษ์สยามโดยมี
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานฯ เป็นแกนนำ ในวันที่ 24 พ.ย.นี้
ส่วนภาพรวมดัชนีฯ วันนี้ พบว่า ปรับตัวลดลงสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่ามาจากปัจจัยกดดันจากเรื่องการเมืองที่จะมีการชุมนุมประท้วงในวันที่ 24 พ.ย. นี้ เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายที่ลดน้อยลงสะท้อน ว่านักลงทุนไม่มั่นใจจึงชะลอการลงทุน



ผู้สื่อข่าว : สุวรรณา รสมณี

(สุกัญญา ศิริรวง รายงาน; ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง )

ที่มา: หุ้นอินไซด์
วันที่ : 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 267

โพสต์

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 268

โพสต์


ช้างอัด 150 ล้าน ลุยมิวสิคมาร์เก็ตติ้งส่งท้ายปี 2012
ดึงบอดี้สแลมจัดเต็มเอาใจคนรุ่นใหม่


รูปภาพ

ช้างทุ่ม 150 ล้าน จัดเต็มมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เปิดแคมเปญ “Chang Music 2012” ทุกที่เป็นเวที...มีดีก็โชว์ออกมา ดึงบอดี้สแลม แต่งเพลงเข้าคอนเซ็ปต์ “ชีวิตเป็นของเรา” เฟ้นหาคนรุ่นใหม่มีไฟ แข่งขัน cover เพลงชิงรางวัลพิเศษสุดเอกซ์คลูซีฟ ด้วยการร่วมรายการ Reality Show ถ่ายทอดความเป็นตัวเองในแบบ “ชีวิตของเรา ใช้ซะ” ให้แฟนๆ ทางบ้านได้ชมและเชียร์ทางสื่อทีวีและเว็บไซต์ของช้าง พร้อมขึ้นแสดงบนเวทีเดียวกับบอดี้สแลมในเทศกาลดนตรีครั้งใหญ่ต้นปีหน้า

รูปภาพ

นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง “ช้าง โรด ทู เอล กลาซิโก” เครื่องดื่มตราช้างเตรียมทุ่มงบ 150 ล้านบาท บนแพลตฟอร์ม "มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง" ส่งท้ายปี 2012 ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งสองกลยุทธ์สามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่การสร้างยอดขายและการสร้างแบรนด์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงตอกย้ำความเป็นผู้นำของช้างได้เป็นอย่างดี สำหรับครั้งนี้ได้วงบอดี้สแลมมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า “Chang Music 2012” ทุกที่เป็นเวที...มีดีก็โชว์ออกมา

“ช้างมุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ที่มีความกล้าใช้ชีวิตหรือทำสิ่งต่างๆ ตามความฝัน กล้าที่จะใช้โอกาสที่มีให้สุดความสามารถโดยเฉพาะทางด้านดนตรี ในการ cover เพลง “ชีวิตเป็นของเรา” ของบอดี้สแลม ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง พร้อมกันนี้สามารถติดตามเพลง “ชีวิตเป็นของเรา” ที่เรียบเรียงและขับร้องใหม่ และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาของช้างได้ทางสื่อโทรทัศน์ทุกช่อง นอกจากนี้ยังมีสื่ออื่นๆ สนับสนุนครบวงจร ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของช้างที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนแฟนๆ บอดี้สแลม ก็เตรียมตัวมันส์ให้เต็มที่ เพราะช้างจะจัดเทศกาลดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ ช่วงต้นปีหน้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และคืนกำไรตอบแทนลูกค้าที่เป็นแฟนของเราตลอดมา” นายสรกฤตกล่าว

รูปภาพ

ด้านนายธารินทร์ รินธนาเลิศ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ภายใต้แคมเปญดังกล่าว ช้างจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เดินตามฝันกับโครงการ Chang Music Contest โดยเปิดให้วงดนตรีคนรุ่นใหม่ cover เพลง “ชีวิตเป็นของเรา” ในสไตล์ของตัวเองแล้วส่งมาที่ http://www.ChangMusicContest.com ซึ่งสามารถส่งคลิปเข้ามาได้ทั้งแบบวงดนตรี และแบบเดี่ยว “เพราะช้างเป็นแบรนด์ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่กับทุกๆ สิ่งที่อยากทำตามแนวคิดของแบรนด์ที่ว่า “ชีวิตของเรา ...ใช้ซะ” จึงได้จัดโครงการ Chang Music Contest ขึ้น ซึ่งครั้งนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว

และเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จเมื่อปีก่อน ที่ช้างได้จัดโครงการนี้ โดยมีวงคาราบาว เป็นไอดอล และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม”
นายธารินทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้จะมีความพิเศษกว่าปีที่แล้ว เพราะผู้ที่เข้ารอบ 5 วง จะได้ถ่ายทอดความเป็นตัวเองกับการใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า “ชีวิตของเรา ใช้ซะ” ผ่านรายการแนวเรียลลิตี้ให้ผู้ชมทางบ้าน ได้ชมและเชียร์ไปพร้อมๆ กันทางสื่อทีวีและเว็บไซต์ของช้าง ด้านของรางวัลที่ผู้ชนะการแข่งขันแบบวงดนตรี จะได้รับเงินรางวัล 300,000 บาท พร้อมกีตาร์ Music MAN JPX มูลค่า 110,000 บาท และสำหรับของรางวัลผู้ชนะประเภทเดี่ยว จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท และผู้ร่วมโหวตจะมีสิทธิ์ลุ้นรับ iPhone5 ทุกวัน เป็นจำนวน 10 วัน 10 เครื่อง รวมของรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

ที่พิเศษเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ผู้ชนะเลิศจะได้ขึ้นเล่นบนเวทีเดียวกับบอดี้สแลม ในเทศกาลดนตรีครั้งใหญ่ต้นปีหน้าด้วย” ซึ่งถือเป็นสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต นายธารินทร์กล่าวปิดท้าย จากการใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้งในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ยอดขายของช้างเติบโตขึ้นประมาณ 15% และมีส่วนแบ่งตลาดรวม 35%
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 269

โพสต์

รูปภาพ

ทิวลิปกรุ๊ป ยืนยันร่วมบริหารจัดการกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ โกลเด้น ทิวลิป

ทิวลิปกรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยอย่างยินดีว่าได้มีการเซ็นต์สัญญากับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือโกลเด้น ทิวลิป เพื่อร่วมกันสร้างโปรเจคใหม่ใจกลางเมืองพัทยา โดยการผสมผสานของทั้งสองบริษัทนี้ จะใช้ชื่อโครงการนี้ว่า โกลเด้น ทิวลิป โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ พัทยา ซึ่งประกอบด้วยห้องพักโรงแรมระดับสี่ดาว จำนวน 200 ห้อง และคอนโดมิเนียม 6 หลัง บนพื้นที่กว่า 16,500 ตารางเมตร
ทางโครงการยื่นข้อเสนอสุดพิเศษแด่ผู้ซื้อทุกท่านด้วยมาตรฐานการบริหารจัดการจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ โกลเด้น ทิวลิป ซึ่งเป็นเครือโรงแรมที่มีขนาดใหญ่อันดับ 8 ของโลก และใหญ่เป็นอันดับสองในยุโรป โดยมีโรงแรมของตัวเองและโรงแรมที่รับบริหารมากกว่า 100 แห่ง จาก 40 ประเทศทั่วโลก
แขกที่เข้าพักของทางโรงแรมจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการโดยแยกเป็นสัดส่วน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ซึ่งจะไม่ปะปนกับผู้พักอาศัยในคอนโด และเพื่อให้รีสอร์ทนี้มีความพิเศษอย่างแท้จริง เจ้าของคอนโดสามารถใช้บริการต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในโรงแรม อาทิเช่น ห้องอาหาร บาร์ ได้อีกด้วย
“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะมีโอกาสได้ร่วมงานกับโรงแรมและรีสอร์ทเครือโกลเด้น ทิวลิป ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ และผมเชื่อว่าบริษัทของเราทั้งสองจะทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี” เจสัน เพน รองประธานบริหารทิวลิป กรุ๊ป กล่าว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีรายงานข่าวออกมาว่าทิวลิปกรุ๊ป ได้ซื้อที่ดินใจกลางเมืองพัทยา ด้วยราคาสูงถึง 500 ล้านบาท ทั้งที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยได้ยินข่าวแบบนี้เลย
“เราตัดสินใจลงทุนอย่างมีนัยยะ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของพื้นที่ในย่านนี้ ซึ่งเราเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้โตขึ้นเรื่อย ๆ และเราไม่อยากให้พุ่งเป้าไปเรื่องราคาที่ดินมากนัก ขณะนี้จุดมุ่งหมายหลักของเราคือการสร้างรีสอร์ทที่เพียบพร้อมใจกลางเมืองพัทยา ทุกวันนี้ทีมงานของเราทำงานกันหนักมาก เพื่อออกแบบ ผสมผสานการพัฒนาให้ได้ประโยชน์สูงสุด เรารู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับโกลเด้นทิวลิป ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่บริหารจัดการด้านโรงแรมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคอมเพล็กซ์ที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย ทุกวันนี้เมืองพัทยากำลังโตขึ้นเรื่อย ๆ และเราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตนั้น” โคบี้ เอลบาส ผู้บริหารระดับสูงทิวลิป กรุ๊ป กล่าว
มร.มาร์ค แวน โอคทรอป กรรมการผู้จัดการโรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายใจปนตื่นเต้นถึงการได้ร่วมงานกับทิวลิปกรุ๊ป กับการเปิดตัวโรงแรมโกลเด้นทิวลิป แห่งแรกในเมืองพัทยา ว่า “โครงการนี้น่าตื่นเต้นมาก และพัทยาก็โตขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา เรามีความมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าร่วมกับทิวลิปกรุ๊ป และร่วมกันพัฒนาโรงแรมอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยกัน”
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.tulipgroup.co.th หรือ www.pattayacityresidence.com

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย Thai PR
ทิวลิปกรุ๊ป — 20 พฤศจิกายน 2555
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 270

โพสต์