วันนี้เพื่อนๆ หาหุ้น "ของจริง" เจอกันรึยังครับ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 10:05 pm
ประเด็นนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับคนที่คิดจะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ คือ ต้องสามารถแยกหุ้น "ของจริง" ออกจากหุ้น "ของปลอม" ให้ได้!!
หุ้น "ของจริง" มีคุณลักษณะคือ "โดนแล้วออกอาการได้ แต่ต้องไม่ล้ม" หมายความว่า ในระยะสั้นราคาหุ้นสามารถอ่อนตัวลงได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อทั้งตลาด เช่น ภัยธรรมชาติ ดอกเบี้ย การก่อการร้าย หรืออาจเกิดจากปัญหาของตัวบริษัทเองแต่เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เช่น % ของเสียจากการผลิตมากกว่าปกติในช่วงรันโรงงานใหม่หรือขึ้น Line การผลิตใหม่ แต่ท้ายที่สุดในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นก็มักจะกลับขึ้นไปยืนได้อย่างสง่างามเนื่องจากกำไรของกิจการได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนหุ้น "ของปลอม" มีโทษลักษณะคือ "แรงตก ยกต้นๆ ฟอร์มสวย แต่ยกท้ายๆ ขาสั่น และส่วนใหญ่จะยืนไม่ครบยก" หมายความว่า ในระยะสั้นบางครั้งอาจดูเหมือนแนวโน้มดีมากๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดจากแรงเชียร์ของเจ้าของบ้าง ผู้บริหารบ้าง นักวิแคะบ้าง โดยมี "ผู้หวังดี" (แต่ประสงค์ร้าย คือ ประสงค์ต่อทรัพย์ของท่าน) คอยสร้างราคาหลอกล่อให้ตายใจ แต่สุดท้ายเมื่อผ่านไปไม่เกิน 2-3 เดือน กราฟราคาหุ้นก็จะกลายเป็นรูป "ภูเขา" อย่างสมบูรณ์แบบ คือ ขึ้นไปถึงยอดเขาสูงเท่าไรก็กลับลงมาที่ตีนเขาเหมือนเดิม
หุ้น "ของจริง" มีคุณลักษณะคือ "โดนแล้วออกอาการได้ แต่ต้องไม่ล้ม" หมายความว่า ในระยะสั้นราคาหุ้นสามารถอ่อนตัวลงได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อทั้งตลาด เช่น ภัยธรรมชาติ ดอกเบี้ย การก่อการร้าย หรืออาจเกิดจากปัญหาของตัวบริษัทเองแต่เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เช่น % ของเสียจากการผลิตมากกว่าปกติในช่วงรันโรงงานใหม่หรือขึ้น Line การผลิตใหม่ แต่ท้ายที่สุดในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นก็มักจะกลับขึ้นไปยืนได้อย่างสง่างามเนื่องจากกำไรของกิจการได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนหุ้น "ของปลอม" มีโทษลักษณะคือ "แรงตก ยกต้นๆ ฟอร์มสวย แต่ยกท้ายๆ ขาสั่น และส่วนใหญ่จะยืนไม่ครบยก" หมายความว่า ในระยะสั้นบางครั้งอาจดูเหมือนแนวโน้มดีมากๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดจากแรงเชียร์ของเจ้าของบ้าง ผู้บริหารบ้าง นักวิแคะบ้าง โดยมี "ผู้หวังดี" (แต่ประสงค์ร้าย คือ ประสงค์ต่อทรัพย์ของท่าน) คอยสร้างราคาหลอกล่อให้ตายใจ แต่สุดท้ายเมื่อผ่านไปไม่เกิน 2-3 เดือน กราฟราคาหุ้นก็จะกลายเป็นรูป "ภูเขา" อย่างสมบูรณ์แบบ คือ ขึ้นไปถึงยอดเขาสูงเท่าไรก็กลับลงมาที่ตีนเขาเหมือนเดิม