พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 1
อืม เนื่องจากผมเองก็ทำธุรกิจเล็กๆ และลงทุนนิดๆ
ก็อ่านหนังสือหน่อยๆ
สรุป 3 ปี แล้วนะ ที่อยู่กับหุ้นไทยมานี่อะ
เอาเป็นว่าผมขอสรุปว่า จะเลือกบริษัทที่มีผลประกอบการดีๆ ดีจริงๆ ก็ต้องลองจินตนาการดูว่าเราเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วกัน
สมมุติว่า เราลงทุน 100 ล้าน แล้วผ่านไปหนึ่งปี รายได้ หักต้นทุน เหลือกำไรขั้นต้น หักค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน เหลือกำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ย หัก ดอกเบี้ย และภาษีแล้ว คุณยังได้กำไรสุทธิ 40 % คือ 40 ล้านบาทคุณจะรู้สึกอย่างไร
รู้สึกดีหรือไม่ นั่นคือ ROE 40 %
และถ้าอีก 5 ปีต่อมา คุณไม่ได้ปันผลออกมา และยังสามารถทำกำไรได้จากการขยายงาน และ สามารถรักษาผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ ได้เท่าเดิมคือ 40 % ผลคือ
100 ล้าน >>> 140 ล้าน
ต่อมาอีก 5 ปี
140 ล้าน >>> 196 ล้าน
196 ล้าน >>> 274.4 ล้าน
274.4 ล้าน >>> 384.16 ล้าน
384.16 ล้าน >>> 537.824 ล้าน
537.824 ล้าน >>> 752.9536 ล้าน
โห เพียงแค่ 5-6 ปี เงิน 100 ล้าน จะกลายเป็น พันล้านแล้ว
ROE สูงอย่างต่อเนื่อง คืออะไร ในมุมของผม ผมคิดว่า เป็นความสามาถของผู้บริหารที่วางนโยบายที่นำไปสู่การปฎิบัติ ในการให้บริการ หรือ ผลิตสินค้า ที่ตรงตามที่ลูกค้า ต้องการ ในตลาดที่กำลังเติบโต
ถ้าอีกบริษัทหนึ่ง มี ROE 20 % แต่ เราซื้อได้ราคาถูกกว่า กัน ครึ่งหนึ่ง ของบริษัทแรก เช่น
บริษัทแรก 100 ล้าน กำไร 40 ล้าน ราคาขาย คือ 100 ล้าน
บริษัทที่สอง 100 ล้าน กำไร 20 ล้าน ราคาขาย คือ 50 ล้าน
เราจะซื้อบริษัทไหนดี
อืม ลองมาคิดกัน
ก็อ่านหนังสือหน่อยๆ
สรุป 3 ปี แล้วนะ ที่อยู่กับหุ้นไทยมานี่อะ
เอาเป็นว่าผมขอสรุปว่า จะเลือกบริษัทที่มีผลประกอบการดีๆ ดีจริงๆ ก็ต้องลองจินตนาการดูว่าเราเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วกัน
สมมุติว่า เราลงทุน 100 ล้าน แล้วผ่านไปหนึ่งปี รายได้ หักต้นทุน เหลือกำไรขั้นต้น หักค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน เหลือกำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ย หัก ดอกเบี้ย และภาษีแล้ว คุณยังได้กำไรสุทธิ 40 % คือ 40 ล้านบาทคุณจะรู้สึกอย่างไร
รู้สึกดีหรือไม่ นั่นคือ ROE 40 %
และถ้าอีก 5 ปีต่อมา คุณไม่ได้ปันผลออกมา และยังสามารถทำกำไรได้จากการขยายงาน และ สามารถรักษาผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ ได้เท่าเดิมคือ 40 % ผลคือ
100 ล้าน >>> 140 ล้าน
ต่อมาอีก 5 ปี
140 ล้าน >>> 196 ล้าน
196 ล้าน >>> 274.4 ล้าน
274.4 ล้าน >>> 384.16 ล้าน
384.16 ล้าน >>> 537.824 ล้าน
537.824 ล้าน >>> 752.9536 ล้าน
โห เพียงแค่ 5-6 ปี เงิน 100 ล้าน จะกลายเป็น พันล้านแล้ว
ROE สูงอย่างต่อเนื่อง คืออะไร ในมุมของผม ผมคิดว่า เป็นความสามาถของผู้บริหารที่วางนโยบายที่นำไปสู่การปฎิบัติ ในการให้บริการ หรือ ผลิตสินค้า ที่ตรงตามที่ลูกค้า ต้องการ ในตลาดที่กำลังเติบโต
ถ้าอีกบริษัทหนึ่ง มี ROE 20 % แต่ เราซื้อได้ราคาถูกกว่า กัน ครึ่งหนึ่ง ของบริษัทแรก เช่น
บริษัทแรก 100 ล้าน กำไร 40 ล้าน ราคาขาย คือ 100 ล้าน
บริษัทที่สอง 100 ล้าน กำไร 20 ล้าน ราคาขาย คือ 50 ล้าน
เราจะซื้อบริษัทไหนดี
อืม ลองมาคิดกัน
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 2
แนวคิดนี้พี่คิดได้จากประสบการณ์หรือครับเนี่ย อย่างนี้เรียกว่าเข้าขั้นบรรลุธรรมเลยนะครับ การลงทุนจะดีหรือไม่ดูที่ ROI ไม่ใช่ Profit Margin ถูกต้องแล้วครับ
เป็นผม ผมซื้อทั้งสองตัว เพราะฝากธนาคารได้ ROE แค่ 5% แต่ตัวแรกกำไร 40 ล้านขายแค่ 100 ล้าน เท่ากับ ROE 40% อีกตัวกำไร 20 ล้านขายแค่ 50 ล้าน เท่ากับ ROE 40% กอดไว้ทั้งสองตัวรวยเร็วกว่าฝากธนาคารมาก
ด้วยเหตุนี้หุ้นที่ ROE สูงมากๆ จึงมีมักราคา P/BV ที่สูงลิบลิ่ว ครับ เพราะคุณค่าของบริษัทคือกำไรในส่วนที่สูงกว่าการฝากธนาคาร ยิ่งสูงกว่าเท่าไรยิ่งมีคุณค่ามากครับ
เป็นผม ผมซื้อทั้งสองตัว เพราะฝากธนาคารได้ ROE แค่ 5% แต่ตัวแรกกำไร 40 ล้านขายแค่ 100 ล้าน เท่ากับ ROE 40% อีกตัวกำไร 20 ล้านขายแค่ 50 ล้าน เท่ากับ ROE 40% กอดไว้ทั้งสองตัวรวยเร็วกว่าฝากธนาคารมาก
ด้วยเหตุนี้หุ้นที่ ROE สูงมากๆ จึงมีมักราคา P/BV ที่สูงลิบลิ่ว ครับ เพราะคุณค่าของบริษัทคือกำไรในส่วนที่สูงกว่าการฝากธนาคาร ยิ่งสูงกว่าเท่าไรยิ่งมีคุณค่ามากครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 7
ท่านแม่ทัพบอกว่า
สองตัวนี้เท่ากันที่pe แต่ roe ตัวหลัง 20 % เอง
อืม.....ไม่น่าจะใช่นะครับอีกตัวกำไร 20 ล้านขายแค่ 50 ล้าน เท่ากับ ROE 40% กอดไว้ทั้งสองตัวรวยเร็วกว่าฝากธนาคารมาก
สองตัวนี้เท่ากันที่pe แต่ roe ตัวหลัง 20 % เอง
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 8
แล้ว ROA ให้มุมมองอย่างไรบ้างครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 9
[quote="สามัญชน"]
สองตัวนี้เท่ากันที่pe
สองตัวนี้เท่ากันที่pe
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 10
อ่านแล้วนึกถึงกระทู้นึงที่บอกว่าให้เอา
ROE/PB
แล้วเลือกตัวที่สูงสุด => pe ต่ำสุด
ROE/PB
แล้วเลือกตัวที่สูงสุด => pe ต่ำสุด
I do not sleep. I dream.
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
พึ่งมาถึงบางอ้อ >>> ROE
โพสต์ที่ 12
พี่เจ๋งแต่ระวังดาบมันมี2ด้านนะครับ
ROEสูงนั้นและโตต่อเนื่องนั้นดีจริง
บริษัทที่เล็กจึงมีโอกาสโต20-30% ตลอด5ปีไดโดยง่าย
แต่ผมอยากจะให้มองธุรกิจ2ประเภทนี้เปรียบเทียบ
1เป็นอุตสาหกรรมที่จะต้องลงเครื่องจักรเป็นส่วนมาก(เหมือนOISHI)
2.เป็นธุรกิจซื้อมาขายไป หรือ บริการ ที่ทรัพย์สินส่วนมากอยู่ที่ ทรัพย์สินหมุนเวียน(เช่น WG....ILINK)
ถ้าเป็นผมเลือกROEที่เท่ากันPBVเท่ากันผมจะเลือกกลุ่มที่2เพราะไม่ได้ใช้เงินทุนไปจมอยู่กับเครื่องจักรที่ต้องตัดค่าเสื่อมระยะยาว(พวกอุตสาหกรรม) เพราะจะทำให้ROEสูงเมื่อเต็มกำลังการผลิต แต่ถ้าการผลิตลดลง50%ไม่ได้หมายความว่ากำไรลดลง50% แต่อาจหมายความว่าขาดทุนทันที
แต่ถ้าเป็นพวกบริการอย่างพี่เจ๋งก็ไม่ต้องห่วง อย่างมากก็ปลดพนักงาน(ล้อเล่น) โอกาสขาดทุนนั้นยากมากๆเพราะ ทรัพย์สินส่วนมากเป็น ทรัพย์สินหมุนเวียนไม่มีทรัพย์สินหลอกที่จะแปรเป็นค่าใช้จ่ายภายหลัง
ROEสูงนั้นและโตต่อเนื่องนั้นดีจริง
บริษัทที่เล็กจึงมีโอกาสโต20-30% ตลอด5ปีไดโดยง่าย
แต่ผมอยากจะให้มองธุรกิจ2ประเภทนี้เปรียบเทียบ
1เป็นอุตสาหกรรมที่จะต้องลงเครื่องจักรเป็นส่วนมาก(เหมือนOISHI)
2.เป็นธุรกิจซื้อมาขายไป หรือ บริการ ที่ทรัพย์สินส่วนมากอยู่ที่ ทรัพย์สินหมุนเวียน(เช่น WG....ILINK)
ถ้าเป็นผมเลือกROEที่เท่ากันPBVเท่ากันผมจะเลือกกลุ่มที่2เพราะไม่ได้ใช้เงินทุนไปจมอยู่กับเครื่องจักรที่ต้องตัดค่าเสื่อมระยะยาว(พวกอุตสาหกรรม) เพราะจะทำให้ROEสูงเมื่อเต็มกำลังการผลิต แต่ถ้าการผลิตลดลง50%ไม่ได้หมายความว่ากำไรลดลง50% แต่อาจหมายความว่าขาดทุนทันที
แต่ถ้าเป็นพวกบริการอย่างพี่เจ๋งก็ไม่ต้องห่วง อย่างมากก็ปลดพนักงาน(ล้อเล่น) โอกาสขาดทุนนั้นยากมากๆเพราะ ทรัพย์สินส่วนมากเป็น ทรัพย์สินหมุนเวียนไม่มีทรัพย์สินหลอกที่จะแปรเป็นค่าใช้จ่ายภายหลัง
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร