หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เลียนแบบดารา โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 5/4/05

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 10, 2005 8:42 pm
โดย toon
เลียนแบบดารา โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ในฐานะของนักลงทุนโดยชีวิตจิตใจ ผมอ่านหนังสือและเรื่องราวที่เกี่ยวกับการลงทุนแบบ Value Investment ทุกชนิด ความรู้ที่ผมได้นอกจากเรื่องของหลักการและกลยุทธ์การลงทุนต่าง ๆ แล้ว สิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือตัวหุ้นที่ปรากฎขึ้นมาซึ่งสำหรับผมมันเหมือนกับตัวละครที่แสดงบทบาทอย่างน้อยก็ฉากหนึ่งใน ละครโรงใหญ่ ที่เรียกว่าตลาดหุ้นนิวยอร์ค ซึ่งผมสามารถเรียนรู้และนำมาใช้กับการลงทุนของตนเองใน ละครโรงเล็ก ที่เรียกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

หุ้นบางตัวปรากฎขึ้นมาในประวัติศาสตร์เสร็จแล้วก็หายไป ธุรกิจทั้งหมดเสื่อมลง ตัวอย่างที่โดดเด่นมากก็คือธุรกิจสิ่งทอในสหรัฐซึ่งละครตัวเอก แน่นอน คือหุ้นเบอร์กไชร์ของวอเร็นบัฟเฟตต์ ซึ่งเคยเป็นบริษัทสิ่งทอที่ยิ่งใหญ่แต่ในที่สุดก็ต้องเลิกธุรกิจ เหลือแต่กิจการอื่น ๆ ที่กลายเป็นดาราที่ยังโดดเด่นอยู่จนถึงทุกวันนี้

บทเรียนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ธุรกิจ ตะวันตกดิน อย่างสิ่งทอนั้น ในระยะยาวแล้วเป็นเรื่องยากที่จะดำรงอยู่แม้ว่าบริษัทจะแข็งแกร่ง มีกำไรและมีเงินสดมากมาย ความหวังที่จะได้ผลตอบแทนดีเยี่ยมในระยะยาวนั้นอาจจะไม่ประสบผล ไม่ต้องคิดถึงว่าจะกลายเป็นซุปเปอร์สต็อค

หุ้นบางตัวทำกำไรให้กับนักลงทุนมหาศาลที่กล้าเข้าไปลงทุนในยามที่บริษัทมีปัญหาหนักและราคาตกต่ำลงไปมากแต่ในที่สุดบริษัทก็ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงอย่างเดิมได้ ตัวอย่างของกรณีนี้มีทั้งที่เป็นหุ้นวัฏจักร์และหุ้นสุดยอดแบบซุปเปอร์สต็อคที่ประสบปัญหาร้ายแรงครั้งเดียวที่แก้ไขได้

ตัวอย่างของหุ้นวัฏจักร์ที่โดดเด่นมากก็คือหุ้นของบริษัทไคลซเลอร์ที่ปีเตอร์ลินช์เข้าไปซื้อลงทุนในยามที่บริษัทขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลงและไคลซเลอร์มีปัญหาเกือบล้มละลายแต่ในที่สุดบริษัทก็รอดจากความช่วยเหลือจากรัฐบาลและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ลินช์กำไรมหาศาลติดต่อกันหลายปีจากหุ้นตัวนี้ และน่าจะมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้ปีเตอร์ลินช์กลายเป็นสุดยอดนักบริหารกองทุนของอเมริกา

เช่นเดียวกันกับหุ้นอเมริกันเอ็กซเพรส บริษัทบัตรเครดิตระดับโลกที่วอเร็นบัฟเฟตต์เข้าไปซื้อลงทุนในช่วงที่บริษัทมีปัญหาจากการฉ้อฉลที่ฉาวโฉ่เกี่ยวกับน้ำมันสลัดที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจหลักเลยแต่ทำให้บริษัทซวนเซและราคาหุ้นตกลงมามหาศาลและเป็นโอกาสทองของ Value Investor

ส่วนตัวผมเองนั้น ผมชอบหุ้นที่เป็นดาราระดับซุปเปอร์สตาร์ ซึ่งจะมีโอกาสเติบโตไปเรื่อยจนมีขนาดใหญ่โตและทำเงินให้กับผู้ถือหุ้นมหาศาลและหลายคนติดอันดับเป็นเศรษฐีระดับโลก

ตัวอย่างหุ้นเหล่านี้เช่น หุ้นไมโครซอฟท์หรือหุ้นอินเทล ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทไฮเท็คที่ผมได้แต่รับรู้แต่ยังหาธุรกิจในเมืองไทยที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกันไม่ได้ แต่หุ้นอย่างวอลมาร์ทหรือโฮมดีโป ซึ่งเป็นหุ้นดิสเค้าท์สโตร์สินค้าของใช้ประจำวันและสินค้าเกี่ยวกับการซ่อมสร้างบ้านซึ่งเป็นหุ้นที่เติบโตมหาศาลจนกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกบริษัทหนึ่งนั้น ผมคิดว่าเราอาจจะมีโอกาสลงทุนในบริษัททำนองเดียวกันได้ในตลาดหุ้นไทย

หุ้นหลาย ๆ ตัวในพอร์ตที่บัฟเฟตต์และปีเตอร์ลินช์มีหรือเคยมีก็เป็นสิ่งที่ผมสนใจศึกษาและนำมาประยุกต์ใช้ในการหาหุ้นในตลาดไทยเช่นกันเพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ ละครโรงใหญ่ หลายเรื่องน่าจะเกิดขึ้นได้เหมือนกันที่ ละครโรงเล็ก ในวันหลัง ไม่ช้าก็เร็ว

ตัวอย่างของหุ้นที่ปรากฎขึ้นในพอร์ตของเซียนทั้งคู่นั้น แน่นอน มีมากมายหลากหลาย และน่าทึ่งว่าจำนวนมากเป็นหุ้น ธรรมดา ที่ไม่ได้ร้อนแรง ไม่ได้โตเร็ว และหลายตัวก็เป็นบริษัทหรือกิจการ โลว์เท็ค ที่ดูเหมือนว่าจะไม่น่าสนใจเลย เช่น กิจการสิ่งพิมพ์และหนังสือพิมพ์ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์และรองเท้า บริษัทขายอาหารฟาสต์ฟูดและน้ำอัดลม กิจการโรงแรมและรับจัดงานศพ

การหาหุ้นในตลาดไทยที่มีโอกาส เลียนแบบดารา นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้ว่าบริษัทจะทำธุรกิจแบบเดียวกัน มีผลการดำเนินงานและประวัติในระยะสั้น ๆ ในช่วงต้นคล้ายคลึงกัน แต่สภาพแวดล้อมของอเมริกาก็แตกต่างกับของไทยมาก ดังนั้นการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งจำเป็น และความหวังที่เริดหรูจะต้องถูกปรับลงให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ถึงอย่างไรน้องกบของเราก็ไม่มีทางทำรายได้ในการแสดงหนังเท่ากับจูเลียโรเบิร์ท เช่นเดียวกันอย่าหวังที่หุ้นในตลาดไทยจะทำเงินเหมือนกับหุ้นในอเมริกา