VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 182
วิธีการกล่อมจิตให้รวมอีกวิธีหนึ่งที่ผมเจอก็คือ การเปิดพระธรรมะเทศนาหรือฟังMP3 ไปด้วย
ในขณะที่นั่งสมาธิ วิธีนี้ผมจะใช้ในช่วงที่จิตฟุ้ง คิดอะไรไปเรื่อย ทำให้ไม่มีสมาธิ
พอนั่งสมาธิและฟังธรรมะไปด้วย ทำให้หลอกจิต ให้รวมไปที่เสียงนั้น หลังจากที่จิตเป็นสมาธิแล้ว
เสียงที่เปิดฟังอยู่แทบจะไม่ได้ยินเลย เพราะเราได้เอาจิตไปจ่อที่คำบริกรรมแทน
การฝึกให้จิตเป็นสมาธิไม่ใช่ของง่าย แต่เราต้องหาอุบายในการหลอกล่อ
ดังนั้นวิธีการฝึกจิตของแต่ละบุคคลจึงแตกต่างกันไป ตามแต่จริตของแต่ละคน วิธีนี้ไม่ได้ ก็ใช้วิธีอื่น
หาทางไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ทำทีละเล็กละน้อย สุดท้ายเราก็จะเจอแบบที่เหมาะกับจิตของเราเอง
สำคัญที่สุดคืออย่าท้อ
เมื่อนั้นก็จะถึงสภาวะที่เข้าสู่ ปัญญาอบรมสมาธิ นั่นเอง
ในขณะที่นั่งสมาธิ วิธีนี้ผมจะใช้ในช่วงที่จิตฟุ้ง คิดอะไรไปเรื่อย ทำให้ไม่มีสมาธิ
พอนั่งสมาธิและฟังธรรมะไปด้วย ทำให้หลอกจิต ให้รวมไปที่เสียงนั้น หลังจากที่จิตเป็นสมาธิแล้ว
เสียงที่เปิดฟังอยู่แทบจะไม่ได้ยินเลย เพราะเราได้เอาจิตไปจ่อที่คำบริกรรมแทน
การฝึกให้จิตเป็นสมาธิไม่ใช่ของง่าย แต่เราต้องหาอุบายในการหลอกล่อ
ดังนั้นวิธีการฝึกจิตของแต่ละบุคคลจึงแตกต่างกันไป ตามแต่จริตของแต่ละคน วิธีนี้ไม่ได้ ก็ใช้วิธีอื่น
หาทางไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ทำทีละเล็กละน้อย สุดท้ายเราก็จะเจอแบบที่เหมาะกับจิตของเราเอง
สำคัญที่สุดคืออย่าท้อ
เมื่อนั้นก็จะถึงสภาวะที่เข้าสู่ ปัญญาอบรมสมาธิ นั่นเอง
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 183
ผมก็ทำบ่อยๆครับ เห็นด้วยเรื่องฟังธรรมะ จิตเป็นสมาธิได้ง่ายtum_H เขียน:วิธีการกล่อมจิตให้รวมอีกวิธีหนึ่งที่ผมเจอก็คือ การเปิดพระธรรมะเทศนาหรือฟังMP3 ไปด้วย
ในขณะที่นั่งสมาธิ วิธีนี้ผมจะใช้ในช่วงที่จิตฟุ้ง คิดอะไรไปเรื่อย ทำให้ไม่มีสมาธิ
พอนั่งสมาธิและฟังธรรมะไปด้วย ทำให้หลอกจิต ให้รวมไปที่เสียงนั้น หลังจากที่จิตเป็นสมาธิแล้ว
เสียงที่เปิดฟังอยู่แทบจะไม่ได้ยินเลย เพราะเราได้เอาจิตไปจ่อที่คำบริกรรมแทน
การฝึกให้จิตเป็นสมาธิไม่ใช่ของง่าย แต่เราต้องหาอุบายในการหลอกล่อ
ดังนั้นวิธีการฝึกจิตของแต่ละบุคคลจึงแตกต่างกันไป ตามแต่จริตของแต่ละคน วิธีนี้ไม่ได้ ก็ใช้วิธีอื่น
หาทางไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ทำทีละเล็กละน้อย สุดท้ายเราก็จะเจอแบบที่เหมาะกับจิตของเราเอง
สำคัญที่สุดคืออย่าท้อ
เมื่อนั้นก็จะถึงสภาวะที่เข้าสู่ ปัญญาอบรมสมาธิ นั่นเอง
ไม่ประมาท
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 184
วิธีการวัดระดับสมาธิ โดยการใช้กสิน ตามที่หลวงพ่อท่านว่าไว้
ขณิกะสมาธิ สมาธิแต่เพียงน้อย จำภาพกสิณได้ไม่นานก็ลืม ต้องหยิบขึ้นมาดูใหม่
อุปจาระสมาธิ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นอน นั่ง ถ่ายหนัก ถ่ายเบา หิว นึกถึงภาพกสินขึ้นมาเมื่อไหร่ ภาพนั้น
จะปรากฏขึ้นในจิตทันที แต่ภาพจะไม่แจ่มชัดนัก แต่อยากนึกถึงเมื่อไหร่ ต้องขึ้นมาทันที โดยไม่ต้องดู
ปฐมฌาณ ความแจ่มชัดมีมาก แพรวพราว สวยสดงดงาม อยากให้เปลี่ยนเป็นสีอะไรก็ได้ ผู้ทรงฌาณระดับนี้
ไม่สนใจเสียงรอบข้าง เพราะจิตนั้นจับกสินอยู่ตลอดเวลา สังเกตุดูจากการที่พระท่านบางรูป ไม่ค่อยชอบพูด
มีอารมณ์เดียวตลอด บางทีเราไปวัด อาจดูเหมือนท่านไม่สนใจเราเลย ร่างกายผิวกายผ่องใส
ขณิกะสมาธิ สมาธิแต่เพียงน้อย จำภาพกสิณได้ไม่นานก็ลืม ต้องหยิบขึ้นมาดูใหม่
อุปจาระสมาธิ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นอน นั่ง ถ่ายหนัก ถ่ายเบา หิว นึกถึงภาพกสินขึ้นมาเมื่อไหร่ ภาพนั้น
จะปรากฏขึ้นในจิตทันที แต่ภาพจะไม่แจ่มชัดนัก แต่อยากนึกถึงเมื่อไหร่ ต้องขึ้นมาทันที โดยไม่ต้องดู
ปฐมฌาณ ความแจ่มชัดมีมาก แพรวพราว สวยสดงดงาม อยากให้เปลี่ยนเป็นสีอะไรก็ได้ ผู้ทรงฌาณระดับนี้
ไม่สนใจเสียงรอบข้าง เพราะจิตนั้นจับกสินอยู่ตลอดเวลา สังเกตุดูจากการที่พระท่านบางรูป ไม่ค่อยชอบพูด
มีอารมณ์เดียวตลอด บางทีเราไปวัด อาจดูเหมือนท่านไม่สนใจเราเลย ร่างกายผิวกายผ่องใส
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 671
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 185
นิพพิททา คือ เบื่อหน่ายเหตุและปัจจัยปรุงแต่งที่เป็นสมมติ ค่อยๆเห็นการเกิดดับเห็นไตรลักษณ์แจ่มแจ้งชัดเจนเรื่อยๆ เมื่อเบื่อหน่ายมีปัญญา ก็จะเกิดความรู้เฉพาะตน เกิดความรู้ที่จะปล่อยวางสังขารต่างๆ (สังขารุเปกขาญาณ)peerawit เขียน:ถามหน่อยคับ
นิพพิททา กับ เบื่อธรรมดาต่างกันอย่างไรครับ
ส่วนการเบื่อธรรมดา เป็นการเบื่อชั่วครู่ชั่วยาม เมื่อมีอะไรมากระทบก็จะมีการแปรเปลี่ยนความเบื่อนี้ไป หรืออาจจะเป็นพวกจมปลักอยู่กับความทุกข์ ซึ่งแก้โดยหาสิ่งอื่น(ภายนอก)มาทดแทน อันอาจจะก่อทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนได้อีก เช่น ผิดหวังอกหักไปกินเหล้าเมาสุราแล้วมีเรื่องทะเลาะวิวาท หรืออาจเจ็บป่วยหลายโรคแล้วพยายามฆ่าตัวตาย แต่อาจไม่ตายซ้ำพิการเพิ่มขึ้น เป็นต้นครับ
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- Verified User
- โพสต์: 671
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 186
ขออนุญาตเขียนเรื่องเบื่อธรรดา เพื่อง่ายต่อความเข้าใจใหม่นะครับ
เบื่อธรรมดา ก็คือ เบื่อโดยมีตัณหาทั้ง 3 เป็นต้นเหตุ เช่น ทะยานอยากได้อยากมี แล้วไม่ได้ไม่มีก็เบื่อ ทะยานไม่อยากได้ไม่อยากมี แล้วได้หรือมีก็เบื่อ
สรุป คือปรารถนาต่อตัณหาอย่างแรงกล้าที่มากเกินไป เมื่อไม่สมหวังสมปรารถนา จึงเกิดการเบื่อหน่ายธรรมดาขึ้นครับ
เบื่อธรรมดา ก็คือ เบื่อโดยมีตัณหาทั้ง 3 เป็นต้นเหตุ เช่น ทะยานอยากได้อยากมี แล้วไม่ได้ไม่มีก็เบื่อ ทะยานไม่อยากได้ไม่อยากมี แล้วได้หรือมีก็เบื่อ
สรุป คือปรารถนาต่อตัณหาอย่างแรงกล้าที่มากเกินไป เมื่อไม่สมหวังสมปรารถนา จึงเกิดการเบื่อหน่ายธรรมดาขึ้นครับ
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 188
การพ้นทุกข์โดยไม่รู้อริยสัจนั้น เป็นไปไม่ได้
ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า "ฉันไม่ต้องทำพื้นฐาน
รากในเบื้องล่างของเรือนดอก แต่ฉันจักทำตัวเรือนข้างบนได้" ดังนี้ :
นี่ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้ฉันใด; ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้ ฉันนั้น
คือข้อที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า.
"ฉันไม่ต้องรู้จักความจริงอันเประเสริฐ คือ ความจริงเรื่องทุกข์,
เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์; เรื่องความดับไม่เหลือของทุกข์,
และเรื่องทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
นั้นดอก แต่ฉันจักทำความสิ้นสุดแห่งทุกข์ได้ โดยถูกต้อง;" ดังนี้
ภิกษุ ท! และเปรียบเหมือนผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า "ฉันต้องทำฐาน-
รากของเรือนตอนล่างเสียก่อน จึงจักทำตัวเรือนข้างบนได้" ดังนี้ :
นี่เป็นฐานะที่จักมีได้ ฉันใด ; ข้อนี้ก็เป็นฐานะที่จักมีได้ ฉันนั้น
คือข้อที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า
"ฉันครั้นรู้ความจริงอันประเสริฐคือความจริงเรื่องทุกข์, เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์,
เรื่องความดับไม่เหลือของทุกข์,
และเรื่องทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์นั้นแล้ว จึงจักทำ
ความสิ้นสุดแห่งทุกข์ได้ โดยถูกต้อง;" ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียร
เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า "นี้เป็นทุกข์. นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับ
ไม่เหลือของทุกข์, และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์;"
ดังนี้เถิด.
ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า "ฉันไม่ต้องทำพื้นฐาน
รากในเบื้องล่างของเรือนดอก แต่ฉันจักทำตัวเรือนข้างบนได้" ดังนี้ :
นี่ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้ฉันใด; ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้ ฉันนั้น
คือข้อที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า.
"ฉันไม่ต้องรู้จักความจริงอันเประเสริฐ คือ ความจริงเรื่องทุกข์,
เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์; เรื่องความดับไม่เหลือของทุกข์,
และเรื่องทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
นั้นดอก แต่ฉันจักทำความสิ้นสุดแห่งทุกข์ได้ โดยถูกต้อง;" ดังนี้
ภิกษุ ท! และเปรียบเหมือนผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า "ฉันต้องทำฐาน-
รากของเรือนตอนล่างเสียก่อน จึงจักทำตัวเรือนข้างบนได้" ดังนี้ :
นี่เป็นฐานะที่จักมีได้ ฉันใด ; ข้อนี้ก็เป็นฐานะที่จักมีได้ ฉันนั้น
คือข้อที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะพึงกล่าวว่า
"ฉันครั้นรู้ความจริงอันประเสริฐคือความจริงเรื่องทุกข์, เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์,
เรื่องความดับไม่เหลือของทุกข์,
และเรื่องทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์นั้นแล้ว จึงจักทำ
ความสิ้นสุดแห่งทุกข์ได้ โดยถูกต้อง;" ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียร
เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า "นี้เป็นทุกข์. นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับ
ไม่เหลือของทุกข์, และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์;"
ดังนี้เถิด.
ไม่ประมาท
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 189
ระยะหลังๆไปร้านหนังสือ พบว่ามีหนังสือธรรมะออกใหม่และน่าสนใจจำนวนมาก
โดยเฉพาะที่ se-ed มีเป็นมุมแนะนำด้านหน้า กลายเป็นหนังสือยอดนิยมก็ว่าได้
และคนที่ไปอ่าน เลือกซื้อ ก็มีทุกวัย เมื่อวานไปเจอคุณตาท่านหนึ่ง สอนหลานให้อ่าน
เกี่ยวกับเรื่องการทำบุญแบบไหนถึงจะได้ไปอยู่บนสวรรค์ชั้นไหน เห็นแล้วรู้สึกประทับใจ
และรู้สึกว่าเด็กคนนั้นชาติที่แล้วคงทำกรรมดีมาเยอะ ถึงมีโอกาสแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
อ่านไปอ่านมาเจอหนังสือคำถามเกี่ยวกับเทวดา ว่าทำไมเทวดาไม่ยอมกลับมาบอกว่า
สวรรค์ดีอย่างไร คนจะได้ตั้งใจทำบุญกันเยอะๆเพื่อไปสวรรค์
พระท่านว่า เหมือนคนที่อยู่ในบ่ออาจม มานานแสนนาน แล้วได้ขึ้นจากบ่อนั้น ถูกขัดและอาบ
ด้วยน้ำมันหอมอย่างดี หลังจากนั้นถูกอันเชิญให้ขึ้นไปอยู่ในมหาปราสาททองคำ ห้อมล้อมไป
ด้วยบริวารขับกล่อม เต็มไปด้วยความเป็นทิพย์ฉันนั้น ย่อมไม่มีใครอยากจะลงไปในบ่ออาจมอีกแล
หลวงปู่มั่นท่านว่า สมมุติถ้าเรามีสมบัติที่มีค่ามหาศาลติดตัวไว้ และในขณะนั้นเราอยู่ท่ามกลางฝูงชน
นับพัน เราจะนำเอาสมบัติที่มีค่าเหล่านั้นออกมาอวดชาวโลกไหม คนเหล่านั้นเมื่อเห็นสมบัติของเรา
จะรู้สึกอย่างไร น้อยคนนักที่รู้สึกเฉยๆ และส่วนมากมักอยากได้อยากช่วงชิง
ท่านจึงว่า เพราะเหตุนี้ทำไมเหล่าพระอริยะทั้งหลาย จึงไม่ได้แสดงอิทธิปาติหารเหล่านั้นให้ประจักแก่ชาวโลก
ด้วยเห็นภัยในความมืดมิดของกิเลส ที่ยังครอบอยู่เต็มหัวใจของเหล่าชนทั้งหลายนั้นแล
จึงมีแต่เพียงกลุ่มน้อย ที่แสดงหาทางดับทุกข์ด้วยมานะตน จึงจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะ
โดยเฉพาะที่ se-ed มีเป็นมุมแนะนำด้านหน้า กลายเป็นหนังสือยอดนิยมก็ว่าได้
และคนที่ไปอ่าน เลือกซื้อ ก็มีทุกวัย เมื่อวานไปเจอคุณตาท่านหนึ่ง สอนหลานให้อ่าน
เกี่ยวกับเรื่องการทำบุญแบบไหนถึงจะได้ไปอยู่บนสวรรค์ชั้นไหน เห็นแล้วรู้สึกประทับใจ
และรู้สึกว่าเด็กคนนั้นชาติที่แล้วคงทำกรรมดีมาเยอะ ถึงมีโอกาสแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
อ่านไปอ่านมาเจอหนังสือคำถามเกี่ยวกับเทวดา ว่าทำไมเทวดาไม่ยอมกลับมาบอกว่า
สวรรค์ดีอย่างไร คนจะได้ตั้งใจทำบุญกันเยอะๆเพื่อไปสวรรค์
พระท่านว่า เหมือนคนที่อยู่ในบ่ออาจม มานานแสนนาน แล้วได้ขึ้นจากบ่อนั้น ถูกขัดและอาบ
ด้วยน้ำมันหอมอย่างดี หลังจากนั้นถูกอันเชิญให้ขึ้นไปอยู่ในมหาปราสาททองคำ ห้อมล้อมไป
ด้วยบริวารขับกล่อม เต็มไปด้วยความเป็นทิพย์ฉันนั้น ย่อมไม่มีใครอยากจะลงไปในบ่ออาจมอีกแล
หลวงปู่มั่นท่านว่า สมมุติถ้าเรามีสมบัติที่มีค่ามหาศาลติดตัวไว้ และในขณะนั้นเราอยู่ท่ามกลางฝูงชน
นับพัน เราจะนำเอาสมบัติที่มีค่าเหล่านั้นออกมาอวดชาวโลกไหม คนเหล่านั้นเมื่อเห็นสมบัติของเรา
จะรู้สึกอย่างไร น้อยคนนักที่รู้สึกเฉยๆ และส่วนมากมักอยากได้อยากช่วงชิง
ท่านจึงว่า เพราะเหตุนี้ทำไมเหล่าพระอริยะทั้งหลาย จึงไม่ได้แสดงอิทธิปาติหารเหล่านั้นให้ประจักแก่ชาวโลก
ด้วยเห็นภัยในความมืดมิดของกิเลส ที่ยังครอบอยู่เต็มหัวใจของเหล่าชนทั้งหลายนั้นแล
จึงมีแต่เพียงกลุ่มน้อย ที่แสดงหาทางดับทุกข์ด้วยมานะตน จึงจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 191
ช่วงนี้ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับอดีตดาราท่านหนึ่งเสียชีวิต และหลังจากเสียชีวิตไปทำให้เกิดปัญหา
เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินที่มีอยู่จำนวนมาก
ทรัพย์ที่มีมหาศาลที่สะสมมา ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ แต่ผู้วายชนจะรู้หรือไม่ว่าทรัพย์สินดังกล่าว
ได้สร้างความทุกข์ให้กับญาติมิตรที่อยู่ข้างหลัง
การละซึ่งความโลภนั้น มีการให้ทาน เป็นเครื่องมือในการละความอยากทั้งหลาย โดยอาศัยการแบ่งปัน
คือการให้ ย่อมนำมาซึ่งการลดความยึดติดในรูป รส กลิ่น เสียงทั้งหลาย
หากเรารู้จักการให้และสอนให้ผู้ที่เป็นที่รัก รู้จักการละวาง ย่อมนำมาซึ่งความสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต
เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินที่มีอยู่จำนวนมาก
ทรัพย์ที่มีมหาศาลที่สะสมมา ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ แต่ผู้วายชนจะรู้หรือไม่ว่าทรัพย์สินดังกล่าว
ได้สร้างความทุกข์ให้กับญาติมิตรที่อยู่ข้างหลัง
การละซึ่งความโลภนั้น มีการให้ทาน เป็นเครื่องมือในการละความอยากทั้งหลาย โดยอาศัยการแบ่งปัน
คือการให้ ย่อมนำมาซึ่งการลดความยึดติดในรูป รส กลิ่น เสียงทั้งหลาย
หากเรารู้จักการให้และสอนให้ผู้ที่เป็นที่รัก รู้จักการละวาง ย่อมนำมาซึ่งความสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 192
พระตถาคตใช้คำว่า ฌาน กับ สมาธิขั้นที่ 1-4 เท่านั้นครับ ฌาน คือ การเพ่ง (เพ่งรูป เพ่งลม)Pekko เขียน:ขอสอบถามวิธีการหรือขั้นตอนการเข้าอรูปฌาณครับว่าทำอย่างไร เมื่อตอนปฏิบัติผิดทาง ผมคิดเองว่าน่าเคยเข้าถึงจตุตถฌาน (รู้ตัวว่าไม่มีลมหายใจ และมีความสว่างจ้ามาก)ประมาณ 2 ครั้ง เลยกำหนดน่าจะเป็นอากาสานัญจายตนะเอง (อากาศหาที่สิ้นสุดมิได้) ทำได้แป๊บเดียวแล้วพังเลยครับงงไปต่อไม่ได้
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ตอนที่ปฏิบัติใหม่ที่ผิดทางด้วยความไม่รู้ ผมเพ่งมันทุกอย่าง เพ่งกระดานไม้บ้าง เพ่งดวงอาทิตย์บ้าง(ห้ามทำโดยเด็ดขาด) เพ่งแสงสีต่างๆ ตามท้ายรถ และแม้กระทั่งเพ่งเปลวเทียน พอหลับตาลงเห็นจุดแดงเหมือน laser pointer เลยครับ(อันนี้ก็ห้ามทำโดยเด็ดขาด) หรืออานาปานสติภาวนาที่ว่าปลอดภัย ผมก็ยังแย่แทบเอาชีวิตไม่รอดเลยครับ (หายใจแรงๆ ขย่มตัวเหมือนคนเข้าทรงไร้สติ)
จนพระท่านที่ผมนับถือตวาดและตำหนิว่าผมปฏิบัติจริงจังมากเกินไป ท่านกล่าวว่าคนส่วนใหญ่มักไม่สำเร็จเพราะหย่อนไป แต่นี่ผมจัดเป็นประเภทตึงไป(สุดโต่ง) ได้ฟังแค่นั้นรู้สึกเสียใจมาก เพราะผ่านมาปีครึ่งเหมือนขาดทุน เริ่มได้สติสำนึกตัวได้ กลับบ้านแทบจะโยนตำราทิ้งเกือบหมด เพราะศึกษาปริยัติควบคู่กันมากเกินไป
แต่ปณิธานที่มีไม่ได้ลดลง มันกลับเพิ่มมากขึ้น ฮึดลุกขึ้นสู้ใหม่ พอกลับมาปฏิบัติอีกครั้ง(ตามทางสายกลาง) สัก 4-5 เดือนก็ดีขึ้น และค่อนข้างแน่ใจว่าเดินทางถูกแล้วครับ เลยกลับไปถามพระท่านอีกครั้ง ท่านยิ้มๆ บอกว่าผมหน้าตาดีขึ้น ถ้าฝึกแล้วเหมาะกับตนก็ถูกล่ะ หากมีปัญหาทางปริยัติก็ปรึกษาได้(ท่านออกตัวไม่เก่งปฏิบัติ) และควรพึ่งพาตัวเองได้แล้ว หลังจากนั้นมาการประพฤติปฏิบัติก็ก้าวหน้าขึ้นเป็นที่พอใจ ก็จะมีบ้างในพักหลังๆที่หย่อนยานลง เพราะยุ่งกับการงานมากเกินไปครับ
พอขึ้นไปถึงอากาสานัญจายตนะ จะไม่ได้ใช้คำว่า ฌาน แล้ว จะเป็น การทำในใจ แทน
ถ้าเราคำนึงถึงว่า คำพระพุทธเจ้าไม่มีพลาดเลยแม้แต่คำเดียว ตรงนี้น่าจะเป็น keyword ครับ คือไม่ต้องเพ่ง แต่ทำในใจแทน
เพราะก้าวล่วง รูปสัญญา เสียโดยประการทั้งปวง
เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญาทั้งหลาย
เพราะการไม่กระทำในใจซึ่ง นานัตตสัญญามีประการต่างๆ เราพึงเข้าถึง อากาสานัญจายตนะ
อันมีการทำในใจว่า
อากาศไม่มีที่สุด ดังนี้แล้วแลอยู่เถิด ดังนี้แล้วไซร้
อานาปานสติ(สมาธิ) นี่แหละ อันภิกษุนั้นพึงทำไว้ในใจให้เป็นอย่างดี
ไม่ประมาท
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 193
ความสามารถในการพูดของพระพุทธเจ้าครับ เอามาฝาก
๑. พระพุทธเจ้าสามารถกำหนดสมาธิเมื่อจะพูดทุกถ้อยคำจึงไม่ผิดพลาด
๒. แต่ละคำที่พระพุทธเจ้าพูดเป็นอกาลิโก คือถูกต้อง ตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลา
๓. คำที่พระพุทธเจ้าพูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้จนกระทั่งปรินิพพานนั้นสอดรับไม่ขัดแย้งกัน
๔. พระพุทธเจ้าทรงบอกเหตุความอันตรธานของคำสอนเปรียบด้วยกลองศึก
๕. พระพุทธเจ้าทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำสอนของพระองค์เท่านั้นอย่าฟังผู้อื่น
๖. พระพุทธเจ้าทรงห้ามบัญญัติ เพิ่ม หรือ ตัดทอน สิ่งที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว
พระสูตรเพิ่มเติม : ทรงอนุญาต “สงฆ์จงเลิกถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ถ้าต้องการ”
หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้ว ประเด็นคือ
ก. เฉพาะด้านวินัย คือสิกขาเล็กน้อย เพิกถอนได้แต่ไม่ได้บอกให้เพิ่มเติมได้
ข. ด้านธรรมะ และสิกขาบทหลักมิได้อนุญาตให้เพิ่มหรือ ตัดทอน
๗. สำนึกเสมอว่า ตนเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
๘. พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ให้ทรงจำบทพยัญชนะและคำอธิบายอย่างถูกต้อง
พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อๆ ไป
๙. พระพุทธเจ้าทรงบอกวิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน
อันเกิดจากจำผิด อธิบายผิด ความลางเลือน ความบิดเบือนไปจากเดิม ว่าต้องทำอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรี ที่ตถาคต
ปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, ตลอดเวลาระหว่าง
นั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออกซึ่งถ้อยคำใด
ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียว
ทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย.
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ
ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้
คนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็นมรรคที่กล่าวกัน
แล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้ง
มรรค) เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย !
ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค)
เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน
เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่าง
กัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ กับภิกษุ
ผู้ปัญญาวิมุตต์.
อัคคิเวสนะ ! เรานั้นหรือ, จำเดิมแต่เริ่มแสดงกระทั่ง
คำสุดท้ายแห่งการกล่าวเรื่องนั้นๆ ย่อมตั้งไว้ซึ่งจิตในสมาธิ
นิมิตอันเป็นภายในโดยแท้ ให้จิตดำรงอยู่ ให้จิตตั้งมั่นอยู่
กระทำให้มีความเป็นจิตเอก ดังเช่นที่คนทั้งหลายเคยได้ยิน
ว่าเรากระทำอยู่เป็นประจำ ดังนี้.
๑. พระพุทธเจ้าสามารถกำหนดสมาธิเมื่อจะพูดทุกถ้อยคำจึงไม่ผิดพลาด
๒. แต่ละคำที่พระพุทธเจ้าพูดเป็นอกาลิโก คือถูกต้อง ตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลา
๓. คำที่พระพุทธเจ้าพูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้จนกระทั่งปรินิพพานนั้นสอดรับไม่ขัดแย้งกัน
๔. พระพุทธเจ้าทรงบอกเหตุความอันตรธานของคำสอนเปรียบด้วยกลองศึก
๕. พระพุทธเจ้าทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำสอนของพระองค์เท่านั้นอย่าฟังผู้อื่น
๖. พระพุทธเจ้าทรงห้ามบัญญัติ เพิ่ม หรือ ตัดทอน สิ่งที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว
พระสูตรเพิ่มเติม : ทรงอนุญาต “สงฆ์จงเลิกถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ถ้าต้องการ”
หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้ว ประเด็นคือ
ก. เฉพาะด้านวินัย คือสิกขาเล็กน้อย เพิกถอนได้แต่ไม่ได้บอกให้เพิ่มเติมได้
ข. ด้านธรรมะ และสิกขาบทหลักมิได้อนุญาตให้เพิ่มหรือ ตัดทอน
๗. สำนึกเสมอว่า ตนเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
๘. พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ให้ทรงจำบทพยัญชนะและคำอธิบายอย่างถูกต้อง
พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อๆ ไป
๙. พระพุทธเจ้าทรงบอกวิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน
อันเกิดจากจำผิด อธิบายผิด ความลางเลือน ความบิดเบือนไปจากเดิม ว่าต้องทำอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรี ที่ตถาคต
ปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, ตลอดเวลาระหว่าง
นั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออกซึ่งถ้อยคำใด
ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียว
ทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย.
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ
ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้
คนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็นมรรคที่กล่าวกัน
แล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้ง
มรรค) เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย !
ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค)
เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน
เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่าง
กัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ กับภิกษุ
ผู้ปัญญาวิมุตต์.
อัคคิเวสนะ ! เรานั้นหรือ, จำเดิมแต่เริ่มแสดงกระทั่ง
คำสุดท้ายแห่งการกล่าวเรื่องนั้นๆ ย่อมตั้งไว้ซึ่งจิตในสมาธิ
นิมิตอันเป็นภายในโดยแท้ ให้จิตดำรงอยู่ ให้จิตตั้งมั่นอยู่
กระทำให้มีความเป็นจิตเอก ดังเช่นที่คนทั้งหลายเคยได้ยิน
ว่าเรากระทำอยู่เป็นประจำ ดังนี้.
ไม่ประมาท
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 194
ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้แจ้งข่าวนะครับ
วันที่ 8-9 ธันวาคมนี้ จะมีการเปิดเจดีย์หลวงตามหาบัวที่ร้อยเอ็ด ชื่อเจดีย์มหามงคลบัว ซึ่งเป็นเจดีย์เดียวที่ได้รับอนุญาตอย่างจากท่านหลวงตาในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้มาดูการถมที่ วางศิลาฤกษ์ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วยตัวท่านเอง
เจดีย์นี้นับเป็นเจดีย์ที่ได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้พื้นที่ เพราะเจดีย์ทั่วไปจะมีแต่รูปเคารพให้กราบไหว้ แต่ที่นี้ชั้นล่างสุดจะมีห้องอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านไทยอีสาน ซึ่งรวบรวมเพลงพื้นบ้านไทยอีสานไว้ (เป็นดำริของหลวงตามหาบัวเอง) เก็บไว้ในserver สามารถของฟังได้ทุกเพลง
ชั้นสองจะเป็นห้องสมุด ซึ่งรวบรวมหนังสือธรรมะที่แต่งโดยหลวงตามหาบัวทั้งหมดไว้ มีทั้งสำหรับแจกและสำหรับอ่านในห้องสมุด
นอกจากนี้ยังมีห้องฟังธรรมะของหลวงตา ซึ่งรวบรวมเทศน์ของหลวงตาตั้งแต่ปี 2510 กว่าๆจนถึงปัจจุบัน เก็บในserver สามารถรับฟังได้ทุกกัณฑ์
ชั้นสามเป็นรูปเหมือนหลวงตาและเป็นที่นั่งภาวนาสำหรับผู้ต้องการความสงบ
ชั้นสี่ ชั้นบนสุด เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน รูปเหมือนหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว และหลวงปู่หล้า โดยมีพระอัฐิธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้กราบไหว้ด้วย
ในงานนี้จะมีหลวงปู่แบนวัดดอยธรรมเจดีย์เป็นประธาน
ไม่มีการเรี่ยราย ไม่มีผ้าป่า ไม่มีการแจกจ่ายวัตถุมงคลใดๆในงานทั้งสิ้น
พิธีการเป็นงานเรียบง่ายตามแบบพระสายท่านหลวงปู่มั่น
วันที่ 8 ธันวาคม ตอนเย็นมีการทำวัตรเย็น กลางคืนสวดมหาสมัยสูตร
เช้าวันที่ 9 ธันวาคม ตักบาตรพระสงฆ์ พระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ชักผ้ามหาบังสุกุล และอนุโมทนา สวดพระปริตสมโภชน์เจดีย์ แล้วเป็นอันเสร็จพิธี
ขอบคุณครับ
วันที่ 8-9 ธันวาคมนี้ จะมีการเปิดเจดีย์หลวงตามหาบัวที่ร้อยเอ็ด ชื่อเจดีย์มหามงคลบัว ซึ่งเป็นเจดีย์เดียวที่ได้รับอนุญาตอย่างจากท่านหลวงตาในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้มาดูการถมที่ วางศิลาฤกษ์ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วยตัวท่านเอง
เจดีย์นี้นับเป็นเจดีย์ที่ได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้พื้นที่ เพราะเจดีย์ทั่วไปจะมีแต่รูปเคารพให้กราบไหว้ แต่ที่นี้ชั้นล่างสุดจะมีห้องอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านไทยอีสาน ซึ่งรวบรวมเพลงพื้นบ้านไทยอีสานไว้ (เป็นดำริของหลวงตามหาบัวเอง) เก็บไว้ในserver สามารถของฟังได้ทุกเพลง
ชั้นสองจะเป็นห้องสมุด ซึ่งรวบรวมหนังสือธรรมะที่แต่งโดยหลวงตามหาบัวทั้งหมดไว้ มีทั้งสำหรับแจกและสำหรับอ่านในห้องสมุด
นอกจากนี้ยังมีห้องฟังธรรมะของหลวงตา ซึ่งรวบรวมเทศน์ของหลวงตาตั้งแต่ปี 2510 กว่าๆจนถึงปัจจุบัน เก็บในserver สามารถรับฟังได้ทุกกัณฑ์
ชั้นสามเป็นรูปเหมือนหลวงตาและเป็นที่นั่งภาวนาสำหรับผู้ต้องการความสงบ
ชั้นสี่ ชั้นบนสุด เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน รูปเหมือนหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว และหลวงปู่หล้า โดยมีพระอัฐิธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้กราบไหว้ด้วย
ในงานนี้จะมีหลวงปู่แบนวัดดอยธรรมเจดีย์เป็นประธาน
ไม่มีการเรี่ยราย ไม่มีผ้าป่า ไม่มีการแจกจ่ายวัตถุมงคลใดๆในงานทั้งสิ้น
พิธีการเป็นงานเรียบง่ายตามแบบพระสายท่านหลวงปู่มั่น
วันที่ 8 ธันวาคม ตอนเย็นมีการทำวัตรเย็น กลางคืนสวดมหาสมัยสูตร
เช้าวันที่ 9 ธันวาคม ตักบาตรพระสงฆ์ พระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ชักผ้ามหาบังสุกุล และอนุโมทนา สวดพระปริตสมโภชน์เจดีย์ แล้วเป็นอันเสร็จพิธี
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 195
http://audio.palungjit.com/f22/%E0%B8%A ... -3497.html
บทที่26-27 นาลีผล
บทที่28 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระพุทธองค์
บทที่30 สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงในยุคนี้เป็นมะเร็งเต้านมกันมากขึ้น
บทที่26-27 นาลีผล
บทที่28 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระพุทธองค์
บทที่30 สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงในยุคนี้เป็นมะเร็งเต้านมกันมากขึ้น
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 196
ตามดูจิต
ลองใช้ดูนะครับ หากคิดอะไรขึ้นมาก็กำหนดรู้ รู้ว่าคิดแล้วก็หยุด
หากเกิดความคิดขึ้นมาใหม่ ก็กำหนดรู้ แล้วความคิดก็จะหยุด
เหมือนคอยจ้องจับอารมณ์คิด คือ ตามดูจิตนั่นเอง
เผื่อวิธีนี้อาจเหมาะกับจริตของบางคน อาจช่วยให้จิตสงบได้ครับ
ลองใช้ดูนะครับ หากคิดอะไรขึ้นมาก็กำหนดรู้ รู้ว่าคิดแล้วก็หยุด
หากเกิดความคิดขึ้นมาใหม่ ก็กำหนดรู้ แล้วความคิดก็จะหยุด
เหมือนคอยจ้องจับอารมณ์คิด คือ ตามดูจิตนั่นเอง
เผื่อวิธีนี้อาจเหมาะกับจริตของบางคน อาจช่วยให้จิตสงบได้ครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 197
หลังๆมานี้ ผมมักฝันแปลกๆ ไม่รู้ว่าหลายๆคนเคยเป็นหรือเปล่า
เขาว่าฝันมากเกิดจากความคิดมาก จิตฟุ้ง
แต่ผมเนี่ยเป็นเอามากฝันเกี่ยวกับหุ้น ผมเองเคยเล่าในกระทู้นี้เหมือนกัน แต่หลังๆฝันบ่อย
เลยรู้สึกว่ามันแปลก อาจเป็นเพราะมีความมุ่งหมายที่จะมีอิสระภาพทางการเงินในเร็ววัน
เลยทำให้จิตฟุ้ง นำไปฝันเป็นตุเป็นตะ
แต่ที่ว่าแปลกนั่นคือ มันเป็นฝันที่แม่นมากๆ และส่วนใหญ่ผมก็ไม่เชื่อ เพราะไม่คิดว่ามันจะ
มีมูลค่าตรงกับความฝันถึงขนาดนี้
ผมจึงว่ามันเป็นฝันที่แปลกๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่เคยมีความฝันลักษณะแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ
ยิ่งช่วงไหนที่ความโลภ โกรธ หลง ราคะ มีน้อยเนี่ย ฝันบ่อยเหลือเกินครับ
เคยเป็นกันบ้างไหม
เขาว่าฝันมากเกิดจากความคิดมาก จิตฟุ้ง
แต่ผมเนี่ยเป็นเอามากฝันเกี่ยวกับหุ้น ผมเองเคยเล่าในกระทู้นี้เหมือนกัน แต่หลังๆฝันบ่อย
เลยรู้สึกว่ามันแปลก อาจเป็นเพราะมีความมุ่งหมายที่จะมีอิสระภาพทางการเงินในเร็ววัน
เลยทำให้จิตฟุ้ง นำไปฝันเป็นตุเป็นตะ
แต่ที่ว่าแปลกนั่นคือ มันเป็นฝันที่แม่นมากๆ และส่วนใหญ่ผมก็ไม่เชื่อ เพราะไม่คิดว่ามันจะ
มีมูลค่าตรงกับความฝันถึงขนาดนี้
ผมจึงว่ามันเป็นฝันที่แปลกๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่เคยมีความฝันลักษณะแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ
ยิ่งช่วงไหนที่ความโลภ โกรธ หลง ราคะ มีน้อยเนี่ย ฝันบ่อยเหลือเกินครับ
เคยเป็นกันบ้างไหม
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 198
เรื่องหุ้นเคยฝันเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้ฝันเรื่องราคาหุ้นแต่ฝันทำนองว่าจะขาดทุนหนัก หลังจากนั้นผมก็ขาดทุนหนักจริงๆ ตอนนี้เพิ่งจะได้ทุนคืนครับ ส่วนฝันเรื่องอื่นๆก็เคยฝันเหมือนกัน บางเรื่องก็แม่นแบบไม่น่าเชื่อ เช่นตอนปี47ก่อนเกิดสึนามิผมฝันว่ามีคลื่นเข้ามาถล่มชายฝั่ง เริ่มฝันตั้งแต่พค. จากนั้นก็ฝันมาเรื่อยๆหลายครั้งมากๆ จนก่อนวันสึนามิหนึ่งวันคราวนี้ชัดสุด ในฝันว่ามีคลื่นยักษ์มาถล่มชายฝั่งราบเป็นหน้ากลอง แต่ร้านเรา(ตอนนั้นเปิดร้านขายของอยู่กระบี่)รอดไม่เป็นไร พอรุ่งอีกวันสึนามิก็มาจริงๆและผมก็รอดจริงๆ
บางเรื่องก็ไม่ได้ฝันแต่เห็นกันจริงๆต่อหน้าต่อตา เรื่องภูตผี เรื่องลึับผมเคยเจอมาแล้วทั้งนั้นครับ บางเรื่องก็ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ก็เคยเจอ แปลกดีครับ
บางเรื่องก็ไม่ได้ฝันแต่เห็นกันจริงๆต่อหน้าต่อตา เรื่องภูตผี เรื่องลึับผมเคยเจอมาแล้วทั้งนั้นครับ บางเรื่องก็ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ก็เคยเจอ แปลกดีครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 199
เรื่องประเภทนี้ผมกลับไม่เคยเจอเลยครับ ส่วนใหญ่จะฝันเฉพาะตอนจิตนิ่งๆcobain_vi เขียน:เรื่องภูตผี เรื่องลึับผมเคยเจอมาแล้วทั้งนั้นครับ
ที่ออฟฟิตก็มีน้องคนหนึ่งเจอเรื่องนี้บ่อย แต่น้องเขาเป็นคนที่มีโรคประจำตัว ป่วยบ่อย
หลังๆเห็นน้องเขาเล่าว่าเห็นจนชิน ฟังแล้วก็แปลกๆดีเหมือนกัน
การฝึกตนโดยใช้จิตดูจิตเป็นมรรค ย่อมได้รับผลคือนิโรธ เป็นวิธีทางแห่งความดับทุกข์นั้นแล
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 200
ขอเล่าต่ออีกหน่อยครับ ตอนที่ผมบวชยิ่งเจออะไรแปลกๆเยอะครับ บางทีกวาดลานวัดอยู่ดีๆก็นึกอยากฉันกระท้อนทั้งที่ไม่ใช่หน้าของมัน พอตอนเช้าแม่ก็เอากระท้อนมาถวาย ฝันเห็นเลขแทบทุกงวด(ผมบวชอยู่5เดือนกว่าๆฝันเห็นตลอด) ตอนไปเดินธุดงค์มีโยมคนนึงเอาอาหารมาถวายอยู่ดีๆก็อยากให้หวยเค้ามาเฉยๆ เลขมันผุดขึ้นมาเองเลยแต่หลวงพ่อเคยสั่งไว้ว่าห้ามให้หวยให้เบอร์เลยไม่ได้ให้เธอ พอตอนบ่ายๆหวยมันออกเลขนั้นจริงๆ ตอนผมเดินผ่านแถวไทรโยคเจอลูกไฟประหลาดพุ่งลงมานานมากเกือบชม.ได้ แต่ไม่มีใครเห็นเลยมีผมเห็นอยู่คนเดียว(ถามคนแถวนั้น ไม่มีใครเห็นเลยซักคน แปลก) เรื่องผีนี่ก็เจอบ่อยมากเจอจั๋งๆหลายครั้งแต่โชคดีที่ผมเป็นคนไม่กลัวผีไม่งั้นคงได้จับไข้หัวโกร๋นแน่ๆ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 201
ไม่ทราบว่าปัจจุบัน รักษาศีล 5 ข้อได้เป็นปรกติหรือเปล่าครับcobain_vi เขียน:ตอนผมเดินผ่านแถวไทรโยคเจอลูกไฟประหลาดพุ่งลงมานานมากเกือบชม.ได้ แต่ไม่มีใครเห็นเลยมีผมเห็นอยู่คนเดียว
มีศีลข้อไหนที่เน้นเป็นพิเศษไหมครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 202
ไม่มีข้อไหนเน้นเป็นพิเศษครับ แต่ข้อมุสา(ชอบเผลอยิงมุขเพื่อนตลอด)ต้องคอยระวัง บางทีมันเกินเลย ขาดสติไปบ้าง ข้ออื่นๆไม่มีเจตนะเมิดครับ(มีเผลอบ้างเช่นตบยุง แต่ไม่มีเจตนาครับ)
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 203
ผมเองก็พยายามรักษาให้ได้ทั้ง 5 ข้อ แต่จะมีข้อที่ 4 นี้จะยากสุดสำหรับผม
เพราะจะรวมการพูดเล่น นินทาเล็กๆไปด้วย ในวงเพื่อนออกแนวขำๆเลยรักษายากหน่อย
ส่วนข้ออื่นถือว่าอยู่ในอารมณ์ที่ปรกติดี แต่ก็มีเรื่องแปลกเกี่ยวกับความฝันอีกเกี่ยวกับการ
รักษาศีลเหมือนกัน โดยเฉพาะศีลข้อแรก ที่ผมมีความมุ่งมั่นมากที่จะรักษาไม่ให้เบียดเบียน
ชีวิตของทั้งคนและสัตว์
การเดินในระยะหลังมานี้ ก็จะก้มลงมองในระยะประมาณ 2 เมตร เพื่อระวังชีวิตของสัตว์ตัวเล็กๆ
ที่เราอาจเผลอไปเหยียบเอาได้ ในชีวิตจริงถือว่าเป็นปรกติดี แต่ตอนหลับกลับมีเรื่องการรักษาศีลนี้
มาฝันด้วย ช่วงแรกๆในความฝันเจอสัตว์ตัวเล็กๆเช่นมด รบกวน จนลำคาญมาก ถึงขั้นจุดไฟเผามด
ในฝันก็มี แต่หลังจากนั้นพยายามระลึกรู้ ก็เริ่มดีขึ้น บางครั้งฝันว่าจับปลาได้ กะว่าจะเอาไปทำอาหาร
สุดท้ายก็นำไปปล่อยในที่หนองน้ำใหญ่ๆ
ผมชอบคำพระที่ท่านกล่าวไว้ว่า "คนเรานี้ก็อารมณ์หนัก ยุงตัวเล็กๆมาขอเลือดเรากินนิดเดียว เรากลับ
ตบเขาเสียตาย แต่เราทำผิดเล็กๆน้อยๆ ไม่เห็นโดนฆ่าตายเลย"
ปล ไม่ได้ว่าคุณ cobain_vi นะครับ อย่าเข้าใจผิดล่ะ
เพราะกรรมนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา
เพราะจะรวมการพูดเล่น นินทาเล็กๆไปด้วย ในวงเพื่อนออกแนวขำๆเลยรักษายากหน่อย
ส่วนข้ออื่นถือว่าอยู่ในอารมณ์ที่ปรกติดี แต่ก็มีเรื่องแปลกเกี่ยวกับความฝันอีกเกี่ยวกับการ
รักษาศีลเหมือนกัน โดยเฉพาะศีลข้อแรก ที่ผมมีความมุ่งมั่นมากที่จะรักษาไม่ให้เบียดเบียน
ชีวิตของทั้งคนและสัตว์
การเดินในระยะหลังมานี้ ก็จะก้มลงมองในระยะประมาณ 2 เมตร เพื่อระวังชีวิตของสัตว์ตัวเล็กๆ
ที่เราอาจเผลอไปเหยียบเอาได้ ในชีวิตจริงถือว่าเป็นปรกติดี แต่ตอนหลับกลับมีเรื่องการรักษาศีลนี้
มาฝันด้วย ช่วงแรกๆในความฝันเจอสัตว์ตัวเล็กๆเช่นมด รบกวน จนลำคาญมาก ถึงขั้นจุดไฟเผามด
ในฝันก็มี แต่หลังจากนั้นพยายามระลึกรู้ ก็เริ่มดีขึ้น บางครั้งฝันว่าจับปลาได้ กะว่าจะเอาไปทำอาหาร
สุดท้ายก็นำไปปล่อยในที่หนองน้ำใหญ่ๆ
ผมชอบคำพระที่ท่านกล่าวไว้ว่า "คนเรานี้ก็อารมณ์หนัก ยุงตัวเล็กๆมาขอเลือดเรากินนิดเดียว เรากลับ
ตบเขาเสียตาย แต่เราทำผิดเล็กๆน้อยๆ ไม่เห็นโดนฆ่าตายเลย"
ปล ไม่ได้ว่าคุณ cobain_vi นะครับ อย่าเข้าใจผิดล่ะ
เพราะกรรมนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 205
ใช่ครับข้อ4รักษายากมาก ข้อมุสานอกจากหมายถึงพูดปด พูดส่อเสียด(พูดให้เขาแตกแยก)แล้ว ยังหมายถึงพูดเพ้อเจ้อด้วย แต่พูดเล่น ขำๆพอประมาณไม่ถือว่าผิดครับ(ผมเคยได้ยินครูบาอารย์พูดขำๆบ่อย)ยังนึกในใจว่ามุขท่านไม่ธรรมดาจริงๆ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 183
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 207
ใจเรานี่ไม่นิ่งจริงๆเลยค่ะ คิดโน่น นี่นั่น เรื่อยเปื่อย อนาคต อดีต ปนเปไปเรื่อย บางทีอยู่ดีๆก็รู้สึกหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ สังเกตุได้ว่าเป็นได้ทุกเดือน ผู้หญิงจะลำบากหน่อยค่ะ ถ้าคุณผู้ชายโดนเหวี่ยงใส่ละก็พยายามเข้าใจหน่อยนะคะ
ช่วงนี้นั่งสมาธิแล้วไม่ค่อยได้เท่าไหร่พอมีอาการซ่า ก็จะรู้ตัวและรู้สึกจั๊กจี้เหมือนในทีวีที่ใช้แป้งตรางู ทีนี้ก็เริ่มคิดไปเรื่อยปรุงแต่งไปเรื่อยๆ สนุกสนานกับการปรุงไปจนออกสมาธิ อุตส่าห์ใช้ชื่อล๊อคอินนี้ เพราะจะได้เตือนตัวเองให้พยายามขัดเกลาจิตใจให้ใสเหมือนแก้วทุกวัน T_T (โธ่เอ๋ย..แค่นี้อิชั้นก็ทำไม่ได้) ปลายเดือนว่าจะไปฝึกวิชาใหม่ค่ะ
ฝันกันแม่นจังค่ะ ถ้าฝันเห็นหุ้นก็บอกๆกันด้วยนะคะ
ช่วงนี้นั่งสมาธิแล้วไม่ค่อยได้เท่าไหร่พอมีอาการซ่า ก็จะรู้ตัวและรู้สึกจั๊กจี้เหมือนในทีวีที่ใช้แป้งตรางู ทีนี้ก็เริ่มคิดไปเรื่อยปรุงแต่งไปเรื่อยๆ สนุกสนานกับการปรุงไปจนออกสมาธิ อุตส่าห์ใช้ชื่อล๊อคอินนี้ เพราะจะได้เตือนตัวเองให้พยายามขัดเกลาจิตใจให้ใสเหมือนแก้วทุกวัน T_T (โธ่เอ๋ย..แค่นี้อิชั้นก็ทำไม่ได้) ปลายเดือนว่าจะไปฝึกวิชาใหม่ค่ะ
ฝันกันแม่นจังค่ะ ถ้าฝันเห็นหุ้นก็บอกๆกันด้วยนะคะ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 208
ผมว่าเป็นเรื่องปรกตินะครับ คนเรามักมีอาการจิตฟุ้งอยู่เรื่อยๆใจใส เขียน:ใจเรานี่ไม่นิ่งจริงๆเลยค่ะ คิดโน่น นี่นั่น เรื่อยเปื่อย
หลวงปู่เสาร์ท่านกล่าวไว้ว่า "ถ้าจิตมันเอาแต่หยุดนิ่ง มันก็ไม่ก้าวหน้า"
ผมก็เป็นอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกห้าวหาญ มีอารมณ์อยากนั่งสมาธิมาก
แต่พอนั่งจริงๆกลับจิตฟุ้ง แตกต่างจากตอนที่เครียดมากๆ นั่งสมาธิแล้วจิตนิ่ง
สำคัญสุดคือ ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ฝึกไปทีละนิด ไม่ต้องฝืน เหนื่อยก็พัก มีพลังงานมาก
ก็ฝึกต่อไป และก็อย่าเพลอหรือขี้เกียจฝึก ทำน้อยๆแต่เป็นประจำจะทำให้จิตมีพลังเพิ่ม
ขึ้นไปเรื่อยๆ
แค่จิตเป็นสมาธิเพียงหนึ่งนาที จะทำให้เรารู้ได้เลยว่า ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนเรานั้น
ประเสริฐสุดและอัศจรรย์เพียงใด
ไม่น่าเชื่อนะครับ แค่ทำใจให้สงบ จะทำให้รับรู้ถึงปีติสุขได้เพียงนี้ เหมือนเราอยู่ในโลกที่ว่างเปล่า
แต่มีความสุข เหมือนเราหลุดออกจากความวุ่นวาย มาพบทุ่งกว้าง
บางครั้งเรื่องเครียดๆทั้งหลาย ก็ละได้ที่ลมหายใจตรงปลายจมูกเท่านั้นเอง
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 183
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 209
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
เหมือนเราอยู่ในโลกที่ว่างเปล่า
แต่มีความสุข เหมือนเราหลุดออกจากความวุ่นวาย มาพบทุ่งกว้าง
คุณTum_H ผ่านมาแล้ว จะเดินรอยตามเพื่อจะได้สัมผัสบ้าง
บางครั้งเรื่องเครียดๆทั้งหลาย ก็ละได้ที่ลมหายใจตรงปลายจมูกเท่านั้นเอง
ชอบประโยคนี้จริงๆ ง่ายนิดเดียว แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ยอมละและมองข้ามไปหาวิธีอื่นและหวังว่าจะหลุดพ้น
เหมือนเราอยู่ในโลกที่ว่างเปล่า
แต่มีความสุข เหมือนเราหลุดออกจากความวุ่นวาย มาพบทุ่งกว้าง
คุณTum_H ผ่านมาแล้ว จะเดินรอยตามเพื่อจะได้สัมผัสบ้าง
บางครั้งเรื่องเครียดๆทั้งหลาย ก็ละได้ที่ลมหายใจตรงปลายจมูกเท่านั้นเอง
ชอบประโยคนี้จริงๆ ง่ายนิดเดียว แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ยอมละและมองข้ามไปหาวิธีอื่นและหวังว่าจะหลุดพ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI สายธรรมะ แนวพุทธปัญญา
โพสต์ที่ 210
ใจใส เขียน:ใจเรานี่ไม่นิ่งจริงๆเลยค่ะ คิดโน่น นี่นั่น เรื่อยเปื่อย อนาคต อดีต ปนเปไปเรื่อย บางทีอยู่ดีๆก็รู้สึกหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ สังเกตุได้ว่าเป็นได้ทุกเดือน ผู้หญิงจะลำบากหน่อยค่ะ ถ้าคุณผู้ชายโดนเหวี่ยงใส่ละก็พยายามเข้าใจหน่อยนะคะ
ช่วงนี้นั่งสมาธิแล้วไม่ค่อยได้เท่าไหร่พอมีอาการซ่า ก็จะรู้ตัวและรู้สึกจั๊กจี้เหมือนในทีวีที่ใช้แป้งตรางู ทีนี้ก็เริ่มคิดไปเรื่อยปรุงแต่งไปเรื่อยๆ สนุกสนานกับการปรุงไปจนออกสมาธิ อุตส่าห์ใช้ชื่อล๊อคอินนี้ เพราะจะได้เตือนตัวเองให้พยายามขัดเกลาจิตใจให้ใสเหมือนแก้วทุกวัน T_T (โธ่เอ๋ย..แค่นี้อิชั้นก็ทำไม่ได้) ปลายเดือนว่าจะไปฝึกวิชาใหม่ค่ะ
ฝันกันแม่นจังค่ะ ถ้าฝันเห็นหุ้นก็บอกๆกันด้วยนะคะ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา