ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 32
เราลองมาเล่นแบบสมัยเด็กๆกัน..เหมือนเด็กผู้หญิงเล่นขายของ....
ถ้าพอร์ตถูกบริหารเหมือนเป็นบริษัท
เราเป็น กรรมการผู้จัดการ
สินค้าที่บริษัทเราขาย = สินค้าบริษัทที่เราซื้อหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต
ผู้จัดการของเรา = กรรมการผู้จัดการของหุ้นที่เราซื้อ
ราคาหุ้นที่แพงมากขึ้น = การลงทุนในบริษัทนั้นแพงมากขึ้น จุดหนี่งเราคงไม่ลงทุนขยายกิจการสำหรับสินค้าตัวนั้นๆ
การขายหุ้น = การที่ผู้จัดการของเราไม่สามารถทำตามแผนที่ได้วางไว้ หรือ สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไปจนกิจการฯและกลยุทธที่ผู้จัดการของเราคิดไว้ไม่สามารถสร้างผลกำไรให้กิจการได้อีกต่อไป
การซื้อหุ้นเพิ่ม = การลงทุนในบริษัทเพื่อขยายการผลิตสินค้า
การซื้อหุ้นเพิ่มแต่เป็นหุ้นตัวใหม่ = การลงทุนเพื่อขยายชนิดสินค้าในบริษัทเรา ซี่งต้องวิเคราะห์การลงทุนว่าคุ้มหรือไม่ และ ผู้จัดการเราเก่ง และ เป็นคนดีหรือไม่
การเลือกหุ้น Growth/Defensive = การเลือกผลิตภัณฑ์ของเรา
----->หุ้น Growth = สินค้าตัวนี้จะมี liquidity ให้บริษัทฯน้อย(ปันผลน้อยหรือไม่มี)สินค้ามักจะเป็นพวกที่อยู่ในช่วง Growth Stage ใน Product Life Cycle....
----->หุ้น Devensive = สินค้าตัวนี้มี Liquidity ให้บริษัทฯมาก (ปันผลมาก) สินค้ามักจะอยู่ในช่วง Mature เติบโตตาม Organic Growth แต่มันก็เป็น แม่นมให้นมเรา (Cash Cow)
ในแต่ละไตรมาส ผู้จัดการของเรามีหน้าที่รายงานกับเราว่าผลงานของเขาเป็นอย่างไร
ผู้จัดการบางคนสร้าง Cash Flow ให้บริษัทเราเพราะสินค้ามันเป็น Cash Cow ทำให้เรามีเงินสดเพื่อเอาไปลงทุนเพิ่ม (หรือโดนเมียยึดเอาไป )....
ผู้จัดการบางคนสร้าง Cash Flow ให้เราไม่ได้เพราะเขาเอาไปลงทุนในสินค้าเค้าทั้งหมดเพราะมันโตไวมาก (หุ้น Growth) เราต้องซักถามรายละเอียดให้ดี เพราะผู้จัดการตัดสินใจแทนเราไปแล้ว...
เรามีหน้าที่อยู่เพียงสองประการ
1. ผลงานของผู้จัดการยังเป็นไปตามแผนงาน กลยุทธที่ผู้จัดการเหล่านี้ทำยังใช้ได้ดีต่อไป กิจการที่ Growth มากๆเป็นเพราะผู้จัดการเรามอง Short Term มากกว่า Long Term หรือไม่ หรือ กิจการที่สร้างกระแสเงินสดให้เรามากๆ (ปันผลมากๆ) เป็นเพราะผู้จัดการเราไม่มีความสามารถที่จะเอาไปลงทุนต่อในสินค้าตัวนั้นหรือไม่ หรือ สินค้ามันเป็น Commodity ไปแล้ว แต่ถ้ามันถึงขั้นสินค้าตัวนี้อาจไม่ได้รับความนิยมต่อไปแล้ว เราก็อาจต้องทำอะไรบางอย่าง
2. Cash Inflow ที่เพิ่มขึ้นเราจะเอาไปทำอะไรในบริษัทของเรา ผู้จัดการคนใหนควรจะได้เงินลงทุนนี้ไป (ซื้อหุ้นตัวนั้นๆเพิ่ม)
ดังนั้น....
1. ตลาด SET จะวิ่งแบบบ้าคลั่ง ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร
2. ในพอร์ต เราจะพบตลอดเวลาว่า หุ้น (สินค้า) ตัวใหนน่าลงทุนมากสุดในแต่ละช่วงเวลา (เทียบกับ หุ้นตัวอื่นๆในพอร์ต)
3. ถ้าเรามีสินค้า (หุ้น) ในพอร์ตจำนวนมากพอ และ มีการคิดเรื่อง Leverage ของสินค้าไว้อย่างดี เช่น ถ้าราคาน้ำมันแพง....สินค้า A จะขายดี แต่สินค้า B ของเราจะขายแย่ลงเพราะกระทบต้นทุนโดยตรง .....เราจะพบว่าไม่ว่าเกิดวิกฤต หรือ หุ้นบ้าคลั่ง ....พอร์ตของเราก็ยังพร้อมที่จะให้ลงทุนเสมอๆ ในกรณีที่น้ำมันแพงขึ้นมากๆ และผมรู้ว่ามันเป็นแค่ชั่วคราว ผมก็จะเอาเงินไปลงทุนเพิ่มในสินค้า B เพราะตอนนั้น "การลงทุนจะไม่แพงและให้ผลตอบแทนดีในอนาคตเมื่อราคาน้ำมันกลับมาปกติ"
ลองเล่นแบบเด็กๆ เหมือนผมซิครับ โอกาสจะมาเสมอๆ ....มีความสุขเหมือนเด็กๆ ไม่ว่าจะ Bull หรือ Bear
ถ้าพอร์ตถูกบริหารเหมือนเป็นบริษัท
เราเป็น กรรมการผู้จัดการ
สินค้าที่บริษัทเราขาย = สินค้าบริษัทที่เราซื้อหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต
ผู้จัดการของเรา = กรรมการผู้จัดการของหุ้นที่เราซื้อ
ราคาหุ้นที่แพงมากขึ้น = การลงทุนในบริษัทนั้นแพงมากขึ้น จุดหนี่งเราคงไม่ลงทุนขยายกิจการสำหรับสินค้าตัวนั้นๆ
การขายหุ้น = การที่ผู้จัดการของเราไม่สามารถทำตามแผนที่ได้วางไว้ หรือ สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไปจนกิจการฯและกลยุทธที่ผู้จัดการของเราคิดไว้ไม่สามารถสร้างผลกำไรให้กิจการได้อีกต่อไป
การซื้อหุ้นเพิ่ม = การลงทุนในบริษัทเพื่อขยายการผลิตสินค้า
การซื้อหุ้นเพิ่มแต่เป็นหุ้นตัวใหม่ = การลงทุนเพื่อขยายชนิดสินค้าในบริษัทเรา ซี่งต้องวิเคราะห์การลงทุนว่าคุ้มหรือไม่ และ ผู้จัดการเราเก่ง และ เป็นคนดีหรือไม่
การเลือกหุ้น Growth/Defensive = การเลือกผลิตภัณฑ์ของเรา
----->หุ้น Growth = สินค้าตัวนี้จะมี liquidity ให้บริษัทฯน้อย(ปันผลน้อยหรือไม่มี)สินค้ามักจะเป็นพวกที่อยู่ในช่วง Growth Stage ใน Product Life Cycle....
----->หุ้น Devensive = สินค้าตัวนี้มี Liquidity ให้บริษัทฯมาก (ปันผลมาก) สินค้ามักจะอยู่ในช่วง Mature เติบโตตาม Organic Growth แต่มันก็เป็น แม่นมให้นมเรา (Cash Cow)
ในแต่ละไตรมาส ผู้จัดการของเรามีหน้าที่รายงานกับเราว่าผลงานของเขาเป็นอย่างไร
ผู้จัดการบางคนสร้าง Cash Flow ให้บริษัทเราเพราะสินค้ามันเป็น Cash Cow ทำให้เรามีเงินสดเพื่อเอาไปลงทุนเพิ่ม (หรือโดนเมียยึดเอาไป )....
ผู้จัดการบางคนสร้าง Cash Flow ให้เราไม่ได้เพราะเขาเอาไปลงทุนในสินค้าเค้าทั้งหมดเพราะมันโตไวมาก (หุ้น Growth) เราต้องซักถามรายละเอียดให้ดี เพราะผู้จัดการตัดสินใจแทนเราไปแล้ว...
เรามีหน้าที่อยู่เพียงสองประการ
1. ผลงานของผู้จัดการยังเป็นไปตามแผนงาน กลยุทธที่ผู้จัดการเหล่านี้ทำยังใช้ได้ดีต่อไป กิจการที่ Growth มากๆเป็นเพราะผู้จัดการเรามอง Short Term มากกว่า Long Term หรือไม่ หรือ กิจการที่สร้างกระแสเงินสดให้เรามากๆ (ปันผลมากๆ) เป็นเพราะผู้จัดการเราไม่มีความสามารถที่จะเอาไปลงทุนต่อในสินค้าตัวนั้นหรือไม่ หรือ สินค้ามันเป็น Commodity ไปแล้ว แต่ถ้ามันถึงขั้นสินค้าตัวนี้อาจไม่ได้รับความนิยมต่อไปแล้ว เราก็อาจต้องทำอะไรบางอย่าง
2. Cash Inflow ที่เพิ่มขึ้นเราจะเอาไปทำอะไรในบริษัทของเรา ผู้จัดการคนใหนควรจะได้เงินลงทุนนี้ไป (ซื้อหุ้นตัวนั้นๆเพิ่ม)
ดังนั้น....
1. ตลาด SET จะวิ่งแบบบ้าคลั่ง ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร
2. ในพอร์ต เราจะพบตลอดเวลาว่า หุ้น (สินค้า) ตัวใหนน่าลงทุนมากสุดในแต่ละช่วงเวลา (เทียบกับ หุ้นตัวอื่นๆในพอร์ต)
3. ถ้าเรามีสินค้า (หุ้น) ในพอร์ตจำนวนมากพอ และ มีการคิดเรื่อง Leverage ของสินค้าไว้อย่างดี เช่น ถ้าราคาน้ำมันแพง....สินค้า A จะขายดี แต่สินค้า B ของเราจะขายแย่ลงเพราะกระทบต้นทุนโดยตรง .....เราจะพบว่าไม่ว่าเกิดวิกฤต หรือ หุ้นบ้าคลั่ง ....พอร์ตของเราก็ยังพร้อมที่จะให้ลงทุนเสมอๆ ในกรณีที่น้ำมันแพงขึ้นมากๆ และผมรู้ว่ามันเป็นแค่ชั่วคราว ผมก็จะเอาเงินไปลงทุนเพิ่มในสินค้า B เพราะตอนนั้น "การลงทุนจะไม่แพงและให้ผลตอบแทนดีในอนาคตเมื่อราคาน้ำมันกลับมาปกติ"
ลองเล่นแบบเด็กๆ เหมือนผมซิครับ โอกาสจะมาเสมอๆ ....มีความสุขเหมือนเด็กๆ ไม่ว่าจะ Bull หรือ Bear
Disclaimer & Disclosure: The articles posted only represent my personal view. They are by no means a guarantee to the stock performance. Have no plan to change my position to the stock mentioned over the next 72 hrs.
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 33
ขอบคุณครับพี่หมึกพอล ครบถ้วนทุกอย่างสำหรับ"Concept"การลงทุน
เพราะ หุ้น ไม่เท่ากับ ตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตามดัชนีSetอาจชี้นำราคาหุ้นได้ เเต่ดัชนีsetคงไม่ชี้นำการบริหารของบริษัท
เพราะ หุ้น ไม่เท่ากับ ตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตามดัชนีSetอาจชี้นำราคาหุ้นได้ เเต่ดัชนีsetคงไม่ชี้นำการบริหารของบริษัท
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 34
เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ growth ยังขยายตัวได้ดี performดีกว่าตลาด เช่น ประกัน สินเชื่อ bank อสังหา commerce พลังงาน. Comodity บางตัวSALA เขียน:หุ้น 20 ตัวที่ถูก บอกได้ไหมครับ
แล้วค่อยมาดูตัวที่ราคายังไม่แพง. Market share กำลังจะโต. ขึ้นกับความถนัดความเข้าใจในแต่ละอุตสาหกรรมของแต่ละคนด้วยค่ะ
บอกเป็นตัวๆไม่ได้ ถ้ารู้ก็รวยไปแล้ว อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 36
เสี่ยปู่บอก เก่งจริงต้องหาหุ้นได้ทุกสถานการณ์
ผมไม่เก่งเลยหาไม่เจอ
ุหุ้น ไอพีโอ ก็ไม่เคยได้ พอร์ตเล็กๆ นานๆ ซื้อขายที
ดู สตรีมมิ่งยังโดนตัด ทำไมต้องตัดด้วย
ผมไม่เก่งเลยหาไม่เจอ
ุหุ้น ไอพีโอ ก็ไม่เคยได้ พอร์ตเล็กๆ นานๆ ซื้อขายที
ดู สตรีมมิ่งยังโดนตัด ทำไมต้องตัดด้วย
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 37
Streming ผมโดนเหมือนกันครับ ถ้าเนาไม่ซื้อขายผ่านStreamingเกินหกเดือนจะถูกตัดLogin ไม่ได้syj เขียน:เสี่ยปู่บอก เก่งจริงต้องหาหุ้นได้ทุกสถานการณ์
ผมไม่เก่งเลยหาไม่เจอ
ุหุ้น ไอพีโอ ก็ไม่เคยได้ พอร์ตเล็กๆ นานๆ ซื้อขายที
ดู สตรีมมิ่งยังโดนตัด ทำไมต้องตัดด้วย
ผมว่าสามารถหาหุ้นได้ทุกสถาณการณ์นะ เเต่ตลาดเเบบนี้Margin of safetyอาจจะลดลงบ้างหรืออาจจะต้องเป็นหุ้นที่คาดหวังกับผลประกอบการในอนาคตพอสมควรประมาณว่าวันนี้เเพงเเต่2ปีข้างหน้าถูก
ผมยังชอบการใช้ตะเเกรงร่อนเเบบpeter denisนะ เเล้วค่อยมาดูคุณภาพของหุ้นเเต่ละตัว
อย่างไรก็ตามเราอาจไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นบ่อยๆ
สรุปเเล้วเเต่ชอบครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- blackninja
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 39
ยังขึ้นน้อยอยู่เลยครับรอบนู้นอินโดดูน่าสนใจขึ้นจาก 300กว่าจุดมา 2,800จุด รอบนี้ไทยดูน่าสนใจกว่าแต่ พึ่งขึ้นจาก400จุด มา 1,300จุดเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 40
เปรียบเทียบแบบนี้คงไม่ถูกต้องนะครับblackninja เขียน:ยังขึ้นน้อยอยู่เลยครับรอบนู้นอินโดดูน่าสนใจขึ้นจาก 300กว่าจุดมา 2,800จุด รอบนี้ไทยดูน่าสนใจกว่าแต่ พึ่งขึ้นจาก400จุด มา 1,300จุดเอง
เหมือนกับเอา MK กับ SPALI มาเปรียบเทียบ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เคยอยู่แถวๆ 2 บาทกว่าๆ เหมือนกัน
เดี๋ยวนี้ SPALI 19.40 บาท แต่ MK เพิ่งจะ 3.62 บาทเอง...
- blackninja
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 42
เข้าใจครับว่ามันเปรียบเทียบกันไม่ได้ แค่จะสื่อว่ามันเป็นไปได้เฉยๆครับinvestor2011 เขียน:เปรียบเทียบแบบนี้คงไม่ถูกต้องนะครับblackninja เขียน:ยังขึ้นน้อยอยู่เลยครับรอบนู้นอินโดดูน่าสนใจขึ้นจาก 300กว่าจุดมา 2,800จุด รอบนี้ไทยดูน่าสนใจกว่าแต่ พึ่งขึ้นจาก400จุด มา 1,300จุดเอง
เหมือนกับเอา MK กับ SPALI มาเปรียบเทียบ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เคยอยู่แถวๆ 2 บาทกว่าๆ เหมือนกัน
เดี๋ยวนี้ SPALI 19.40 บาท แต่ MK เพิ่งจะ 3.62 บาทเอง...
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 43
ตลาดเป็นยังไงไม่รู้แต่หุ้นของผมยังไม่ไปไหนเลย อิอิ
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1281
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดบ้าคลั่งแบบนี้ ทำอะไรดีครับ
โพสต์ที่ 44
David TON เขียน:SALA เขียน:หุ้น 20 ตัวที่ถูก บอกได้ไหมครับ
ฮั่นแน่........
ฮั่นแน่..........ด้วย แหะแหะ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์