ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 25 กรกฎาคม 2552
ชีวิตของคนเรานั้นมีช่วงที่ดี แย่ แย่มาก และดีมาก อาชีพของคนบางประเภทมักจะมีช่วงที่ดีและแย่แตกต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น นักแสดงนักร้องและนักกีฬาอาชีพนั้น ช่วงที่ดีมากของนักแสดงก็คือช่วงที่มีงานแสดงเข้ามามาก มีหนังหรือละครที่เป็นที่นิยมคนดูติดกันงอมแงม และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยงานการถ่ายแบบโฆษณาซึ่งทำรายได้มากมหาศาล ถ้าเป็นนักร้องหรือนักกีฬาก็เป็นช่วงที่เพลงติดชาร์ทหรือเป็นช่วงที่แข่งชนะในรายการสำคัญ ๆ ซึ่งมักจะตามมาด้วยชื่อเสียงและสุดท้ายก็คือโฆษณาซึ่งเป็นรายได้ที่สำคัญมาก นอกจากเรื่องของเงินและชื่อเสียงแล้ว ความรู้สึกที่ดีในการเป็นคนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางก็มักทำให้เจ้าตัวมีความสุขด้วย ช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ดังกล่าวนั้น ถ้าจะให้เรียกอย่างที่พูดแล้วเข้าใจได้ทันทีก็คือ เป็น “ปีทอง”
ชีวิตนักลงทุนเองก็เป็นชีวิตที่มีขึ้นมีลงคล้ายกับชีวิตของพวกนักแสดงเหมือนกันนั่นก็คือ ช่วงที่ขึ้นอาจจะดีมาก ในขณะที่ช่วงตกต่ำก็ย่ำแย่มากได้เช่นเดียวกัน ความแตกต่างอาจจะมีบ้างที่นักลงทุนนั้นมีชีวิตที่ยาวกว่านักแสดงหรือนักกีฬา นอกจากนั้น นักลงทุนไม่ได้ถูกกำหนดโดย “ช่วงเวลาทอง” หรือช่วงเวลาที่ชีวิตมีศักยภาพสูงสุดในการสร้างความสำเร็จอย่างนักแสดงหรือนักกีฬา พูดง่าย ๆ นักลงทุนอาจจะมี “ปีทอง” ไปได้เรื่อยจนกว่าชีวิตจะหมดสมรรถภาพ ในขณะที่นักแสดงและนักกีฬามักจะมีโอกาสทำได้ดีในช่วงที่ยังเป็นหนุ่มสาวเท่านั้น มาดูกันว่า สำหรับนักลงทุนแล้ว อะไรเป็นตัวที่กำหนดว่าปีไหนเป็น “ปีทอง” ของการลงทุนหรือของชีวิตของเขา
ในความเห็นของผม เงื่อนไขของการที่จะเป็น “ปีทอง” ของนักลงทุนนั้น ข้อแรก ปีนั้นเขาควรจะได้ผลตอบแทนสูงมาก ตัวเลขของแต่ละคนอาจจะต่างกันได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เรื่องขนาดของพอร์ตโฟลิโอ การกระจายการถือครองหุ้นหรือทรัพย์สิน เป็นต้น แต่โดยทั่วไปผมคิดว่า Value Investor ผู้มุ่งมั่นควรได้ผลตอบแทนรวมของการลงทุนไม่ต่ำกว่า 50% และนี่อาจจะเป็นข้อจำกัดในระดับหนึ่งเหมือนกันว่า “ปีทองของนักลงทุน” คนหนึ่งนั้น มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่เป็น “ปีทองของตลาดหุ้น” เพราะว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นดีมาก โอกาสก็สูงที่เราจะทำผลตอบแทนได้ดีมากเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่เสมอไป บางทีเราอาจจะทำได้ดีในช่วงที่ตลาดไม่ดีก็ได้ หรือในช่วงที่ตลาดดี เราก็อาจจะทำได้ไม่ใคร่ดีก็ได้
เงื่อนไขข้อสอง ซึ่งที่จริงก็ต่อมาจากข้อแรกก็คือ ปีทองควรเป็นปีที่เราทำได้ดีมากและเราต้องพอใจกับผลงานการลงทุนของเราด้วย ดังนั้น เราควรสร้างผลตอบแทนรวมได้สูงกว่าผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ในปีนั้น และคำว่าผลตอบแทนรวมของเรานั้น ผมหมายถึงผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องทั้งหมดของเราซึ่งรวมถึงเงินฝากและพันธบัตรหรือหน่วยลงทุนต่าง ๆ ของเราด้วย ดังนั้น ปีทองของการลงทุนของเราแทบจะเกิดไม่ได้เลยถ้าเงินส่วนใหญ่ของเราถูกฝากอยู่ในธนาคารที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาก
เงื่อนไขข้อสาม พอร์ตทรัพย์สินสภาพคล่องของเราควรจะอยู่ที่จุดสูงสุดหรือ “All Time High” นั่นก็คือ เป็นช่วงเวลาที่ความ “มั่งคั่ง” ของเราสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เงื่อนไขข้อนี้มีขึ้นเพื่อที่จะตัดความลำเอียงที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่ปีที่ผ่านมาพอร์ตเราอาจจะตกลงไปเยอะมากและผลตอบแทนในปีปัจจุบันอาจจะดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่สามารถ “ชดเชย” การขาดทุนในปีที่ผ่าน ๆ มาได้ ลักษณะเช่นนี้ เรายังไม่ควรเรียกว่าเป็นปีทอง เพราะคำว่าปีทองนั้นควรเป็นปีที่เรา “ร่ำรวยที่สุด” เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา
เงื่อนไขข้อสี่ ความมั่งคั่งโดยรวมของพอร์ตการลงทุนของเราควรจะเพิ่มขึ้นมากพอที่จะเรียกว่ามาก จำนวนเท่าไรคงบอกไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนบอกว่าได้กำไรปีนี้หนึ่งล้านบาทก็เป็นปีทองได้แล้วในขณะที่บางคนต้องเป็นสิบหรือร้อยล้านบาทถึงจะเรียกว่าปีทอง และนี่นำไปสู่เงื่อนไขข้อสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ
เงื่อนไขข้อห้า มันเป็นปีที่เราบรรลุถึง “หลักไมล์สำคัญ” เช่น เรามีเงินจากการลงทุนมากพอที่จะทำให้เรา มี “อิสรภาพทางการเงิน” ในระดับหนึ่ง หรือระดับสองหรือสาม หรือเรามีเงินครบล้านบาท หรือสิบล้านหรือร้อยล้านบาทตามที่เราได้ตั้งเป้าหมายในระยะยาวไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเงื่อนไขบางส่วนที่ผมคิดว่าสำคัญ การกำหนดหรือคิดว่าเป็น “ปีทอง” ของแต่ละคนนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน หลักสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ปีทองก็คือต้องเป็นปีที่ดีมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับผลงานในอดีตของเราเองด้วย
ก่อนจะจบบทความนี้ และด้วยภาวะตลาดหุ้นที่สดใสมากนับถึงวันนี้ประมาณครึ่งปีที่ตลาดหุ้นให้ให้ผลตอบแทนกว่า 30% แล้ว ผมหวังว่า Value Investor รุ่นเก่าหลายคนจะได้พบกับ “ปีทอง” ของตนเองอีกปีหนึ่ง และสำหรับ VI รุ่นใหม่จำนวนที่มากกว่ามากที่ยังไม่เคยพบกับ “ปีทอง” เลยนั้น ผมหวังว่า เมื่อสิ้นปีนี้ ถ้าทุกอย่างยังดีอยู่ เราอาจจะได้จารึกและจดจำว่า นี่คือ “ปีทองของการลงทุน” ที่เรามีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขมากจากการลงทุน
ชีวิตของคนเรานั้นมีช่วงที่ดี แย่ แย่มาก และดีมาก อาชีพของคนบางประเภทมักจะมีช่วงที่ดีและแย่แตกต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น นักแสดงนักร้องและนักกีฬาอาชีพนั้น ช่วงที่ดีมากของนักแสดงก็คือช่วงที่มีงานแสดงเข้ามามาก มีหนังหรือละครที่เป็นที่นิยมคนดูติดกันงอมแงม และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยงานการถ่ายแบบโฆษณาซึ่งทำรายได้มากมหาศาล ถ้าเป็นนักร้องหรือนักกีฬาก็เป็นช่วงที่เพลงติดชาร์ทหรือเป็นช่วงที่แข่งชนะในรายการสำคัญ ๆ ซึ่งมักจะตามมาด้วยชื่อเสียงและสุดท้ายก็คือโฆษณาซึ่งเป็นรายได้ที่สำคัญมาก นอกจากเรื่องของเงินและชื่อเสียงแล้ว ความรู้สึกที่ดีในการเป็นคนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางก็มักทำให้เจ้าตัวมีความสุขด้วย ช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ดังกล่าวนั้น ถ้าจะให้เรียกอย่างที่พูดแล้วเข้าใจได้ทันทีก็คือ เป็น “ปีทอง”
ชีวิตนักลงทุนเองก็เป็นชีวิตที่มีขึ้นมีลงคล้ายกับชีวิตของพวกนักแสดงเหมือนกันนั่นก็คือ ช่วงที่ขึ้นอาจจะดีมาก ในขณะที่ช่วงตกต่ำก็ย่ำแย่มากได้เช่นเดียวกัน ความแตกต่างอาจจะมีบ้างที่นักลงทุนนั้นมีชีวิตที่ยาวกว่านักแสดงหรือนักกีฬา นอกจากนั้น นักลงทุนไม่ได้ถูกกำหนดโดย “ช่วงเวลาทอง” หรือช่วงเวลาที่ชีวิตมีศักยภาพสูงสุดในการสร้างความสำเร็จอย่างนักแสดงหรือนักกีฬา พูดง่าย ๆ นักลงทุนอาจจะมี “ปีทอง” ไปได้เรื่อยจนกว่าชีวิตจะหมดสมรรถภาพ ในขณะที่นักแสดงและนักกีฬามักจะมีโอกาสทำได้ดีในช่วงที่ยังเป็นหนุ่มสาวเท่านั้น มาดูกันว่า สำหรับนักลงทุนแล้ว อะไรเป็นตัวที่กำหนดว่าปีไหนเป็น “ปีทอง” ของการลงทุนหรือของชีวิตของเขา
ในความเห็นของผม เงื่อนไขของการที่จะเป็น “ปีทอง” ของนักลงทุนนั้น ข้อแรก ปีนั้นเขาควรจะได้ผลตอบแทนสูงมาก ตัวเลขของแต่ละคนอาจจะต่างกันได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เรื่องขนาดของพอร์ตโฟลิโอ การกระจายการถือครองหุ้นหรือทรัพย์สิน เป็นต้น แต่โดยทั่วไปผมคิดว่า Value Investor ผู้มุ่งมั่นควรได้ผลตอบแทนรวมของการลงทุนไม่ต่ำกว่า 50% และนี่อาจจะเป็นข้อจำกัดในระดับหนึ่งเหมือนกันว่า “ปีทองของนักลงทุน” คนหนึ่งนั้น มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่เป็น “ปีทองของตลาดหุ้น” เพราะว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นดีมาก โอกาสก็สูงที่เราจะทำผลตอบแทนได้ดีมากเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่เสมอไป บางทีเราอาจจะทำได้ดีในช่วงที่ตลาดไม่ดีก็ได้ หรือในช่วงที่ตลาดดี เราก็อาจจะทำได้ไม่ใคร่ดีก็ได้
เงื่อนไขข้อสอง ซึ่งที่จริงก็ต่อมาจากข้อแรกก็คือ ปีทองควรเป็นปีที่เราทำได้ดีมากและเราต้องพอใจกับผลงานการลงทุนของเราด้วย ดังนั้น เราควรสร้างผลตอบแทนรวมได้สูงกว่าผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ในปีนั้น และคำว่าผลตอบแทนรวมของเรานั้น ผมหมายถึงผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องทั้งหมดของเราซึ่งรวมถึงเงินฝากและพันธบัตรหรือหน่วยลงทุนต่าง ๆ ของเราด้วย ดังนั้น ปีทองของการลงทุนของเราแทบจะเกิดไม่ได้เลยถ้าเงินส่วนใหญ่ของเราถูกฝากอยู่ในธนาคารที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาก
เงื่อนไขข้อสาม พอร์ตทรัพย์สินสภาพคล่องของเราควรจะอยู่ที่จุดสูงสุดหรือ “All Time High” นั่นก็คือ เป็นช่วงเวลาที่ความ “มั่งคั่ง” ของเราสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เงื่อนไขข้อนี้มีขึ้นเพื่อที่จะตัดความลำเอียงที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่ปีที่ผ่านมาพอร์ตเราอาจจะตกลงไปเยอะมากและผลตอบแทนในปีปัจจุบันอาจจะดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่สามารถ “ชดเชย” การขาดทุนในปีที่ผ่าน ๆ มาได้ ลักษณะเช่นนี้ เรายังไม่ควรเรียกว่าเป็นปีทอง เพราะคำว่าปีทองนั้นควรเป็นปีที่เรา “ร่ำรวยที่สุด” เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา
เงื่อนไขข้อสี่ ความมั่งคั่งโดยรวมของพอร์ตการลงทุนของเราควรจะเพิ่มขึ้นมากพอที่จะเรียกว่ามาก จำนวนเท่าไรคงบอกไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนบอกว่าได้กำไรปีนี้หนึ่งล้านบาทก็เป็นปีทองได้แล้วในขณะที่บางคนต้องเป็นสิบหรือร้อยล้านบาทถึงจะเรียกว่าปีทอง และนี่นำไปสู่เงื่อนไขข้อสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ
เงื่อนไขข้อห้า มันเป็นปีที่เราบรรลุถึง “หลักไมล์สำคัญ” เช่น เรามีเงินจากการลงทุนมากพอที่จะทำให้เรา มี “อิสรภาพทางการเงิน” ในระดับหนึ่ง หรือระดับสองหรือสาม หรือเรามีเงินครบล้านบาท หรือสิบล้านหรือร้อยล้านบาทตามที่เราได้ตั้งเป้าหมายในระยะยาวไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเงื่อนไขบางส่วนที่ผมคิดว่าสำคัญ การกำหนดหรือคิดว่าเป็น “ปีทอง” ของแต่ละคนนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน หลักสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ปีทองก็คือต้องเป็นปีที่ดีมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับผลงานในอดีตของเราเองด้วย
ก่อนจะจบบทความนี้ และด้วยภาวะตลาดหุ้นที่สดใสมากนับถึงวันนี้ประมาณครึ่งปีที่ตลาดหุ้นให้ให้ผลตอบแทนกว่า 30% แล้ว ผมหวังว่า Value Investor รุ่นเก่าหลายคนจะได้พบกับ “ปีทอง” ของตนเองอีกปีหนึ่ง และสำหรับ VI รุ่นใหม่จำนวนที่มากกว่ามากที่ยังไม่เคยพบกับ “ปีทอง” เลยนั้น ผมหวังว่า เมื่อสิ้นปีนี้ ถ้าทุกอย่างยังดีอยู่ เราอาจจะได้จารึกและจดจำว่า นี่คือ “ปีทองของการลงทุน” ที่เรามีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขมากจากการลงทุน
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ปีนี้คงเป็นปีทองของ ดร. นะครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 7
เออ...ถ้าตามเงื่อนไขของอาจารย์ทุกข้อ
คงยังไม่ใช่ปีทองของผม ครับ
แต่อากจะเป็นระดับหนึ่ง "ปีทองแดง"
หวังลึกๆว่าสิ้นปีนี้ อาจถือว่าเป็น "ปีเงิน" ก็ได้ (ถ้าทุกอย่างยังดีอยู่)
อีกสัก 4-5 ปี น่าจะเห็น "ปีทอง" (หยุดงานประจำ)
ของผมครับ
คงยังไม่ใช่ปีทองของผม ครับ
แต่อากจะเป็นระดับหนึ่ง "ปีทองแดง"
หวังลึกๆว่าสิ้นปีนี้ อาจถือว่าเป็น "ปีเงิน" ก็ได้ (ถ้าทุกอย่างยังดีอยู่)
อีกสัก 4-5 ปี น่าจะเห็น "ปีทอง" (หยุดงานประจำ)
ของผมครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
naris เขียน:"ที่เรามีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขมากจากการลงทุน"
ถ้ายึดประโยคนี้ ปีนี้เป็นปีทองของผมมากกว่าที่ผ่านๆมาครับ
แหมอยากฟัง พี่นริศแชร์ประสบการณ์จังเลยครับ
ว่า ความรู้สึกที่ดี และความสุขที่มาจากการลงทุนนั้น
มากับ profit ที่เป็นเงิน หรือมีอย่างอื่นเสริมมาด้วย
แต่ผมว่า พี่โจ ลูกอิสาน ก็ไม่แพ้กันครับ ได้บุตรอีกคน แถมกำไรอีกบานตะไท...
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- pongo
- Verified User
- โพสต์: 1075
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
สนับสนุนด้วย เอาตั้งกระทู้้ใหม่ไปเลย "นริศสอนน้อง" อะไรแบบเนี้ยBlueblood เขียน:โห งี้เมื่อไหร่ผมจะมีปีทองซะทีเนี่ย ปีที่แล้วทำไว้งามหน้าซะขนาดนั้น
ป.ล. อยากฟังแนวคิดพี่นริศเหมือนกันครับ ว่าทำไมถึงเปลี่ยนสไตล์กลายเป็นเต่าไปซะแล้ว
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ผมว่าด้วยความจำเป็น ของคุณนริศ มากกว่าBlueblood เขียน:โห งี้เมื่อไหร่ผมจะมีปีทองซะทีเนี่ย ปีที่แล้วทำไว้งามหน้าซะขนาดนั้น
ป.ล. อยากฟังแนวคิดพี่นริศเหมือนกันครับ ว่าทำไมถึงเปลี่ยนสไตล์กลายเป็นเต่าไปซะแล้ว
เพราะขนาดพอร์ตของเขาใหญ่ขึ้นมากครับ
การจะเข้าจะออกตัวไหนก็ทำได้ลำบากขึ้น
เลยต้องเน้นการลงทุนระยะยาวส่วนใหญ่
เลยเป็นอาจารย์ ดร. คนที่สองไปแล้วครับ
:lol:
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
อยากจะมีปีทองเหมือนพี่ๆ VI ท่านอื่นบ้าง
สู้ต่อไป ทาเคชิ !!!
สู้ต่อไป ทาเคชิ !!!
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
ปีทอง(คำ)
ท่านดร. ใบ้ว่าให้ไปลงทุนในทองคำแทนตลาดหุ้นหรือเปล่าครับเนี่ยะ
แฮะๆๆ
ท่านดร. ใบ้ว่าให้ไปลงทุนในทองคำแทนตลาดหุ้นหรือเปล่าครับเนี่ยะ
แฮะๆๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 16
ตกลงเป็นปีทองแล้วมั้ง :lol:Blueblood เขียน:โห งี้เมื่อไหร่ผมจะมีปีทองซะทีเนี่ย ปีที่แล้วทำไว้งามหน้าซะขนาดนั้น
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
กระทู้เริ่มต้น.ให้พี่งานเข้า มาจากเจ้านู๋สุดหล่อนี่เอง. :lol:Blueblood เขียน:โห งี้เมื่อไหร่ผมจะมีปีทองซะทีเนี่ย ปีที่แล้วทำไว้งามหน้าซะขนาดนั้น
ป.ล. อยากฟังแนวคิดพี่นริศเหมือนกันครับ ว่าทำไมถึงเปลี่ยนสไตล์กลายเป็นเต่าไปซะแล้ว
คำตอบง่ายๆหนู
ไม่รู้จะดิ้นรนให้จิตใจมันร้อนไปทำไม เราจะให้เงินทำงานให้เรา เพื่อให้จิตใจเราเป็นอิสระภาพจริงๆ หรือ จะให้ใจจิตใจเราถูกกระชากลากถูให้ร้อนด้วยเงิน เพราะความโลภที่กิเลสมันไม่เคยพอ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 19
เห็นด้วยเต็มที่ครับพี่ ผมเคยคิดเหมือนกันหลังจากไปบวชมา อยากจะหยุดเล่นหุ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ไปๆมาๆ แพ้กิเลสอีกแล้ว :evil: ไอ้เจ้ากิเลสนี่มันร้ายจริงๆ ... นับถือพี่หมดหัวใจเลยครับที่ชนะมันได้naris เขียน:
คำตอบง่ายๆหนู
ไม่รู้จะดิ้นรนให้จิตใจมันร้อนไปทำไม เราจะให้เงินทำงานให้เรา เพื่อให้จิตใจเราเป็นอิสระภาพจริงๆ หรือ จะให้ใจจิตใจเราถูกกระชากลากถูให้ร้อนด้วยเงิน เพราะความโลภที่กิเลสมันไม่เคยพอ
It's earnings that count
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
โอ๊ยถูกใจ.... ปีไข้ ...por_jai เขียน: อย่างนี้ปีที่แล้วของเจ้าหนู
เรียก 'ปีไข้' ไปก่อนก็ละกัน...ฮ่า...
รีบๆหน่อยนะ เดี๋ยวจะเรี่ยราด :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 22
555 พี่พอใจนิ่ มีมุกลำ้ลึกจิงจี้งๆ คิดได้ไง...ปีไข้...por_jai เขียน:
อย่างนี้ปีที่แล้วของเจ้าหนู
เรียก 'ปีไข้' ไปก่อนก็ละกัน...ฮ่า...
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 25
ปีทองของท่านอ. นับถือๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 28
ปีทองบ่อยๆก็ได้อิสระภาพทางการเงินเร็วขึ้นมากสิครับ :)
ปีที่แล้วผมพอมีโชคอยู่บ้างที่ได้ลงทุนในwarrant ของCIGที่90ตังค์และSVIที่51ตังค์
โชคดีที่หนทางขึ้นสู่สวรรค์แห่งการลงทุนไม่ได้มีแค่One Way kub :P
ปีที่แล้วผมพอมีโชคอยู่บ้างที่ได้ลงทุนในwarrant ของCIGที่90ตังค์และSVIที่51ตังค์
โชคดีที่หนทางขึ้นสู่สวรรค์แห่งการลงทุนไม่ได้มีแค่One Way kub :P
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 29
ปีนี้ผมทำกำไรหล่นเรี่ยราดเลยครับ :oops: :oops:
ตอนนี้ลุ้นให้ UMS กลับมาถึงจะเป็นปีทอง 555
ตอนนี้ลุ้นให้ UMS กลับมาถึงจะเป็นปีทอง 555
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
ปีทอง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
ปีนี้เปนปีทองในการเก็บหุ้นที่มีมูลค่าพื้นฐานต่ำกว่าความเปนจริง