เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

วันนี้ไปเห็นข่าวว่าตอนนี้แบงค์เริ่มปลดพนักงานออกใช่ไหมล่ะเนี่ย
มันสะท้อนสัญญาณอะไรบ้างอย่างหรือเปล่าล่ะ
:)
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อายุเท่าไรละคับ  
เพราะการจ้างงานอายุแถว22-25  ปี เงินเดือนจะถูกกว่า
คนที่อายุงานเยอะ ปลดเพื่อลด  ค่าใช้จ่ายด้านบำนาญและอื่น
อื่น  เดี่ยวนี้ทำแบบนี้กันเยอะเหมือนกัน ในบริษัทเอกชนบางแห่ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
LOSO
Verified User
โพสต์: 2512
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

แบงก์ยุคใหม่อำมหิต โละทั้งพนง.หลุดเป้า
 
ปิดฉาก"ยุคทอง"พนักงานแบงก์นั่งนับเงิน หลังถูกนโยบายธนาคารยุคใหม่บีบหนักขายผลิตภัณฑ์การเงิน เข้ายุค "ไม่เป็นนักขาย อยู่ไม่รอด" เพื่อเร่งเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมในการให้บริการ วงในเผยคนแบงก์ใบโพธิ์เจอหนักสุด บางรายเครียดจัด เข้าขั้นโคม่า "บัณฑูร ล่ำซำ"ย้ำชัดมันเป็นความเหี้ยมโหดในโลกธุรกิจที่ทุกคนต้องเจอโจทย์นี้ ขณะที่แบงก์ชฎาบีบพนักงานขายผลิตภัณฑ์ให้ได้ 5-10% ของฐานเงินเดือน ส่วน"กรุงไทย"ปรับระบบประเมินผลการขาย ตั้งคะแนนวัดผลงาน 23%ของคะแนนรวม ด้านกรมสุขภาพจิตชี้ยุคเศรษฐกิจขาลง คนวัยทำงานเสี่ยงเข้าบำบัดเพิ่ม





ก่อนหน้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 พนักงานธนาคารเป็นอาชีพอันดับต้นๆที่หลายคนใฝ่ฝัน เนื่องจากเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง และได้รับค่าตอบแทนสูง ซึ่งในขณะนั้นแต่ละธนาคารจ่ายโบนัสเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 5-6 เดือนขึ้นไป แต่หลังปี 2540 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมธนาคารกลับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสั่นคลอนมากที่สุด ทั้งระบบธนาคารต้องปรับลดจำนวนพนักงานลงถึง 50% โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน พนักงานของธนาคารพาณิชย์ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะถูกแรงกดดันจากนโยบายของธนาคารที่ส่วนใหญ่ปรับรูปแบบการให้บริการเป็นจุดขายสินค้า ซึ่งมีผลต่อการประเมินผลงานของพนักงาน


-บัณฑูรรับเป็นโจทย์โหดที่ต้องเจอในโลกธุรกิจ


ต่อเรื่องนี้ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ธุรกรรมการเงินในขณะนี้ ขึ้นอยู่กับคนและเครื่อง หากเครื่องไม่ดีการออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ก็ทำไม่ได้ เช่นกันหากพนักงานไม่สามารถบริการลูกค้าหรือโน้มน้าวลูกค้าให้เห็นดีเห็นชอบกับผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นมานั้นก็ไม่สอดคล้องนโยบายธุรกิจ โดยรวมทุกคนต้องพบกับความกดดันเรื่องเป้าธุรกิจทั้งนั้น เป็นธรรมดาที่ไม่ใช่เป็นโจทย์เฉพาะของสถาบันการเงินเท่านั้น


"เป็นครรลองของธุรกิจที่ทุกคนต้องเจอเป้าที่ยากขึ้นด้วยกันทั้งนั้น เพื่อหารายได้ให้คุ้มกับต้นทุน จะว่ามันเหี้ยมโหดไหม มันก็เป็นความเหี้ยมโหดของโลกธุรกิจทุกคนต้องเจอโจทย์นี้ จึงถ่ายทอดเป้ามาแต่ละบุคคล ซึ่งไม่มีใครตั้งเป้าง่ายๆ เพราะฝ่ายคู่ต่อสู้เขาก็ตั้งเป้าไม่ง่ายเช่นกัน หากเราไปตั้งเป้าไม่เท่ากับตลาดก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง เช่น เดือนกันยายนนี้ก็จะเข้าวงจรใหม่สำหรับการวางแผนสำหรับปีหน้าแล้ว สิ่งที่ตลาดคาดหวังว่ากสิกรไทยทำได้และสิ่งที่คู่ต่อสู้คาดหวัง เหล่านี้เป็นตัวตั้งในการตั้งเป้าหมายไม่ใช่เข้าข้างตัวเอง"นายบัณฑูรกล่าว


-แบงก์ชฎาบีบพนักงานขายสินค้า


นางสาวอังคณา สวัสดิ์พูน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ธนาคารมีนโยบายให้พนักงานสาขาขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินและแก้ไขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ไปพร้อมกัน โดยจะกำหนดให้เป็นคะแนนในการประเมินผลงาน 50% โดยเทียบสัดส่วนการขายกับฐานเงินเดือนขั้นต่ำของแต่ละคน และผลิตภัณฑ์ที่พนักงานสามารถขายให้แก่ลูกค้า


ในส่วนของสำนักงานใหญ่ มีการตั้งเป้าหมายการขายรวมทุกสายงาน เช่น Back Office จะต้องขายผลิตภัณฑ์ให้ได้ 5% ของฐานเงินเดือน ส่วน Front Office กำหนดให้ขายผลิตภัณฑ์และสินค้าให้ได้ 10%ของฐานเงินเดือน โดยเป็นการขายในลักษณะ Cross Selling โดยในครึ่งหลังของปีนี้ ธนาคารจะเน้นการฝึกอบรมพนักงานโดยการลงภาคสนามในการแก้ไขปัญหาด้านการขายและการให้บริการลูกค้ามากขึ้น คือ นอกจากสายงานตลาดของธนาคารที่ทำหน้าที่ด้านการขายให้ลูกค้าธุรกิจ ห้างร้านแล้ว ทีมการตลาดจะประกบพนักงานสาขาในภาคสนาม เพื่อให้บริการลูกค้ารีเทลอย่างทั่วถึงด้วย โดยแต่ละปีธนาคารได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อการเทรนพนักงานในด้านนี้ไว้รวม 40ล้านบาท


" ขณะนี้ถือว่าพนักงานส่วนใหญ่สอบผ่านหมด โดยปีที่แล้วมีพนักงานที่ได้ผลตอบแทนสูงถึง 10เท่าของเงินเดือน ซึ่งจากสถิติ 2 ปีที่ผ่านมา พนักงานธนาคารมีพัฒนาการด้านการขายขึ้นเรื่อยๆ และมียอดการขายเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย จากเดิมที่พนักงานมักจะบ่นว่าทำไม่ได้ ซึ่งยอมรับว่าในระยะแรกๆทุกคนพลาดเป้า สอบตกกันหมด โดยในการขายนั้นจะมีการแยกเป็นแต่ละสินค้าและบริการ เช่น เบี้ยประกันแรกที่มาจากการขายแบงก์แอสชัวรันซ์ หรือจำนวนบัญชีเงินฝากใหม่ ซึ่งจะกำหนดให้เป็นคะแนนหรือแต้มสะสมกลางปี และนำมารวมแล้วให้โบนัส 2 ครั้ง/ปี "นางสาวอังคณากล่าว


นางสาวอังคณา กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดให้สาขาและสำนักงานใหญ่เป็นจุดขายและบริการนั้น ทำให้พนักงานมีความพยายามและสามารถสร้างรายได้ที่ไม่ด้อยกว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ โดยเฉพาะหากใครสามารถทำงานได้ดีก็จะมีรายได้ตอบแทน โดยธนาคารมีสูตรที่จะพิจารณาเพิ่มโบนัสพิเศษอิงกับผลงานพนักงาน ซึ่งในส่วนของคนที่ไม่ทำอะไรเลยก็จะไม่ได้รับผลตอบแทน


"กรุงไทย"ตั้งคะแนน 23% วัดผลงานขาย


นายสถิต จูพัฒนากุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวถึง


การประเมินผลงานของพนักงานจากการขายสินค้านั้น นอกจากการประเมินผลงานโดยการกำหนดมาตรฐานและเป้าหมายให้แล้ว ยังกำหนดผลตอบแทนจากผลงานการขายผลิตภัณฑ์และความสามารถในการหาสินเชื่อใหม่ รวมทั้งผลงานการเร่งลดหนี้เอ็นพีแอล เป็นต้น ในขณะที่


พนักงานที่ไม่มีผลงาน ก็ไม่ได้มีการกำหนดมาตรการลงโทษ แต่ก็ไม่มีความดีความชอบ เช่น ในครึ่งหลังของปีนี้ การขายผลิตภัณฑ์จะให้น้ำหนักจากการขายสินค้าเป็นคะแนนประเมินผลงานที่ 23%ของคะแนนรวม จากเดิมที่ธนาคารไม่เคยกำหนดคะแนนดังกล่าว


"นโยบายของธนาคารกรุงไทยในการเป็น Convenient Bank with Processing รวมถึงการให้บริการด้านระบบการชำระเงิน เป็นนโยบายที่จะทำให้เกิดรายได้จากค่าธรรมเนียม นอกเหนือจากรายได้จากอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นธนาคารจึงมุ่งให้พนักงานสาขามีความรอบรู้ในผลิตภัณฑ์การเงินและบริการของธนาคาร รวมถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือและพันธมิตร นอกจากนี้ธนาคารได้จัดวางสาขาให้มีความคล่องตัวและปรับทัศนคติให้พนักงานช่วยกันขายผลิตภัณฑ์และสินค้าทุกประเภท ทุกขนาดให้ได้มากที่สุด โดยพยายามให้พนักงานเป็นเสมือนดีลเลอร์ขายรถยนต์ที่สามารถขายรถได้ทุกรุ่น เพราะผลจากการขายดังกล่าวจะทำให้ธนาคารสามารถให้บริการหลังการขายกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง "


ทั้งนี้ ธนาคารกำหนดลงพื้นที่แต่ละสาขาเพื่อประชุมร่วมกับพนักงาน 7,000 คน ในต่างจังหวัด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงวันที่ 17 สิงหาคม โดยขณะนี้ได้ทยอยประชุมและให้คำแนะนำพนักงานของธนาคารไปแล้วกว่า 2,000 คน ซึ่งต้องให้เวลาพนักงานทำความเข้าใจเรื่องการขาย


-เร่งสร้างรายได้ชดเชยดอกเบี้ยหด


สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วง6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งปี ส่งผลให้ประมาณการรายได้จากดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมในการให้บริการมากขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้


ต่อเรื่องนี้ นายธงชัย เจริญสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ธนาคารวางเป้าหมายรายได้จากค่าธรรมเนียมปีนี้ที่ 120ล้านบาท ซึ่งโดยหลักจะมาจากการที่พนักงานของธนาคารช่วยกันขายสินค้าและบริการทุกผลิตภัณฑ์รวมถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือ โดยเบื้องต้นหากพนักงานไม่สามารถขายสินค้าตามที่ธนาคารระบุได้ก็จะเปลี่ยนให้ขายผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ซึ่งในส่วนของการวัดความสามารถในการขายนั้น ธนาคารจะใช้ระบบคะแนนในการประเมินผลงานในแต่ละปี


ขณะที่ นายนะเเพ็งพาแสง กฤษณามระ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ผลงานของพนักงานในการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารจะนำมาเป็นตัวชี้วัดการทำงานของพนักงาน ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละประเทศจะกำหนดสัดส่วนไม่เท่ากัน ลดหลั่นกันตามความยากและง่าย โดยธนาคารได้จัดทีมพี่เลี้ยงเพื่อสอนด้านการตลาดและให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคด้านการขาย พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับบริษัทในเครือ เช่น บมจ.สามัคคีประกันภัย บมจ.เทเวศและบมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ในการฝึกอบรมพนักงานควบคู่กันไปด้วย


"ในระยะ 3 ปีที่เตรียมการวางแผนและทำการขาย ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องมีการเทรนพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานสามารถขายเป็น โดยถ้าพนักงานทำได้ตามเป้าคะแนนที่กำหนดให้ก็จะออกมาเป็นดัชนีในการวัดผลงาน และให้ผลตอบแทนแก่พนักงานทั้งในลักษณะตัวบุคคล และทีม โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายรายได้จากรีเทล แบงกิ้งทั้งหมดในสัดส่วน 40%ของรายได้รวมของแบงก์" นายนะเพ็งพาแสงกล่าว


-พนักงาน"ใบโพธิ์"ถูกแรงกดดันหนัก


แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง กล่าวว่า เท่าที่ประเมินในขณะนี้ พนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ถูกแรงกดดันมากที่สุดในการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายให้แก่ผู้จัดการสาขา ซึ่งในช่วงปีแรกๆ ส่วนใหญ่อาจจะขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือสินค้าได้ตามเป้าหมาย ทำให้มีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เติบโตค่อนข้างเร็วในระยะแรกๆ แต่หลังจากที่มีการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แก่ลูกค้าไปค่อนข้างมากแล้ว การจะขยายฐานลูกค้าออกไปอีกก็ทำได้ยากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าผู้จัดการของธนาคารบางรายเครียดมากจากเป้าหมายที่ธนาคารให้


อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการปรับฐานเงินเดือนให้แก่พนักงานในบางกลุ่มขึ้นประมาณ 30 % โดยเฉพาะพนักงานทางด้านของรีเทลแบงกิ้ง ในขณะเดียวกันยังมีการนำพนักงานที่มีผลงานการขายที่ดีทัศนศึกษาในต่างประเทศ และจัดรางวัลให้แก่พนักงานที่สามารถขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้มากที่สุด


-ตีเส้นผจก.สาขาทำไม่เข้าเป้าเจอแน่


แหล่งข่าวจากผู้บริหารระดับระดับสาขา ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง กล่าวยอมรับว่า ในการกำหนดเป้าหมายให้ผู้จัดการสาขาขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน มีผลต่อการพิจารณาสั่งย้ายระดับผู้จัดการสาขาไปอยู่สาขาย่อย เสมือนการลดตำแหน่งทำให้ผู้จัดการสาขาและพนักงานส่วนใหญ่มีความกดดัน โดยครึ่งปีแรกได้มีพนักงานลาออกไปแล้ว ประมาณ 200คนจากปีก่อนที่มีการลาออกไป 400คนด้วยเหตุผลของการทนแรงเสียดทานจากธนาคารไม่ได้


ที่ผ่านมาพนักงานได้มีการเสนอขอให้ธนาคารพิจารณาปรับผลตอบแทนเพื่อให้สมดุลกับการขายผลิตภัณฑ์ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธโดยยืนยันจะให้ค่าตอบแทนที่ 3%ของเบี้ยประกันแรกเข้า ขณะที่ธนาคารกรุงเทพกับธนาคารกสิกรไทยนั้นมีการจ่ายผลตอบแทนให้พนักงานในการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือสูง เช่น ประกันชีวิตให้ผลตอบแทนที่ 43%หรือการระดมเงินฝากระยะยาวจะได้ผลตอบแทน 22-27%


"แรงกดดันจากการใช้ผลการขายผลิตภัณฑ์เป็นตัววัดผลในการปรับเงินเดือน ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้นพนักงานที่เป็นผู้จัดการหากยังอยู่ในตำแหน่งก็ต้องกระตุ้นพนักงานให้ทำตามนโยบาย ซึ่งบางสินค้าก็ขายได้เกินเป้า แต่บางสินค้าก็ทำไม่ได้ โดยเฉพาะผู้จัดการสาขาของธนาคารนั้น ล่าสุดสาขาสระแก้วก็ถูกย้ายไปสาขาอื่น แม้กระทั่งผู้จัดการฝ่ายที่คุมสาขาในกรุงเทพฯก็ยังถูกย้ายไปคุมสาขาเขมรและลาว ขณะที่ก่อนหน้านี้เคยมีผู้จัดการสาขาตายไป 2-3คนด้วยเหตุผลความเครียด คือ มันเป็นเรื่องเสียหน้าและเสียความรู้สึก ทำให้ทนแรงเสียดทานไม่ได้ เพราะคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งถูกย้ายเหมือนถูกลดตำแหน่ง"แหล่งข่าวกล่าว


-กรมสุขภาพจิตชี้แนวโน้มน่าเป็นห่วง





น.พ.ทวีสิน วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงแนวโน้ม ภาวะโรคเครียดจากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ว่า ปริมาณการเข้ามาปรึกษาและใช้บริการตามโรงพยาบาลต่างๆ หรือตามศูนย์ฮอตไลต์ต่างๆ มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ยังไม่เท่ากับปี2540 สำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่าตัว โดยเป็นกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 30-40 ปี สาเหตุของการเครียดส่วนใหญ่มาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ห่วงสถานภาพทางการงานไม่มั่นคง จากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ภาวะหนี้สินที่เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งตัว เช่น การใช้บัตรเครดิตหลายใบ เป็นต้น


"ปี 2541 สถิติการฆ่าตัวตายของคนไข้ที่เกิดจากภาวะโรคเครียด เฉลี่ย 8.6 คน ต่อประชากร 1 แสนคน ปีนี้ลดเหลือ 7.0 คน และช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาสถิติการฆ่าตัวตายลดเหลือ 6.8 คนต่อประชากร 1 แสนคน แต่หากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นแนวโน้มอาจสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยการฆ่าตัวตายมาจากหลายปัจจัย นอกจากภาวะเศรษฐกิจแล้วยังมีในเรื่องของโรคซึมเศร้า,โรคจิต และสุรา" น.พ.ทวีสินกล่าว


ขณะที่รายงานจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับข้อมูลการปฏิบัติงานบริการคลินิกคลายเครียด ปีงบประมาณ 2548 โดยเป็นข้อมูลจาก 16 โรงพยาบาลช่วงเดือนตุลาคม 2546-เดือนกรกฎาคม 2548 ระบุว่า ลักษณะของปัญหาของผู้ที่มาใช้บริการ เป็นปัญหาเกี่ยวกับด้านการทำงานสูงถึง 489 คน ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจประมาณ 122 คน และปัญหาการฆ่าตัวตายจำนวน 37 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไข้ของร.พ.สวนสราญรมย์ถึง 22 คน


น.พ.บุญชัย นวมงคลวัฒนา ผู้อำนวยการ สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กล่าวถึงสถิติคนไข้ทางจิตที่เข้ามาใช้บริการ ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายนที่ผ่านมาว่า เป็นโรคซึมเศร้าประมาณ 6,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงซึ่งเทียบกับผู้ชายเฉลี่ย 2 ต่อ 1 และการใช้สารเสพติด (สุรา) ประมาณ 1,600 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายเฉลี่ย 80% ซึ่งสาเหตุมาจาก 1.ปัญหาครอบครัว 2. เครียดจากการทำงาน และ3. ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานได้ ระดับอายุที่เป็นโรคนี้จะอยู่ในวัยทำงานและวัยรุ่น อายุ 25 ปีขึ้นไป ส่วนกรณีการฆ่าตัวตายจากภาวะเครียดขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

สมัยผมทำงานอยู่ธนาคาร  ก็เริ่มที่จะมีเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ของธนาคารบ้างแล้วครับ  เช่น  SLIP  CAPS  หุ้นกู้

สมัยนี้เห็นมีพวก ประกันชีวิต  หน่วยลงทุน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

มิน่าตอนนี้ ธนาคารถึงได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากขึ้น
เช่น พลักคนไปใช้พวกเครื่องฝากเงิน ถอนเงิน และปรับยอดสมุดบัญชี จากเครื่องอัตโนมัติ (ทำเป็นตัวเองเปิด24ชั่วโมงได้ ไม่ต้องใช้คนมากมายเหมือนเมื่อก่อน)

คิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมมากขึ้น เช่น การโอนเงินเข้าบัญชีของลูกน้องในบริษัทต่างๆๆ พวกข้าราชการก็โดน (ไม่ต้องบอกว่าธนาคารอะไรอ่ะ แต่เสียครั้งละ 5บาท เป็นเสือนอนกินเลยอ่ะ)

เริ่มมีการขายหน่วยลงทุนมากขึ้น ขายประกันภัยและประกันชีวิต (ทำตัวเป็นบริษัทนายหน้า นิติบุคคล) บริษัทหลักทรัพย์  บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล บริษัทเช่าซื้อ บริษัทที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่SME

แล้วก็สุดท้าย ทำให้คนเป็นหนี้บัตรเครดิตกันมากขึ้น จากNon-bankและจากตัวbankเอง

งานนี้ต้องดูกันต่อไปว่า มันจะมีอะไรอีกหรือเปล่า

จริงตามบทความที่ว่าเลย ตอนนี้ พนักงานแบงค์เป็นแล้วเหนื่อย เครียดมากว่าเมื่อก่อน สวัสดิการเริ่มน้อยลง :)
:)
sunrise
Verified User
โพสต์: 2266
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

แต่จริงๆ แล้วถ้ามองว่า เป็นสิ่งที่ดีต่อการพัฒนาของแบ็งค์ไทยล่ะครับ

ส่วนใหญ่ พนักงานไม่ค่อยจะ active กันเท่าไหร่ ตอนนี้อาจเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพนักงานก็ได้นะ

การที่เป็นพนักงานแล้วไม่เหนื่อยเลย คุยเล่นไปวันๆ ก็แย่นะครับ
เป็นพนักงานก็ต้องทำงานให้ได้ตามเป้าหมายขององค์กร
ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าเลย ก็จะให้รับเงินเดือนสูงๆไปเรื่อยๆ
นายจ้างก็น่าจะลำบากเหมือนกันนา  :roll:
แก้ไขล่าสุดโดย sunrise เมื่อ จันทร์ ส.ค. 08, 2005 12:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
jidapa
Verified User
โพสต์: 67
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Bank รัฐ น่าจะทำบ้าง เช่น bank อาคารสงเคราะห์  พนักงานไม่ค่อยสนใจลูกค้า เลย พนักงานหน้าเคาร์เตอร์ฝากเงินมีมากกว่า bank เอกชน แต่ บางครั้งเห็นนั่งคุยกันเอง บ้าง  คุยโทรมือถือบ้างส่วนตัว ให้ลูกค้าหน้าเคาร์เตอร์ยืนรอ  บางครั้งพนักงานไม่เข้าใจในงานของตัวเองก็ตะโกนถามข้ามโต๊ะกัน ในขณะที่ลูกค้ายืนรออยู่ที่หน้า เคาร์เตอร์ บางแผนก อธิบายลูกค้าโดยแสดงกิริยารำคาญออกมา  น่าจะให้ไปดูการทำงานของ bank เอกชน  หรือหมุนเวียนไปฝึกงาน ใน bank เอกชนบ้าง
parallel
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นทุกๆสิ่งก็เปลี่ยนไป เช่นสามารถลดต้นทุนได้ในขณะที่productivityสูงขึ้น อยากเป็นเจ้าของกิจการบางจัง
"Sometimes your best investments are the ones you don't make"(Donald Trump)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ก้อนหิน
Verified User
โพสต์: 2344
ผู้ติดตาม: 0

เห็นข่าวปลดพนักงานแบงค์

โพสต์ที่ 9

โพสต์

แต่ BBL กำลังขึ้นเงินเดือนให้พนักงาน 20% แล้วโบนัสอีก 6 เดือนนะครับ แล้วก็สวัสดิการอื่นๆอีกนะครับ
ล็อคหัวข้อ