ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 11:19 pm | 0 คอมเมนต์
อ้อนขอเวลาเคลียร์ระบบ บีทีเอสมึนส่วนต่อขยายไป ฝั่งธนฯขลุกขลัก
ไทยรัฐออนไลน์โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
5 มิถุนายน 2552, 06:30 น.
บีทีเอสยอมรับในช่วงแรกของการให้บริการส่วนต่อขยายสะพานตากสินเชื่อมไปยังกรุงธนบุรี-วงเวียนใหญ่ มีปัญหาขลุกขลักจริง แต่ก็พยายามแก้ไขปัญหา ยันไม่ได้ทิ้งคน...
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการสายปฏิบัติการ บริษัทระบบขนส่งรถกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส กล่าวยอมรับว่า การเปิดทดลองให้บริการฟรีในช่วงต่อขยายจากสะพานตากสิน-กรุงธนบุรี-วงเวียนใหญ่เมื่อ วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา มีปัญหาขลุกขลักจริง แต่ก็เป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะวันแรกเท่านั้น เพราะทีมงานพยายามที่จะแก้ไขปัญหาตลอด โดยปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะช่วงสถานีสะพานตากสินมีรางรถไฟรางเดียว สืบเนื่องจากนโยบายเดิมตั้งแต่อดีตที่ต้องการใช้สถานีสะพานตากสินให้เป็นสถานีชั่วคราว
เมื่อสร้างสถานีส่วนต่อขยายเสร็จก็จะรื้อเพราะไม่มีพื้นที่ขยายชานชาลา และเมื่อครั้งในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เคยมีนโยบายที่จะรื้อแต่ก็รื้อไม่ได้ เพราะชาวบ้านแถบนั้นและผู้ใช้บริการลงชื่อคัดค้าน พร้อมยืนยันสถานีนี้มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
ดังนั้น เมื่อรื้อสถานีสะพานตากสินไม่ได้ การเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อเชื่อมต่อไปยังส่วนขยาย ก็ต้องรอสลับรางในช่วงสะพานตากสินที่มีรางรถไฟรางเดียว เพื่อให้รถไฟอีกขบวนไปต่อไป ซึ่งการสลับรางทำให้ต้องใช้เวลาหลายนาที ประกอบกับเป็นช่วงทดลองระบบใหม่ด้วย ทุกอย่างก็ยังไม่สมบูรณ์ แบบ ทำให้เกิดปัญหาขึ้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนถึงจะเข้าที่เข้าทาง และผู้โดยสารจะใช้เวลารอสั้นลง ขณะเดียวกัน บีทีเอสกับกรุงเทพมหานครกำลังพิจารณาและศึกษาร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน (พีก) แบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 07.45-09.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 16.30-19.00 น. ดังนั้น จึงวางมาตรการแก้ปัญหาในช่วงเวลาดังกล่าว คือการเพิ่มขบวนรถเสริมไปสถานีสะพานตากสินและสะพานวงเวียนใหญ่ พร้อมให้พนักงานบีทีเอสใช้โทรโข่งประกาศบนสถานีสยามเพื่อคอยบอกผู้ใช้บริการว่า รถไฟขบวนนี้ไปสิ้นสุดที่สถานีสะพานตากสิน ถ้าจะไปลงสถานีกรุงธนบุรีและวงเวียนใหญ่ให้ขึ้นในขบวนถัดไป ซึ่งจะทำแบบนี้ไปตลอดระยะเวลา 6 เดือนจนกว่าผู้ใช้บริการจะชิน และดูป้ายบนหน้ารถไฟขบวนนี้จะไปสิ้นสุดที่สถานีไหน
ส่วนเรื่องระยะเวลาการรอขบวนรถไฟฟ้านั้นคงต้องค่อยๆปรับ เพราะเมื่อมีขบวนรถมาเสริม เชื่อว่าผู้โดยสารจะใช้เวลาในการรอขึ้นรถไฟไม่เกิน 3 นาที จากปัจจุบัน 4-5 นาที
นายสุรพงษ์ยังได้กล่าวต่อถึงกรณีที่ผู้โดยสารแจ้งว่า ได้ถูกทิ้งให้ลงสถานีสะพานตากสินนั้นเป็นเพราะบีทีเอสมีขบวนรถเสริม ซึ่งผู้โดยสารขึ้นรถไฟขบวนที่สิ้นสุดแค่สะพานตากสินเพราะลืมดูป้ายหน้ารถ ขณะเดียวกัน บีทีเอสก็ไม่ได้ ประกาศบอกผู้โดยสาร แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งผู้โดยสารอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะในช่วงเวลาเร่งด่วนมีผู้โดยสารหนาแน่นมากบนสถานีสยามดังนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาและให้ผู้โดยสารตามสถานีต่างๆรอนานเกินไป จึงจำเป็นต้องตีรถกลับจากสะพานตากสินกลับมาสถานีสยามโดยเร็ว ดังนั้น จึงอยากบอกผู้โดยสารที่จะเดินทางไปสายสีลมให้ดูป้ายหน้ารถไฟฟ้าให้ดีๆ และฟังประกาศจากพนักงานด้วย
"ปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ได้หนักหนาสาหัส สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งต่างจากครั้งแรกที่ก่อนที่จะเปิดให้บริการจริงเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 ที่เปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส อย่างเป็นทางการ ที่พนักงานทุกคนใหม่กับระบบคนใช้บริการก็ใหม่ ทำให้ต้องทำความเข้าใจกับทุกคน ตอนนั้นผมเชื่อว่าพนักงานทุกคนเครียดมากในตอนนั้น แต่ปัญหาก็คลี่คลายลงได้ ดังนั้นผมก็เชื่อมั่นอีกว่าการให้บริการส่วนต่อขยายก็คงมีปัญหาเหมือนกัน แต่ก็คงไม่มีความกังวลมากนัก เพราะเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้"
ปัจจุบันบีทีเอสมีรถไฟฟ้าวิ่งในเส้นทางสายสีลมจากสนามกีฬาแห่งชาติไปสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ มีขบวนรถวิ่งทั้งสิน 12 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้ ขนได้ตู้ละ 300 คน เส้นทางสายสุขุมวิท จากหมอชิต-อ่อนนุชมี 23 ขบวน และในอนาคตจะมีรถไฟเพิ่มมาอีก 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ทำให้บีทีเอสมีขบวนรถไฟวิ่งทั้งสิ้น 47 ขบวนแบ่งเป็นเส้นทางสายสีลม 12 ขบวน สายสุขุมวิท 35 ขบวน สาเหตุที่เส้นทางสุขุมวิทมีรถไฟวิ่งเยอะกว่า เพราะระยะเส้นทางยาวและมีผู้ใช้บริการหนาแน่นมากกว่า
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เปิดทดลองให้บริการฟรีในส่วนเส้นทางขยายมาเกือบครึ่งเดือนนั้น ยอดผู้ใช้บริการโดยรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดย 2 สถานีในส่วนต่อขยายมีประชาชนเดินทางไป-กลับวันละ 40,000 คน ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ใช้บริการอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนสถานีขึ้นลงเท่านั้น
สำหรับยอดผู้ใช้บริการของบีทีเอสโดยเฉลี่ยวันจันทร์-ศุกร์มียอดผู้ใช้บริการ 440,000 คนต่อวัน ส่วนวันเสาร์จะมีผู้ใช้บริการ 330,000 คนต่อวัน และวันอาทิตย์ 240,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 เล็กน้อย ส่วนรายได้สำหรับการเดินรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายนั้น บีทีเอสได้ลงนามในสัญญาการเป็นผู้บริหารจัดการและดูแลรถไฟฟ้าเป็นเวลา 28 เดือนคิดเป็นเงินค่าจ้าง 400 ล้านบาท โดยจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 2552 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สาเหตุที่ กทม.ต้องว่าจ้างให้บีทีเอสเป็นผู้ดูแลระบบและเดินรถไฟฟ้าในส่วนขยาย เป็นเพราะว่าในช่วงต่อขยาย กทม.ได้มอบหมายให้บริษัทกรุงเทพธนาคาร จำกัด เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างรางรถไฟฟ้าทั้งหมดแต่การเดินรถไฟฟ้าและดูแลตั้งแต่ระบบตั๋วและการดูแลทำความสะอาด และ ทุกๆอย่างบนสถานี บีทีเอสจะเป็นผู้ดูแลทั้งหมด ซึ่งต่างจากเส้นทางรถไฟฟ้า ปกติ เพราะบีทีเอสเป็นผู้บริหารและจัดการระบบเองทั้งหมด เพราะ กทม. ได้ให้สัมปทานกับบีทีเอสเป็นเวลา 30 ปี ปัจจุบันสัญญาสัมปทานเหลืออีก 20 ปี เพราะบีทีเอสได้เปิดให้บริการรถไฟฟ้ามาแล้วเกือบ 10 ปี.
http://www.thairath.co.th/content/eco/10818