18 กันยายน 2546
เรื่อง การรายงานการตกลงเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทและบริษัทย่อย
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 9/2546 เมื่อวันที่
18 กันยายน 2546 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทและบริษัทย่อยเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีรายละเอียดตามเอกสาร
ที่แนบนี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์)
กรรมการผู้อำนวยการ
สารสนเทศรายงานการตกลงเข้าทำรายการในรายการที่เกี่ยวโยงกัน
1. วัน เดือน ปี ที่ทำรายการ : ภายใน เดือน กันยายน ตุลาคม 2546
2. คู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง และ ความสัมพันธ์กับบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทย่อย
1. บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ( " CENTEL")
2. บริษัท เซ็นทรัลโฮเต็ลแมนเนชเม้นท์ จำกัด ("CHM") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% โดย บริษัท
โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ( " CENTEL")
3. บริษัท ห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด("HCDS") ซึ่งเป็นบริษัทที่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกัน
กับบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (" CENTEL")
4. บริษัท ไทยอินเตอร์เนชั่นแนลฟาสต์ฟู้ด จำกัด ("TIFF") ซึ่งเป็นบริษัทที่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกัน
กับบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (" CENTEL")
5. บริษัท เซนมาร์เก็ตเพลซ จำกัด ("ZEN") เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์
จำกัด("HCDS")
3. ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ
3.1 ประเภทของรายการ : จัดเป็นรายการตาม ข้อ 9 ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิด
เผยข้อมูล และ การปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียน ในรายการที่เกี่ยวโยงกัน
3.2 ลักษณะรายการ และรายละเอียดหลักทรัพย์
เพื่อเป็นการปรับโครงสร้าง การลงทุนในกลุ่มธุรกิจ ร้านอาหาร และ เครื่องดื่ม ประเภทฟาสต์ฟู้ด ของบริษัทฯให้
เหมาะสม เพื่อลดโอกาสการเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ภายในกลุ่มธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการลดต้น
ทุนการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ตลอดจน เพิ่มโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต ทางบริษัทฯ
และบริษัทย่อยจึงได้ดำเนินการเข้าทำรายการดังต่อไปนี้
1. CHM ขายหุ้น สามัญของบริษัท เซ็นทรัล พิซซ่า จำกัด (" CPC") ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับร้าน
อาหารและ เครื่องดื่ม ประเภทพิซซ่า ภายใต้เครื่องหมายการค้า " พิซซ่า ฮัท " ในประเทศไทย ,
จำนวน 320,000 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 16% ของหุ้นสามัญ CPC ที่ออกและชำระแล้ว เป็นมูล
ค่ารวมเท่ากับ 7,964,800 บาท หรือราคาหุ้นละ 24.89 บาท, ให้กับ HCDS ซึ่งจะทำให้ CHM ถือ
หุ้นใน CPC รวมเป็น 84%
2. CENTEL ขายหุ้นสามัญบริษัท ไทยแฟรนไชซิ่ง จำกัด ("TF") ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับร้าน
อาหารและ เครื่องดื่ม ประเภทโดนัท ภายใต้เครื่องหมายการค้า " มิสเตอร์โดนัท " ในประเทศ
ไทย , จำนวน 80,100 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 2.67% ของหุ้นสามัญ TF ที่ออกและชำระแล้ว ,
เป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 4,137,966 บาท หรือราคาหุ้นละ 51.66 บาท, ให้กับ HCDS ซึ่งจะทำให้
CENTEL ถือหุ้นใน TF รวมเป็น 84%
3. CENTEL ขายหุ้นสามัญบริษัท ฟู้ด โนเวลตี้ส์ จำกัด ("FN") ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักในการผลิต
จำหน่าย ขนมอบ และ เครื่องดื่ม, จำนวน 400,000 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 16 % ของหุ้น
สามัญ FN ที่ออกและชำระแล้ว , ที่มูลค่ารวมเท่ากับ 4,004,000 บาท หรือราคาหุ้นละ 10.01
บาท, ให้กับ HCDS ซึ่งจะทำให้ CENTEL ถือหุ้นใน FN รวมเป็น 84%
4. CENTEL ซื้อหุ้นสามัญบริษัท เซ็นทรัลฟาสต์ฟู้ดกรุ๊ปจำกัด ("CFFG") ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ
ร้านอาหารและ เครื่องดื่ม ประเภทไก่ทอด ภายใต้เครื่องหมายการค้า " เค.เอฟ.ซี. " ในประเทศ
ไทย จาก ZEN โดยมีรายละเอียดดังนี้
4.1 CENTEL ซื้อหุ้นสามัญ CFFG จำนวน 40,000 หุ้น เป็นหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่าแล้ว
หรือคิดเป็นสัดส่วน 2 % ของหุ้นสามัญของ CFFG คิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 9,036,800
บาท หรือราคาหุ้นละ 225.92 บาทสำหรับหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่า
4.2 CENTEL ซื้อหุ้นสามัญของ CFFG จำนวน 40,000 หุ้น เป็นหุ้นที่ชำระ 50% ของมูล
ค่าที่ตราไว้ หรือคิดเป็นสัดส่วน 2 % ของหุ้นสามํญของ CFFG คิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับ
7,036,800 บาท หรือราคาหุ้นละ 175.92 บาทสำหรับหุ้นที่ชำระ 50% ของมูลค่า
รวมมูลค่าหุ้น CFFG ที่ซื้อเท่ากับ 16,073,600 บาท ซึ่งจะทำให้ CENTEL ถือหุ้นใน CFFG เพิ่ม
จากเดิม 80% กลายเป็น 84 %
5. การซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เซ็นทรัล ไอศครีม จำกัด ( "CIC") ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับร้าน
อาหารและ เครื่องดื่ม ประเภทไอศครีม ภายใต้เครื่องหมายการค้า " บาสกิ้น-ร้อบบิ้นส์ " ใน
ประเทศไทย , โดย CHM ทำการซื้อหุ้นจำนวน 4,000 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 0.36 % ของหุ้น
สามัญ CIC ที่ออกและชำระแล้ว เป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 32,040 บาท หรือ ราคาหุ้นละ 8.01 บาท
จาก HCDS ซึ่งจะทำให้ CHM ถือหุ้นใน CIC เพิ่มขึ้นจาก 83.64% เป็น 84%
4. มูลค่ารวมของรายการ
? มูลค่ารวมของรายการ = 32,212,406 บาท ( รวม 5 รายการ) ได้รับชำระ และ จ่าย ราคาค่าหุ้น
สามัญเป็น เงินสดทั้งจำนวน ในครั้งเดียวในวันโอนหุ้นสามัญที่ซื้อขาย
? มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์มีตัวตนสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อยรวมกัน = 2,098,039,109
บาท (สอบทานแล้ว ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546)
? มูลค่ารวมของรายการ คิดเป็น ร้อยละ 1.54 ของ มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์มีตัวตนสุทธิ
ของบริษัทและบริษัทย่อยรวมกัน
5. เกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าของสิ่งตอบแทน
? ใช้เกณฑ์มูลค่าทางบัญชีและผลประกอบการของบริษัท
หลังจากอ่านอยู่หลายตลบกว่าจะเข้าใจ คือเดิมที CENTEL ถือหุ้นในร้านอาหารในเครือในสัดส่วนไม่เท่ากัน ดังนั้นหลังจากการปรับโครงสร้างทำให้CENTEL ถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจอาหารในอัตราส่วนเท่ากันหมดคือ 84% ไม่รู้ว่าทำไมต้อง 84% ก็ไม่รู้หรือเล่นคำตามภาษาจีนรึเปล่า (8 อ่านออกเสียงใกล้กับคำว่ารวย และ 4 อ่านออกเสียงคล้ายคำว่าตาย รวมกันจะกลายเป็นคำว่า รวย(จนกระทั่ง)ตาย :lol: :lol: :lol: )
CENTELปรับโครงสร้างธุรกิจอาหาร
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
CENTELปรับโครงสร้างธุรกิจอาหาร
โพสต์ที่ 2
คือวิเคราะห์ข้อมูลไม่ค่อยเป็นน่ะค่ะ ไม่ได้จบด้านบัญชีหรือเศรษฐศาสตร์มา เลยสงสัยว่าการทำเช่นนี้มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้างคะ รบกวนพี่ๆช่วยชี้แนะหน่อยนะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
CENTELปรับโครงสร้างธุรกิจอาหาร
โพสต์ที่ 3
ถ้าในกรณีของCentelก็ไม่มีอะไรมาก เพราะจำนวนหุ้นเก่าที่ถืออยู่สัดส่วนก็ใกล้ๆนี้ เพียงแต่น่าจะเป็นการแลกหุ้นเพื่อให้สัดส่วนลงตัวก็เท่านั้นแหละครับ แต่ในกรณีอื่นๆต้องพิจารณาดวยนะครับว่าส่งผลดีผลเสียแค่ไหน คงต้องยกcaseมาก่อนนะครับถึงอธิบายง่ายหน่อย