Thai VI

ผู้เชียวชาญเรื่องกระดาษช่วยด้วยครับ
ส่งออกได้กำไรมากกว่าหรือ
หรือเป็นการปั่นราคากระดาษแบบปั่นราคาน้ำมันของ hedge fund ครับ

**************
ส.การพิมพ์เตรียมตบเท้าขอเข้าพบ"วัฒนา" กระดาษขาดหนักหลังผู้ผลิตโหมส่งออกกระดาษภายในประเทศขาดหนัก ส่งผลกระทบอุตสาหกรรมที่ต้องใช้กระดาษเป็นวัตถุดิบต่อเนื่อง ทั้งการพิมพ์-บรรจุภัณฑ์-เครื่องเขียน สาเหตุหลักมาจากการระดมส่งออกกระดาษกันยกใหญ่

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานสถานการณ์กระดาษที่จะนำมาผลิตเป็นสินค้าสิ่งพิมพ์ว่า ได้เกิดการขาดแคลนอย่างหนัก ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมการพิมพ์-อุตสาห กรรมบรรจุภัณฑ์-กลุ่มเครื่องเขียน สาเหตุหลักเป็นผลมาจากมีการส่งออกกระดาษในช่วงที่ผ่านมามากขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตกระดาษมีการผลิตสินค้าต่อเนื่องครบวงจรอยู่ในเครือจนไม่เหลือกระดาษที่จะจำหน่ายให้กับผู้ผลิตสินค้าสิ่งพิมพ์รายกลางและรายเล็กที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบกระดาษจากผู้ผลิตรายใหญ่

"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สอบถามนายปฐม สุทาธิกูลชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการพิมพ์ว่า ตั้งแต่ช่วง 6 เดือนหลังของปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน อุตสาหกรรมต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบกระดาษที่จะมาผลิตเป็นสินค้าสิ่งพิมพ์จำนวนมาก จนผู้ผลิตหลายรายที่รับออร์เดอร์จากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศต้องยกเลิกออร์เดอร์ไปเพราะไม่มีวัตถุดิบในการผลิต สาเหตุจากผู้ผลิตกระดาษภายในประเทศเห็นว่า ราคาส่งออกดีกว่าในประเทศจึงหันไปส่งออกมากกว่า 50% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดที่มีอยู่ปีละ 1 ล้านตัน

ผมไม่เชี่ยวชาญนะครับ แต่เคยค้นข้อมูลมานิดหน่อย
กำลังการผลิตในเมืองไทยมีส่วนเกินอยู่มากจำไม่ได้เท่าไร
น่าจะประมาณ 20-30% แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าปัญหามาจากอะไร
ข้อมูลที่ออกมาจากผู้ผลิตรายใหญ่ บอกไม่ตรงกับในข่าว
AA บอกว่ากระดาษเหลือเฟือ ถ้าต้องการให้ไปซื้อได้
(ประมาณนี้) เรื่องนี้ผมว่าน่าจะมีเบื้องหลัง

สินค้าที่เกี่ยวกับกระดาษและเยื่อกระดาษ ตามหลัก HS code (HS 48,49) จำนวนสินค้ารวมทั้งหมด 138 รายการสินค้า ดังนั้นเป็นไปได้ที่ รายการสินค้าที่ส่งออก เป็นคนละรายการกับสินค้าที่นำเข้าซึ่งเป็นตัวที่ขาดแคลน

เป็นไปตามคาค
สินค้าหมวดกระดาษ HS-48
หมวดสินค้านำเข้า 3 อันดับแรก
HS 4801 = 2,9xx mil.Baht
HS 4802 = 2,5xx "
HS 4804 = 1,6xx "

หมวดสินค้าส่งออก 3 อันดับแรก
HS 4802 = 7,8xx mil.Baht
HS 4805 = 3,0xx "
HS 4804 = 1,3xx "

ในหมวดที่ชนกันที่ HS 4802 หากเราลงในระดับแยกรายสินค้า(6 Digits)
นำเข้า 3 อันดับแรกคือ 4802.55, 4802.30, และ 4802.69
ในขณะที่ส่งออก 3 อันดับแรกคือ 4802.56, 4802.57, และ 4802.58 ครับ

และที่ HS 4804
นำเข้า 3 อันดับแรกคือ 4804.21, 4804.29, และ 4804.39
ในขณะที่ส่งออก 3 อันดับแรกคือ 4804.11, 4804.19, และ 4804.49

จากรายการสินค้าตาม HS code จะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่า สินค้าประเภทกระดาษที่เรานำเข้าและส่งออกเป็นสินค้าคนละรายการกันครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมศุลกากร

ขอบคุณครับ

ที่กระดาษขาดนี่คงเพราะเขาเปลี่ยนมาผลิตโทรศัพท์มือถือกันหมดมังครับ
:lol: :lol: :lol:

มีคำตอบแบบนี้**


กระดาษขาดจริงหรือ? ยกเลิกกำแพงภาษีไม่ใช่ทางออก

"ถ้าไม่มีกำแพงภาษี ภาพที่เห็นจะเปลี่ยนไปคือ มีคนที่ทำธุรกิจนำเข้ากระดาษราคาถูกเข้ามามาก ตรงนี้จะกระทบต่อผู้ผลิตแน่ เพราะการนำเข้านั้นไม่ได้นำเข้ามาเฉพาะส่วนที่ขาด แต่เป็นการนำเข้าเพื่อขยายธุรกิจ และไทยก็จะกลายเป็นแหล่งนำเข้ากระดาษไปในที่สุด"

หลังจากที่กลุ่มผู้ใช้กระดาษพิมพ์เขียน เช่น ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ออกมาประกาศว่าปีนี้ ยังน่าเป็นห่วงว่า กระดาษจะเกิดการขาดแคลนเหมือนปีที่ผ่านมาอีก แถมยังเจอแรงกดดันที่กรมส่งเสริมการส่งออก จากกระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือให้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์มีการส่งออกในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 20% นั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังพูดได้ไม่เต็มปากนัก! ว่าจะทำได้เพราะยังมีความไม่มั่นใจถึงทิศทางการใช้กระดาษพิมพ์เขียนในประเทศว่า จะมีรองรับได้เพียงพอหรือไม่ รวมทั้งภาพรวมทางเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบเข้ามารุมเร้าอยู่หลายด้าน ทั้งเรื่องราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย

ล่าสุดนายเชาวลิต เอกบุตร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เยื่อกระดาษสยาม จำกัด (มหาชน)บริษัทในเครือบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ให้สัมภาษณ์กับ"ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาพรวมและความเป็นจริงของการเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษพิมพ์เขียนในขณะนี้อย่างน่าสนใจ

-ผ่านไป 1 ไตรมาสภาพรวมของอุตสาหกรรมกระดาษเป็นอย่างไรบ้าง

ปีนี้ไม่เหมือนปีที่แล้ว ที่กระดาษพิมพ์เขียนขาดแคลน ตรงนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากที่มีดีมานด์กระโดดเพิ่มขึ้นมามาก และกระดาษรอบๆบ้านเรามีไม่พร้อม อย่างที่มาเลเซียเองก็มีเลือกตั้งมีการกักกระดาษพิมพ์เขียนไว้จำนวนหนึ่ง พอมีออเดอร์เกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้ของ หากระดาษไม่ได้ก็รีบสั่งเพิ่มก็พอดีไม่ได้ของ ทำให้เดือดร้อน ตอนนั้นในประเทศก็เป็นช่วงที่มีการจัดประชุมกันทั้งผู้ใช้กระดาษและผู้ผลิตกระดาษ มีการแจงว่ากำลังผลิตกระดาษพิมพ์เขียนโดยรวมในประเทศมันพอ ถ้าแจ้งแผนมาผู้ผลิตก็ยินดี ผลิตของป้อนให้ กลุ่มกระดาษค่ายปูนใหญ่เองก็ลดสัดส่วนที่ส่งออกมาเรื่อยๆ เพื่อขายในประเทศให้เพียงพอโดยเหลือการส่งออกเพียง 10% ในขณะนี้ จากที่เคยส่งออก 40% เมื่อหลังวิกฤตเศรษฐกิจใหม่ๆ ก็ค่อยๆลดลงมาเหลือ 30%และ 25% และ 20% จนเมื่อปีที่แล้วเหลือ 15%

และขณะนี้ความต้องการใช้กระดาษพิมพ์เขียนในประเทศอยู่ที่ 560,000 ตัน/ปี และกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัน แสดงให้เห็นว่ากำลังผลิตในประเทศจริงๆ แล้วยังเหลืออยู่ ซึ่งผมมองว่าจริงๆ แล้วผู้ผลิตกระดาษเองน่าจะอยากขายในประเทศ เพราะว่าไม่ต้องเสียค่าขนส่ง เพราะผู้ผลิตกระดาษมีความจำเป็นในแง่ที่ว่าผลิตแล้วของก็ขายได้ เราอยากเดินโรงงานผลิตไปอย่างสม่ำเสมอ แต่บางทีตลาดในประเทศไม่มีการสั่งซื้อล่วงหน้า เมื่อมีกำลังผลิตเหลืออยู่ก็ต้องวิ่งขายในต่างประเทศก่อน และบางทีส่งออกมันก็มีออเดอร์ต่อเนื่องหลายเดือน โดยผู้ผลิตต้องการจำนวน(Volume) ดังนั้นการทำธุรกิจ ถ้ามีออเดอร์ล่วงหน้าผู้ผลิตก็จะล็อคไว้ให้ แต่ถ้าไม่มีออเดอร์ก็ต้องไปมองที่ตลาดส่งออก ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วผู้ผลิตกระดาษพิมพ์เขียนก็ต้องการที่จะขายในประเทศก่อน เพราะราคากระดาษก็จะอิงตลาดโลกขายที่ไหนก็เหมือนๆกัน แต่ถ้าส่งออกก็ต้องมีภาระค่าขนส่งเพิ่มขึ้น