สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
- maoinvestor
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 1
นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาได้สักพัก คงจะต้องเคย "ซื้อถัว" คือการซื้อหุ้นตัวเดิมเพิ่มเข้าไป เช่นในครั้งแรก ซื้อหุ้น AAA ราคา 10 บาท จำนวน 1000 หุ้น ต่อมา หุ้น AAA ปรับตัวลดลงเหลือ 8 บาท จึงทำการซื้อเพิ่มอีก 1000 หุ้น ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 9 บาท
ซึ่งกลยุทธ์ถัวเฉลี่ยนี้มีการกล่าวถึงในหนังสือการลงทุนหลายเล่ม แต่การลงทุนแนวเทคนิคจะกล่าวอย่างหนึ่ง ส่วนการลงทุนแนวแนวเน้นคุณค่าจะกล่าวอีกอย่างหนึ่ง หากนักลงทุนยังไม่สามารถหาสไตล์การลงทุนของตัวเองเจอ อ่านเข้าไปมากๆ ก็อาจสับสนได้
เพราะการลงทุนแนวเทคนิคเป็นการเล่นตาม Trend ขาขึ้น จึงจะไม่มีการถัวเฉลี่ยขาลง แต่ใช้การ Cut loss แทน เมื่อหุ้นมีราคาลดลง ถือเป็นการเลือกหุ้นผิดตัว แต่อาจจะมีการถัวเฉลี่ยขาขึ้นได้ แม้จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมต้นทุนเฉลี่ยก็ยังต่ำกว่าราคาตลาด
สำหรับการลงทุนแนวเน้นคุณค่า การซื้อหุ้นจะเลือกหุ้นที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมในขณะนั้นภายใต้ความเชื่อที่ว่า ในระยะยาวราคาหุ้นจะสะท้อนความเป็นจริง บ่อยครั้งที่นักลงทุนแนว VI ซื้อหุ้นแล้วหุ้นปรับตัวลงไปอีก เนื่องจากช่วงที่หุ้นมีมูลค่าต่ำกว่าราคาเหมาะสมนั้น ในทางเทคนิคมักเป็น Trend ขาลง ซึ่งไม่มีใครรู้จุดต่ำสุดของมัน แต่ถ้านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในกิจการ เมื่อราคายังต่ำกว่าราคาเหมาะสม ก็ทำการซื้อเฉลี่ยได้ (ทั้งขาขึ้นและขาลง) แต่การซื้อเฉลี่ยขาลงก็ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเราเองไม่ใช่เจ้าของกิจการที่แท้จริงแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้น ที่อาจไม่ทราบข่าววงใน หรือการวิเคราะห์ราคาเหมาะสมของเราอาจจะผิดก็ได้ เพราะหุ้นบางตัวเมื่อลงมาแล้ว ผ่านไปหลายสิบปีก็ยังไม่สามารถกลับไปยังราคาเดิมได้อีกเลย
ในแง่ของสุขภาพจิต การซื้อเฉลี่ยขาลง แม้ทำให้ต้นทุนต่ำลงก็จริง แต่เราก็ยังต้องเฝ้าดูพอร์ตแดงด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยไม่รู้ว่าก้นบึ้งมันอยู่ที่ไหน (หรืออาจจะไร้ก้นบึ้งเลยก็ได้) ในจังหวะหนึ่ง เราจะสูญเสียความมั่นใจ เกิดจินตนาการในทางลบ อาจจะแย่จนกระทั่งถือต่อไม่ไหว ในทางกลับกัน การซื้อเฉลี่ยขาขึ้น แม้ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ชื่นใจทุกครั้งที่เปิดดู มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไป
อ่านการ์ตูนตอนนี้จบแล้ว คุณเลือกที่จะซื้อเฉลี่ยขาขึ้นหรือขาลงคะ ?
ซึ่งกลยุทธ์ถัวเฉลี่ยนี้มีการกล่าวถึงในหนังสือการลงทุนหลายเล่ม แต่การลงทุนแนวเทคนิคจะกล่าวอย่างหนึ่ง ส่วนการลงทุนแนวแนวเน้นคุณค่าจะกล่าวอีกอย่างหนึ่ง หากนักลงทุนยังไม่สามารถหาสไตล์การลงทุนของตัวเองเจอ อ่านเข้าไปมากๆ ก็อาจสับสนได้
เพราะการลงทุนแนวเทคนิคเป็นการเล่นตาม Trend ขาขึ้น จึงจะไม่มีการถัวเฉลี่ยขาลง แต่ใช้การ Cut loss แทน เมื่อหุ้นมีราคาลดลง ถือเป็นการเลือกหุ้นผิดตัว แต่อาจจะมีการถัวเฉลี่ยขาขึ้นได้ แม้จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมต้นทุนเฉลี่ยก็ยังต่ำกว่าราคาตลาด
สำหรับการลงทุนแนวเน้นคุณค่า การซื้อหุ้นจะเลือกหุ้นที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมในขณะนั้นภายใต้ความเชื่อที่ว่า ในระยะยาวราคาหุ้นจะสะท้อนความเป็นจริง บ่อยครั้งที่นักลงทุนแนว VI ซื้อหุ้นแล้วหุ้นปรับตัวลงไปอีก เนื่องจากช่วงที่หุ้นมีมูลค่าต่ำกว่าราคาเหมาะสมนั้น ในทางเทคนิคมักเป็น Trend ขาลง ซึ่งไม่มีใครรู้จุดต่ำสุดของมัน แต่ถ้านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในกิจการ เมื่อราคายังต่ำกว่าราคาเหมาะสม ก็ทำการซื้อเฉลี่ยได้ (ทั้งขาขึ้นและขาลง) แต่การซื้อเฉลี่ยขาลงก็ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเราเองไม่ใช่เจ้าของกิจการที่แท้จริงแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้น ที่อาจไม่ทราบข่าววงใน หรือการวิเคราะห์ราคาเหมาะสมของเราอาจจะผิดก็ได้ เพราะหุ้นบางตัวเมื่อลงมาแล้ว ผ่านไปหลายสิบปีก็ยังไม่สามารถกลับไปยังราคาเดิมได้อีกเลย
ในแง่ของสุขภาพจิต การซื้อเฉลี่ยขาลง แม้ทำให้ต้นทุนต่ำลงก็จริง แต่เราก็ยังต้องเฝ้าดูพอร์ตแดงด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยไม่รู้ว่าก้นบึ้งมันอยู่ที่ไหน (หรืออาจจะไร้ก้นบึ้งเลยก็ได้) ในจังหวะหนึ่ง เราจะสูญเสียความมั่นใจ เกิดจินตนาการในทางลบ อาจจะแย่จนกระทั่งถือต่อไม่ไหว ในทางกลับกัน การซื้อเฉลี่ยขาขึ้น แม้ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ชื่นใจทุกครั้งที่เปิดดู มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไป
อ่านการ์ตูนตอนนี้จบแล้ว คุณเลือกที่จะซื้อเฉลี่ยขาขึ้นหรือขาลงคะ ?
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ติดตามอ่านการ์ตูนหุ้น สารคดีชีวิตสัตว์โลก::แมลงเม่า ได้ตามลิงค์ข้างล่างจ้ะ
http://www.maoinvestor.com
http://www.facebook.com/maoinvestor
http://www.maoinvestor.com
http://www.facebook.com/maoinvestor
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 2
AWESOME! Thanks!
Its all about getting alpha.
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 5
วาด สนุกดี ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 7
ซื้อขาขึ้น ???? แมงเม่าทั้งหลาย เขาก็ชอบอย่างนี้แหละครับ ตอนถูกๆไม่ซื้อ พอเห็นหุ้นขึ้ยเยอะๆแพงๆแล้ว ค่อยอยากได้
ซื้อเฉลี่ยขาลง
ข้อดี
- ต้นทุนถูกลง
ข้อเสีย
- หุ้นตกแสดงว่าธุรกิจมันมีปัญหา หากเลือกผิด ไปเลือกตัวที่ไม่ฟื้น ก็จะเจ๊งได้
วิธีแก้
- เวลาเห็นหุ้นตกมากๆต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นว่า
ธุรกิจประสบปัญหาอะไรหรือไม่ แก้ไขได้หรือไม่ ก่อนซื้อเพิ่ม
- การซื้อเฉลี่ยขาลงต้องมีขอบเขต ไม่ทุ่มเงินหมดตัว กับหุ้นตัวที่ลงเพียงตัวเดียว อาจจะกำจัดวงเงินไว้
และควรให้หุ้นตกมากในระดับที่คุณยอมรับได้ว่า พอใจที่จะซื้อและถือในราคานี้ไปอีกนานๆ
จนมันฟื้น จึงค่อยเข้าไปซื้อ ไม่ใช่หุ้นตกนิดตกหน่อย ก็รีบซื้อ
ไม่อย่างนั้น คุณมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอครับ รีบเข้าไปช้อนซื้อ ระวัง"ช้อนจะหัก"ซะก่อน
วีไอที่ดีควรรอซื้อได้เก่ง(รอนานๆเป็นปี จนหุ้นมีราคาถูกมากๆ) พอๆกับการ
ทนถือหุ้นดีๆ ได้นานเป็นปีๆ เช่นกัน จนมันเต็มมูลค่า
ความเห็นส่วนตัว
- ผมชอบซื้อเฉลี่ยขาลงมากกว่าครับ แต่ต้องรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นก่อนซื้อนะครับ
- อีกกรณีที่ชอบซื้อคือ ตอนหุ้นลงทั้งตลาดหนักๆ โดยหุ้นที่เราสนใจไม่ได้ประสบปัญหาอะไร
แต่เป็นจากพานิคเซล อย่างนี้ได้หุ้นถูกชัวร์
ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น
ข้อดี
- ความสบายใจ(ชั่วคราว)
ข้อเสีย
- ต้นทุนที่ซื้อ ใกล้เคียงกับราคาหุ้นในตลาดอยู่ตลอดเวลา (โดยเฉพาะตัวที่เพิ่งซื้อครั้งหลังๆ)
.
ต้นทุนที่ซื้อ ใกล้เคียงกับราคาหุ้นในตลาดอยู่ตลอดเวลา (โดยเฉพาะตัวที่เพิ่งซื้อครั้งหลังๆ)
.
ถ้าราคาหุ้นในตลาดตกเมื่อไหร่ มีโอกาสที่เห็นตัวแดงในพอร์ตได้เช่นกัน
.
ยกเว้น เก่งระดับเทพ คือรู้แน่ๆว่าหุ้นมันจะขึ้นต่อไปอย่างเดียว ก็ทำอย่างนี้(ซื้อขาขึ้น)เพิ่มไปได้เรื่อยๆ
.
สำหรับคนที่ไม่ชอบไม่สบายใจที่จะเห็นตัวแดง(หรือขาดทุน) ก็ควรที่จะมีจุด คัทลอส
แต่อย่างนี่มันจะห่างจากแนวทางวีไอมากขึ้น เพราะซื้อขายเนื่องจากโดนชักจูงด้วย
ราคาหุ้นขึ้นๆลงๆ แทนที่จะมีเหตุผลจาก ธุรกิจดีหรือแย่ เป็นตัวกำหนดให้ซื้อหรือขาย
วิธีแก้
- ซื้อด้วยจำนวนเงินคงที่และจำกัดวงเงิน แบบเดียวกับการซื้อเฉลี่ยขาลงเช่นกัน เช่น อาจแบ่งออกเป็น
ซื้อ 3-4 ไม้ ในจำนวนเงินเท่ากัน แต่การซื้อครั้งหลังๆก็จะได้จำนวนหุ้นน้อยลง
สำหรับความเห็นที่ว่า ซื้อขาขึ้นแล้วจะสบายใจกว่า เพราะไม่ต้องทนเห็นตัวแดงๆ
เลยแนะให้ ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น ผมไม่เห็นด้วยกับเหตุผลแบบนี้
คุณแน่ใจเหรอว่า ขณะซื้อเพลินๆอยู่ จะไม่เจอหุ้นพลิกเป็นขาลง
ในระยะสั้น ไม่มีใครเดาได้หรอกว่า หุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่ หรือ มันจะลงเมื่อไหร่ ยกเว้นคุณโกหก
ถ้าเดาได้จริง ไม่เกิน 3-5 ปี ผมว่าคุณคงรวยที่สุดในโลกไปเลย
แม้แต่คนที่เก่งหุ้นที่สุดอย่าง วอเรนต์ บัฟเฟตต์ ยังไม่รู้เลยครับว่า พรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือหุ้นจะลง
สรุป
ผมมองว่า ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาขึ้นหรือขาลงลงก็ไม่มีผล และไม่ควรเอามาเป็นประเด็น ถ้าจะใช้วิธีแบบวีไอ
เพราะจะมองข้ามความผันผวนของราคาระยะสั้น แต่มองยาวๆและประเมินมูลค่าของกิจการไว้แล้ว
ถ้ามันยังมีมูลค่าสูงกว่าราคาหุ้นในกระดานที่ซื้อขายกันอีกมาก ราคาหุ้นมันจะขึ้นจะลง หากเราเข้าใจธุรกิจจริง มองมูลค่ามันออก เราไม่กลัวเลยครับ
สุดท้ายจริงๆแล้ว จะ ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น หรือ ซื้อเฉลี่ยขาลง ถ้าราคาหุ้นตอนนี้ มันยังตํ่ากว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ ผมยินดีทั้งนั้น ไม่เลือกวิธีการครับ
ซื้อเฉลี่ยขาลง
ข้อดี
- ต้นทุนถูกลง
ข้อเสีย
- หุ้นตกแสดงว่าธุรกิจมันมีปัญหา หากเลือกผิด ไปเลือกตัวที่ไม่ฟื้น ก็จะเจ๊งได้
วิธีแก้
- เวลาเห็นหุ้นตกมากๆต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นว่า
ธุรกิจประสบปัญหาอะไรหรือไม่ แก้ไขได้หรือไม่ ก่อนซื้อเพิ่ม
- การซื้อเฉลี่ยขาลงต้องมีขอบเขต ไม่ทุ่มเงินหมดตัว กับหุ้นตัวที่ลงเพียงตัวเดียว อาจจะกำจัดวงเงินไว้
และควรให้หุ้นตกมากในระดับที่คุณยอมรับได้ว่า พอใจที่จะซื้อและถือในราคานี้ไปอีกนานๆ
จนมันฟื้น จึงค่อยเข้าไปซื้อ ไม่ใช่หุ้นตกนิดตกหน่อย ก็รีบซื้อ
ไม่อย่างนั้น คุณมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอครับ รีบเข้าไปช้อนซื้อ ระวัง"ช้อนจะหัก"ซะก่อน
วีไอที่ดีควรรอซื้อได้เก่ง(รอนานๆเป็นปี จนหุ้นมีราคาถูกมากๆ) พอๆกับการ
ทนถือหุ้นดีๆ ได้นานเป็นปีๆ เช่นกัน จนมันเต็มมูลค่า
ความเห็นส่วนตัว
- ผมชอบซื้อเฉลี่ยขาลงมากกว่าครับ แต่ต้องรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นก่อนซื้อนะครับ
- อีกกรณีที่ชอบซื้อคือ ตอนหุ้นลงทั้งตลาดหนักๆ โดยหุ้นที่เราสนใจไม่ได้ประสบปัญหาอะไร
แต่เป็นจากพานิคเซล อย่างนี้ได้หุ้นถูกชัวร์
ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น
ข้อดี
- ความสบายใจ(ชั่วคราว)
ข้อเสีย
- ต้นทุนที่ซื้อ ใกล้เคียงกับราคาหุ้นในตลาดอยู่ตลอดเวลา (โดยเฉพาะตัวที่เพิ่งซื้อครั้งหลังๆ)
.
ต้นทุนที่ซื้อ ใกล้เคียงกับราคาหุ้นในตลาดอยู่ตลอดเวลา (โดยเฉพาะตัวที่เพิ่งซื้อครั้งหลังๆ)
.
ถ้าราคาหุ้นในตลาดตกเมื่อไหร่ มีโอกาสที่เห็นตัวแดงในพอร์ตได้เช่นกัน
.
ยกเว้น เก่งระดับเทพ คือรู้แน่ๆว่าหุ้นมันจะขึ้นต่อไปอย่างเดียว ก็ทำอย่างนี้(ซื้อขาขึ้น)เพิ่มไปได้เรื่อยๆ
.
สำหรับคนที่ไม่ชอบไม่สบายใจที่จะเห็นตัวแดง(หรือขาดทุน) ก็ควรที่จะมีจุด คัทลอส
แต่อย่างนี่มันจะห่างจากแนวทางวีไอมากขึ้น เพราะซื้อขายเนื่องจากโดนชักจูงด้วย
ราคาหุ้นขึ้นๆลงๆ แทนที่จะมีเหตุผลจาก ธุรกิจดีหรือแย่ เป็นตัวกำหนดให้ซื้อหรือขาย
วิธีแก้
- ซื้อด้วยจำนวนเงินคงที่และจำกัดวงเงิน แบบเดียวกับการซื้อเฉลี่ยขาลงเช่นกัน เช่น อาจแบ่งออกเป็น
ซื้อ 3-4 ไม้ ในจำนวนเงินเท่ากัน แต่การซื้อครั้งหลังๆก็จะได้จำนวนหุ้นน้อยลง
สำหรับความเห็นที่ว่า ซื้อขาขึ้นแล้วจะสบายใจกว่า เพราะไม่ต้องทนเห็นตัวแดงๆ
เลยแนะให้ ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น ผมไม่เห็นด้วยกับเหตุผลแบบนี้
คุณแน่ใจเหรอว่า ขณะซื้อเพลินๆอยู่ จะไม่เจอหุ้นพลิกเป็นขาลง
ในระยะสั้น ไม่มีใครเดาได้หรอกว่า หุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่ หรือ มันจะลงเมื่อไหร่ ยกเว้นคุณโกหก
ถ้าเดาได้จริง ไม่เกิน 3-5 ปี ผมว่าคุณคงรวยที่สุดในโลกไปเลย
แม้แต่คนที่เก่งหุ้นที่สุดอย่าง วอเรนต์ บัฟเฟตต์ ยังไม่รู้เลยครับว่า พรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือหุ้นจะลง
สรุป
ผมมองว่า ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาขึ้นหรือขาลงลงก็ไม่มีผล และไม่ควรเอามาเป็นประเด็น ถ้าจะใช้วิธีแบบวีไอ
เพราะจะมองข้ามความผันผวนของราคาระยะสั้น แต่มองยาวๆและประเมินมูลค่าของกิจการไว้แล้ว
ถ้ามันยังมีมูลค่าสูงกว่าราคาหุ้นในกระดานที่ซื้อขายกันอีกมาก ราคาหุ้นมันจะขึ้นจะลง หากเราเข้าใจธุรกิจจริง มองมูลค่ามันออก เราไม่กลัวเลยครับ
สุดท้ายจริงๆแล้ว จะ ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น หรือ ซื้อเฉลี่ยขาลง ถ้าราคาหุ้นตอนนี้ มันยังตํ่ากว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ ผมยินดีทั้งนั้น ไม่เลือกวิธีการครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 9
“A market downturn, doesn't bother us. For us and our long term investors, it is an opportunity to increase our ownership of great companies with great management at good prices. Only for short term investors and market timers is a correction not an opportunity." - Warren Buffett
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 11
เป็นเรื่องปกติครับที่ VI ไม่เห็นด้วยกับการซื้อเฉลี่ยขาขึ้นnavapon เขียน:
สำหรับความเห็นที่ว่า ซื้อขาขึ้นแล้วจะสบายใจกว่า เพราะไม่ต้องทนเห็นตัวแดงๆ
เลยแนะให้ ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น ผมไม่เห็นด้วยกับเหตุผลแบบนี้
คุณแน่ใจเหรอว่า ขณะซื้อเพลินๆอยู่ จะไม่เจอหุ้นพลิกเป็นขาลง
ในระยะสั้น ไม่มีใครเดาได้หรอกว่า หุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่ หรือ มันจะลงเมื่อไหร่ ยกเว้นคุณโกหก
ถ้าเดาได้จริง ไม่เกิน 3-5 ปี ผมว่าคุณคงรวยที่สุดในโลกไปเลย
แม้แต่คนที่เก่งหุ้นที่สุดอย่าง วอเรนต์ บัฟเฟตต์ ยังไม่รู้เลยครับว่า พรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือหุ้นจะลง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้เรื่องนะครับ
บางคน หรือหลายคนที่ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น เขาไม่ได้ซื้อมั่วๆ แต่ซื้อเมื่อหุ้นวิ่งทะลุแนวต้าน
ถ้าหุ้นวิ่งทะลุแนวต้าน แล้วมาพร้อมโวลุ่มหนาๆกว่าปกติ จนมันวิ่งทะลุแนวต้านได้ หมายความว่ามีแรงซื้อมากกว่าปกติ พอทะลุแนวต้านปุ๊บก็เกาะกระแสไปเหมือนกระโดดลงแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวๆ ไม่ต้องว่ายมันก็ไหลไปเองแล้ว
พอมันทะลุแนวต้านก็ซื้อไปเรื่อยๆ พอมาเฉลี่ยต้นทุนแล้วก็ถูกกว่าตลาดเยอะอยู่ดี แล้วพอมันลงทะลุแนวรับก็เหมือนกระแสน้ำเปลี่ยน ก็โดดหนีซะ
แต่ก่อนผมอ่านแต่หนังสือ VI ผมก็เชื่อแบบคุณ navapon
แต่พอผมอ่านหลายแนวมากขึ้น เปิดกว้างมากขึ้นผมก็เข้าใจ
ตัวอย่างมีครับ เซียนหุ้นที่ซื้อเฉลี่ยขาขึ้นแล้วรวย
Nicholas Darvas เล่นจากไม่กี่พันเหรียญกลายเป็น 2 ล้านเหรียญ
นักเทคนิคหลายๆคนไม่ได้ทำนายราคาหุ้นออกมาเป๊ะๆหรอกครับ แต่เขาใช้วิธีเกาะกระแสไปน้ำ Trend Following เคยได้ยินไหมครับ วอเรนท์ บัฟเฟตต์ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ เพราะเขาไม่ได้เล่นแนวนี้ไงครับ เหมือนนักมวย จะให้มาหมุนกลิ้งๆเตะไปเตะมาแบบคาโปเอร่าคงหัวแตก
บางทีสิ่งที่เราไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะครับ แต่บางทีเราอาจจะไม่ได้มอง
http://guimanstock.blogspot.com/
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 12
ผมเห็นด้วยกับการซื้อขาขึ้นนะ
ถ้า เราซื้อขาซ้ายของตัว v เราไม่รู้ bottom
และไม่รู้ว่านานแค่ไหน ทำให้
นอกจากเสียโอกาสด้านเวลาแล้ว
เพิ่มความเสี่ยงจากการถือครองอีก
เสียสุขภาพจิตด้วย
แต่ถ้าเรา ซื้อ จากระยะขาขวาของตัว v หรือ u
จะลดความเสี่ยงได้มากกว่า
ถ้าลากเส้นตรงตัด สองขา ของ v or u
คุณก็ได้ราคาหุ้นเท่ากัน
ทำไมต้องเสี่ยงด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด จะเทพจะเซียนแค่ไหน
ก็มีสิทธิคิดผิด
ถ้าส่วนลึกในใจเลิกคิดจะได้ หุ้นที่ bottom
การซื้อขาขึ้น ก็น่าจะเสี่ยงน้อยกว่า
ถ้าคุณไม่แม่น valuation พอหรือคุณอาจจะ valution ถูก
แต่ตลาดไม่เอาด้วย
ทุกครั้งของการถัวขาลง
คือการเพิ่มนน ความเสียหายในพอร์ท
ปล รู้ทั้งรู้ ผมก็ยังเลิกไม่ค่อยได้
เพราะ ความโลภ มันบังตา
ถ้า เราซื้อขาซ้ายของตัว v เราไม่รู้ bottom
และไม่รู้ว่านานแค่ไหน ทำให้
นอกจากเสียโอกาสด้านเวลาแล้ว
เพิ่มความเสี่ยงจากการถือครองอีก
เสียสุขภาพจิตด้วย
แต่ถ้าเรา ซื้อ จากระยะขาขวาของตัว v หรือ u
จะลดความเสี่ยงได้มากกว่า
ถ้าลากเส้นตรงตัด สองขา ของ v or u
คุณก็ได้ราคาหุ้นเท่ากัน
ทำไมต้องเสี่ยงด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด จะเทพจะเซียนแค่ไหน
ก็มีสิทธิคิดผิด
ถ้าส่วนลึกในใจเลิกคิดจะได้ หุ้นที่ bottom
การซื้อขาขึ้น ก็น่าจะเสี่ยงน้อยกว่า
ถ้าคุณไม่แม่น valuation พอหรือคุณอาจจะ valution ถูก
แต่ตลาดไม่เอาด้วย
ทุกครั้งของการถัวขาลง
คือการเพิ่มนน ความเสียหายในพอร์ท
ปล รู้ทั้งรู้ ผมก็ยังเลิกไม่ค่อยได้
เพราะ ความโลภ มันบังตา
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 15
อ่านแล้วได้ข้อคิดว่าถ้าสนใจจะซื้อหุ้นพื้นฐานดีให้รอราคาลงมาซัก30%ก่อนคับจะได้มีmos
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 16
อิอิ ถนัดซื้อขาลง แต่สุดท้าย ไม่ค่อยได้ขายอะครับ เน่าค้างพอร์ตซะหยั้งงั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย
โพสต์ที่ 17
การซื้อถัวเฉลี่ย(รวมทั้งDCA)ผมคิดว่าสามารถเอาใช้กับอะไรก็ได้ที่เราคิดว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้น(ในระยะกลางหรือยาว)...ถ้าพูดในเชิงกราฟสมัยมัธยมก็ต้องบอกว่าslopeต้องเป็นบวก มันเป็นเพียงวิธีการที่จะทำให้เรามีผลตอบแทนใกล้ค่าเฉลี่ย(หรือลดการเสียโอกาสเช่นหุ้นตก-ซื้อเพิ่ม)ในแนวโน้มอันนั้น..ก็แค่นั้นเอง ไม่ใช่เทคนิคพิศดารอะไร..........ปัญหามันอยู่ที่เราเลือกผิด คิดว่าหุ้นหรือทองหรือXXXXเป็นแนวโน้มขึ้น ผลสุดท้ายกลับราคาอยู่ที่เดิมหรือลดลงกว่าเดิม....ส่วนตัวใช้DCA กับ LTF&RMF.....return...OK เพราะกองทุนเป็นขาขึ้นในระยะกลางทุกตัว ซื้อเต็มแม็คตั้งแต่วันแรกที่กองทุนเกิด...Cut loss สำหรับผม..ไม่มี..ถ้าหุ้นตัวไหนตกแล้วต้องขายทิ้งแสดงว่าวิเคราะห์ไม่ดีเองหรือพื้นฐานเปลี่ยนไปจากเดิม..พื้นฐานไม่เปลี่ยนไม่มีคำว่า CUT LOSS