อังคาร ก.ค. 24, 2007 11:04 am | 0 คอมเมนต์
Value Chain DSGT
ไม่เคยทำเหมือนกัน ลองทำดูค่ะ ได้จากการสอบถามพนักงานสองคน (ฝ่ายจัดการและฝ่ายขายย่อย) การศึกษาที่ตัวบรรจุภัณฑ์ และเว็บไซต์
www.unicharm.co.jp/english/
LOGISTICS
Sourcing & Procurement: การจัดซื้อของบริษัท สามารถทำให้ต้นทุนถูกกว่ารายย่อย เนื่องจากมีการรวมยอดสั่งซื้อจากโรงงาน 3 แห่งคือ โรงงานในมาเลเซีย ในอินโดนีเซีย และในไทย เข้าด้วยกัน แล้วจัดซื้อผ่านทางบริษัทแม่ DSGIF ทำให้มีอำนาจในการต่อรองราคามีมากขึ้น
Operation &Production มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกล่าวคือมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นกว่าเมื่อปี 48 และในอนาคตจะมีการเพิ่มเครื่องจักรอีก เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าที่ผลิตได้ให้ดีขึ้นและต้นทุนถูกกว่าเดิมอย่างต่อเนื่องด้วย
Warehousing & Delivery มีการเก็บสินค้าคงคลังไม่มากไป ไม่น้อยไป (ข้อมูลจากการสอบถามฝ่ายจัดการ) ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สิ้นเปลืองค่าจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปมากเกินจำเป็น ตัวโรงงานอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กระจายสินค้าหลักของห้าง Modern Trade ได้แก่ Big C, Lotus, 7-11
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้บริหารการขนส่งและกระจายสินค้าเอง โดยว่าจ้างบริษัทผู้ขนส่งรายย่อย(ซึ่งมีอำนาจต่อรองต่ำ) ทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกกว่าคู่แข่ง เช่นบริษัทยูนิชาร์ม เพราะใช้วิธีว่าจ้างให้บริษัทโอสถสภา เป็นผู้ดำเนินการกระจายสินค้าและจัดหาช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งจะต้องมีค่าจ้างดังกล่าวเป็นต้นทุนเกิดขึ้นอีก
MARKETING
ปัจจุบันนับว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นของบริษัทในการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง
Sales & Marketing บริษัทใช้กลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้บริโภคและปริมาณให้มากขึ้น
แม้จะยังไม่มีการโฆษณาออกทางสื่อมากนัก แต่สินค้าแบรนด์ Baby Love ก็ยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาด ของตลาดล่างได้ อย่างไรก็ดีคู่แข่งที่สำคัญคือ Drypers และ Huggies ก็หันมาใช้กลยุทธ์ราคาเช่นกัน ทาง DSGT ก็ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่
1 ใช้การส่งเสริมการขายเช่นจับรางวัล ณ จุดขายสินค้า โดยมีของรางวัลเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อสร้าง Brand Loyalty และความคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยที่จากเดิมจะเน้นการส่งเสริมการขายส่งกับร้านยี่ปั๊วมากกว่า
2 การ Rebranding และการ Repositioning สินค้า
จากเดิมที่มีการแบ่งเป็น Fitti แบรนด์บนสุด และแพงสุดในบรรดา 3 แบรนด์, Baby Love แบรนด์กลาง-ล่างราคาไม่แพง คุณภาพดีพอสมควร, Fitti Basic ถูกสุด คุณภาพน้อยกว่าเพี่อน
ซึ่งจะสร้างความสับสนให้ผู้บริโภคได้ว่ายี่ห้อ Fitti เป็นสินค้าเกรดใด คุณภาพดีหรือไม่และราคาแพงหรือไม่อย่างไรกันแน่
การผลิตปัจจุบันมีเหลือแค่ 2 แบรนด์คือ Baby Love และ Fitti Basic โดย Baby Love จะมีราคาต่อชิ้นและคุณภาพสูงกว่า Fitti Basic ในที่สุด Baby Love จึงกลายเป็นแบรนด์กลาง-บนที่ชูด้านคุณภาพ ในขณะที่ Fitti Basic แบรนด์กลาง-ล่างซึ่งจะชูจุดขายด้านราคาเป็นหลัก (ข้อมูลจากการสอบถามพนักงานขายของบริษัท) ดังนั้นการปรับเปลี่ยน Positioning ของตัวสินค้า ทำให้ลดความสับสนของผู้บริโภคได้มาก และทำให้แบรนด์ Fitti มีจุดขายที่ชัดเจนและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม
Customer Service
บริษัทมีการควบคุมคุณภาพการจัดเก็บและการขนส่งอย่างเข้มงวดอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าเมื่อถึงมือผู้บริโภค อย่างไรก็ดีที่บรรจุภัณฑ์ก็ไม่มีการประกาศเบอร์โทรศัพท์ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์อย่างชัดเจนเท่าของบริษัท ยูนิชาร์ม ที่ให้เบอร์สายด่วน Customer Service ไว้บนหีบห่ออย่างสวยงามชัดเจน
ในกรณีนี้บริษัทยูนิชาร์ม จึงมีโอกาสตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือ End users ได้ดีกว่าในอนาคต
ADDING VALUE
Quality มีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยการทำบรรจุภัณฑ์สวยงามขึ้น เพิ่มความสามารถในการซึมซับได้มากกว่าเดิม
People มีการฝึกอบรมพนักงานเรื่องความปลอดภัยและความสะอาดเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันเหตุอัคคีภัย และการปนเปื้อนของสินค้า
หมายเหตุ : ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะสินค้าในส่วนผ้าอ้อมเด็กเนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่ามาก และยังเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักให้กับบริษัท มากกว่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่อีกด้วย