เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
โพสต์ที่ 4
ผมละหนักเลย จากการที่ไม่เคยกินพารามาหลายปี
วันก่อนอยู่ดีๆก็ไข้ขึ้นสูงแบบไม่เคยขึ้นมาก่อนเลยครับ
เดินแทบไม่ได้ ลงมากินพารา เอ๊ะ ไม่หายแหะ หนาวมาก
สุดท้ายก็ไปหาหมอตอนเช้า
ไม่ไอ ไม่จาม ไม่มีน้ำมูก มีไข้สูง 39
ไม่มีอาการท้องเสีย
สรุปมีไข้สูงอย่างเดียว และสูงต่อเนื่อง กินยาพารา ทุก 4 ชั่วโมง ขาดไม่ได้เลย
วันก่อนอยู่ดีๆก็ไข้ขึ้นสูงแบบไม่เคยขึ้นมาก่อนเลยครับ
เดินแทบไม่ได้ ลงมากินพารา เอ๊ะ ไม่หายแหะ หนาวมาก
สุดท้ายก็ไปหาหมอตอนเช้า
ไม่ไอ ไม่จาม ไม่มีน้ำมูก มีไข้สูง 39
ไม่มีอาการท้องเสีย
สรุปมีไข้สูงอย่างเดียว และสูงต่อเนื่อง กินยาพารา ทุก 4 ชั่วโมง ขาดไม่ได้เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
โพสต์ที่ 8
ขอให้หายไวๆนะครับ แต่ผมเองก็เหมือนกันเกือบตายจริงๆ คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นวันเกิดอาจารย์ เลยกินเค้กกันที่ทำงาน แต่บังเอิญขณะที่ผมกำลังกินอยู่รุ่นพี่ปล่อยมุกใส่ เลยสำลักเค้กเข้าไปติดอยู่ในโพรงจมูก เกือบหายใจไม่ออกต้องสั่งออกมา สภาพอนาถสุดๆช็อกโกแลตออกทางจมูก นี่ขนาดผมเองสำลักเค้กยังเกือบตาย เลยฝากเตือนใครมีลูกๆหลานๆเล็กๆระวังเล่นซนกันขณะกินอาหารนะครับ ติดหลอดลมนี่ตายเอาง่ายๆเลย :(
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
โพสต์ที่ 9
โอ....ขอบคุณมากครับ คุณgenieที่เตือนมา ผมอ่านแล้วคิดถึงลูกก่อนทันทีเลยครับ
คุณเจ๋งช่วงนี้หายไปเลย สงสัยคงอาการหนัก ขอให้หายไวๆนะครับ ไม่ทราบได้ทดลองวิตามินซี ตามที่เคยโพสมารึปล่าวครับ ได้ผลยังไงมาแบ่งปันความรู้กันบ้าง....ผมเพิ่งแวะไปอ่านมาเอง น่าสนใจมากเลยครับ
คุณเจ๋งช่วงนี้หายไปเลย สงสัยคงอาการหนัก ขอให้หายไวๆนะครับ ไม่ทราบได้ทดลองวิตามินซี ตามที่เคยโพสมารึปล่าวครับ ได้ผลยังไงมาแบ่งปันความรู้กันบ้าง....ผมเพิ่งแวะไปอ่านมาเอง น่าสนใจมากเลยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
โพสต์ที่ 11
โค้ด: เลือกทั้งหมด
อาการคุณเจ๋ง ถ้าไม่ใข้หวัดใหญ่ ก็ใข้เลือดออกครับ ผมเพิ่งหายจากใข้หวัดใหญ่ได้เดือนกว่าๆเองครับ
อีกสักพักคุณเจ๋งจะเริ่มเบื่ออาหารครับ
ส่วนของคุณHot อยู่ในกลุ่มเสี่ยงบ้างรึปล่าวครับ คอยตรวจเลือดบ้างเน้อ....
คือคุณหมอคนแรก เป็นหมอ med นะครับ
บอกว่า ไม่มีน้ำมูก ไอ จาม มีแต่ไข้ ก็สงสัยอย่างที่ว่าไว้ คือ ไข้เลือดออก หรือ ไม่ก็ไทยฟอย และยังมีอย่างอื่นอีก เพียงแต่ยังไม่มีจ้ำเลือดตามตัว และไม่มีอาการท้องเสีย
คือยังสรุปไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลังจากตรวจร่างกาย และมากดใต้ซี่โครงเพื่อตรวจตับ แล้วก็ให้ยามากิน และบอกว่า ถ้า 3-4 วัน ไม่ดีขึ้นให้กลับไปหา
แต่ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่แน่ๆ เพราะไม่มีอาการไอ จาม เสมหะ หรือน้ำมูก
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
โพสต์ที่ 16
อาการใข้หวัดใหญ่ในช่วงแรกก็จะไม่มีน้ำมูกเหมือนกันนะครับคุณเจ๋ง
แต่อาการใข้สูงติดต่อกันนาน แสดงว่ามีการอักเสบบางอย่างเกิดขึ้นในร่างกาย....โรคที่น่าสันนิฐานอีกคือ กระเพราะปัสสาวะอักเสบ หรือหูชั้นในอักเสบฯลฯ
ถ้าทานยาแก้อักเสบแล้วหายได้รวดเร็วก็คงไม่ใช่ใข้หวัดใหญ่แน่นอนแล้วครับ
ยินดีด้วยครับที่หายแล้ว
....ไม่ทราบคุณหมอตรวจปัสสาวะรึปล่าวครับ เพราะถ้ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องคอยดูแล+ตรวจซ้ำให้ชัวร์ว่าภายใน1ปีไม่เป็นซ้ำอีก เพราะอาจลามไปถึงไตได้ครับ....คิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นครับ เพราะเห็นคุณเจ๋งดูแลร่างกายค่อนข้างดีอยู่แล้ว
แต่อาการใข้สูงติดต่อกันนาน แสดงว่ามีการอักเสบบางอย่างเกิดขึ้นในร่างกาย....โรคที่น่าสันนิฐานอีกคือ กระเพราะปัสสาวะอักเสบ หรือหูชั้นในอักเสบฯลฯ
ถ้าทานยาแก้อักเสบแล้วหายได้รวดเร็วก็คงไม่ใช่ใข้หวัดใหญ่แน่นอนแล้วครับ
ยินดีด้วยครับที่หายแล้ว
....ไม่ทราบคุณหมอตรวจปัสสาวะรึปล่าวครับ เพราะถ้ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องคอยดูแล+ตรวจซ้ำให้ชัวร์ว่าภายใน1ปีไม่เป็นซ้ำอีก เพราะอาจลามไปถึงไตได้ครับ....คิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นครับ เพราะเห็นคุณเจ๋งดูแลร่างกายค่อนข้างดีอยู่แล้ว
- bigshow
- Verified User
- โพสต์: 730
- ผู้ติดตาม: 0
เกือบตายเสียแล้วผมเนี่ย
โพสต์ที่ 18
สงสัยผมจะรวยแล้วครับ :lol: ตอนนี้กำลังเป็นโรคนีอยู่ อายุแค่ 30 ปีเอง
เก๊าท์! โรคคนรวย?
โรคเก๊าท์ เป็นอาการผิดปกติของร่างกายที่เนื่องมาจากการกินชนิดอิ่มหมีพีมันเกินไป กินดีอยู่ดีเกินไป บ้างก็ว่าเป็นโรคของคนรวยที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับผู้ชายในวัยประมาณ 40 ปี แต่ถ้าเกิดในผู้หญิงมักจะพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้ว
สาเหตุของโรค
เกิดจากกระบวนการใช้และขับถ่ายสารพวกพิวรีน(purine)ของร่างกายผิดปกติไป พิวรีนเป็นธาตุอาหารที่พบได้ในเนื้อสัตว์ ข้าวสาลี เครื่องในสัตว์ (ตับ,เซี่ยงจี้) เป็นต้น ซึ่งจะถูก ย่อยจนกลายเป็นกรดยูริค(uric acid)และจะขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ในคนปกติกรดยูริคจะถูกสร้างขึ้นในอัตราช้าพอที่ไตจะขับออกได้หมดทันกับการสร ้างขึ้นพอดี สำหรับบางรายที่กรดยูริคถูกสร้างขึ้นมาก แต่ไตทำหน้าที่ขับถ่ายออกมาได้ช้าหรือเร็วก็ตามจะทำให้เกิดการสะสมของกรดยูร ิคมากขึ้นในร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดการเจ็บปวดอย่างรุนแรงในข้อกระดูกหรือรอบ ๆ ข้อกระดูก โรคนี้สามารถถ่ายทอดกันได้ทางกรรมพันธุ์
อาการของโรค
มีอาการปวด บวม แดง ร้อนตามข้อและเจ็บ อาจรุนแรงจนถึงขั้นเดินไม่ได้ก็มี อาการนี้จะเป็น ๆ หาย ๆ จะทิ้งช่วงระยะเวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปีก็ได้ ซึ่งอาการปวดอาจจะเป็นข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้ ข้อที่เป็นบ่อยเช่น ข้อเท้า ข้อหัวแม่เท้าหรือหัวข้อเข่า นอกจากอาการปวดตามข้อแล้วอาจมีอาการนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน
การรักษา
โรคนี้เป็นแล้วโอกาสที่จะรักษาหายขาดได้มีน้อย ต้องรับการรักษาไปตลอดชีวิต ทั้งนี้เพราะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม วิธีที่จะช่วยได้ดีที่สุด คือ พยายามปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
ข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์
เป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อยที่ท่านสามารถจะอยู่เป็นปกติสุขได้ ถ้าเพียงแต่ท่านจะปฏิบัติตนกลาง ๆ อย่างพอสัณฐานประมาณ เพื่อบรรเทาและควบคุมอาการของโรคเก๊าท์ ท่านควรปฏิบัติตน ดังนี้:
- รับประทานอาหารตามปกติและให้ร่างกายได้รับคุณค่าอาหารที่เพียงพอ ไม่ควรรับรับประทานมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ไม่ควรรับประทานชนิดของอาหารตามที่แพทย์สั่งห้าม
- นอนหลับให้เพียงพอ การที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดฉับพลันได้ง่าย
- สวมรองเท้าขนาดพอเหมาะ ความชอกช้ำที่ร่างกายได้รับ เช่น จากการสวมรองเท้าที่คับเกินไป จะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้
- ควบคุมน้ำหนักของร่างกาย การที่น้ำหนักตัวมากเกินไปหรืออ้วนเกินไป จะทำให้การรักษาโรคเก๊าท์ยุ่งยากซับซ้อน และอาจทำให้อาการโรครุนแรงยิ่งขึ้น
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์มักจะมีก้อนนิ่วเกิดขึ้นในไตได้ง่ายการดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร ) จะช่วยได้มากในเรื่องนี้
- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง เมื่อจะเดินทางไกล ควรนำยาติดตัวไปด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงจากปัญหายาหมด
- ควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบว่าท่านเป็นโรคเก๊าท์ ในกรณีที่ท่านจะได้รับการผ่าตัด แม้การผ่าตัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้ จึงควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบก่อนทำการผ่าตัด เพื่อศัลยแพทย์จะได้หามาตรการบางอย่างเพื่อปฏิบัติต่อไป
ข้อพึงงดเว้น
อย่าเอาความวิตกกังวลไปเป็นเพื่อนนอน เพราะความวิตกกังวลจะทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้
- อย่าออกกำลังกายหักโหม ควรปฏิบัติหน้าที่การงานหาความเพลิดเพลิน และออกกำลังกายตามที่ท่านเคยปฏิบัติมา แต่อย่าให้มากเกินไป
- อย่าปล่อยให้ร่างกายได้รับความเย็นมากเกินไป ผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์มักทนต่อความเย็นไม่ค่อยได้ฉะนั้น จึงควรใช้เครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายพอสมควร
- อย่ารับประทานยาอื่นใดนอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง ก่อนที่จะปรึกษากับแพทย์ของท่าน เพราะยาบางอย่างอาจออกฤทธิ์ ตรงข้ามกับฤทธิ์ของยารักษาโรคเก๊าท์
- อย่าดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากจนเกินไป ปริมาณแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้ ขอให้ท่านปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามแนะนำของแพทย์
อาหารกับโรคเก๊าท์
เป็นหลักที่ถือปฏิบัติกันทั่วไปว่า ผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์ควรหลีกเลี่ยงจากของรับประทานที่มีธาตุอาหารพิวรีน(Pur ines) สูง อาหารพวกนี้ เช่น ตับอ่อน (Sweetbreads) ตับ เซ่งจี้ ม้าม ลิ้น นอกเหนือไปจากนี้แล้ว ก็ไม่มีกฎตายตัวอะไรสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานได ้เช่นปกติ แต่บางรายอาจต้องจำกัดการรับประทานพวกธาตุอาหารพิวรีนดังกล่าว ซึ่งก็สุดแต่แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินว่า ท่านจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ต้องการหรือต้องกำจัด หรือต้องงดอาหารประเภทใดบ้าง ก็ขอให้ท่านปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ข้อแนะนำในการจำกัดสารอาหารพิวรีน
อาหารที่ต้องงด
พวกเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ตับอ่อน หัวใจ ไส้ สมอง เซ่งจี้
ไข่ปลา
กะปิ
น้ำซุปสกัดจากเนื้อสัตว์,น้ำเคี่ยวเนื้อ (Meat extracts)
ซาดีน,ปลาซาดีนกระป๋อง
น้ำเกรวี (Gravies)
อาหารที่ต้องลด (ต้องจำกัด)
เนื้อสัตว์ (เหลือวันละมื้อ)
ผักบางอย่าง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง,แอสพารากัส,กะหล่ำดอก,ผักขม,เห็ด
ปลาทุกชนิดและอาหารทะเลอื่น ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู (เหลือวันละมื้อ)
ข้าวโอ๊ด
เบียร์และเหล้าต่าง ๆ
ข้าวสาลีที่ไม่ได้สีเอารำออก (Whole-wheat cereal)
ถั่วบางอย่าง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา
อาหารที่รับประทานได้ตามปกติ
ข้าวต่าง ๆ (ยกเว้นข้าวโอ๊ต,ข้าวสาลีที่ไม่ได้สีเอารำออก)
ไข่
ผัก (ยกเว้นชนิดที่ระบุให้จำกัด)
ขนมปังเสริมวิตามิน
ผลไม้
เนยและเนยเทียม
น้ำนม
อาหารอื่น ๆที่ไม่ได้ระบุให้งดหรือให้จำกัด

เก๊าท์! โรคคนรวย?
โรคเก๊าท์ เป็นอาการผิดปกติของร่างกายที่เนื่องมาจากการกินชนิดอิ่มหมีพีมันเกินไป กินดีอยู่ดีเกินไป บ้างก็ว่าเป็นโรคของคนรวยที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับผู้ชายในวัยประมาณ 40 ปี แต่ถ้าเกิดในผู้หญิงมักจะพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้ว
สาเหตุของโรค
เกิดจากกระบวนการใช้และขับถ่ายสารพวกพิวรีน(purine)ของร่างกายผิดปกติไป พิวรีนเป็นธาตุอาหารที่พบได้ในเนื้อสัตว์ ข้าวสาลี เครื่องในสัตว์ (ตับ,เซี่ยงจี้) เป็นต้น ซึ่งจะถูก ย่อยจนกลายเป็นกรดยูริค(uric acid)และจะขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ในคนปกติกรดยูริคจะถูกสร้างขึ้นในอัตราช้าพอที่ไตจะขับออกได้หมดทันกับการสร ้างขึ้นพอดี สำหรับบางรายที่กรดยูริคถูกสร้างขึ้นมาก แต่ไตทำหน้าที่ขับถ่ายออกมาได้ช้าหรือเร็วก็ตามจะทำให้เกิดการสะสมของกรดยูร ิคมากขึ้นในร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดการเจ็บปวดอย่างรุนแรงในข้อกระดูกหรือรอบ ๆ ข้อกระดูก โรคนี้สามารถถ่ายทอดกันได้ทางกรรมพันธุ์
อาการของโรค
มีอาการปวด บวม แดง ร้อนตามข้อและเจ็บ อาจรุนแรงจนถึงขั้นเดินไม่ได้ก็มี อาการนี้จะเป็น ๆ หาย ๆ จะทิ้งช่วงระยะเวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปีก็ได้ ซึ่งอาการปวดอาจจะเป็นข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้ ข้อที่เป็นบ่อยเช่น ข้อเท้า ข้อหัวแม่เท้าหรือหัวข้อเข่า นอกจากอาการปวดตามข้อแล้วอาจมีอาการนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน
การรักษา
โรคนี้เป็นแล้วโอกาสที่จะรักษาหายขาดได้มีน้อย ต้องรับการรักษาไปตลอดชีวิต ทั้งนี้เพราะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม วิธีที่จะช่วยได้ดีที่สุด คือ พยายามปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
ข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์
เป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อยที่ท่านสามารถจะอยู่เป็นปกติสุขได้ ถ้าเพียงแต่ท่านจะปฏิบัติตนกลาง ๆ อย่างพอสัณฐานประมาณ เพื่อบรรเทาและควบคุมอาการของโรคเก๊าท์ ท่านควรปฏิบัติตน ดังนี้:
- รับประทานอาหารตามปกติและให้ร่างกายได้รับคุณค่าอาหารที่เพียงพอ ไม่ควรรับรับประทานมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ไม่ควรรับประทานชนิดของอาหารตามที่แพทย์สั่งห้าม
- นอนหลับให้เพียงพอ การที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดฉับพลันได้ง่าย
- สวมรองเท้าขนาดพอเหมาะ ความชอกช้ำที่ร่างกายได้รับ เช่น จากการสวมรองเท้าที่คับเกินไป จะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้
- ควบคุมน้ำหนักของร่างกาย การที่น้ำหนักตัวมากเกินไปหรืออ้วนเกินไป จะทำให้การรักษาโรคเก๊าท์ยุ่งยากซับซ้อน และอาจทำให้อาการโรครุนแรงยิ่งขึ้น
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์มักจะมีก้อนนิ่วเกิดขึ้นในไตได้ง่ายการดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร ) จะช่วยได้มากในเรื่องนี้
- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง เมื่อจะเดินทางไกล ควรนำยาติดตัวไปด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงจากปัญหายาหมด
- ควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบว่าท่านเป็นโรคเก๊าท์ ในกรณีที่ท่านจะได้รับการผ่าตัด แม้การผ่าตัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้ จึงควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบก่อนทำการผ่าตัด เพื่อศัลยแพทย์จะได้หามาตรการบางอย่างเพื่อปฏิบัติต่อไป
ข้อพึงงดเว้น
อย่าเอาความวิตกกังวลไปเป็นเพื่อนนอน เพราะความวิตกกังวลจะทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้
- อย่าออกกำลังกายหักโหม ควรปฏิบัติหน้าที่การงานหาความเพลิดเพลิน และออกกำลังกายตามที่ท่านเคยปฏิบัติมา แต่อย่าให้มากเกินไป
- อย่าปล่อยให้ร่างกายได้รับความเย็นมากเกินไป ผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์มักทนต่อความเย็นไม่ค่อยได้ฉะนั้น จึงควรใช้เครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายพอสมควร
- อย่ารับประทานยาอื่นใดนอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง ก่อนที่จะปรึกษากับแพทย์ของท่าน เพราะยาบางอย่างอาจออกฤทธิ์ ตรงข้ามกับฤทธิ์ของยารักษาโรคเก๊าท์
- อย่าดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากจนเกินไป ปริมาณแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคเก๊าท์ชนิดเฉียบพลันขึ้นได้ ขอให้ท่านปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามแนะนำของแพทย์
อาหารกับโรคเก๊าท์
เป็นหลักที่ถือปฏิบัติกันทั่วไปว่า ผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์ควรหลีกเลี่ยงจากของรับประทานที่มีธาตุอาหารพิวรีน(Pur ines) สูง อาหารพวกนี้ เช่น ตับอ่อน (Sweetbreads) ตับ เซ่งจี้ ม้าม ลิ้น นอกเหนือไปจากนี้แล้ว ก็ไม่มีกฎตายตัวอะไรสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคเก๊าท์ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานได ้เช่นปกติ แต่บางรายอาจต้องจำกัดการรับประทานพวกธาตุอาหารพิวรีนดังกล่าว ซึ่งก็สุดแต่แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินว่า ท่านจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ต้องการหรือต้องกำจัด หรือต้องงดอาหารประเภทใดบ้าง ก็ขอให้ท่านปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ข้อแนะนำในการจำกัดสารอาหารพิวรีน
อาหารที่ต้องงด
พวกเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ตับอ่อน หัวใจ ไส้ สมอง เซ่งจี้
ไข่ปลา
กะปิ
น้ำซุปสกัดจากเนื้อสัตว์,น้ำเคี่ยวเนื้อ (Meat extracts)
ซาดีน,ปลาซาดีนกระป๋อง
น้ำเกรวี (Gravies)
อาหารที่ต้องลด (ต้องจำกัด)
เนื้อสัตว์ (เหลือวันละมื้อ)
ผักบางอย่าง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง,แอสพารากัส,กะหล่ำดอก,ผักขม,เห็ด
ปลาทุกชนิดและอาหารทะเลอื่น ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู (เหลือวันละมื้อ)
ข้าวโอ๊ด
เบียร์และเหล้าต่าง ๆ
ข้าวสาลีที่ไม่ได้สีเอารำออก (Whole-wheat cereal)
ถั่วบางอย่าง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา
อาหารที่รับประทานได้ตามปกติ
ข้าวต่าง ๆ (ยกเว้นข้าวโอ๊ต,ข้าวสาลีที่ไม่ได้สีเอารำออก)
ไข่
ผัก (ยกเว้นชนิดที่ระบุให้จำกัด)
ขนมปังเสริมวิตามิน
ผลไม้
เนยและเนยเทียม
น้ำนม
อาหารอื่น ๆที่ไม่ได้ระบุให้งดหรือให้จำกัด
เป็นคนเลว ในสายตาคนอื่น ดีกว่าโกหกตัวเอง ให้เทิดทูนบูชา ติดกับมายาคติ ที่กะลาครอบ