เครื่องพิมพ์เช็คใครเสียบ้างครับ ????
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
เครื่องพิมพ์เช็คใครเสียบ้างครับ ????
โพสต์ที่ 5
เห็นฝรั่งที่เป็นกรรมการ ขายออกมา
เลยชักมือออกมาก่อน
เลยชักมือออกมาก่อน
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
เครื่องพิมพ์เช็คใครเสียบ้างครับ ????
โพสต์ที่ 10
http://www.bangkokbiznews.com/2005/07/2 ... s_id=24711
ไทยบริติชเผยไตรมาส2กำไรวูบ55%
28 กรกฎาคม 2548 08:10 น.
ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง กำไรไตรมาส 2 วูบ 55% ยอมรับคำสั่งซื้อของลูกค้าชะลอตัว ขณะที่ค่าใช้จ่ายและต้นทุนพลังงาน-น้ำมันพุ่ง 8.7% มั่นใจไตรมาส 3 ยอดขายกลับเข้าสู่ที่เดิม
บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ปรากฏว่า มีกำไรสุทธิ 13.74 ล้านบาท หรือ 1.25 บาทต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 30.96 ล้านบาท หรือ 2.82 บาทต่อหุ้น คิดเป็นกำไรที่ลดลง 55.62%
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 30.022 ล้านบาท หรือ 2.73 บาทต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 56.41 ล้านบาท หรือ 5.13 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราที่ลดลง 46%
บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง แจ้งว่า ผลกำไรในไตรมาสนี้ต่ำกว่าอย่างมีสาระสำคัญถึง 17.2 ล้านบาท โดยมีปัจจัยอันเนื่องมาจากการชะลอคำสั่งซื้อของลูกค้าบางส่วน ซึ่งประมาณการว่า คำสั่งซื้อจะกลับเข้าสู่ระดับเดิมในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้
นอกจากนี้ ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบอัตราส่วนกับยอดขายแล้ว พบว่า สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 8.7% อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันและพลังงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสก่อน และส่งผลถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรตามแผนงานที่วางไว้ในช่วงดังกล่าว
ในส่วนของงบดุล ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 บริษัทมีกำไรสะสมเท่ากับ 247.4 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 666.6 ล้านบาท
บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท มีบริษัทเยื่อกระดาษสยาม เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบธุรกิจประเภทการพิมพ์เอกสารปลอดการปลอมแปลงและบัตรพลาสติก เพื่อใช้ในวงการธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน และสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยบัตรพลาสติก เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต บัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด เป็นต้น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ รวมทั้งสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่อยู่ในประเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน กองทุนรวมและบริษัทชั้นนำต่างๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการขยายฐานลูกค้าไปยังธนาคารพาณิชย์ในประเทศใกล้เคียงเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศในกลุ่มอินโดจีน ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และยุโรปตะวันออก
ไทยบริติชเผยไตรมาส2กำไรวูบ55%
28 กรกฎาคม 2548 08:10 น.
ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง กำไรไตรมาส 2 วูบ 55% ยอมรับคำสั่งซื้อของลูกค้าชะลอตัว ขณะที่ค่าใช้จ่ายและต้นทุนพลังงาน-น้ำมันพุ่ง 8.7% มั่นใจไตรมาส 3 ยอดขายกลับเข้าสู่ที่เดิม
บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ปรากฏว่า มีกำไรสุทธิ 13.74 ล้านบาท หรือ 1.25 บาทต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 30.96 ล้านบาท หรือ 2.82 บาทต่อหุ้น คิดเป็นกำไรที่ลดลง 55.62%
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 30.022 ล้านบาท หรือ 2.73 บาทต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 56.41 ล้านบาท หรือ 5.13 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราที่ลดลง 46%
บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง แจ้งว่า ผลกำไรในไตรมาสนี้ต่ำกว่าอย่างมีสาระสำคัญถึง 17.2 ล้านบาท โดยมีปัจจัยอันเนื่องมาจากการชะลอคำสั่งซื้อของลูกค้าบางส่วน ซึ่งประมาณการว่า คำสั่งซื้อจะกลับเข้าสู่ระดับเดิมในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้
นอกจากนี้ ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบอัตราส่วนกับยอดขายแล้ว พบว่า สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 8.7% อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันและพลังงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสก่อน และส่งผลถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรตามแผนงานที่วางไว้ในช่วงดังกล่าว
ในส่วนของงบดุล ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 บริษัทมีกำไรสะสมเท่ากับ 247.4 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 666.6 ล้านบาท
บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท มีบริษัทเยื่อกระดาษสยาม เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบธุรกิจประเภทการพิมพ์เอกสารปลอดการปลอมแปลงและบัตรพลาสติก เพื่อใช้ในวงการธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน และสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยบัตรพลาสติก เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต บัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด เป็นต้น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ รวมทั้งสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่อยู่ในประเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน กองทุนรวมและบริษัทชั้นนำต่างๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการขยายฐานลูกค้าไปยังธนาคารพาณิชย์ในประเทศใกล้เคียงเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศในกลุ่มอินโดจีน ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และยุโรปตะวันออก
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว