หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
-
- Verified User
- โพสต์: 269
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 1
นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า มนุษย์ช่างเลือก และมีเหตุผล(Rational) แปลว่า มนุษย์ มักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
ผม เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เพราะ ผมว่าคนเรามีทั้งส่วนที่เป็นเหตุผล และส่วนที่ใช้อารมณ์
ผมว่าผมเห็นหลายต่อหลายครั้ง แล้ว
เช่น1) ลูกอยากเรียนอย่างนึงเพราะใจรักชอบ แต่ว่าพ่อแม่ไม่อยากให้เรียน อาจเพราะเรียนไปแล้วไม่ทำเงิน เรียนไปแล้ว มีโอกาส ลำบากในอนาคต หรืออะไรก็แล้วแต่
ถ้ามองในมุมของลูก ลูกไม่มีเหตุผลหรือไง ถึงยังอยากจะเรียนทั้งที่พ่อแม่ ก็บอกเหตุผลที่ไม่อยากให้เรียน (สมมติว่าลูกเองก็เห็นด้วยและเข้าใจกับเหตุผลของพ่อแม่) แต่ก็ยังอยากเรียนเพราะอยากเรียนล้วนๆ ไม่ได้มีเหตุผล
ถ้ามองในมุมพ่อแม่ เป็นผู้ใหญ่กว่า ผ่านโลกมากกว่า และหวังดีกับลูกอย่างจริงๆ อยากให้ลูกได้ทางเลือกที่ดีที่สุด (เพราะว่ามองแล้วว่าทางที่ลูกกำลังจะเดิน มันมีโอกาสไม่ค่อยดีในอนาคต)
2) ลูกของเราเลือกแฟน คนที่พ่อแม่ไม่ชอบ เพราะพ่อแม่รู้นิสัย พื้นเพ ฯลฯของลูกดี และรู้ว่าแฟนของลูก เข้ากันไม่ได้หรอก ฐานะก็ไม่ใช่ สังคมก็ไม่ได้ อะไรก็แล้วแต่ คล้ายๆในหนังที่พระเอกไปรักนางเอกข้างถนน แล้วถูกกีดกัน ประมาณนั้น
ถ้ามองในมุมของลูก ลูกทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ ยังจะคบคนนี้ต่อ ทั้งที่พ่อแม่ก็บอกเหตุผลที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ ให้(สมมติ ลูกก็เห็นด้วยและเข้าใจกับเหตุผล ของพ่อแม่) แต่ก็ยังรักที่จะคบต่อ เพราะอยากคบล้วนๆ ไม่มีเหตุผล
ถ้ามองในมุมพ่อแม่ พ่อแม่เลี้ยงดูมาด้วยความรัก เลี้ยงมาอย่างดี ย่อมอยากให้ลูกได้แฟนที่ดี ที่เหมาะสมที่สุด
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริง ทั้งที่ผมเห็นมา และได้เจอกับตัวเองก็มี
ถ้าถึงจุดหนึ่ง ที่ หัวใจ กับ สมอง เลือกคนละทาง เราจะเลือกอย่างไหน
คนเรา ควรทำตามหัวใจ โดยไม่สนเหตุผล
หรือ เอาแต่เหตุผลเข้าว่า หัวใจไม่ต้องสนใจ
เพราะหัวใจไม่มีสมอง หรือ สมองไม่มีหัวใจ
ผมว่า ผมกำลังสับสน คือ ผมรู้ว่ายังไงระยะยาวเหตุผลมักจะถูกกว่า อารมณ์
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่า แล้วคนเราจะมีความรู้สึก มีอารมณ์ไปทำไม
ก็แค่ยึดตามเหตุผลก็พอ
พักนี้ หลายครั้ง ผมรู้สึกว่าอยากทำทั้งที่ไม่ถูกตามเหตุผล หรือ ทำตามเหตุผลแต่ขัดใจตัวเอง สับสนครับ
ผม เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เพราะ ผมว่าคนเรามีทั้งส่วนที่เป็นเหตุผล และส่วนที่ใช้อารมณ์
ผมว่าผมเห็นหลายต่อหลายครั้ง แล้ว
เช่น1) ลูกอยากเรียนอย่างนึงเพราะใจรักชอบ แต่ว่าพ่อแม่ไม่อยากให้เรียน อาจเพราะเรียนไปแล้วไม่ทำเงิน เรียนไปแล้ว มีโอกาส ลำบากในอนาคต หรืออะไรก็แล้วแต่
ถ้ามองในมุมของลูก ลูกไม่มีเหตุผลหรือไง ถึงยังอยากจะเรียนทั้งที่พ่อแม่ ก็บอกเหตุผลที่ไม่อยากให้เรียน (สมมติว่าลูกเองก็เห็นด้วยและเข้าใจกับเหตุผลของพ่อแม่) แต่ก็ยังอยากเรียนเพราะอยากเรียนล้วนๆ ไม่ได้มีเหตุผล
ถ้ามองในมุมพ่อแม่ เป็นผู้ใหญ่กว่า ผ่านโลกมากกว่า และหวังดีกับลูกอย่างจริงๆ อยากให้ลูกได้ทางเลือกที่ดีที่สุด (เพราะว่ามองแล้วว่าทางที่ลูกกำลังจะเดิน มันมีโอกาสไม่ค่อยดีในอนาคต)
2) ลูกของเราเลือกแฟน คนที่พ่อแม่ไม่ชอบ เพราะพ่อแม่รู้นิสัย พื้นเพ ฯลฯของลูกดี และรู้ว่าแฟนของลูก เข้ากันไม่ได้หรอก ฐานะก็ไม่ใช่ สังคมก็ไม่ได้ อะไรก็แล้วแต่ คล้ายๆในหนังที่พระเอกไปรักนางเอกข้างถนน แล้วถูกกีดกัน ประมาณนั้น
ถ้ามองในมุมของลูก ลูกทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ ยังจะคบคนนี้ต่อ ทั้งที่พ่อแม่ก็บอกเหตุผลที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ ให้(สมมติ ลูกก็เห็นด้วยและเข้าใจกับเหตุผล ของพ่อแม่) แต่ก็ยังรักที่จะคบต่อ เพราะอยากคบล้วนๆ ไม่มีเหตุผล
ถ้ามองในมุมพ่อแม่ พ่อแม่เลี้ยงดูมาด้วยความรัก เลี้ยงมาอย่างดี ย่อมอยากให้ลูกได้แฟนที่ดี ที่เหมาะสมที่สุด
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริง ทั้งที่ผมเห็นมา และได้เจอกับตัวเองก็มี
ถ้าถึงจุดหนึ่ง ที่ หัวใจ กับ สมอง เลือกคนละทาง เราจะเลือกอย่างไหน
คนเรา ควรทำตามหัวใจ โดยไม่สนเหตุผล
หรือ เอาแต่เหตุผลเข้าว่า หัวใจไม่ต้องสนใจ
เพราะหัวใจไม่มีสมอง หรือ สมองไม่มีหัวใจ
ผมว่า ผมกำลังสับสน คือ ผมรู้ว่ายังไงระยะยาวเหตุผลมักจะถูกกว่า อารมณ์
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่า แล้วคนเราจะมีความรู้สึก มีอารมณ์ไปทำไม
ก็แค่ยึดตามเหตุผลก็พอ
พักนี้ หลายครั้ง ผมรู้สึกว่าอยากทำทั้งที่ไม่ถูกตามเหตุผล หรือ ทำตามเหตุผลแต่ขัดใจตัวเอง สับสนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 269
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 2
บรรทัด สุดท้าย อยากแก้หน่อยครับ
พักนี้ หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าผมอยากทำทั้งที่เหตุผลที่จะไม่ควรทำมีมากมาย แต่ก็ยังอยากทำ
และหลายครั้ง ที่ต้องทำตามเหตุผลทั้งที่ขัดใจ ครับ
มาบ่นอะไรไม่รุ้ ไม่รู้มีใครเคยเป็นเหมือนผมมั้ย ไม่สมควรขอโทษด้วยนะครับ
พักนี้ หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าผมอยากทำทั้งที่เหตุผลที่จะไม่ควรทำมีมากมาย แต่ก็ยังอยากทำ
และหลายครั้ง ที่ต้องทำตามเหตุผลทั้งที่ขัดใจ ครับ
มาบ่นอะไรไม่รุ้ ไม่รู้มีใครเคยเป็นเหมือนผมมั้ย ไม่สมควรขอโทษด้วยนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 3
เป็นเหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยบ่อย
เพราะว่า
ทำตามใจครับ แต่ใช้เหตุผลรองรับ
ไม่ทำตามอารมณ์ ( พยายามไม่ทำตามอารมณ์ )
เมื่อทำตามใจแล้ว ก็จะอยู่กับตัวเองได้
บ่อยครั้งที่ทำตามเหตุผลแล้ว
ต้องกลับมานั่งเสียใจ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลง และเหตุผลรอบด้านเริ่มเปลี่ยนไป
ทำให้กลับมาคิดว่า ทำไม่ไม่ทำตามใจ
ซึ่งการทำตามใจนั้น ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ไม่ดี
เราก็ต้องทำตาใจ ในลักษณะทำดี
คือ
1. ไม่ผิดกฎหมาย
2. ไม่ผิดศิล
3. ไม่ผิดธรรม
เรื่องเหตุผลเรื่องรองครับ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป เหตุผลย่อมเปลี่ยนไปเสมอ
เรื่อง ลูกคิดอย่างไร พ่อแม่ก็มีสิทธิ์เตือนได้เรื่อยๆ เพราะประสบการณ์มากกว่า แต่ ก็ต้องให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่ง พ่อแม่อาจจะไม่เข้าใจ แต่อย่าคิดว่า ลูกทำไปโดยไร้เหตุผล พ่อแม่ อาจจะเข้าใจไปเองว่าไม่มีเหตุผล
มองในมุมลูกที่โตแล้ว และเลือกแฟน พ่อแม่เตือนก็เป็นสิ่งที่ดี ทางที่ดีให้เวลา ผ่านไปสักพัก นานๆ แล้วให้ทุกอย่าง เบาลง หมายถึง อารมณ์ของทุกฝ่ายเบาลง ความจริงก็จะปรากฎ ว่า สิ่งที่พ่อแม่เตือนนั้น ก็มีเหตุผล และความรัก ของ คนหนุ่มสาว นี่มี อารมณ์ มาก ทำให้ มองไม่เห็นว่าตัวเองกำลังใช้อารมณ์
สรุปคือ ไม่ต้องสับสน
แค่ฝึกสติให้มากๆ แล้วอารมณ์ ก็จะน้อยไปเอง
ความจริงก็ชัดขึ้น ว่าไม่ว่าเราจะตัดสินใจเลือกไปทางไหน ก็ตาม ก็มีข้อดี ข้อเสียทั้งนั้น เพียงแต่เราจะอยู่กับข้อดี ข้อเสียนั้นๆ อย่างไม่ทุกข์ได้อย่างไร
เพราะว่า
ทำตามใจครับ แต่ใช้เหตุผลรองรับ
ไม่ทำตามอารมณ์ ( พยายามไม่ทำตามอารมณ์ )
เมื่อทำตามใจแล้ว ก็จะอยู่กับตัวเองได้
บ่อยครั้งที่ทำตามเหตุผลแล้ว
ต้องกลับมานั่งเสียใจ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลง และเหตุผลรอบด้านเริ่มเปลี่ยนไป
ทำให้กลับมาคิดว่า ทำไม่ไม่ทำตามใจ
ซึ่งการทำตามใจนั้น ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ไม่ดี
เราก็ต้องทำตาใจ ในลักษณะทำดี
คือ
1. ไม่ผิดกฎหมาย
2. ไม่ผิดศิล
3. ไม่ผิดธรรม
เรื่องเหตุผลเรื่องรองครับ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป เหตุผลย่อมเปลี่ยนไปเสมอ
เรื่อง ลูกคิดอย่างไร พ่อแม่ก็มีสิทธิ์เตือนได้เรื่อยๆ เพราะประสบการณ์มากกว่า แต่ ก็ต้องให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่ง พ่อแม่อาจจะไม่เข้าใจ แต่อย่าคิดว่า ลูกทำไปโดยไร้เหตุผล พ่อแม่ อาจจะเข้าใจไปเองว่าไม่มีเหตุผล
มองในมุมลูกที่โตแล้ว และเลือกแฟน พ่อแม่เตือนก็เป็นสิ่งที่ดี ทางที่ดีให้เวลา ผ่านไปสักพัก นานๆ แล้วให้ทุกอย่าง เบาลง หมายถึง อารมณ์ของทุกฝ่ายเบาลง ความจริงก็จะปรากฎ ว่า สิ่งที่พ่อแม่เตือนนั้น ก็มีเหตุผล และความรัก ของ คนหนุ่มสาว นี่มี อารมณ์ มาก ทำให้ มองไม่เห็นว่าตัวเองกำลังใช้อารมณ์
สรุปคือ ไม่ต้องสับสน
แค่ฝึกสติให้มากๆ แล้วอารมณ์ ก็จะน้อยไปเอง
ความจริงก็ชัดขึ้น ว่าไม่ว่าเราจะตัดสินใจเลือกไปทางไหน ก็ตาม ก็มีข้อดี ข้อเสียทั้งนั้น เพียงแต่เราจะอยู่กับข้อดี ข้อเสียนั้นๆ อย่างไม่ทุกข์ได้อย่างไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 4
คนส่วนใหญ่ จะแบกเหตุผล ไปจนตาย
เช่น ทำงานมาเหนื่อยมาก อยากกลับบ้านไปเจอลูกๆ แต่ พอดี มีงานเลี้ยง ปฎิเสธ ยากไม่อยากไป เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้ เค๊า มีผลต่อหน้าที่การงาน ก็เลยต้องไป ฝืนยิ้มๆ แต่จริงๆเซ็ง อยากกลับบ้าน
ทำตามใจ คือ กลับบ้าน ไม่ต้องไปงานเลี้ยง เพราะวันนั้นทำงานมาก็เหนื่อยแล้ว
ทำตามเหตุผล คือ ไปงานเลี้ยง เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้มีผลต่อหน้าที่การงาน
ทำตามใจ แบบมีเหตุผลรองรับ
อาจจะ ไปนะ ไปแป๊บเดียว แต่เลี้ยวกลับก่อน แล้วก็ ไปหวัดดี ผู้ใหญ่ท่านนั้น แล้ว สักพัก แชว๊บกลับ
อืม ทำแบบไหน ก็มีข้อเสีย ข้อดี ทั้งนั้นแหละ
ถ้าเรามีสติ เราจะอยู่กับ ทุกข์ ได้โดยไม่ทุกข์
เช่น ทำงานมาเหนื่อยมาก อยากกลับบ้านไปเจอลูกๆ แต่ พอดี มีงานเลี้ยง ปฎิเสธ ยากไม่อยากไป เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้ เค๊า มีผลต่อหน้าที่การงาน ก็เลยต้องไป ฝืนยิ้มๆ แต่จริงๆเซ็ง อยากกลับบ้าน
ทำตามใจ คือ กลับบ้าน ไม่ต้องไปงานเลี้ยง เพราะวันนั้นทำงานมาก็เหนื่อยแล้ว
ทำตามเหตุผล คือ ไปงานเลี้ยง เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้มีผลต่อหน้าที่การงาน
ทำตามใจ แบบมีเหตุผลรองรับ
อาจจะ ไปนะ ไปแป๊บเดียว แต่เลี้ยวกลับก่อน แล้วก็ ไปหวัดดี ผู้ใหญ่ท่านนั้น แล้ว สักพัก แชว๊บกลับ
อืม ทำแบบไหน ก็มีข้อเสีย ข้อดี ทั้งนั้นแหละ
ถ้าเรามีสติ เราจะอยู่กับ ทุกข์ ได้โดยไม่ทุกข์
-
- Verified User
- โพสต์: 384
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 5
เศรษฐศาสตร์เดี๋ยวนี้มี bahavioral economic แล้วครับ ทางการเงินก็เช่นกัน เป็นแนว behavioral finance ครับเป็นแนวที่เอาเรื่องจิตวิทยามาคิดรวมด้วยนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า มนุษย์ช่างเลือก และมีเหตุผล(Rational) แปลว่า มนุษย์ มักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
ผม เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เรื่องที่ว่าคนเรามีเหตุผล และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดนั้น ขึ้นอยู่บน assumption ที่ unrealistic ครับ assumption ตัวนึงคือ คนเราตัดสินใจโดยที่ทราบข้อมูลทุกอย่างแล้ว และจะเลือกทางที่ดีที่สุดตามหลักความน่าจะเป็น (optimal payoff)
ซึ่งมันไม่เป็นจริงครับ
1. เราไม่ทราบข้อมูลทุกอย่างทุกครั้งหรอกครับ
2. มีสิ่งอื่นๆมากระทบการตัดสินใจอีกมากมายครับ เช่นเวลาในการตัดสินใจ ประสบการณ์ในอดีต ขนาดของ payoff, preference ของคนตัดสินใจ และอื่นๆ
3. โดยสรุป ตามทฤษฎีเกมส์ คนราตัดสินใจในเรื่องต่างๆตาม utility function ของแต่ละคนเองครับ ซึ่งก็เป็นส่วนผสมของเหตุผล อารมณ์ ประสบการณ์ รสนิยม และอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งทำให้แต่ละคนมี behavior pattern ที่ไม่เหมือนกัน
ผมคิดว่าการศึกษาหรือเข้าใจ pattern ของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องน่าสนใจกว่า
และเชื่อว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น มักมี pattern บางอย่างที่คล้ายๆกัน
และคนที่ผิดพลาดก็น่าจะมีอะไรที่คล้ายๆกัน
บางทีการพยายามเลียนแบบข้อดีของผู้ที่สำเร็จน่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่า
เพราะเรากำลังพยายามสร้าง pattern แห่งความสำเร็จ
การเข้าใจ pattern ของคนที่เราใกล้ชิดก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะสามารถโน้มน้าว ปรับความเข้าใจ หรือหาจุดร่วมกันได้ดีกว่า
จากประสบการณ์ ผมผสมกันน่ะครับถ้าถึงจุดหนึ่ง ที่ หัวใจ กับ สมอง เลือกคนละทาง เราจะเลือกอย่างไหน
อย่างเรื่องแฟน ถ้าใจบอกใช่เลย รักมาก แต่ ดูแล้วบ้านแตกแน่ ก็คงไม่ไหวครับ เป็นเพื่อนดีกว่า
บางคนดี๊ดี ดีกับเราจ๊าง แต่ใจไม่ชอบมันก็คงไม่ได้
แต่สุดท้ายแล้วมันก็แล้วแต่คนอีกน่ะครับ
บางที เหตุผล มันก็คือ ข้ออ้างของอารมณ์
เขาเรียก เหตุผลส่วนตัว ก็อั๊วจาเอา:lovl:
แมนยู โรม่า ลิสบอน เคี๊ยฟ
หมาป่าสู้สู้
หมาป่าสู้สู้
- Muffin
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 6
นานมาแล้วผมอ่านหนังสือทางการตลาดมั้ง เล่มนึง ถ้าจำไม่ผิด
มีประโยคหนึ่งประมาณว่า...
People make decision based on emotion only, then find the logics to justify!!
คนเราตัดสินใจโดยใช้อารมณ์แล้วหาเหตุผลมารองรับ
ผิดๆถูกๆก็ไม่รู้ครับ จำไม่ได้เป๊ะๆ
แต่ที่แน่ๆ หลายๆครั้ง ผมก็เป็นแบบนั้นแหละ :oops:
มีประโยคหนึ่งประมาณว่า...
People make decision based on emotion only, then find the logics to justify!!
คนเราตัดสินใจโดยใช้อารมณ์แล้วหาเหตุผลมารองรับ
ผิดๆถูกๆก็ไม่รู้ครับ จำไม่ได้เป๊ะๆ
แต่ที่แน่ๆ หลายๆครั้ง ผมก็เป็นแบบนั้นแหละ :oops:
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 7
โค้ด: เลือกทั้งหมด
People make decision based on emotion only, then find the logics to justify!!
คนเราตัดสินใจโดยใช้อารมณ์แล้วหาเหตุผลมารองรับ
เหตุผลนั้นก็ได้รับการยอมรับ
แต่ถ้าการกระทำนั้นๆ อันตราย หรือถูกคิดไปเอง ว่าอันตราย
เหตุผลนั้นๆก็ไม่ได้รับการยอมรับ
แล้วเราจะต้องแคร์เรื่องการยอมรับหรือไม่
ก็แล้วแต่ เพราะ มีกรอบใหญ่ คือ
เหตุผลในการกระทำนั้นๆ ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดกฎหมาย เป็นเหตุผลส่วนตัวจริงๆ
ก็ไม่น่าจะมีใครว่าอะไร
หรือว่ามาเราก็ไม่ต้องสนใจก็ได้
................................................................
หากมัวแต่เอาเหตุผลของทุกอย่างมาคิด แล้วคิดอีก คิดไม่หยุด
ก็จะเหมือนพวก ศาสตราจารย์ หรือดร. ที่ กว่าจะเป็นได้ ต้องยอมรับ ว่าคนพวกนี้ ต้องมีเหตุผล เหนือธรรมดา
แต่ศาสตราจารย์ และดร.บางคน ยังต้องฆ่าตัวตาย
เป็นเพราะไม่มีเหตุผล หรือ เป็นเพราะไม่รู้หรือ ว่า ฆ่าตัวตายไม่ดี
สาเหตุจริงๆเป็นเพราะ เหตุผล ไม่ได้ทำให้คนรอด
ความคิดจากสมอง ไม่ได้ทำให้คนรอด ในการใช้ชีวิต ที่เต็มไปด้วยอารมณ์
การควบคุมอารมณ์ต่างหาก สำคัญกว่าเหตุผลอีก
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 8
นักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้เชื่อว่ามนุษย์มีเหตุผลนะครับ คำว่า rational ไม่ได้แปลว่ามีเหตุผลเหมือนอย่างที่ชอบๆ แปลกัน แต่มนุษย์ช่างเลือกครับ เลือกไปตามสิ่งที่ตัวเอง value ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ในระดับปัจเจก โมเดลทางเศรษฐศาสตร์จะใช้การไม่ค่อยได้ครับ เพราะ value ของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป แต่ในระดับตลาดนั้น โมเดลทางเศรษฐศาสตร์จะใช้ได้ผลดี "พอสมควร" เพราะ collective behavior จะ cancel out noise ออกไป
โมเดลทางเศรษฐศาสตร์ไม่เหมือนจริงแต่ใช้อธิบายความเป็นจริงได้ "พอสมควร" เพราะในโลกความเป็นจริงเหตุและปัจจัยมักมีเป็นร้อยอย่าง นักเศรษฐศาสตร์จะใช้วิธีอธิบายผลของปัจจัยทีละอย่าง (other things being equal....) แต่ถ้าเราไปเข้าใจว่าเศรษฐศาสตร์พยายามจะบอกว่าโมเดลนั้นคือความเป็นจริง แต่ที่จริงแล้วเศรษฐศาสตร์พยายามอธิบายผลของปัจจัยทีละอย่างไม่ได้พยายามใช้โมเดลแทนความเป็นจริงแต่อย่างใด
ในระดับปัจเจก โมเดลทางเศรษฐศาสตร์จะใช้การไม่ค่อยได้ครับ เพราะ value ของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป แต่ในระดับตลาดนั้น โมเดลทางเศรษฐศาสตร์จะใช้ได้ผลดี "พอสมควร" เพราะ collective behavior จะ cancel out noise ออกไป
โมเดลทางเศรษฐศาสตร์ไม่เหมือนจริงแต่ใช้อธิบายความเป็นจริงได้ "พอสมควร" เพราะในโลกความเป็นจริงเหตุและปัจจัยมักมีเป็นร้อยอย่าง นักเศรษฐศาสตร์จะใช้วิธีอธิบายผลของปัจจัยทีละอย่าง (other things being equal....) แต่ถ้าเราไปเข้าใจว่าเศรษฐศาสตร์พยายามจะบอกว่าโมเดลนั้นคือความเป็นจริง แต่ที่จริงแล้วเศรษฐศาสตร์พยายามอธิบายผลของปัจจัยทีละอย่างไม่ได้พยายามใช้โมเดลแทนความเป็นจริงแต่อย่างใด
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 9
สังเกตจากรากศัพท์ คำว่า ration เป็น verb แบบว่า ปันส่วน
เราพยายามแบ่ง budget เงินเดือนของเราเพื่อให้เราเกิดความพึงพอใจในการบริโภคสูงสุด แต่เราจะพึงพอใจอะไรมากกว่าอะไรนั้น แต่ละปัจเจกไม่เหมือนกันครับ
เราพยายามแบ่ง budget เงินเดือนของเราเพื่อให้เราเกิดความพึงพอใจในการบริโภคสูงสุด แต่เราจะพึงพอใจอะไรมากกว่าอะไรนั้น แต่ละปัจเจกไม่เหมือนกันครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 269
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ คือ บางครั้งผมรู้สึกสับสน ว่าทำไมบางสิ่งที่เต็มไปด้วยเหตุผลดีดีสนับสนุน เรากลับไม่อยากทำ ไม่อยากเลือก
แต่บางสิ่ง ที่เห็นว่าไม่น่าจะดี ไม่น่าจะเหมาะสม แต่เรากลับอยากทำ อยากเลือก
ไม่รู้เป็นยังไงเหมือนกันครับ
แต่บางสิ่ง ที่เห็นว่าไม่น่าจะดี ไม่น่าจะเหมาะสม แต่เรากลับอยากทำ อยากเลือก
ไม่รู้เป็นยังไงเหมือนกันครับ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 11
ผมกลับเห็นบางอย่างที่ตรงกันข้ามกันอยู่นะครับ เพราะการเลือกในสิ่งที่ชอบ โดยที่มีคนอื่นบอกว่ามันไม่ดี ก็ไม่ได้ผิดเสมอไป มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าเราจะทำสิ่งที่ชอบนั้นให้ได้ดีหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆหลายๆด้าน ที่บางคนอาจจะมองว่ายากที่จะประสบความสำเร็จ มีแต่คนที่มีความพยายามและตั้งใจจริงเท่านั้นที่ทำได้ครับ ^^
คนเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานะครับ ตัวเราในตอนนี้ก็ไม่ใช่ตัวเราในวินาทีที่แล้ว สิ่งที่คงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คงเป็น "ความตั้งมั่นเท่านั้น" :oops:
คนเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานะครับ ตัวเราในตอนนี้ก็ไม่ใช่ตัวเราในวินาทีที่แล้ว สิ่งที่คงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คงเป็น "ความตั้งมั่นเท่านั้น" :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 12
มีไอเดียดีๆในกระทู้นี้เยอะเลยครับ
ผมว่าถ้ามนุษย์ใช้เหตุผลหรือตรรกะสำหรับการแก้ปัญหา
หรือการตัดสินใจในทุกเรื่อง
เราคงมีวิธีการคิดที่คล้ายกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์
แต่สิ่งที่สมองมนุษย์มีแต่คอมพิวเตอร์ไม่มีก็คือ "Intuition"
บางทีมนุษย์ก็สามารถเข้าใจบางสิ่งบางอย่างได้แทบจะทันทีโดยไม่มีเหตุผล
หรือเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสภาวะบางอย่าง ที่ถูกกดดัน บีบคั้นทางอารมณ์
เช่น รัก โลภ โกรธ หลง ดีใจ เสียใจ ก็สามารถทำบางสิ่งโดยไม่มีเหตุผล
ทำตามเสียงของหัวใจอย่างเดียว โดยไม่มีเหตุผล ก็พาเราหลงทางเข้าป่าได้ง่าย
ทำตามเหตุผลอย่างเดียว โดยไม่ฟังเสียงหัวใจเลย ชีวิตเราคงคล้ายหุ่นยนต์ ...
ถ้าจะทำตามเสียงหัวใจ สิ่งนั้นต้องไม่ใช่สิ่งที่ผิด
ส่วนจะดีที่สุดหรือไม่ ตัวเราเท่านั้นที่ตอบได้ครับ
ผมว่าถ้ามนุษย์ใช้เหตุผลหรือตรรกะสำหรับการแก้ปัญหา
หรือการตัดสินใจในทุกเรื่อง
เราคงมีวิธีการคิดที่คล้ายกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์
แต่สิ่งที่สมองมนุษย์มีแต่คอมพิวเตอร์ไม่มีก็คือ "Intuition"
บางทีมนุษย์ก็สามารถเข้าใจบางสิ่งบางอย่างได้แทบจะทันทีโดยไม่มีเหตุผล
หรือเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสภาวะบางอย่าง ที่ถูกกดดัน บีบคั้นทางอารมณ์
เช่น รัก โลภ โกรธ หลง ดีใจ เสียใจ ก็สามารถทำบางสิ่งโดยไม่มีเหตุผล
ทำตามเสียงของหัวใจอย่างเดียว โดยไม่มีเหตุผล ก็พาเราหลงทางเข้าป่าได้ง่าย
ทำตามเหตุผลอย่างเดียว โดยไม่ฟังเสียงหัวใจเลย ชีวิตเราคงคล้ายหุ่นยนต์ ...
ถ้าจะทำตามเสียงหัวใจ สิ่งนั้นต้องไม่ใช่สิ่งที่ผิด
ส่วนจะดีที่สุดหรือไม่ ตัวเราเท่านั้นที่ตอบได้ครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 13
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณที่ขุดกระทู้นี้มานะครับ
สำหรับผม บางครั้งผมไม่รู้หรอกว่าใช้หัวใจหรือสมองมากกว่ากัน
แต่สิ่งที่ผมเลือกจะทำ ผมจะเลือกทำในสิ่งที่จะไม่ทำให้ผมมานั่งทุกข์ นั่งเสียใจ ในภายหลัง
สำหรับผม บางครั้งผมไม่รู้หรอกว่าใช้หัวใจหรือสมองมากกว่ากัน
แต่สิ่งที่ผมเลือกจะทำ ผมจะเลือกทำในสิ่งที่จะไม่ทำให้ผมมานั่งทุกข์ นั่งเสียใจ ในภายหลัง
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 15
ถ้าเป็นเรื่องการลงทุน
สมองประ้เมิน"ปริมาณ" เช่น พีอี ดีอี อาร์โออี ๆลๆ
แต่ผมสังเกตอย่างนึงว่า เวลา อาจารย์หลายๆท่าน
ประเมิณ"คุณภาพ" หรืออื่นๆ
ให้คำตอบว่า"มันเป็นศิลปะ" เมื่อไรละก็
น่าจะมาจากหัวใจ
หรืออะไรบางอย่างที่อธิบายด้วนสมองและเหตุผลไม่ได้นะครับ
สมองประ้เมิน"ปริมาณ" เช่น พีอี ดีอี อาร์โออี ๆลๆ
แต่ผมสังเกตอย่างนึงว่า เวลา อาจารย์หลายๆท่าน
ประเมิณ"คุณภาพ" หรืออื่นๆ
ให้คำตอบว่า"มันเป็นศิลปะ" เมื่อไรละก็
น่าจะมาจากหัวใจ
หรืออะไรบางอย่างที่อธิบายด้วนสมองและเหตุผลไม่ได้นะครับ
samatah
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 16
"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"dr1 เขียน:ถ้าเป็นเรื่องการลงทุน
สมองประ้เมิน"ปริมาณ" เช่น พีอี ดีอี อาร์โออี ๆลๆ
แต่ผมสังเกตอย่างนึงว่า เวลา อาจารย์หลายๆท่าน
ประเมิณ"คุณภาพ" หรืออื่นๆ
ให้คำตอบว่า"มันเป็นศิลปะ" เมื่อไรละก็
น่าจะมาจากหัวใจ
หรืออะไรบางอย่างที่อธิบายด้วนสมองและเหตุผลไม่ได้นะครับ


เคยมั้ยครับ หุ้น หรือ ธุรกิจ ที่คุณชอบมากๆ คุณเอาไปเล่าให้เพื่อนฟัง เค้ากลับรู้สึกเฉยๆ ทำนองเดียวกัน บางคนบอกธุรกิจนั้นธุรกิจโน้นดูดีอย่างโง้นอย่างงี้ แต่คุณกลับรู้สึก เฉยๆ ไม่ได้อยากเป็นเจ้าของเท่าไร
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หัวใจ VS หัวสมอง กับ conflict of interest
โพสต์ที่ 17
ครับ ท่าน sakkaphan
สุตมยปัญญา รู้จากฟัง+อ่าน
จินตมยปัญญา รู้จากคิด
ภาวนามยปัญญา รู้จากไม่คิด รู้ขึ้นมาเอง
ผมว่า ไอนสไตน์ นิวตัน พระอรหันต์ ๆลๆ
รู้ในสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องคิด
(แต่เราคงแปลผิดว่าเป็น"จินตนาการ"ครับ)
สุตมยปัญญา รู้จากฟัง+อ่าน
จินตมยปัญญา รู้จากคิด
ภาวนามยปัญญา รู้จากไม่คิด รู้ขึ้นมาเอง
ผมว่า ไอนสไตน์ นิวตัน พระอรหันต์ ๆลๆ
รู้ในสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องคิด
(แต่เราคงแปลผิดว่าเป็น"จินตนาการ"ครับ)
samatah