การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 1
ปี 2556 เป็นปีที่หนึ่งที่ประชาชนซึ่งเป็นผู้ใช้แรงงานทั้งหลายดีใจอย่างยิ่งยวด
ปี 2556 นี้เป็นปีที่ผู้ใช้แรงงานได้เงินค่าจ้างขั้นต่ำในราคา 300 บาททุกจังหวัด ไม่ได้จำกัดสิทธิ์เพียงจังหวัดใหญ่อีกต่อๆ
มาตราการดังกล่าวเป็นมาตราการที่ส่งผลกระทบต่อนายจ้าง ลูกจ้าง ประชาชนทั่วไป และรัฐ เป็นวงกว้าง
ด้านรัฐบาล ได้ผลประโยชน์ด้านลบและด้านลบในตัวนี้ดังนี้
ด้านบวกคือ รัฐได้ภาษีในการจัดเก็บจากประชาชนผู้ทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งประชาชนกลุ่มนี้เป็นประชาชนที่จ่ายภาษีแน่นอนไม่ปวดหัว เพราะบริษัทฯได้ตัดจากเงินเดือนแล้วส่งให้สรรพากรในแต่ละเดือน
แต่เมื่อมีด้านดีแล้วยังมีด้านตรงข้ามคือ รัฐจำเป็นต้องไม่ให้ราคาสินค้าขึ้นในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้อัตราเิงินเฟ้อเพิ่มขึ้นโดยมีอัตราเร่งที่สูงจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศไม่สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปอย่างที่ต้องการ ไม่เีพียงแค่นั้น รัฐยังต้องเสียงบประมาณในการจ้างเงินเดือนข้าราชการ ลูกค้าประจำ และลูกค้าชั่วคราวในอัตราที่สูงกว่าเดิมเพื่อป้องกันโรคสมองไร้จากภาครัฐไปสู่ภาคเอกชนด้วย
มามองด้านบริษัทและเจ้าของกิจการที่มุ่งแสวงหากำไร แค่ปีนี้ (ปี 2555) บริษัทฯก็มีผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่เพียงแค่นั้น บริษัทก็ได้รับแรงกดดันจากผู้ใช้แรงงานในการเพิ่มค่าแรงหรือเงินเดือนระดับล่าง เมื่อแรงงานระดับล่างได้เงินเดือนหรือค่าจ้างเพิ่มขึ้นแล้ว ทำให้พนักงานระดับอื่นๆจำเป็นต้องปรับเงินเดือนหรือค่าแรงเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งค่าแรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนราคาสินค้า แต่ราคาขายสินค้านั้นโดนรัฐกำหนดไว้ ทำให้บริษัทฯก็ไม่สามารถปรับราคาขายได้ เป็นผลทำใ้ห้เจ้าของบริษัทนั้นเห็นท่าทางแล้วทำไปไม่ได้กำไรก็ปิดเสียดีกว่า จุดนี้เองธนาคารบางแห่งก็มีมาตราการช่วยเหลือเจ้าของกิจการให้ปล่อยกู้เงินเพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไป แต่อย่างไงก็ตามก็ต้องดูว่ามาตราการดังกล่าวที่ว่าสามารถช่วยเหลือชะลอการตกงานของพนักงานได้แค่ไหน
นอกเหนือจากมาตราการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อชะลอการปิดกิจการของเจ้าของแล้ว เจ้าของก็ดีดลูกคิดต่อไปว่า ในเมื่อจ่ายค่าแรงวันละ 300 บาทแล้ว เมื่อก่อนจ่ายวันละ 200กว่าบาทนั้นให้สวัสดิแก่พนักงานอะไรบ้าง มีสวัสดิการอันไหนที่สามารถลดหรือตัดทอนได้หรือไม่ ถ้าตัดไ้ด้ก็ตัด ถ้าลดลงได้ลดลงเพื่อกิจการยังคงมีต้นทุนสินค้าที่สามารถแข่งขันกับบริษัทฯอื่นๆได้ แต่อย่างก็ตามบางบริษัทก็ลดพนักงานลง เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องเงินเดือยของพนักงานลง ด้วยก็มี
ผลด้านของประชาชนก็มีให้เห็นได้จากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำคือ มีเงินในกระเป๋าของประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่ใช้แรงงานมากขึ้น มีโอกาสที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นกว่าเดิม มีชีวิตที่ดีขึ้น จากตัววัดเรื่องเงิน แต่อย่างไงก็ตาม การเพิ่มขึ้นของเงินเดือนต้องแลกกับสวัสดิของพนักงานที่ลดลงด้วย
ดังนันการที่ประชาชนได้อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น มีทั้งพลังงานด้านบวกที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินไปข้างหน้า และ ด้านลบที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยสั่นคลอนต่อไปในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันก็ต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์่ต่อไปว่ามาตราการดังกล่าวดีหรือไม่ดี ประชาชนตาดำๆนั้นได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตตามเงินในกระเป๋าประชาชนที่เพิ่มขึ้นต้องติดตามกันต่อไป เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ปี 2556 นี้เป็นปีที่ผู้ใช้แรงงานได้เงินค่าจ้างขั้นต่ำในราคา 300 บาททุกจังหวัด ไม่ได้จำกัดสิทธิ์เพียงจังหวัดใหญ่อีกต่อๆ
มาตราการดังกล่าวเป็นมาตราการที่ส่งผลกระทบต่อนายจ้าง ลูกจ้าง ประชาชนทั่วไป และรัฐ เป็นวงกว้าง
ด้านรัฐบาล ได้ผลประโยชน์ด้านลบและด้านลบในตัวนี้ดังนี้
ด้านบวกคือ รัฐได้ภาษีในการจัดเก็บจากประชาชนผู้ทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งประชาชนกลุ่มนี้เป็นประชาชนที่จ่ายภาษีแน่นอนไม่ปวดหัว เพราะบริษัทฯได้ตัดจากเงินเดือนแล้วส่งให้สรรพากรในแต่ละเดือน
แต่เมื่อมีด้านดีแล้วยังมีด้านตรงข้ามคือ รัฐจำเป็นต้องไม่ให้ราคาสินค้าขึ้นในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้อัตราเิงินเฟ้อเพิ่มขึ้นโดยมีอัตราเร่งที่สูงจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศไม่สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปอย่างที่ต้องการ ไม่เีพียงแค่นั้น รัฐยังต้องเสียงบประมาณในการจ้างเงินเดือนข้าราชการ ลูกค้าประจำ และลูกค้าชั่วคราวในอัตราที่สูงกว่าเดิมเพื่อป้องกันโรคสมองไร้จากภาครัฐไปสู่ภาคเอกชนด้วย
มามองด้านบริษัทและเจ้าของกิจการที่มุ่งแสวงหากำไร แค่ปีนี้ (ปี 2555) บริษัทฯก็มีผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่เพียงแค่นั้น บริษัทก็ได้รับแรงกดดันจากผู้ใช้แรงงานในการเพิ่มค่าแรงหรือเงินเดือนระดับล่าง เมื่อแรงงานระดับล่างได้เงินเดือนหรือค่าจ้างเพิ่มขึ้นแล้ว ทำให้พนักงานระดับอื่นๆจำเป็นต้องปรับเงินเดือนหรือค่าแรงเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งค่าแรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนราคาสินค้า แต่ราคาขายสินค้านั้นโดนรัฐกำหนดไว้ ทำให้บริษัทฯก็ไม่สามารถปรับราคาขายได้ เป็นผลทำใ้ห้เจ้าของบริษัทนั้นเห็นท่าทางแล้วทำไปไม่ได้กำไรก็ปิดเสียดีกว่า จุดนี้เองธนาคารบางแห่งก็มีมาตราการช่วยเหลือเจ้าของกิจการให้ปล่อยกู้เงินเพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไป แต่อย่างไงก็ตามก็ต้องดูว่ามาตราการดังกล่าวที่ว่าสามารถช่วยเหลือชะลอการตกงานของพนักงานได้แค่ไหน
นอกเหนือจากมาตราการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อชะลอการปิดกิจการของเจ้าของแล้ว เจ้าของก็ดีดลูกคิดต่อไปว่า ในเมื่อจ่ายค่าแรงวันละ 300 บาทแล้ว เมื่อก่อนจ่ายวันละ 200กว่าบาทนั้นให้สวัสดิแก่พนักงานอะไรบ้าง มีสวัสดิการอันไหนที่สามารถลดหรือตัดทอนได้หรือไม่ ถ้าตัดไ้ด้ก็ตัด ถ้าลดลงได้ลดลงเพื่อกิจการยังคงมีต้นทุนสินค้าที่สามารถแข่งขันกับบริษัทฯอื่นๆได้ แต่อย่างก็ตามบางบริษัทก็ลดพนักงานลง เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องเงินเดือยของพนักงานลง ด้วยก็มี
ผลด้านของประชาชนก็มีให้เห็นได้จากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำคือ มีเงินในกระเป๋าของประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่ใช้แรงงานมากขึ้น มีโอกาสที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นกว่าเดิม มีชีวิตที่ดีขึ้น จากตัววัดเรื่องเงิน แต่อย่างไงก็ตาม การเพิ่มขึ้นของเงินเดือนต้องแลกกับสวัสดิของพนักงานที่ลดลงด้วย
ดังนันการที่ประชาชนได้อัตราค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น มีทั้งพลังงานด้านบวกที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินไปข้างหน้า และ ด้านลบที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยสั่นคลอนต่อไปในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันก็ต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์่ต่อไปว่ามาตราการดังกล่าวดีหรือไม่ดี ประชาชนตาดำๆนั้นได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตตามเงินในกระเป๋าประชาชนที่เพิ่มขึ้นต้องติดตามกันต่อไป เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 2
บริษัทจดทะเบียนหลายบริษัทด้วยกัน ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่า 300 บาท ส่งผลทางลบมากกว่า
บริษัทนอกตลาดก็คงรับศึกหนักกว่า
น่าคิดนะครับว่า เมื่อประกาศใช้ทั่วประเทศจะเป็นอย่างไร
การเคลื่อนไหวของแรงงานอย่างไร
ผู้ประกอบการจะอยู่กันอย่างไร จะล้มอีกมากน้อยเพียงใด
ค่าครองชีพในต่างจังหวัดจะแพงขึ้นขนาดไหน
ส่วนตัวเห็นว่านโยบายนี้รบกวนตลาด ทำให้ตลาดไม่สมดุลในหลายด้าน สร้างปัญหาทั้งในระยะสั้นและยาวมากกว่าผลดี
บริษัทนอกตลาดก็คงรับศึกหนักกว่า
น่าคิดนะครับว่า เมื่อประกาศใช้ทั่วประเทศจะเป็นอย่างไร
การเคลื่อนไหวของแรงงานอย่างไร
ผู้ประกอบการจะอยู่กันอย่างไร จะล้มอีกมากน้อยเพียงใด
ค่าครองชีพในต่างจังหวัดจะแพงขึ้นขนาดไหน
ส่วนตัวเห็นว่านโยบายนี้รบกวนตลาด ทำให้ตลาดไม่สมดุลในหลายด้าน สร้างปัญหาทั้งในระยะสั้นและยาวมากกว่าผลดี
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 3
เห็นด้วยกับพี่กาละมังครับในเรื่องของการรบกวนสมดุลในหลายๆด้าน
ก็คงคล้ายๆการปฎิวัติเล็กๆนะครับ คงต้องมีการล้มหายตายจากกันไปบ้าง
แต่หลังจากสมดุลใหม่เกิดขึ้น ภาพความดีความร้ายคงปรากฎชัดขึ้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมชอบก็คือ โครงสร้างธุรกิจที่จะเปลี่ยนไป จากที่เราเคยอิงแต่การจ้างงานราคาถูก
Firmถูกบังคับให้จ่ายแพงโดยอัตโนมัติ firmที่ไม่มีความสามารถในการจ่าย ก็จะต้องหายสาบสูญไป
เมื่อดีมานการจ้างงานน้อยลง แต่ซัพพลายไม่ลด ก็เป็นโอกาสของfirm ในการเลือกคนที่มีคุณภาพ
คนที่ไม่มีประสิทธิภาพก็ต้องอยู่นอกระบบ300บาท จะไปขายขนมครก ลูกชิ้น หรือเป็นขอทานก็แล้วแต่จะเลือก
อีกจุดหนึีงที่ผมเห็นว่าจะได้รับอานิสงค์บวกก็คือต่างจังหวัด การบริโภคจะสูงขึ้น ธุรกิจจะผุดขึ้นสอดรับการบริโภค ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกรุงกับตจว.จะแคบลง แรงจูงใจในการเข้าเมืองมาหากิน จะน้อยลงกว่าอดีต และผมอยากให้ผลกระทบนี้ลามไปถึงการศึกษา อยากให้ตจว.มีสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพเกิดขึ้นมากๆ ตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม ยันอุดมศึกษา
ก็เป็นมุมมองหนึ่งของคนๆหนึ่ง
ปล. สวัสดีครับพี่กาละมัง คงจำกันได้นะครับ ที่พี่ตั้งคำถามให้ผมเลือกหุ้นวันoppday simatน่ะครับ
ก็คงคล้ายๆการปฎิวัติเล็กๆนะครับ คงต้องมีการล้มหายตายจากกันไปบ้าง
แต่หลังจากสมดุลใหม่เกิดขึ้น ภาพความดีความร้ายคงปรากฎชัดขึ้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมชอบก็คือ โครงสร้างธุรกิจที่จะเปลี่ยนไป จากที่เราเคยอิงแต่การจ้างงานราคาถูก
Firmถูกบังคับให้จ่ายแพงโดยอัตโนมัติ firmที่ไม่มีความสามารถในการจ่าย ก็จะต้องหายสาบสูญไป
เมื่อดีมานการจ้างงานน้อยลง แต่ซัพพลายไม่ลด ก็เป็นโอกาสของfirm ในการเลือกคนที่มีคุณภาพ
คนที่ไม่มีประสิทธิภาพก็ต้องอยู่นอกระบบ300บาท จะไปขายขนมครก ลูกชิ้น หรือเป็นขอทานก็แล้วแต่จะเลือก
อีกจุดหนึีงที่ผมเห็นว่าจะได้รับอานิสงค์บวกก็คือต่างจังหวัด การบริโภคจะสูงขึ้น ธุรกิจจะผุดขึ้นสอดรับการบริโภค ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกรุงกับตจว.จะแคบลง แรงจูงใจในการเข้าเมืองมาหากิน จะน้อยลงกว่าอดีต และผมอยากให้ผลกระทบนี้ลามไปถึงการศึกษา อยากให้ตจว.มีสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพเกิดขึ้นมากๆ ตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม ยันอุดมศึกษา
ก็เป็นมุมมองหนึ่งของคนๆหนึ่ง
ปล. สวัสดีครับพี่กาละมัง คงจำกันได้นะครับ ที่พี่ตั้งคำถามให้ผมเลือกหุ้นวันoppday simatน่ะครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 5
คุณเห็นค่าของมนุษย์ต่ำไปหรือเปล่า ด้วยค่าแรงปัจจุบันพนักงานค่าแรงขั้นต่ำ ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง + โอที รายได้ยังไม่พอความต้องการพื้นฐานแล้วจะเอาอารมณ์ที่ไหนไปเสริมความรู้พัฒนา productivity ของตัวเอง และสร้างลูกหลานให้มีคุณภาพ มันก็เป็นวงจร "โง่ จน เจ็บ" อย่างนี้แหละ
ในขณะที่ อเมริกา ทำงานล้างจานต๊อกต๋อยค่าแรงขั้นต่ำก็ยังมีรายได้พอความต้องการพื้นฐาน ส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัยได้ มีข้าวกิน มีรถขับ ฯลฯ
ค่าแรง 300 คุณอาจมองว่าทำให้กำไรของบริษัทคุณหายไปหลายล้าน แต่ด้วยเงินค่าแรงที่เพิ่มขึ้นผมมองว่า โอกาสที่ผู้ใช้แรงงานตาดำๆ และครอบครัวได้ลืมตาอ้าปาก เงินเพิ่ม รายได้เพิ่ม คุณภาพชีวิตดีๆที่เพิ่มขึ้น ครับ
ในขณะที่ อเมริกา ทำงานล้างจานต๊อกต๋อยค่าแรงขั้นต่ำก็ยังมีรายได้พอความต้องการพื้นฐาน ส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัยได้ มีข้าวกิน มีรถขับ ฯลฯ
ค่าแรง 300 คุณอาจมองว่าทำให้กำไรของบริษัทคุณหายไปหลายล้าน แต่ด้วยเงินค่าแรงที่เพิ่มขึ้นผมมองว่า โอกาสที่ผู้ใช้แรงงานตาดำๆ และครอบครัวได้ลืมตาอ้าปาก เงินเพิ่ม รายได้เพิ่ม คุณภาพชีวิตดีๆที่เพิ่มขึ้น ครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 6
ส่วนตัวผมคิดว่าการขึ้นค่าแรง น่าจะมีผลในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นครับ เพราะการขึ้นค่าแรงก็มีการขึ้นมาตลอด ซึ่งพอมีการปรับตัวได้ในส่วนของผู้ประกอบการ ก็คงจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบอะไรมากนัก ซ่ำระยะยาวก็อาจจะเป็นผลดีเพราะ ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็ต้องปรับราคาขึ้นด้วยและสุดท้ายก็เข้าหาสมดุลได้เองครับ ค่าแรงขึ้น คนมีรายได้มากขึ้น สินค้าก็ขึ้นราคา
แต่ที่ผมเป็นห่วง คือ การเปิดเสรี อาเซียน ที่ภาคแรงงานจะสามารถเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างอิสระ ผมว่าภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าว ผมว่ามีผลมากครับ โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศพม่า. พม่าในช่วงเวลานี้มีการพัฒนาขนานใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งความต้องการด้านแรงงานในพม่าจะต้องสูงขึ้นอีกมาก ค่าแรงก็คงต้องปรับสูงขึ้นเพื่อจูงใจแรงงานต่างๆ อีกทั้งแรงงานพม่าที่มีคุณภาพ ส่วนมากก็เคยทำงานในไทยมาก่อน ซึ่งเป็นการช่วยฝึกทักษะให้กับแรงงานต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งถ้าค่าแรงในพม่ากับไปมีช่วงแคบลง ผมว่าแรงงานพม่าในไทยคงย้ายกลับไป อย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับครอบครัว และบ้านเกิดไม่ต้องมาเป็นบุคคลชั้น2 ในไทย.
และอีกประเด้นที่ผมว่าจะเป็นตัวเร่ง คือ ถ้า ออง ซาน ซูจี ลงสมัครรับเลือกตั้งผมว่าแรงงานในไทยคงย้ายกลับเกือบหมด เพราะแรงงานส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของ ออง ซาน ซูจี และประชาชนพม่าก็รอเวลาที่ประเทศของเค้าจะได้ประชาธิปไตย ในแบบที่ชาวพม่าต้องการเสียที ผมจึงคิดว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้ น่าจะทำให้หลายๆอุตสาหกรรมของไทย ต้องตกที่นั่งลำบากครับ บาง บริษัท ผมเห็นใช้แรงงานพม่าในการผลิตมาถึง70%. น่าห่วงนะครับเรื่องแรงงานเนี้ย
แต่ที่ผมเป็นห่วง คือ การเปิดเสรี อาเซียน ที่ภาคแรงงานจะสามารถเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างอิสระ ผมว่าภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าว ผมว่ามีผลมากครับ โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศพม่า. พม่าในช่วงเวลานี้มีการพัฒนาขนานใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งความต้องการด้านแรงงานในพม่าจะต้องสูงขึ้นอีกมาก ค่าแรงก็คงต้องปรับสูงขึ้นเพื่อจูงใจแรงงานต่างๆ อีกทั้งแรงงานพม่าที่มีคุณภาพ ส่วนมากก็เคยทำงานในไทยมาก่อน ซึ่งเป็นการช่วยฝึกทักษะให้กับแรงงานต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งถ้าค่าแรงในพม่ากับไปมีช่วงแคบลง ผมว่าแรงงานพม่าในไทยคงย้ายกลับไป อย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับครอบครัว และบ้านเกิดไม่ต้องมาเป็นบุคคลชั้น2 ในไทย.
และอีกประเด้นที่ผมว่าจะเป็นตัวเร่ง คือ ถ้า ออง ซาน ซูจี ลงสมัครรับเลือกตั้งผมว่าแรงงานในไทยคงย้ายกลับเกือบหมด เพราะแรงงานส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของ ออง ซาน ซูจี และประชาชนพม่าก็รอเวลาที่ประเทศของเค้าจะได้ประชาธิปไตย ในแบบที่ชาวพม่าต้องการเสียที ผมจึงคิดว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้ น่าจะทำให้หลายๆอุตสาหกรรมของไทย ต้องตกที่นั่งลำบากครับ บาง บริษัท ผมเห็นใช้แรงงานพม่าในการผลิตมาถึง70%. น่าห่วงนะครับเรื่องแรงงานเนี้ย
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 7
ควรปล่อยให้ไปเป็นตามกลไก
ไม่ควรไป บิดเบือนอย่างรุนแรง
productivity จะฉุดค่าแรงเอง
แต่ถ้าproductivity ตามไม่ทัน
มันก็สะท้อนไปที่เงินเฟ้อ ข้าวของแพง
ตัวอย่างสุดโต่งก็อย่างหนังเรื่อง in time
ขนาดแม่ผมการศึกษาไม่ได้สูงมาก
ยังดูออกว่า ข้าวของจะแพงขึ้น
ไม่ควรไป บิดเบือนอย่างรุนแรง
productivity จะฉุดค่าแรงเอง
แต่ถ้าproductivity ตามไม่ทัน
มันก็สะท้อนไปที่เงินเฟ้อ ข้าวของแพง
ตัวอย่างสุดโต่งก็อย่างหนังเรื่อง in time
ขนาดแม่ผมการศึกษาไม่ได้สูงมาก
ยังดูออกว่า ข้าวของจะแพงขึ้น
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 9
โพสท์แบบนี้แปลว่าไม่เคยอยู่ในฐานะผู้ประกอบการเลยไม่เข้าใจ ผู้ประกอบการ(รวมทั้งกิจการที่บ้านผมด้วย)พร้อมขึ้นให้อยู่แล้วครับหรือจะมากกว่านี้ก็ได้ถ้าproductivityถึง ความสามารถถึง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ บางตรงๆว่าเวลานึกถึงแรงงานทำให้ผมนึกถึงคำว่า โลภเกินความรู้ เหมือนกันนะpat4310 เขียน:คุณเห็นค่าของมนุษย์ต่ำไปหรือเปล่า ด้วยค่าแรงปัจจุบันพนักงานค่าแรงขั้นต่ำ ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง + โอที รายได้ยังไม่พอความต้องการพื้นฐานแล้วจะเอาอารมณ์ที่ไหนไปเสริมความรู้พัฒนา productivity ของตัวเอง และสร้างลูกหลานให้มีคุณภาพ มันก็เป็นวงจร "โง่ จน เจ็บ" อย่างนี้แหละ
ในขณะที่ อเมริกา ทำงานล้างจานต๊อกต๋อยค่าแรงขั้นต่ำก็ยังมีรายได้พอความต้องการพื้นฐาน ส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัยได้ มีข้าวกิน มีรถขับ ฯลฯ
ค่าแรง 300 คุณอาจมองว่าทำให้กำไรของบริษัทคุณหายไปหลายล้าน แต่ด้วยเงินค่าแรงที่เพิ่มขึ้นผมมองว่า โอกาสที่ผู้ใช้แรงงานตาดำๆ และครอบครัวได้ลืมตาอ้าปาก เงินเพิ่ม รายได้เพิ่ม คุณภาพชีวิตดีๆที่เพิ่มขึ้น ครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 10
ช่วงเปลี่ยนผ่าน และปรับตัวธุรกิจ อาจจะยากลำบากอยู่ระยะหนึ่งแน่นอน แต่โดยรวมระยะยาว หลังการปรับตัว ก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม
ผมคิดว่าเจ้าของกิจการที่มีความมุ่งมั่น มีความสามารถ ก็จะหาช่องทางทำมาหากินกันได้ต่อไปในที่สุด หากรุนแรงหน่อยอาจถึงขั้นเลิกธุรกิจเดิมไปสักพักหรือชั่วคราว ปล่อยให้ผู้ที่สามารถทำได้ดีก็จะทำต่อไป (ผู้ที่ปรับตัวได้ดีกว่า)
หลังจากที่เลิกธุรกิจเดิม ถ้าเป็นคนที่มีนิสัยชอบทำธุรกิจ ก็อาจจะอยู่นิ่งๆได้ไม่นานนัก เมื่อเห็นช่องทางใหม่ๆที่คิดว่าทำแล้วมีระดับกำไรเป็นที่พอใจ ก็จะลงทุนใหม่อีกอย่างแน่นอน ก็จะเกิดงานใหม่ตามมาในที่สุด(ในธุรกิจตัวใหม่)
แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านและปรับตัว ต้องมีแรงต่อต้านบ้างแน่นอน เพราะไม่มีใครอยากเห็นกำไรที่ลดลงหรือเหนื่อยมากขึ้นเพื่อจะได้กำไรเท่าเดิม
ผมคิดว่าเจ้าของกิจการที่มีความมุ่งมั่น มีความสามารถ ก็จะหาช่องทางทำมาหากินกันได้ต่อไปในที่สุด หากรุนแรงหน่อยอาจถึงขั้นเลิกธุรกิจเดิมไปสักพักหรือชั่วคราว ปล่อยให้ผู้ที่สามารถทำได้ดีก็จะทำต่อไป (ผู้ที่ปรับตัวได้ดีกว่า)
หลังจากที่เลิกธุรกิจเดิม ถ้าเป็นคนที่มีนิสัยชอบทำธุรกิจ ก็อาจจะอยู่นิ่งๆได้ไม่นานนัก เมื่อเห็นช่องทางใหม่ๆที่คิดว่าทำแล้วมีระดับกำไรเป็นที่พอใจ ก็จะลงทุนใหม่อีกอย่างแน่นอน ก็จะเกิดงานใหม่ตามมาในที่สุด(ในธุรกิจตัวใหม่)
แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านและปรับตัว ต้องมีแรงต่อต้านบ้างแน่นอน เพราะไม่มีใครอยากเห็นกำไรที่ลดลงหรือเหนื่อยมากขึ้นเพื่อจะได้กำไรเท่าเดิม
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 11
การเปลี่ยนแปลงรอบนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จุดที่เรียกว่าแกนกลางของธุรกิจ
แถมธุรกิจทุกตัวกระทบด้วย เพราะแรงงานระดับล่างนั้นรัฐบังคับโดยใช้กฏระเบียบในการจ่ายเงินค่าจ้างขั้นต่ำ
ดังนั้น หากธุรกิจไหนไม่ปรับค่าจ้างให้แก่บุคคลากรในองค์กร บุคคลากรในองค์ก็ขาดซึ่งแรงจูงใจด้วย
แต่ถ้าปรับทั้งระบบก็มีผลกระทบต่อเนื่องในการที่ ผลผลิตควรที่พึ่งพาแรงงานน้อยลง ใช้เทคโนโลยี่ให้มากขึ้นจากเดิมที่ใช้แรงงานคนอย่างเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น สิ่งทอ อาหารกระป๋อง SME เป็นต้น
เมื่อการขึ้นค่าแรงมีผลทำให้ผู้ใช้แรงงานลดลง สะท้อนให้เห็นในตัวเลขของอัตราการว่างงาน
เมื่อก่อนนี้อัตราการว่างงานของไทยน้อยมากคือ <1% เพราะคำนิยามที่ว่า คนทำงานทำงานอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ก็ถือว่าเป็นคนทำงาน ดังนั้นถ้าหากอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นไป 1% กว่าหรือ 2% อันนี้น่าคิดแล้วเกิดอะไรขึ้น
เห็นตัวเลขอย่างเดียว มันตีความหมายว่าอัตราการว่างงานน้อยจัง แต่จริงๆอ่านใส่ในด้วย อาจจะเจอซาลาเปาไส้ถุงยางอนามัยก็ได้ละ ทานลงไหมละ หรือ ขนมปังไส้เข็มล่ะ
แถมธุรกิจทุกตัวกระทบด้วย เพราะแรงงานระดับล่างนั้นรัฐบังคับโดยใช้กฏระเบียบในการจ่ายเงินค่าจ้างขั้นต่ำ
ดังนั้น หากธุรกิจไหนไม่ปรับค่าจ้างให้แก่บุคคลากรในองค์กร บุคคลากรในองค์ก็ขาดซึ่งแรงจูงใจด้วย
แต่ถ้าปรับทั้งระบบก็มีผลกระทบต่อเนื่องในการที่ ผลผลิตควรที่พึ่งพาแรงงานน้อยลง ใช้เทคโนโลยี่ให้มากขึ้นจากเดิมที่ใช้แรงงานคนอย่างเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น สิ่งทอ อาหารกระป๋อง SME เป็นต้น
เมื่อการขึ้นค่าแรงมีผลทำให้ผู้ใช้แรงงานลดลง สะท้อนให้เห็นในตัวเลขของอัตราการว่างงาน
เมื่อก่อนนี้อัตราการว่างงานของไทยน้อยมากคือ <1% เพราะคำนิยามที่ว่า คนทำงานทำงานอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ก็ถือว่าเป็นคนทำงาน ดังนั้นถ้าหากอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นไป 1% กว่าหรือ 2% อันนี้น่าคิดแล้วเกิดอะไรขึ้น
เห็นตัวเลขอย่างเดียว มันตีความหมายว่าอัตราการว่างงานน้อยจัง แต่จริงๆอ่านใส่ในด้วย อาจจะเจอซาลาเปาไส้ถุงยางอนามัยก็ได้ละ ทานลงไหมละ หรือ ขนมปังไส้เข็มล่ะ
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเิพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
โพสต์ที่ 12
ความรู้น้อยนะครับ แต่ความคิดผมถ้าจะมีการปรับค่าแรงโดยไม่อยู่บน
พื้นฐานของเหตุผล ( การเมืองล้วน ๆ ) เดือดร้อนแน่ครับแรงงาน แทน
ที่จะปรับแบบไม่มีหลักเกณฑ์ รัฐบาลควรควบคุมหรือช่วยเหลือเรื่องค่า
ใช้จ่ายไม่ดีกว่าหรือ ( ถ้ามีสมองคิด ) ผมไม่เคยไปต่างประเทศครับแต่
อยากจะลองเปรียบเทียบตามความเข้าใจของผมนะครับ
1. เมืองไทย
- ค่าข้าวต่อมื้อก่อนประกาศปรับค่าแรง 25 - 30 บาท
- ค่าข้าวต่อมื้อหลังประกาศปรับค่าแรง 35 - 40 บาท ( ปรับทันที )
- ค่าใช้จ่ายปรับขึ้นประมาณ ( 100 x 35 ) / 30 = 16.6 % ( ต่อมื้อโดยประมาณ )
- ค่าใช้จ่ายต่อวันเทียบกับรายได้ ( 100 * 105 ) / 300 = 35 %
- แรงงานมีค่าใช้จ่าย + 35 % ของค่าแรงไม่รวมค่าเดินทางต่อวัน
- แรงงานมีรายได้ต่อ ชม.ประมาณ 37.50 บาท ( ทำงาน 1 ชม.กินข้าวได้ 1 จาน )
- ขอโทษครับ เลิกงานจน กลุ้มใจกินเหล้ามันทุกวัน
2. อเมริกา ( เท่าที่รู้ ข้อมูลอาจผิดแบบมหาศาล )
- ค่าแรงประมาณ ชม.ละ 8 เหรียญ วันละ 64 เหรียญ
- ค่าอาหารต่อมื้อผมให้มือละ 4 เหรียญ ( ไม่รู้จริง ๆ ครับว่าเท่าไหร่ )
- ค่าอาหารต่อวัน + 18.75 % ของค่า่แรง
- ทำงาน 1 ชม. กินข้าวได้ 2 จาน
หลาย ๆ คนชอบพูดถึงความเป็นธรรมเรื่องค่าจ้าง ถามหน่อยเถอะครับถ้าอยากได้เยอะ ๆ ไม่ต้องเอาค่าจ้างได้ใหมตกลงกันแบบหุ้นส่วนเลย คิดเป็นหุ้นไปเลยตามความสามารถ ( ตีค่าแรงเป็นหุ้นไปเลย ) ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งแต่ต้นเลย ช่วงแรก
กิจการอาจขาดทุนคุณก็ไปหากินกันเอาเอง แต่งานต้องทำหยุดไม่ได้มีกำไรมาแบ่งกัน ทนไม่ไหวก็เดินออกไปจบกัน ขอร้องเถอะครับไม่มีใครบังคับคุณต้องมาทำงานถ้าคิดว่ามีความสามารถก็เรียกค่าตัวมาเก่งจริงคุณก็ได้ตามนั้น ส่วนมากเท่าที่ผมเห็นคือคุณก็ได้ตามที่เรียก ( ตอนสมัครงาน ) พอท้องอิ่มก็เริ่มเรียกร้องทั้ง ๆ
ที่ผลงานไม่เคยได้เพิ่มขึ้นจากตอนมาสมัครงานเลย ผมก็ลูกจ้างแต่ผมคิดว่าความ
ยุติธรรมคือสิ่งที่คุณได้ตามที่คุณเรียกร้องตอนสมัครงาน ถ้าอยากได้เพิ่มคุณก็ต้องมีผลงานและความสามารถเพิ่ม คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ควรจะไปเริ่มต้นที่ ๆ
ใหม่ทุกที่ต้องการคนเก่ง เก่งจริงไม่ต้องโวยครับ
พื้นฐานของเหตุผล ( การเมืองล้วน ๆ ) เดือดร้อนแน่ครับแรงงาน แทน
ที่จะปรับแบบไม่มีหลักเกณฑ์ รัฐบาลควรควบคุมหรือช่วยเหลือเรื่องค่า
ใช้จ่ายไม่ดีกว่าหรือ ( ถ้ามีสมองคิด ) ผมไม่เคยไปต่างประเทศครับแต่
อยากจะลองเปรียบเทียบตามความเข้าใจของผมนะครับ
1. เมืองไทย
- ค่าข้าวต่อมื้อก่อนประกาศปรับค่าแรง 25 - 30 บาท
- ค่าข้าวต่อมื้อหลังประกาศปรับค่าแรง 35 - 40 บาท ( ปรับทันที )
- ค่าใช้จ่ายปรับขึ้นประมาณ ( 100 x 35 ) / 30 = 16.6 % ( ต่อมื้อโดยประมาณ )
- ค่าใช้จ่ายต่อวันเทียบกับรายได้ ( 100 * 105 ) / 300 = 35 %
- แรงงานมีค่าใช้จ่าย + 35 % ของค่าแรงไม่รวมค่าเดินทางต่อวัน
- แรงงานมีรายได้ต่อ ชม.ประมาณ 37.50 บาท ( ทำงาน 1 ชม.กินข้าวได้ 1 จาน )
- ขอโทษครับ เลิกงานจน กลุ้มใจกินเหล้ามันทุกวัน
2. อเมริกา ( เท่าที่รู้ ข้อมูลอาจผิดแบบมหาศาล )
- ค่าแรงประมาณ ชม.ละ 8 เหรียญ วันละ 64 เหรียญ
- ค่าอาหารต่อมื้อผมให้มือละ 4 เหรียญ ( ไม่รู้จริง ๆ ครับว่าเท่าไหร่ )
- ค่าอาหารต่อวัน + 18.75 % ของค่า่แรง
- ทำงาน 1 ชม. กินข้าวได้ 2 จาน
หลาย ๆ คนชอบพูดถึงความเป็นธรรมเรื่องค่าจ้าง ถามหน่อยเถอะครับถ้าอยากได้เยอะ ๆ ไม่ต้องเอาค่าจ้างได้ใหมตกลงกันแบบหุ้นส่วนเลย คิดเป็นหุ้นไปเลยตามความสามารถ ( ตีค่าแรงเป็นหุ้นไปเลย ) ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งแต่ต้นเลย ช่วงแรก
กิจการอาจขาดทุนคุณก็ไปหากินกันเอาเอง แต่งานต้องทำหยุดไม่ได้มีกำไรมาแบ่งกัน ทนไม่ไหวก็เดินออกไปจบกัน ขอร้องเถอะครับไม่มีใครบังคับคุณต้องมาทำงานถ้าคิดว่ามีความสามารถก็เรียกค่าตัวมาเก่งจริงคุณก็ได้ตามนั้น ส่วนมากเท่าที่ผมเห็นคือคุณก็ได้ตามที่เรียก ( ตอนสมัครงาน ) พอท้องอิ่มก็เริ่มเรียกร้องทั้ง ๆ
ที่ผลงานไม่เคยได้เพิ่มขึ้นจากตอนมาสมัครงานเลย ผมก็ลูกจ้างแต่ผมคิดว่าความ
ยุติธรรมคือสิ่งที่คุณได้ตามที่คุณเรียกร้องตอนสมัครงาน ถ้าอยากได้เพิ่มคุณก็ต้องมีผลงานและความสามารถเพิ่ม คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ควรจะไปเริ่มต้นที่ ๆ
ใหม่ทุกที่ต้องการคนเก่ง เก่งจริงไม่ต้องโวยครับ