แนว 2.96 - 2.98 เป็นแนววัดใจของ MCS เลยครับ
จะผ่านไหมน๊า ครั้งที่สามแล้ว
เข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 2.98 บาท
-
ลูกอิสาน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
เข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 2.98 บาท
โพสต์ที่ 4
ผมชอบทั้ง 3 ตัวครับ
แต่หากให้เลือกคงถือตัวที่มั่นคง มีเงินสดเยอะหน่อยครับ
อีกเหตุผลที่ผมคิดว่าอาจจะทำให้ผ่าน 3 บาทไปได้ ก็คือการขายบิ๊กล็อตที่ผ่านมา ผมไม่แน่ใจว่า ดร.ชิ ขายให้ใครครับ หากเป็นผู้ซื้อที่ aggressive เราอาจจะหวังอะไรดีๆได้บ้างครับ
แต่หากให้เลือกคงถือตัวที่มั่นคง มีเงินสดเยอะหน่อยครับ
อีกเหตุผลที่ผมคิดว่าอาจจะทำให้ผ่าน 3 บาทไปได้ ก็คือการขายบิ๊กล็อตที่ผ่านมา ผมไม่แน่ใจว่า ดร.ชิ ขายให้ใครครับ หากเป็นผู้ซื้อที่ aggressive เราอาจจะหวังอะไรดีๆได้บ้างครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
ลูกอิสาน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
เข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 2.98 บาท
โพสต์ที่ 6
พี่ ผมไปดูเงินบาทเทียบกับเยน ในไตรมาส 4 คาดว่าจะไม่มีนัยะสำคัญครับ
เพราะกลางไตรมาส มีกระตุกขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากนั้นเยนก็อ่านค่าต่อไป และตอนนี้ก็ยังอ่อนค่า เมื่อเทียบกับเงินบาท mcs น่าจะได้รับประโยชน์ครับ ในระยะสั้นๆ
ปี 49 mcs น่าจะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้น เพราะประหยัดภาษี และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ผมเดานะ น่าจะผ่าน 3 บ.ไปได้
ส่วนหุ้นคุณไพบูลย์ ช่วงนี้ก็เริ่มมีอาการแปลกๆบ้าง อาจจะขึ้นไปรับปันผล ส่วนการเติบโตน่าจะพอๆกัน แต่ uec มีเงินสด ในขณะที่ ums มีหนี้ รักใครชอบใครก็เลือกได้เลย ผิดถูกอย่าว่ากัน :lol:
เพราะกลางไตรมาส มีกระตุกขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากนั้นเยนก็อ่านค่าต่อไป และตอนนี้ก็ยังอ่อนค่า เมื่อเทียบกับเงินบาท mcs น่าจะได้รับประโยชน์ครับ ในระยะสั้นๆ
ปี 49 mcs น่าจะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้น เพราะประหยัดภาษี และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ผมเดานะ น่าจะผ่าน 3 บ.ไปได้
ส่วนหุ้นคุณไพบูลย์ ช่วงนี้ก็เริ่มมีอาการแปลกๆบ้าง อาจจะขึ้นไปรับปันผล ส่วนการเติบโตน่าจะพอๆกัน แต่ uec มีเงินสด ในขณะที่ ums มีหนี้ รักใครชอบใครก็เลือกได้เลย ผิดถูกอย่าว่ากัน :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
เข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 2.98 บาท
โพสต์ที่ 8
เค้าว่าข่าวดีจะมีตอนเทศกาลแห่งความรักพอดีเลยครับพี่ลูกอีสาน เค้าขยันให้ข่าวดีเหมือนกันนะครับ
MCSรอเปิดข่าวดี
Source - ทันหุ้น
Friday, 10 February 2006 08:04
หัวข้อข่าว : MCSรอเปิดข่าวดี
ที่มา : ทันหุ้น
MCS เตรียมเปิดข่าวดีสัปดาห์หน้าฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมเตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาผลการดำเนินงานงวดปี 2548 ด้านบล.ดีบีเอส มองแนวโน้มปีนี้สดใส รับรายได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2548 ที่มีงานไหลเข้ามาส่งท้ายปี ปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 3.88 บาท จากเป้าหมายเดิมที่ 3.25 บาท ส่วนบล.เอเซียพลัส ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 3.91 บาท คาดเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2548 ที่ 0.16 บาท จากในงวดครึ่งปีแรกที่จ่ายไปแล้ว 0.12 บาท และมุมมองทางเทคนิคจากบล.ซีมิโก้ ประเมินการปรับตัวของราคาเป็นไปตามมูลค่างานในมือที่สูงขึ้น และให้แนวต้านแรกที่ 3.50 บาท แนวต้านถัดไปที่ 3.60 บาท ส่วนแนวรับที่ 2.92 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นMCS(9ก.พ.) เปิดตลาดที่ 3.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 3.04 บาท และปิดตลาดที่ 2.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.68% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 79 ล้านบาท
แหล่งข่าวบริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) MCS เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมนำผลการดำเนินงานในปี 2548 เสนอต่อคณะกรรมการบริษัท ซึ่งคาดว่าในวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549 บริษัทจะมีข่าวดีอีกครั้งแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส จำกัด มองแนวโน้ม MCS ว่า จะมีงานในมือปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รับรู้รายได้ในปี 2549 ทั้งปี ดังนั้นคาดว่ายอดขายในปีนี้จะออกมาสดใสต่อเนื่อง จากในไตรมาส 4/2548 ที่ผ่านมาที่มีเลื่อนการรับรู้รายได้จากไตรมาส 3/2548 อีกประมาณ 70 ล้านบาท และในไตรมาส 4 ดังกล่าว MCS ยังได้งานโครงการเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้น
รวมทั้งเป็นงานโครงสร้างเหล็กที่ขายได้ราคาสูงกว่าปกติ จึงคาดว่ายอดขายใน 4/2548 เท่ากับ 701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบปีต่อปี และเพิ่มอีก 38% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และคาดว่ายอดขายปี 2548 จะเท่ากับ 2,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบปีต่อปี และใช้กำลังการผลิตทั้งปี 2548 อยู่ที่ประมาณ 39,000 ตัน คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิตประมาณ 97.50%
ทั้งนี้ยังมีคำสั่งซื้อสินค้าที่จะทยอยส่งมอบสินค้าไปถึงเดือนกันยายน 2549 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นงานผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น และได้รับงานก่อสร้างอาคารของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ จำกัด มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดการส่งมอบงานในเดือนเมษายน 2549 โดยหากรวมยอดมูลค่างานในมือที่จะรับรู้รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้แล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าจะได้รับงานเพิ่มเติมอีกประมาณ 4-5 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 500-600 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการประเมินในเชิงอนุรักษ์ ฝ่ายวิเคราะห์ประมาณว่าบริษัทน่าจะได้รับงานโครงการเพิ่มเติมประมาณ 413 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของรายได้ที่คาดว่าจะรับรู้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 ดังนั้นประเมินว่ายอดขายปี 2549 จะเท่ากับ 2,413 ล้านบาท
ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก MCS จะเป็นหุ้นในกลุ่มเหล็กที่มีความโดดเด่นเรื่องให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2549 เท่ากับ 9.84% หลังจากมีการปรับประมาณการปี 2549 เพิ่มขึ้นประมาณ 19.57% และให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานเป็น 3.88 บาท จากเดิมที่แนะนำที่ 3.25 บาท โดยอิงกับค่าพี/อี ปี 2549 ที่ 7 เท่า
ส่วนบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ระบุว่า จากมูลค่างานในมือ ( Backlog)รองรับตลอดปี 2549 ช่วงปลายปี 2548 ที่ผ่านมา MCS มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากระดับ 40,000 ตัน/ปี เป็น 50,000 ตัน/ปี โดยปัจจุบัน MCS มีงานในมือที่เซ็นสัญญาและจะรับรู้รายได้ภายในปี 2549 ประมาณ 45,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 2,600 ล้านบาท และด้วยโครงสร้างของรายได้ที่เกือบทั้งหมดเป็นงานต่างประเทศที่มีการกำหนดราคาไว้ล่วงหน้าทั้งราคาขายและวัตถุดิบทำให้ MCS ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาเหล็ก และสามารถรักษากำไรขั้นต้นได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ในปี 2549 MCS จะใช้สิทธิในการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 25% ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าว ฝ่ายวิจัยคาดว่า MCS จะมีกำไรจากการดำเนินงานปี 2549 ที่ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมือเทียบปีต่อปีหรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ (EPS) ที่ 0.67 บาท/หุ้น
รวมทั้งยังมีเงินปันผลที่สูงและส่วนต่างอีกกว่า 43% จึงแนะนำ ซื้อ โดยฝ่ายวิจัยเห็นว่ารายได้ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากมูลค่างานที่มีในมือ ทำให้คาดว่าผลประกอบการปี 2549 จะมีการเติบโตถึง 31%เมือเทียบปีต่อปี
ฝ่ายวิจัยเห็นว่าราคาหุ้นที่เหมาะสมของ MCS ณ สิ้นปี 2549 น่าจะซื้อขายที่ระดับค่าพี/อี ไม่ต่ำกว่าปี 2548 ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงกำหนดราคาเหมาะสมองหุ้น MCS ณ สิ้นปี 2549 ที่ระดับค่าพี/อี 6 เท่า ให้มูลค่าเหมาะสมที่ 3.91 บาท ซึ่งมีส่วนต่างจากราคาปัจจุบัน 43% นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า MCS จะจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 2548 ครึ่งปีหลัง อีก 0.16 บาท หากรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้ว 0.12 บาท คิดเป็น ผลตอบแทนสูงถึง 10.76%
นายฉัตรชัย กิจธิคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลิลป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น MCS ยังคงน่าสนใจ โดยให้แนวรับที่ 2.92 บาท และแนวต้านที่ 3.06 บาท ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ เก็งกำไร
นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้น MCS ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะปัจจัยด้านมูลค่างานในมือที่สูงขึ้นส่งผลให้รับรู้ได้ตลอดปีนี้ โดยมองกรอบลงทุนที่แนวรับ 2.92-2.86 บาท และแนวต้านที่ 3.50-3.60 บาท แนะนำซื้อ
นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น MCS มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคา 2.60 บาท และปรับตัวเข้าใกล้ระดับราคา 3.00 บาท ซึ่งประเมินว่าราคายังมีโอกาสปรับตัวได้ต่อ โดยให้แนวรับที่ 2.90-2.84 บาท และแนวต้านที่ 3.06-3.10 บาท โดยกลยุทธ์ลงทุนแนะนำ เก็งกำไร
MCSรอเปิดข่าวดี
Source - ทันหุ้น
Friday, 10 February 2006 08:04
หัวข้อข่าว : MCSรอเปิดข่าวดี
ที่มา : ทันหุ้น
MCS เตรียมเปิดข่าวดีสัปดาห์หน้าฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมเตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาผลการดำเนินงานงวดปี 2548 ด้านบล.ดีบีเอส มองแนวโน้มปีนี้สดใส รับรายได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2548 ที่มีงานไหลเข้ามาส่งท้ายปี ปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 3.88 บาท จากเป้าหมายเดิมที่ 3.25 บาท ส่วนบล.เอเซียพลัส ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 3.91 บาท คาดเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2548 ที่ 0.16 บาท จากในงวดครึ่งปีแรกที่จ่ายไปแล้ว 0.12 บาท และมุมมองทางเทคนิคจากบล.ซีมิโก้ ประเมินการปรับตัวของราคาเป็นไปตามมูลค่างานในมือที่สูงขึ้น และให้แนวต้านแรกที่ 3.50 บาท แนวต้านถัดไปที่ 3.60 บาท ส่วนแนวรับที่ 2.92 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นMCS(9ก.พ.) เปิดตลาดที่ 3.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 3.04 บาท และปิดตลาดที่ 2.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.68% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 79 ล้านบาท
แหล่งข่าวบริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) MCS เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมนำผลการดำเนินงานในปี 2548 เสนอต่อคณะกรรมการบริษัท ซึ่งคาดว่าในวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549 บริษัทจะมีข่าวดีอีกครั้งแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส จำกัด มองแนวโน้ม MCS ว่า จะมีงานในมือปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รับรู้รายได้ในปี 2549 ทั้งปี ดังนั้นคาดว่ายอดขายในปีนี้จะออกมาสดใสต่อเนื่อง จากในไตรมาส 4/2548 ที่ผ่านมาที่มีเลื่อนการรับรู้รายได้จากไตรมาส 3/2548 อีกประมาณ 70 ล้านบาท และในไตรมาส 4 ดังกล่าว MCS ยังได้งานโครงการเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้น
รวมทั้งเป็นงานโครงสร้างเหล็กที่ขายได้ราคาสูงกว่าปกติ จึงคาดว่ายอดขายใน 4/2548 เท่ากับ 701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบปีต่อปี และเพิ่มอีก 38% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และคาดว่ายอดขายปี 2548 จะเท่ากับ 2,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบปีต่อปี และใช้กำลังการผลิตทั้งปี 2548 อยู่ที่ประมาณ 39,000 ตัน คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิตประมาณ 97.50%
ทั้งนี้ยังมีคำสั่งซื้อสินค้าที่จะทยอยส่งมอบสินค้าไปถึงเดือนกันยายน 2549 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นงานผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น และได้รับงานก่อสร้างอาคารของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ จำกัด มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดการส่งมอบงานในเดือนเมษายน 2549 โดยหากรวมยอดมูลค่างานในมือที่จะรับรู้รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้แล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าจะได้รับงานเพิ่มเติมอีกประมาณ 4-5 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 500-600 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการประเมินในเชิงอนุรักษ์ ฝ่ายวิเคราะห์ประมาณว่าบริษัทน่าจะได้รับงานโครงการเพิ่มเติมประมาณ 413 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของรายได้ที่คาดว่าจะรับรู้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 ดังนั้นประเมินว่ายอดขายปี 2549 จะเท่ากับ 2,413 ล้านบาท
ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก MCS จะเป็นหุ้นในกลุ่มเหล็กที่มีความโดดเด่นเรื่องให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2549 เท่ากับ 9.84% หลังจากมีการปรับประมาณการปี 2549 เพิ่มขึ้นประมาณ 19.57% และให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานเป็น 3.88 บาท จากเดิมที่แนะนำที่ 3.25 บาท โดยอิงกับค่าพี/อี ปี 2549 ที่ 7 เท่า
ส่วนบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ระบุว่า จากมูลค่างานในมือ ( Backlog)รองรับตลอดปี 2549 ช่วงปลายปี 2548 ที่ผ่านมา MCS มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากระดับ 40,000 ตัน/ปี เป็น 50,000 ตัน/ปี โดยปัจจุบัน MCS มีงานในมือที่เซ็นสัญญาและจะรับรู้รายได้ภายในปี 2549 ประมาณ 45,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 2,600 ล้านบาท และด้วยโครงสร้างของรายได้ที่เกือบทั้งหมดเป็นงานต่างประเทศที่มีการกำหนดราคาไว้ล่วงหน้าทั้งราคาขายและวัตถุดิบทำให้ MCS ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาเหล็ก และสามารถรักษากำไรขั้นต้นได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ในปี 2549 MCS จะใช้สิทธิในการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 25% ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าว ฝ่ายวิจัยคาดว่า MCS จะมีกำไรจากการดำเนินงานปี 2549 ที่ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมือเทียบปีต่อปีหรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ (EPS) ที่ 0.67 บาท/หุ้น
รวมทั้งยังมีเงินปันผลที่สูงและส่วนต่างอีกกว่า 43% จึงแนะนำ ซื้อ โดยฝ่ายวิจัยเห็นว่ารายได้ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากมูลค่างานที่มีในมือ ทำให้คาดว่าผลประกอบการปี 2549 จะมีการเติบโตถึง 31%เมือเทียบปีต่อปี
ฝ่ายวิจัยเห็นว่าราคาหุ้นที่เหมาะสมของ MCS ณ สิ้นปี 2549 น่าจะซื้อขายที่ระดับค่าพี/อี ไม่ต่ำกว่าปี 2548 ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงกำหนดราคาเหมาะสมองหุ้น MCS ณ สิ้นปี 2549 ที่ระดับค่าพี/อี 6 เท่า ให้มูลค่าเหมาะสมที่ 3.91 บาท ซึ่งมีส่วนต่างจากราคาปัจจุบัน 43% นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า MCS จะจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 2548 ครึ่งปีหลัง อีก 0.16 บาท หากรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้ว 0.12 บาท คิดเป็น ผลตอบแทนสูงถึง 10.76%
นายฉัตรชัย กิจธิคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลิลป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น MCS ยังคงน่าสนใจ โดยให้แนวรับที่ 2.92 บาท และแนวต้านที่ 3.06 บาท ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ เก็งกำไร
นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้น MCS ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะปัจจัยด้านมูลค่างานในมือที่สูงขึ้นส่งผลให้รับรู้ได้ตลอดปีนี้ โดยมองกรอบลงทุนที่แนวรับ 2.92-2.86 บาท และแนวต้านที่ 3.50-3.60 บาท แนะนำซื้อ
นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น MCS มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคา 2.60 บาท และปรับตัวเข้าใกล้ระดับราคา 3.00 บาท ซึ่งประเมินว่าราคายังมีโอกาสปรับตัวได้ต่อ โดยให้แนวรับที่ 2.90-2.84 บาท และแนวต้านที่ 3.06-3.10 บาท โดยกลยุทธ์ลงทุนแนะนำ เก็งกำไร
บันทึกไม่สำเร็จ