อาทิตย์ พ.ย. 02, 2014 11:18 pm | 0 คอมเมนต์
วันนี้ขอเขียนสองเรื่อง
เรื่องแรกคือ การเลือกกองทุน LTF ของผมนั้น ผมเน้นที่กองไม่จ่ายปันผล มันตรงกันข้ามกับวงการเงินที่บอกว่าต้องเลือกกองทุนที่จ่ายปันผล ทำไมเป็นแบบนั้นหรือ
คำตอบของผมคือ เมื่อจ่ายปันผล ออกมา สมมติว่า 100 บาท ผมต้องเอาเงิน 100 บาทไปคิดภาษีตอนปลายปีด้วย
ถ้าหาก หัก ณ ที่จ่าย ไว้ ก็หักไว้ 10% ทำให้เหลือเงินจริงๆ 90 บาท ซึ่ง 10% นิสามารถคิดรวมกับภาษีตอนปลาย หรือไม่ก็ได้ ถ้าคิดแล้ว อาจจะได้คืน ถ้าหากคุณเป็นบุคคลที่มีรายได้น้อยกว่า 300,000 บาทตอ่ปี อาจจะได้เท่าทุนคือได้คืน10% ตอนปลายปีหากรายได้ไม่ถึง 500,000 บาท แต่ทว่าขาดทุนเมื่อรายได้ เกิน 500,000 บาทต่อปี
ซึ่งไม่รวมมูลค่าลดลงตามเวลา (time value of money) เพราะกว่าจะยื่นภาษี กว่าจะพิจารณา กว่าจะได้เงินคืน
ทำให้เป็นประเด็นหนึ่งที่ผมไม่คิดหากองทุน LTF ที่จ่ายปันผล หาแต่กองทุน LTF ที่ไม่จ่ายปันผลเป็นหลัก
ไม่จ่ายปันผล กองทุนก็เอาเงินปันผลไปลงทุนต่อ ทำให้ NAV เพิ่มเติม นั้นเอง ในประเด็นนี้เปรียบเทียบได้ว่า
บริษัทไม่จ่ายปันผล เก็บเิงินปันผลไปลงทุนต่อ นั้นเอง ทำให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่จ่ายปันผล (เงินมันต่อเงินนั้นเอง)
เรื่องที่สองที่เขียน คือ เรื่องของวงจรของรถยนต์ ที่มีผลจากรถยนต์คันแรก
ทำไมผมชอบเขียนเรื่องรถยนต์มากๆ เพราะรถยนต์นี้เป็นเหมือนสิ่งที่บ่งบอกฐานะของเจ้าของ ไม่เพียงเท่านั้น
มันคือ การบริโภคของเจ้าของรถ เนื่องจาก ล้อหมุนได้ ก็ต้องมี น้ำมันใส่รถยนต์ มีน้ำใส่หม้อน้ำ มีเงินจ่ายค่าภาษีป้าย ให้เงินบริษัทประกันภัยออกพรบ.เป็นอย่างน้อย ไปสูบลมเข้าล้อรถยนต์ เมื่อรถมีปัญหาก็เข้าอู่/ศูนย์เพื่อแก้ไข มันเป็นวงจรที่ใหญ่มากๆ เมื่อโดนมาตราการที่ว่า ถือครอง 5 ปี นั้นคืออะไร นั้นคือ การตัดวงจรการขายรถยนต์มือหนึ่งเป็นมือสองลง
วงจรการขายรถยนต์มือสองนั้น Supplier คือ ผู้ซื้อรถยต์มือหนึ่ง ถ้าไม่มีคนซื้อรถยนต์มือหนึ่ง ของก็ไม่มีในตลาด นั้นเอง
มือคนถือครองรถยนต์นานขึ้น ทำให้รถยนต์มือหนึ่งขายไม่ออกนั้นเอง
โดยส่วนใหญ่คนที่ซื้อรถยนต์ใหม่ได้นั้น ต้องมีกำลัีงเงิน เมื่อซื้อรถยนต์คันหนึ่งแล้ว ใช้งานไประยะก็ต้องการเปลี่ยนรถยนต์ ก็ต้องขายรถยนต์คันเดิมเป็นรถยนต์มือสองเพื่อเป็นทุนรอนในการซื้อรถคันถัดไป ดังนั้น วงจรของรถยนต์คันแรกนั้น มันเกิดการขายเป็นรถยนต์มือสองในปี 2560-2562 นั้นเอง จึงเกิดตลาดรถยนต์ทดแทนรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรก
อาจจะมีคนเถียงว่า เคสที่ไม่ถือครองครบก็ 5 ปีก็ได้ ก็โอนลอยเอาล่ะกัน แต่นั้นคือความเสี่ยงอีก ว่า้ถ้าไม่โอนเมื่อรถเกิดปัญหาชื่อของเจ้าของรถก็ปรากฏ ก็ต้องไล่กันเป็นลูกโซ่เลย ทำให้เสียเวลาโดยใช้เหตุหรือเปล่า
ยังมีอีก ถือครองไม่ครบ 5 ปีต้องคืนเงินให้แก่กรมสรรพามิต ด้วย
สิ่งนี้เคยเกิดมาไหม ก็บอกว่าเคยเกิดมาแล้ว แต่ไม่อัดมาแบบนี้มาก่อน (เกิดในช่วง 2546-2548 ในช่วงนั้นตลาดรถยนต์ขยายตัวอย่างมากเหมือนช่วง 2555-2556)