หน้า 1 จากทั้งหมด 1
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 06, 2005 7:16 am
โดย hot
เห็นข่าวคนเมกัน มีส่วนหนึ่งล้มละลายจากค่ารักษาจำนวนมาก
ผมอ่านแล้วรู้สึกว่า บางทีควรมีการปฏิรูปค่ารักษาพยาบาลให้คน
ในสังคมไม่เป็นภาระมากจนเกินไป หรือคนด้อยโอกาส ขาด
โอกาสในการรักษา มากกว่าปัจจุบัน ถึงแม้ในบางครั้ง
การรักษา ไม่ไช่เรื่องบริจาดก็ตาม
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 06, 2005 10:34 am
โดย Jeng
ค่าใช้จ่าย ที่สูงเกินควร อาจจะเกิดจากระบบการรักษาแบบเดิม เอื้อให้คนเจ็บป่วนมากขึ้น เช่น
การกินยาแก้ปวด อาจจะนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ แล้วก็ต้องไปรักษาโรคหัวใจอีก
On September 30,2004 the makers of Vioxx, a presciption of pain medication , voluntarily pulled the product off themarket after reserch showed long-term use could double the risk of heart attacks
A few months later , on December 17 , 2004 the makers of Celebrex , another prescription pain medication, complied with the FDA and stopped all advertising after a study found that high doses of Cerebrex were associated with an increased risk of heart attacks .Future action may taken
A few day later, on December 20,2004, the FDA issued a public warning about naproxen , a 30-year-old OTC pain medication found in Aleve . The warning was sparked by a clinical trial that showed patients taking naproxen had a 50 percent greater incidence of having a heart attck or stroke.
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 06, 2005 10:54 am
โดย jaychou
เคยได้ยินว่าคนป่วยช๊อกตาย
ตอนเห็นบิลค่ารักษา
รู้งี้นอนป่วยอยู่กับบ้าน อายุจะยืนกว่า
ไม่รู้เรื่องจริง หรือเรื่องโจ๊ก
น่าสงสารชีวิตบ้านเค้าจิงๆ
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 06, 2005 4:34 pm
โดย Dech
30 บาท รักษาทุกโรค ช่วยท่านได้...............................................................................................................................................................................หรือไม่....
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 08, 2005 10:57 am
โดย Knott
สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกัน เกิดจากขนาดของสังคมที่ค่อยๆใหญ่ขึ้น และเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบทไปสู่สังคมเมือง ซึ่งแต่ละคนมีความสัมพันธ์กันในเชิงธุรกิจมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้มีความคาดหวังในการรักษาจากค่ารักษาที่จ่ายไป เมื่อผลการรักษาไม่ดีก็เกิดการฟ้องร้องกันมากขึ้น ทนายก็มีส่วนในการสนับสนุนให้มีการฟ้องร้องกันเพื่อจะได้มีงานเข้ามา ผลของการฟ้องร้องเรื่อยๆก็นำไปสู่การที่แพทย์ต้องทำประกันการรับผิดชอบทางวิชาชีพ หรือที่เรียกกันว่า malpractice insurance ทำให้ต้องคิดค่ารักษาเพิ่มขึ้นเพื่อครอบคลุมค่าเบี้ยประกัน นอกจากนี้ เมื่อผู้ป่วยมาตรวจ ก็ต้องทำการตรวจแลบและเอ็กซเรย์ที่ไม่จำเป็นมากขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองว่าได้ทำแล้วในกรณีที่ฟ้องร้อง แม้โอกาสที่จะเจอความผิดปกติน้อยมากก็ตาม แต่หากมีแล้วไม่ได้ทำ จะแย่กว่าทำแล้วไม่มี ทำให้ต้นทุนการรักษาโรคก็สูงขึ้นเรื่อยๆ คนไข้ที่เจอค่ารักษาสูงๆขึ้นก็คาดหวังสูงขึ้น เกิดการฟ้องร้องมากขึ้นเช่นกัน ค่าเบี้ยประกันก็สูงขึ้น ค่าแพทย์ก็เพิ่มตามไปด้วย เป็นวงจรที่ไม่จบ
เมื่อค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น เบี้ยประกันสุขภาพก็สูงขึ้น บางบริษัทที่เคยให้สวัสดิการรักษาพยาบาลโดยจ่ายเบี้ยให้พนักงานก็เริ่มลดค่าใช้จ่ายลง อาจจะโดยจ่ายให้ในเปอร์เซนต์ที่น้อยลง หรือไม่จ่ายให้เลย คนที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันเองได้ เมื่อเจอค่ารักษาพยาบาลสูงๆเข้าก็อาจล้มละลายได้ เคยมีข่าวคนที่ตั้งใจลาออกจากงานเพื่อให้ตัวเองตกงาน จะได้มีรายได้ลดลงเข้าข่ายคนรายได้น้อย รัฐจะจ่ายค่ารักษาให้ในระบบ medicaid ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
ข่าวดีคือ ตอนนี้บ้านเราก็เริ่มเข้าสู่ระยะมีการฟ้องร้องแพทย์เพิ่มขึ้น บริษัทประกันเริ่มเข้ามาติดต่อให้มีการทำ malpractice insurance แล้ว โดยเฉพาะตามโรงพยาบาลเอกชนทั้งหลาย ต่อไปก็คงได้เห็นค่ารักษาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือโรงพยาบาลเอกชนเอง ที่จะมีรายรับจากการรักษาและการตรวจเพื่อป้องกันตัวเองของแพทย์มากขึ้น และบริษัทประกันที่ได้รายรับจากเบี้ยประกัน malpractice และเบี้ยประกันสุขภาพมากขึ้น
ใครที่ชอบหุ้นโรงพยาบาล และหุ้นบริษัทประกันก็ยิ้มได้นะครับ

คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 11, 2005 7:43 am
โดย ch_army
คุณหมอก็เอากำไรน้อยๆหน่อยซิครับ คนไข้จะได้ไม่หมดตัว ถือว่าช่วยๆกันนะ
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 11, 2005 8:44 am
โดย dikdik
การห้ามไม่ให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นคงเป็นไปได้ยาก ส่วนหนึ่งเพราะมันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ต้องมีการวิจัยและพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นยาหรือเครื่องมือทางการแพทย์ คนที่ได้ประโยชน์ก็คงเป็นบริษัทยาและบริษัทเครื่องมือแพทย์มังครับ ส่วนแพทย์ก็ทำงานกันให้หนักจะได้มีเงินไว้ซื้อรถขับให้เท่ห์ มีบ้านหลังใหญ่ไว้ให้จิ้งจกอยู่ เสียภาษีเยอะๆ
ผมว่าถ้าจะลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ควรจะใช้วิธีป้องกันครับ รักษาสุขภาพร่างกายให้ดี ออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทุกประเภท เช่นเมาไม่ขับ(ถ้าเป็นไปได้อย่าเมาดีที่สุด) และอย่าขับไว เดินข้ามสะพานลอยทุกครั้ง ช่วยได้เยอะมากครับ
ในอดีตเราไม่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สูง เราก็อยู่กันได้ดีนี่ครับ ดูอย่างปู่เย็นยังอายุยืนขนาดนั้น
คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลในไทยมีแค่ไหน
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 11, 2005 9:50 am
โดย iscssn
ขอบคุณครับ