ใช่ครับ ผมพิมพ์ผิดไป :oops:Monet เขียน: เห็นด้วยครับ
ตัวเลือก ข. น่าจะเป็นว่า "ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท C"
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 31
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 32
งั้นขอตอบ ข. เพราะ GT ต้องเดาว่าผู้เล่นอื่นคิดไง ขืนรายย่อยทุกคนแห่ไป A ก็ได้ราคาต่ำ ผมหลีกไป C เพราะต้องมีคนตามมามากกว่า 50% แน่ๆ
I do not sleep. I dream.
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 33
ขายให้ A อะครับ แล้วภาวนาให้คนอื่นขายให้ C เยอะ ๆ
ถ้าผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และและก็บริหาร B ด้วย
แบบนี้เรียกประชุมเลยครับ รับซื้อทั้งหมดซัก 103 บาท
แล้วเอา 49.9 % ไปขาย A ได้ 105 บาท
ที่เหลือเอาไปขาย B ได้ 102
ได้ราคาเฉลี่ยประมาณ 103.5 กำไรหุ้นละ 50 สต.
:lol: :lol: :lol:

ถ้าผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และและก็บริหาร B ด้วย
แบบนี้เรียกประชุมเลยครับ รับซื้อทั้งหมดซัก 103 บาท
แล้วเอา 49.9 % ไปขาย A ได้ 105 บาท
ที่เหลือเอาไปขาย B ได้ 102
ได้ราคาเฉลี่ยประมาณ 103.5 กำไรหุ้นละ 50 สต.
:lol: :lol: :lol:
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 34
ปิดโต๊ะแล้วครับ ได้เวลาเฉลยคำตอบแล้ว
เกมนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีกลยุทธ์เด่น (Dominant Strategy) อยู่นะครับ ซึ่งกลยุทธ์นั้นได้แก่การตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท A หรือข้อ ก. นั่นเอง
เหตุผลก็คือว่ามี scenario ที่เป็นไปได้ 2 กรณีคือ
1. มีคนตอบรับ A น้อยกว่า 50% ในกรณีนี้ T/O ของบริษัท A จะล้มเหลว ทำให้ราคาตลาดกลับไป 100 หรือไม่ก็อาจทำให้ T/O ของบริษัท C สำเร็จแทนคือ 102 แต่เนื่องจากว่าคุณตอบรับบริษัท A ไป คุณจึงได้ขายที่ 105 ซึ่งสูงกว่าทั้งสองกรณี
2. มีคนตอบรับ A มากกว่า 50% กรณีนี้คุณตอบรับ A ไป ราคาเลวร้ายสุดที่คุณจะได้ก็คือ 97.50 ในขณะที่ถ้าคุณไม่ตอบรับคุณจะต้องขายที่ 90 ดังนั้นการตอบรับ A จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่ดี
จะเห็นได้ว่าไม่ว่ากรณีไหนจะเกิดขึ้น การตอบรับ A ก็ยังให้ผลตอบแทนแก่คุณมากที่สุดเสมอ ดังนั้น การตอบรับ A จึงเป็นกลยุทธ์เด่นของคุณ
มีผู้ตอบถูกเพียงท่านเดียวเท่านั้นคือ คุณ adi ครับ :cheers:
ในเกมที่มี DS จงคาดหวังว่าผู้เล่นที่มี DS จะเลือก DS ดังนั้นเมื่อรายย่อยทุกคนเลือก DS ผลก็คือ บริษัท A จะซื้อหุ้นของ B ได้ทั้งหมดในราคาเพียง 97.50 ซึ่งต่ำที่สุดและต่ำกว่าราคาตลาดเสียด้วย วิธีนี้ทำให้บริษัท A สามารถซื้อ B ได้ในราคาต่ำๆ ต้องปรบมือให้กับ IB ของ A เสียจริงๆ ที่คิดวิธีนี้ออก ถ้ามีสัก 1000 ล้านหุ้น ประหยัดไปหุ้นละ 2.5 ดอล ก็เท่ากับประหยัดไปถึง 2500ล้านดอล ต่อให้ค่าจ้าง IB สัก 500 ล้านดอลก็ยังคุ้มเลย นับว่า IB รายนี้ทำงานคุ้มเงินจริงๆ ครับ
ตรงกันข้าม น่าตำหนิ IB ของ C เพราะจัด Deal ผิดพลาดมาก ในสถานการณ์แบบนี้ C ไม่ควร T/O แบบมีเงื่อนไข (เงื่อนไขคือถ้าไม่ได้ 100% จะไม่รับซื้อ) เพราะถ้าเป็นการรับซื้อแบบไม่มีเงื่อนไขจะทำให้จุด ก เสียดุลยภาพของแนชทันที เพราะถ้าทุกคนอ่านออกว่าข้อ ก. จะต้องเกิดขึ้น ทุกคนย่อมรู้ว่าตัวเองจะขายได้แค่ 97.50 เท่านั้น แต่ทางเลือกที่ดีกว่ายังมีอยู่คือตอบรับ C เพราะได้ 102 เนื่องจาก C รับซื้ออย่างไม่มีเงื่อนไข ดังนั้นข้อ ก. จะไม่กลายเป็น Nash Equilibrium อีกต่อไปเพราะ Nash Equilibrium ต้องเป็นจุดที่ผู้เล่นไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเหลืออยู่เลย ดังนั้น IB ของ C เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ครับ
ในสถานการณ์จริงนั้น แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดไม่ออกว่า ข้อ ก. เป็น DS แต่ถ้ามีคนจำนวนหนึ่งคิดออก จุดสมดุลก็จะเกิดขึ้นได้ เพราะก็จะมีการบอกต่อๆ กันไป ดังนั้นจึงเป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่าบางครั้งแม้คนส่วนใหญ่ในตลาดจะไม่ rational แต่ market ก็อาจ efficient ได้ ขอให้มีคนที่ rational อยู่ในตลาดแค่ไม่กี่คนก็พอ
เรื่องจริงก็คือ บริษัท A ซื้อ B ไปได้เป็นผลสำเร็จจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี A ก็ประสบปัญหาหนี้สิน ทำให้ B ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายในที่สุด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ชนะในสงคราม T/O bid ก็อาจพ่ายแพ้ในสงครามธุรกิจได้นะครับ
(บริษัท A ที่จริงแล้วเป็นบุคคลธรรมดาชื่อ Robert Campeau ส่วนบริษัท B คือ ห้าง Federated Store และ บริษัท C ก็คือ ห้าง Macy's ในอเมริกานั่นเองครับ)
เกมนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีกลยุทธ์เด่น (Dominant Strategy) อยู่นะครับ ซึ่งกลยุทธ์นั้นได้แก่การตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท A หรือข้อ ก. นั่นเอง
เหตุผลก็คือว่ามี scenario ที่เป็นไปได้ 2 กรณีคือ
1. มีคนตอบรับ A น้อยกว่า 50% ในกรณีนี้ T/O ของบริษัท A จะล้มเหลว ทำให้ราคาตลาดกลับไป 100 หรือไม่ก็อาจทำให้ T/O ของบริษัท C สำเร็จแทนคือ 102 แต่เนื่องจากว่าคุณตอบรับบริษัท A ไป คุณจึงได้ขายที่ 105 ซึ่งสูงกว่าทั้งสองกรณี
2. มีคนตอบรับ A มากกว่า 50% กรณีนี้คุณตอบรับ A ไป ราคาเลวร้ายสุดที่คุณจะได้ก็คือ 97.50 ในขณะที่ถ้าคุณไม่ตอบรับคุณจะต้องขายที่ 90 ดังนั้นการตอบรับ A จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่ดี
จะเห็นได้ว่าไม่ว่ากรณีไหนจะเกิดขึ้น การตอบรับ A ก็ยังให้ผลตอบแทนแก่คุณมากที่สุดเสมอ ดังนั้น การตอบรับ A จึงเป็นกลยุทธ์เด่นของคุณ
มีผู้ตอบถูกเพียงท่านเดียวเท่านั้นคือ คุณ adi ครับ :cheers:
ในเกมที่มี DS จงคาดหวังว่าผู้เล่นที่มี DS จะเลือก DS ดังนั้นเมื่อรายย่อยทุกคนเลือก DS ผลก็คือ บริษัท A จะซื้อหุ้นของ B ได้ทั้งหมดในราคาเพียง 97.50 ซึ่งต่ำที่สุดและต่ำกว่าราคาตลาดเสียด้วย วิธีนี้ทำให้บริษัท A สามารถซื้อ B ได้ในราคาต่ำๆ ต้องปรบมือให้กับ IB ของ A เสียจริงๆ ที่คิดวิธีนี้ออก ถ้ามีสัก 1000 ล้านหุ้น ประหยัดไปหุ้นละ 2.5 ดอล ก็เท่ากับประหยัดไปถึง 2500ล้านดอล ต่อให้ค่าจ้าง IB สัก 500 ล้านดอลก็ยังคุ้มเลย นับว่า IB รายนี้ทำงานคุ้มเงินจริงๆ ครับ
ตรงกันข้าม น่าตำหนิ IB ของ C เพราะจัด Deal ผิดพลาดมาก ในสถานการณ์แบบนี้ C ไม่ควร T/O แบบมีเงื่อนไข (เงื่อนไขคือถ้าไม่ได้ 100% จะไม่รับซื้อ) เพราะถ้าเป็นการรับซื้อแบบไม่มีเงื่อนไขจะทำให้จุด ก เสียดุลยภาพของแนชทันที เพราะถ้าทุกคนอ่านออกว่าข้อ ก. จะต้องเกิดขึ้น ทุกคนย่อมรู้ว่าตัวเองจะขายได้แค่ 97.50 เท่านั้น แต่ทางเลือกที่ดีกว่ายังมีอยู่คือตอบรับ C เพราะได้ 102 เนื่องจาก C รับซื้ออย่างไม่มีเงื่อนไข ดังนั้นข้อ ก. จะไม่กลายเป็น Nash Equilibrium อีกต่อไปเพราะ Nash Equilibrium ต้องเป็นจุดที่ผู้เล่นไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเหลืออยู่เลย ดังนั้น IB ของ C เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ครับ
ในสถานการณ์จริงนั้น แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดไม่ออกว่า ข้อ ก. เป็น DS แต่ถ้ามีคนจำนวนหนึ่งคิดออก จุดสมดุลก็จะเกิดขึ้นได้ เพราะก็จะมีการบอกต่อๆ กันไป ดังนั้นจึงเป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่าบางครั้งแม้คนส่วนใหญ่ในตลาดจะไม่ rational แต่ market ก็อาจ efficient ได้ ขอให้มีคนที่ rational อยู่ในตลาดแค่ไม่กี่คนก็พอ
เรื่องจริงก็คือ บริษัท A ซื้อ B ไปได้เป็นผลสำเร็จจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี A ก็ประสบปัญหาหนี้สิน ทำให้ B ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายในที่สุด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ชนะในสงคราม T/O bid ก็อาจพ่ายแพ้ในสงครามธุรกิจได้นะครับ
(บริษัท A ที่จริงแล้วเป็นบุคคลธรรมดาชื่อ Robert Campeau ส่วนบริษัท B คือ ห้าง Federated Store และ บริษัท C ก็คือ ห้าง Macy's ในอเมริกานั่นเองครับ)
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 36
แง้ ตอบผิด
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 37
ที่คุณสุมาอี้ให้เลือกนั้นคือ choice ที่จะขายให้ใครระหว่างคนทำ Tender 2 ฝ่าย
แต่ในทางเป็นจริง ผมคิดว่าถ้ามี Choice ที่ 3 ก็คือ ขายที่ตลาดบางส่วนก็ได้เป็นต้น ผลตอบแทนก็ยิ่งจะดีขึ้นครับคือ
เรารายย่อยอาจประชุมร่วมมือกัน ห้ามหักหลังกันนะครับ ขายหุ้นส่วนหนึ่งที่เกินกว่า 50 % ในตลาดที่ราคา 100 บาท แล้ว ฮั้วกันขายให้ ก. ในส่วนที่เหลือในราคา 105 บาท
แบบนี้ ทุกคนก็ Win Win และเป็น Dominant Strategy อย่างแน่นอน เพราะขาย 50% แรกในราคา 105 บาท และต่ำกว่า 50% ในราคา 100 บาท จะทำให้ไม่เกิด Worse Case Scenerio ที่ต่ำกว่า 100 บาท ได้ครับ หิ หิ ตอบช้าไป แบบนี้ผมเลือก Choice ที่ 3 ฮั้วกันดีกว่า เพื่อได้กำไรสูงสุดครับ :D
แต่ในทางเป็นจริง ผมคิดว่าถ้ามี Choice ที่ 3 ก็คือ ขายที่ตลาดบางส่วนก็ได้เป็นต้น ผลตอบแทนก็ยิ่งจะดีขึ้นครับคือ
เรารายย่อยอาจประชุมร่วมมือกัน ห้ามหักหลังกันนะครับ ขายหุ้นส่วนหนึ่งที่เกินกว่า 50 % ในตลาดที่ราคา 100 บาท แล้ว ฮั้วกันขายให้ ก. ในส่วนที่เหลือในราคา 105 บาท
แบบนี้ ทุกคนก็ Win Win และเป็น Dominant Strategy อย่างแน่นอน เพราะขาย 50% แรกในราคา 105 บาท และต่ำกว่า 50% ในราคา 100 บาท จะทำให้ไม่เกิด Worse Case Scenerio ที่ต่ำกว่า 100 บาท ได้ครับ หิ หิ ตอบช้าไป แบบนี้ผมเลือก Choice ที่ 3 ฮั้วกันดีกว่า เพื่อได้กำไรสูงสุดครับ :D
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 40
เกมที่ DS เป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนต่ำมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Prisoners' Dilemma เกม T/O นี้ก็เข้าข่าย PD
ปัญหาของเกม PD ก็คือ ความหวาดระแวงกันเองระหว่างผู้เล่น การฮั้วจึงมักจะฮั้วแตกอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นทุกคนจึงขอยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำเพราะคิดว่ายังไงเสียก็ยังดีกว่าถูกหักหลัง
ปัญหาของเกม PD ก็คือ ความหวาดระแวงกันเองระหว่างผู้เล่น การฮั้วจึงมักจะฮั้วแตกอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นทุกคนจึงขอยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำเพราะคิดว่ายังไงเสียก็ยังดีกว่าถูกหักหลัง
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 41
พี่สุมาอีช่วยไป
ตอบกระทู้ใน miscellenouesหน่อย ชื่อว่า ความกลัว
อยากให้พี่ช่วยสาธิตในการใช้ Game Theory จัดการกับ
เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความกลัว เช่นในกรณีที่มี ผู้ประสงค์ร้ายต่อเรา
ครับ
ตอบกระทู้ใน miscellenouesหน่อย ชื่อว่า ความกลัว
อยากให้พี่ช่วยสาธิตในการใช้ Game Theory จัดการกับ
เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความกลัว เช่นในกรณีที่มี ผู้ประสงค์ร้ายต่อเรา
ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 42
Lose but fun 

I do not sleep. I dream.
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 44
ขอถามนิดนึงครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ
ถ้าในกรณี บริษัท A T/O ได้สำเร็จไปแล้ว ที่บอกว่า ถ้าจะขายคืนให้ก็ทีหลังก็ได้แต่แต่ซื้อคืนที่ราคา 90 บาท ถ้าผมไม่ขายให้จะเป็นยังไงครับ ถ้าบริษัทออกจากตลาดไปแล้ว แต่ผมยังถือหุ้นนั้นอยู่จะมีผลอะไรเหรอครับ
ผมไม่รู้จริงๆอะครับ
น่ากลัวจัง ถ้าเกิดผมไม่ติดตามข่าวนานๆ ถ้าเกิดเค้ารับซื้อคืนที่ราคาต่ำๆ ผมจะก็ขาดทุนเลยรึเปล่าครับ
ถ้าในกรณี บริษัท A T/O ได้สำเร็จไปแล้ว ที่บอกว่า ถ้าจะขายคืนให้ก็ทีหลังก็ได้แต่แต่ซื้อคืนที่ราคา 90 บาท ถ้าผมไม่ขายให้จะเป็นยังไงครับ ถ้าบริษัทออกจากตลาดไปแล้ว แต่ผมยังถือหุ้นนั้นอยู่จะมีผลอะไรเหรอครับ
ผมไม่รู้จริงๆอะครับ