Thai VI

ไม่เข้าใจ

ราคาแถวนี้ต่ำกว่าตอนscc ซื้อครั้งก่อนอีกแฮะ
ไม่คิดว่าจะได้เห็น

50% ......

ขณะนี้ราคา 16.00 บาท ลดลง 1 บาท

กำไรลด เพราะ เหตุนี้ป่าวครับ ถ้าจริงและ demand มากก็ดีแน่ๆ เป็นโอกาสในการซื้อของถูกครับ แต่ถ้า หมด cycle แล้ว ผมถือว่า ผมซื้อตอนยอดดอยเลยนะครับเนี่ย

บอร์ดTPCอนุมัติทุ่มเงิน 2.2 พันลบ. ลงทุนในสายการผลิตพีวีซี

นายเทพ วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์
จำกัด (มหาชน)(TPC)เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
ครั้งที่ 75 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2548 อนุมัติการลงทุนเพื่อย้ายกำลังการผลิตพีวีซี
จากโรงงานสมุทรปราการไปที่โรงงานระยอง โดยลงทุนในสายการผลิตใหม่
100,000 ตันต่อปี ใช้เงินลงทุน 2,200 ล้านบาท โดยจะใช้เทคโนโลยีที่สูงกว่า
ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง โดยเริ่มดำเนินโครงการภายในไตรมาสที่ 2
ของปี พ.ศ. 2548 นี้
นายเทพกล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมา
ที่จะเข้าดำเนินการก่อสร้างสายการผลิตพีวีซีใหม่ โดยทั้งนี้ ผู้รับเหมาดังกล่าว
ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ้นกับบริษัทฯ
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น บริษัทฯ คาดว่าการลงทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ
มีกำลังการผลิตระดับที่เหมาะสมเพียงพอกับความต้องการของตลาดและสามารถ
แข่งขันได้
ส่วนแหล่งเงินทุน บริษัทฯ คาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากกำไรสะสมของ
บริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน3 ของเงินลงทุนทั้งหมด ที่เหลือเป็นการกู้ยืม
จากสถาบันการเงิน
ด้านคณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า รายการดังกล่าวข้างต้นเป็นการเข้าทำ
รายการที่มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯและอนุมัติแต่งตั้งนายคเณศ
ขาวจันทร์ เป็นรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด
(มหาชน) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548

แหล่งข่าว efinancethai.com

โอ๊ะๆ มาอ่านอีกที โรงงานใหม่ เริ่มสร้าง ไตรมาสสอง 48 นี่นา ซวยล่ะสิ ทำไมกำไรลดลงขนาดนี้นะ

สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)

ก่อนสอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ไตรมาสที่ 1
ปี 2548 2547

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 500,982 1,025,410
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.57 1.17

หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ"


_______________________
( นายอำพล เรืองธุระกิจ )
ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสนับสนุนธุรกิจ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ



เรื่อง นำส่งงบการเงินก่อนสอบทานและชี้แจงผลประกอบการประจำไตรมาสที่1 ปี 2548

เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด(มหาชน) และบริษัทย่อย ขอนำส่งงบการเงิน
ประไตรมาสที่ 1 ปี 2548 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย(ก่อนสอบทาน) พร้อมด้วยคำอธิบาย
และการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของฝ่ายจัดการ โดยมีผลการดำเนินงาน
ที่เป็นสาระสำคัญ ดังนี้

บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวม 6,769
ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,250 ล้านบาท หรือร้อยละ 23 ซึ่งเป็นผลจากราคาขาย
และปริมาณขายที่สูงขึ้น ทั้งด้านผลิตภัณฑ์พีวีซีและสินค้าสำเร็จรูป

บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 501 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนลดลง 524
ล้านบาท หรือร้อยละ 51 เนื่องจากการปรับตัวของราคาวัตถุดิบหลักที่เพิ่มสูงขึ้น

สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 19,968 ล้านบาท ลดลงจาก
ปลายปี 2547 เท่ากับ 166 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการลดลงของปริมาณสินค้าคงคลัง

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ


กำไรลดลง

ปกติไตรมาสแรกจะกำไรมากที่สุดในรอบปีรึเปล่า

จึงอาจเป็นเหตุให้นักลงทุนหวั่นไหว AB normal

เมื่อกี้เพิ่งโทรไปถามฝ่าย IR ของ TPC มา (ทำไมไม่ถามก่อนงบออก (วะ))
1. สิ่งที่ทุกคนรู้แต่ผมไม่รู้คนเดียวคือ ราคาวัตถุดิบคือ Athlene เพิ่มขึ้นเกือบ 200 เหรียญ แต่ราคาขาย PVC เพิ่มแค่ 20-30 เหรียญ เพราะลูกค้ารับราคาที่เพิ่มขึ้นกว่านี้ไม่ได้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าภายในประเทศ จีนไม่มีผลกับยอดขายเท่าไหร่ กำไรเลยลดฮวบ ประกอบกับ ไตรมาส1ของ ปีที่แล้วมีปันผลจากการลงทุนในบริษัทผลิต Athlene ด้วยทำให้กำไรดีกว่าปกติ

2.เค้าบอกว่า อย่าเอากำไรมาเทียบกันกับปีที่แล้ว เพราะสูงมากผิดปกติ (เนื่องจากราคาท่อพีวีซีในประเทศสามารถขึ้นได้มาก พอๆ กับ ราคาวัตถุดิบที่เพิ่ม) ผมก็เลยถามกลับไปว่า สรุปว่าเป็น peak ของ cycle หรือเปล่า เค้าบอกว่า บอกไม่ได้ (หรือไม่บอก กันแน่) แต่ถ้าเทียบกับสามสี่ปีก่อนถือว่า ยังดีมาก ผมล่ะกลัวจริงๆ ว่าปีที่แล้วจะเป็นยอดดอยของวัฎจักร (บทเรียนราคาแพงอีกอันของ กับดักหุ้นปันผลและลงทุนในหุ้นที่มีวัฎจักร

3. ผมถามต่อว่าแนวโน้มส่วนต่างราคาที่กดดันกำไรเนี่ย จะดีขึ้นหรือไม่ เค้าบอกว่า น่าจะดีขึ้นเพราะ ตอนนี้มีโรงงานผลิต Athlene ขึ้นในจีนอีกหลายโรง ซึ่ง "น่าจะ" (แค่น่าจะ) ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

4. เรื่องข่าวโรงงานข้างต้นที่จะย้ายเพราะ ผังเมืองจะย้ายชุมชนและทางด่วน เข้าไปแถวโรงงานที่พระประแดง ทำให้ในอนาคตไม่สะดวกแน่ จะผลิตไปเรื่อยๆ จนกว่าโรงงานใหม่ที่ระยอง (ได้รับBOI) จะแล้วเสร้จ จะเริ่มรับรู้รายได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเงินลงทุนไม่ได้เอา Earning แต่ละปีมาลงทุน เค้าบอกว่าสบายใจได้เรื่องปันผล (สบายใจได้ไง ในเมื่อกำไรลด ปันผลก็ลดแน่ๆ อยู่แล้ว ฮ่วย)

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. หุ้นที่เราคิดว่าดี บางทีมันอาจจะเป็นหุ้นวัฎจักร ซึ่งเราไปซื้อในช่วงพีคพอดี
2. กิจการที่ช่วงนั้นอาจจะดีจริง อาจจะไม่ใช่หุ้นที่ดี (คนไม่นิยม ไม่มีแรงซื้อเท่าที่ควร ข่าวดีก็ไม่ค่อยรับ ข่าวร้าย รับเละ)
3. สัจธรรมที่เฮียคลายเครียดบอก โลภเท่าความรู้ที่มีนั้นเป็นจริง
4. เฮีย wpong บอกว่า ผมซื้อหุ้นตัวเดียวกับคนอื่น แต่รู้ไม่เท่าคนอื่น ดังนั้น ไม่มีทางสู้คนอื่นได้นั้นเป็นจริง ต้องแก้ไขอย่างรุนแรง รวดเร็ว
5. กับดักเงินปันผลของ ดร.นิเวศน์ ผมได้ลิ้มลองแล้ว นรกมีจริง
6. การเข้าใจกิจการเป็นอย่างดี เป็นสิ่งจำเป็นในการลงทุน
7. พอน้ำลด ตอก็ผุด พอหุ้นลง ข่าวร้ายๆ หรือ Fact ที่ไม่ดี ที่นักวิเคราะห์ให้คนโลภ ให้คาดหวังมากๆ ไล่ราคาไปจนยอดดอย ก็โผล่มาเพียบ ราคาก็ลงให้สอดคล้องกับความเป็นจริง อาจจะชั่วคราวหรือถาวร
8. อย่าคันไม้คันมือซื้อขายบ่อยๆ รอข่าวร้ายมากๆ แล้วค่อยซื้อดีกว่า

ปล.1 เพื่อนๆ คิดว่า นิทานเรื่องนี้มีคติสอนใจอะไรอีกครับ ช่วยชี้แนะด้วย
ปล. 2 ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณ ธม มีความเห็นยังไง แล้วขายไปยังครับ
ปล. 3 ขอวอนพระผู้เป็นเจ้า ให้ข้าพเจ้าประเมินคุณภาพ และปริมาณเก่งๆ ทีเถิด

ขอบพระคุณครับ

เป็นห่วง ปูน
ไม่รู้ว่าลงทุนในหุ้นปริโตตอนpeakหรือไม่
กำไรที่เติบโต100กว่า%ปีที่ผ่านมา
ปีหน้าจะรักษาไว้ได้หรือไม่ หากปริโตpeakแล้ว

จากที่คุณ ForrestGump เขียน:

ข้อ 1 เรื่องที่ไม่สามารถขึ้นราคา PVC ได้ เพราะลูกค้ารับไม่ไหวนี่ ผมเห็นเขียนใน 56-1 และในคำชี้แจงผลประกอบการ มา 2 ปีแล้วครับ รู้สึกว่าเป็นสัญญาณไม่ค่อยดีเลย

ข้อ 2 กลัวเหมือนกัน แต่จริงๆแล้ว ผลประกอบการปีที่แล้ว เป็นอย่างงี้ครับ
Q1-----Q2-----Q3-----Q4
1.17---0.67---0.47---1.29(0.66 ถ้าไม่รวมปันผล)
มันก็ใกล้เคียงกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมานะครับ
แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะ peak แล้วเพราะไม่เพิ่มอีก

ข้อ 3 ถึงน่าจะ ก็คงอีกนาน เพราะราคาน้ำมันคงไม่ลงอีกแล้ว

ข้อ 4 ยิ่งเอากำไรสะสมมาลงทุนยิ่งน่ากลัวครับ เพราะนโยบายการจ่ายปันผลบอกว่า 30-40% ของกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรครับ ไม่ใช่ 30-40% ของกำไร เพราะฉะนั้น ถึงปีนี้จะทำกำไรได้เท่าเดิม ปันผลก็ต้องลดลงแน่ๆ

เอาความเห็นส่วนตัวผมนะ ที่บอกว่าถึงจุด peak หมายถึงในแง่ไหนครับ ??? ผมคิดว่าหมายถึงในแง่ความต้องการของตลาด

แต่จากยอดขายของ TPC มีเพิ่มขึ้น แต่ราคาวัตถุดิบแซงหน้าไปมากกว่า การส่งออกไปยังจีนลดน้อยลง กำไรเลยลด

ส่วนผลกระทบต่อหุ้น ปูนใหญ่ ถ้าในแง่ของ TPC บริษัทเดียว คงน้อย (กำไรทั้งเครือของ scc มาจาก TPC ไม่ถึง 4%)

เล่นหุ้นโภคภัณท์ก็ยังงี้แหละ
ปีก่อนไก่กุ้งแย่เลย

ถั่วเหลืองก็ด้วยครับ

อย่าไปกังวลเกินเหตุเลยครับ หรือเห็นราคาหุ้นลงก็เลยกดดันกันไป

เชื่อว่าที่วันนี้ลงเยอะเป็นเรื่องจิตวิทยาครับ ถ้าผมถือหุ้นอยู่เยอะวันนี้ผมก็อยากทำ short against port เหมือนกัน เพราะรู้ว่าเป็นโอกาสดี ตลาดที่ความเชื่อมั่นกำลังเปราะบางเช่นตอนนี้เป็นจังหวะเหมาะสำหรับกลยุทธ์ "อาศัยข่าวร้ายทุบหุ้น"

รับคืนได้สบายๆ ครับ

ลองสังเกตดูสิครับ ตอนนี้หุ้นประกาศข่าวดีก็แกล้งไม่ตอบรับ แต่พอข่าวร้ายทิ้งกันสนั่น มันเป็นเพราะการขาดความมั่นใจของรายย่อย และการใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ของรายใหญ่เท่านั้นเอง

** ผมมั่นใจในนโยบายอนุรักษ์นิยม และอนาคตของ TPC ครับ **

อึ้งนิดหน่อยครับ

แต่ยังไม่ขายหรอกครับ ไม่ใช่เพราะติดหุ้นหรืออะไรนะครับ ลึกๆผมยังเชื่อมั่นอยู่ไม่น้อยนะครับ ....อยู่ที่จะมองนะครับว่าตอนนี้คือวิกฤติหรือโอกาส สำหรับ ผมถ้ามีเงิน เป็นโอกาสที่จะซื้อเพิ่มครับ

แต่เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ เพราะเงินเป็นเงินส่วนตัว เย็นมาก ไม่ได้กู้ใครมาซื้อ..ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อิอิ

ไตรมาส 1/48 กำไรลดลงไม่น่าแปลกใจ

แม้ว่าผลกำไรในไตรมาส 1/48 จะลดลงมาประมาณครึ่งหนึ่งของช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ก็เป็นเพราะผลจากสต๊อกวัตถุดิบและ แนวโน้มราคาที่อยู่ในช่วงปรับขึ้นเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาผลกำไรในไตรมาส 1/48 นี้ก็ยังจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีอยู่แม้ว่าราคา PVC จะทรงตัวอยู่ในระดับ 850 - 900 เหรียญ/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 18% yoy ในขณะที่ราคาวัตถุดิบทั้งเอทิลีนไดคลอไรด์ (EDC) และเอทิลีน (Ethylene) กลับมีราคาสูงขึ้นถึง 79% และ 48% ตามลำดับโดยประมาณ ซึ่งการที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ค่อนข้างจะส่งผลกระทบต่อ ผลกำไรพอสมควรแต่บริษัทก็ยังคงสามารถรักษาระดับกำไรไว้ได้

รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 18% yoy ซึ่งเป็นผลมาจากราคาจำหน่าย PVC เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 18% yoy เป็นประมาณ 875 เหรียญ/ตันและปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการที่สูงขึ้นในประเทศเป็นหลัก ในส่วนของต้นทุนการดำเนินงานก็ปรับสูงขึ้น 40% yoy จากการที่ราคาวัตถุดิบทั้ง EDC และ เอทิลีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากผลดังกล่าวทำให้ส่วนต่างราคาจำหน่าย PVC และราคาวัตถุดิบ EDC ลดลง 23% yoy เป็น 351 เหรียญ/ตัน ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นจึงลดลงจาก 26% ในไตรมาส 1/47 เป็น 12% ในไตรมาสนี้ นอกจากนั้นแล้วบริษัทยังได้มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก บริษัท ระยองโอเลฟินส์ (ROC) ซึ่ง TPC ถือหุ้นอยู่ 7% หรือประมาณ 5 ล้านหุ้นในไตรมาสนี้อีกเป็นจำนวนประมาณ 180 ล้านบาท จากที่ปีที่แล้วทั้งปีจ่ายปันผลมา 541 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องของ ROC และบริษัทไม่มีการลงทุนเพิ่มทำให้สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้ทุกไตรมาสในอัตราที่สูง

เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/48 จะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรกแม้ว่าปริมาณการจำหน่ายจะลดลงจากที่มีวันหยุดยาวหลายวันในเดือนเมษายน เนื่องจากส่วนต่างราคาจำหน่าย PVC กับราคาวัตถุดิบ EDC ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการที่ราคาของวัตถุดิบปรับตัวลงเร็วกว่าราคา PVC บวกกับคาดว่าบริษัทยังจะได้รับเงินปันผลจาก ROC อย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 100 - 200 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของ ROC ในไตรมาส 2/48 เป็นหลัก และรวมไปถึงบริษัทจะบันทึกเงินปันผลรับจาก บมจ. ปิโตรเคมีแห่งชาติ (NPC) ที่ทาง TPC ถือหุ้นอยู่ 7.75 ล้านหุ้น หรือ 2.5% เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 70 ล้านบาท (NPC จ่ายปันผล 9 บาท/หุ้น) อีกด้วย

ปูนใหญ่ออกมาแล้ว กำไรดีมาก และมาจากกลุ่ม ปิโตรเคมียังคงชูโรงให้อยู่

TPC ตามความคิดผม ยังถือว่าดีอยู่ (ขนาดกำไรหดลงมา ยังไม่เห็นมีโบรกไหนวิเคราะห์ให้ขายเลยครับ ทุกเจ้าให้ราคาสูงกว่า 20 บาทหมดทุกเจ้า)

ผมก็ยังถืออยู่พอสมควร และไม่ยอมขายครับ เห็นคุณกิติชาญแห่ง KIMENG ก็ยังเชียร์ให้ซื้อที่ราคา 16.00 บาท ความเห็นตรงกับหลายท่าน (เป็นแค่ความเห็นส่วนหนึ่งครับ)

ขอแจมบ้างครับ มองต่างมุมนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน
รับไว้พิจารณาก็ได้

1. ผมไม่เคยซื้อหุ้นพลาสติกครับ เพราะคิดว่าในระยะยาว ขยะจะล้นโลก
ปริมาณการบริโภคพลาสติกจะต้องถูกจำกัด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

2. ธุรกิจปิโตรเคมีพีคหรือเปล่าไม่มีใครรู้นอกจากพระเจ้า การที่ต้องมา
คอยลุ้นว่าพีคเมื่อไหร่ก็ไม่ต่างกับการพนันครับ หุ้นประเภทนี้ มี limit
upside แต่ไม่มี limit downside ปกติผมจะเล่นเทรดดิ้งตามสถานการณ์
อย่างเดียว ไม่มี sentimental value คือขายเมื่อถึงเวลาขาย ไม่คิดจะ
ส่งไม้ต่อให้ลูกในอนาคต

3. ราคาน้ำมันดิบคงจะผันผวนต่อไปตามแรงยื้อระหว่างสองยักษ์ใหญ่
ความผันผวนคือความเสี่ยง หัวใจของการลงทุนคือการจำกัดความเสี่ยง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเสี่ยงที่เราควบคุมไม่ได้

4. นักวิเคราะห์ให้ราคาปีนี้ 20 บาท แล้วราคาปีหน้าล่ะครับ 16 บาท?
ถ้าไม่สามารถมองทะลุไป 3 ปี ก็ไม่ควรถือหุ้นเกิน 3 เดือน

ผมว่าความเห็นความเห็นนักวิเคราะห์ไม่ต้องฟังมากหรอกครับ

ปีที่แล้ว "ซื้อ (Strong buy)" ที่ 20-21 บาท
วันนี้ลดลงเป็น "ซื้อ" ที่ 16 บาท

ผมกลัวว่าปีต่อๆไป จะกลายเป็น ทยอยสะสม -> ถือ ->...

ผมเลยออกมาตั้งแต่ปันผลแล้วอ่ะครับ

ฟังราคานักวิเคราะห์ ไม่รู้จักดอยซะแล้ว

เค้าไม่ได้ร่วมเป๋าจ่ายตังด้วยนี่คะพี่

CK เขียน:ผมไม่เคยซื้อหุ้นพลาสติกครับ เพราะคิดว่าในระยะยาว ขยะจะล้นโลก
ปริมาณการบริโภคพลาสติกจะต้องถูกจำกัด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ตรงนี้ผมมองกลับครับ ผมเห็นว่า พลาสติกสามารถ recycle ได้ จะถูกนำมาทดแทนวัตถุดิบอื่นๆ ครับ การใช้พลาสติกน่าจะมากขึ้นๆ ครับ

บั๊กกี้ เขียน: ผมเห็นว่า พลาสติกสามารถ recycle ได้

อืมมม์ มีเหตุผลครับ พรุ่งนี้ตั้งซื้อ TPC เลยดีกว่า 13.20 บาท

1. ผมไม่เคยซื้อหุ้นพลาสติกครับ เพราะคิดว่าในระยะยาว ขยะจะล้นโลก
ปริมาณการบริโภคพลาสติกจะต้องถูกจำกัด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ทุกวันนี้ผมทำงานอยู่ในอุตสหกรรมพลาสติก มองตรงกันข้ามเลยครับ ผลาสติกจะเข้ามาแทนที่ซะมากกว่า (ทำงานอยู่กับอุตสาหกรรมนี้มา 5 ปี ยังไม่เคยเห็นปริมาณการใช้ลดลง มีแต่มากขึ้น)

ผลิตภัณฑ์ ในท้องตลาดเวลานี้เน้นทำจากผลาสติกทั้งนั้น ขวดบรรจุภัณฑ์แก้ว==>> ถูกเปลี่ยนมาเป็นพลาสติก แม้กระทั้งรถยนต์ในอนาคตก็จะเริ่มเปลี่ยนมาใช้พลาสติกกันมากขึ้น ถุงหิ้ว ถุงกร๊อบแก๊บ ถุงใส่อาหาร ลองมองไปรอบๆตัว มีเยอะมาก

4. นักวิเคราะห์ให้ราคาปีนี้ 20 บาท แล้วราคาปีหน้าล่ะครับ 16 บาท?
ถ้าไม่สามารถมองทะลุไป 3 ปี ก็ไม่ควรถือหุ้นเกิน 3 เดือน

ตรงนี้ล่ะยาก

โป้ง เขียน:ปูนใหญ่ออกมาแล้ว กำไรดีมาก และมาจากกลุ่ม ปิโตรเคมียังคงชูโรงให้อยู่

TPC ตามความคิดผม ยังถือว่าดีอยู่ (ขนาดกำไรหดลงมา ยังไม่เห็นมีโบรกไหนวิเคราะห์ให้ขายเลยครับ ทุกเจ้าให้ราคาสูงกว่า 20 บาทหมดทุกเจ้า)

1. กำไร SCC ออกมาดีมาก โดยน่าจะมีกลุ่มปิโตรฯ เป็นตัวชูโรง
2. กำไร TPC หดลงมา
ดังนั้น 3. กำไรที่ดีของ SCC มาจากไหนเอ่ย ใครรู้บ้างครับ? แต่ผมว่าผมมองไม่ผิดตัวนะ 8)

งั้นพรุ่งนี้ตั้งซื้อกันเลยน้าค้าบ

ขาย + เตรียมซื้อ

ขยะพสาติกเยอะจริงๆ กทม ในซอยแถวบ้านผมนำขวดพลาสติกมาบด แล้วนำกลับไปขาย รวยเป็นล่ำเป็นสัน รถบรรทุกขนขวดพาสติกมา recycle ทุกวี่ทุกวัน ไม่เว้นแม้วันหยุด เป็นแบบนี้มา 10 ปีแล้วมั้ง

"ขยะ... ของมีค่า อย่าได้มองข้าม" :lol:

แต่ TPC ขายพาสติกใหม่ การนำที่สามารถนำของเก่ากลับมาใช้ใหม่ได้ อาจมีผลกระทบต่อยอดขายนะ :lol:

ดังนั้น 3. กำไรที่ดีของ SCC มาจากไหนเอ่ย ใครรู้บ้างครับ? แต่ผมว่าผมมองไม่ผิดตัวนะ

คุณ FE มองไม่ผิดจริงๆ ครับ :lol:

ATC กำไร 2.80 บาทต่อหุ้นแน่ะ