Thai VI

เมื่อวานใครดูถึงลูกถึงคนบ้างครับ เรื่อง กรมบังคับคดี และ การยึดทรัพย์คดีบัตรเครดิต ของอดีตดาราคนหนึ่งที่ทำธุรกิจส่วนตัวด้วย

ผมตกใจมากครับ ไม่น่าเชื่อว่ากฏหมายแบบนี้จะมีอยู่ในเมืองไทยด้วย !! ผมเพิ่งจะรู้ และหลายๆท่านที่มีญาติๆชอบใช้บัตรเครดิตเกินตัวก็ควรทราบเหมือนกัน

เรื่องมันมีอยู่ว่า มีอดีตดาราคนหนึ่ง ตอนนี้ทำธุรกิจอยู่ ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนเราๆนี่แหละ ฐานะก็ใช้ได้ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ...

มาวันหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ มีคนจากกรมบังคับคดี จากธนาคาร Citiback และ ตำรวจมาที่บ้าน และเอาหมายศาลของกรมบังคับคดีมาจะขอยึดทรัพย์ภายในบ้าน ...

ปรากฏว่า เป็นหนี้จริงๆครับ แต่เป็นหนี้สิน ที่น้องสาวของเค้าไปทำเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าของบ้านเค้าก็ทราบครับ เค้าก็เปิดประตูให้คนกลุ่มนั้นเข้าไปคุยในบ้าน พอเข้าไปคุย ทางคนของทางบัตรเครดิต ก็จะเริ่มขนของในบ้านออกไป เจ้าของเค้าก็โกรธ ว่าเฮ้ยย ทำงี้ได้ไง เพราะตัวเค้าเองไม่ใช้คนเป็นหนี้ น้องสาวเค้าตะหากไปก่อหนี้ไว้ จะยึดทรัพย์ก็ต้องไปยึดน้องเค้าซิ เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร

ดาราคนนี้ ก็บอกว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง (เจ้าตัวบอกว่าเคยเรียนกฏหมายมาบ้างจารามคำแหง) ไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้จะถูกต้องตามกฏหมาย จึงได้โทรเรียกตำรวจมา ปรากฏว่า ตำรวจมาถึง ก็บอกว่า เรื่องที่ทำเนี่ย เป็นเรื่องธรรมดา ทาง Citibacnk สามารถจะกระทำได้ และสามารถยึดทรัพย์เจ้าบ้านเอาไว้ก่อนได้ หากเจ้าบ้านจะเอาของคืน ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เป็นของของตนเอง ไม่ใช่ของของน้องสาว และหากจะฟ้องร้องในชั้นศาลก็จะสามารถทำได้ !!!

ดาราผู้นี้ก็งงว่า เฮ้ย กฏหมายแบบนี้ยังมีอยู่ได้ไง และยังคิดว่าไม่น่าจะมีอยู่อีก ก็เลยโทรถามเพื่อนว่ามีมั้ย เพื่อนเค้าก็บอกว่าไม่น่ามีนะ บังเอิญว่าเค้าเป็นอดีตดารา เลยมีสื่อมวลชนสนใจมาทำข่าว เรื่องเลยจบลงที่ว่าทาง Citibank ต้องถอยกลับไปก่อน ... และ ก็เลยเป็นเหตุให้มีการมาออกรายการถึงลูกถึงคนเมื่อคืนวานนี้

ในรายการเมื่อวาน มีการเชิญผู้รู้ ที่เกี่ยวข้องกับกรมบังคับคดี มาในรายการพร้อมกับอดีตดาราคนนั้นด้วย

เพื่อเคลียว่าการกระทำแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหมือนการยึดทรัพย์ที่ค่อนข้างมั่ว เพราะน้องเป็นหนี้ แต่มายึดพี่ ..!!

ผลปรากฏไม่น่าเชื่อครับ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถูกต้อง และเป็นไปตามกฎหมายครับ โดยทางการให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องทำ เพื่อป้องกันการเบี้ยวหนี้ ซึ่งผมฟังยังไง มันก็ฟังไม่ขึ้นครับ แทบไม่ได้มีการพิสูจน์ทรัพย์เลยว่าเป็นของลูกหนี้หรือไม่ ทางกรมบังคับคดี อนุญาติให้ บริษัทบัตรเครดิต ยกของได้ตามมูลค่า โดยหากเจ้าของต้องพิสูจน์เองว่าเป็นของของตนจริง หรือไม่ก็ไปฟ้องร้องเอา

เจ้าของเค้าก็ถามว่า เฮ้ย แบบนี้ TV ตู้เย็นเนี่ย ใครเก็บใบเสร็จตอนซื้อไว้มั่ง แล้วจะพิสูจน์อย่างไร?

ทางกรมบังคับคดี เมื่อคืนก็ดูอึกอักๆ แต่สรุปก็คือ มันเป็นไปตาม *** กฏหมายไทย ***

เมื่อวานมีคนจากสมาคมผู้บริโภค ผมจำชื่อเต็มๆไม่ได้แล้ว มาด้วย

เค้าก็บอกว่าไอ้กฏหมายนี้มันแปลก คือ เรื่องการพิสูจน์ทรัพย์ ว่าทรัพย์นั้น เป็นของใคร เป็นเรื่องสำคัญ แต่กลับไม่มีการทำ ... คนที่โดนยึดต้องไปพิสูจน์เอาเอง ..

ซึ่งเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ ถ้ารู้จะก่อให้เกิดปัญหาสังคมแน่ๆ เพราะต่อไป คนจะไม่ยอมให้ใครมาขอใช้ทะเบียนบ้าน เพราะหากยอมให้ใช้ทะเบียนบ้าน เกิดคนๆนั้นไปก่อหนี้ ที่ใด คนยึดทรัพย์สามารถยึดทรัพย์ในบ้านที่ผู้ก่อหนี้อยู่ในทะเบียนบ้านได้

ซึ่งดูจากกรณีนี้แล้ว ต่อไป ผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาขอใช้ทะเบียนบ้านผมอีกอย่างแน่นอน

ซึ่งกรณีนี้ กระทบกระเทือนถึง สังคมแน่ๆ เพราะเมื่อก่อน คนบอกว่า ***อย่าไปคำประกันใคร ***

แต่ต่อไปต้องเพิ่มว่า **** อย่าอนุญาติให้ใครมาอยู่ในทะเบียนบ้าน ****

ซึ่งปกติ การทำแบบนี้ ก็ทำกันทั่วไป เช่น การย้ายเข้ามา เพื่อให้ลูกเข้าโรงเรีย หรือ ขอสิทธิต่างๆในการรับประโยชน์ทางสุขภาพ เป็นต้น

มีญาติผมซื้อบ้านจากซิตี้แบงค์มาปล่อยเช่า ถูกอย่างไม่น่าเชื่อครับ
ล่าสุดได้ยินว่ามีบ้านทางภาคเหนือหลุดออกมาแล้ว

ไม่เช่นนั้น วันดีคืนดี ก็อาจมีคนมายึดรถของคุณไป ... ยึดทีวี ยึด PC ... ยึดตู้เย็น ...

แล้วบอกคุณว่า ขอโทษ ญาติของคุณเป็นหนี้ ...เค้ามีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านคุณ.... แล้วกรมบังคับดคี มีหมายมาให้ยึด

หากคุณคิดว่า ของที่ยึด เป้นของของคุณ ไม่ใช่ของของลูกหนี้ กรุณาหาข้อพิสูจน์มาให้ได้ ... หรือไปฟ้องร้องเอา ..... :lol: :lol: :lol:

8) น่าจะลงลายลักษณ์อักษร ค้ำประกัน (ตอนประนอมหนี้)
หากแค่โอนมาอยู่ในบ้านแค่ทะเบียนบ้านไม่น่ามีผลทางกฏหมาย
ผมดูแต่ ไอทีวีตอน2ทนายคุยกันครับ

ขอบคุณครับ ผมก็ไม่เคยรู้กฏหมายนี้มาก่อน

ปรัชญา เขียน:8) น่าจะลงลายลักษณ์อักษร ค้ำประกัน (ตอนประนอมหนี้)
หากแค่โอนมาอยู่ในบ้านแค่ทะเบียนบ้านไม่น่ามีผลทางกฏหมาย
ผมดูแต่ ไอทีวีตอน2ทนายคุยกันครับ

ไม่ครับพี่ปรัชญา คนที่ถือกฏหมาย มายืนยันเลยครับ ว่าทำได้ครับ !!! เจ้าของไม่ได้เซ็นค้ำประกันครับ

เป็นเรื่องของกรมบังคับดคีครับ ในรายการเมื่อคืนยืนยันครับ คนจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ก็ยืนยันครับ

คือ เค้าให้เหตุผลว่า จะยึดทรัพย์คนที่เป็นหนี้ ... ดังนั้น ก็ดูมาตามทะเบียนบ้าน ... และยึดของในบ้านโดยตีความว่าน่าจะเป็นของของลูกหนี้ แต่หากไม่ใช่ ให้เจ้าของที่แท้จริงตามไปแสดงข้อพิสูจน์ หรือฟ้องร้องเอาครับ

คือ คนในรายการเค้าก็ไม่เห็นด้วยเรื่องว่า ทำไม กระบวนการพิสูจน์ทรัพย์ ก่อนทำการยึด ถึงได้ไม่มีอะไรเลยแบบนี้ !!!

แต่ข้อกฏหมายไทย คือ สามารถกระทำได้ครับ !!!!

แปลกแต่จริง !!!!!!

คัดท้าย เขียน:เค้าก็บอกว่าไอ้กฏหมายนี้มันแปลก คือ เรื่องการพิสูจน์ทรัพย์ ว่าทรัพย์นั้น เป็นของใคร เป็นเรื่องสำคัญ แต่กลับไม่มีการทำ ... คนที่โดนยึดต้องไปพิสูจน์เอาเอง ..

ซึ่งเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ ถ้ารู้จะก่อให้เกิดปัญหาสังคมแน่ๆ เพราะต่อไป คนจะไม่ยอมให้ใครมาขอใช้ทะเบียนบ้าน เพราะหากยอมให้ใช้ทะเบียนบ้าน เกิดคนๆนั้นไปก่อหนี้ ที่ใด คนยึดทรัพย์สามารถยึดทรัพย์ในบ้านที่ผู้ก่อหนี้อยู่ในทะเบียนบ้านได้

ซึ่งดูจากกรณีนี้แล้ว ต่อไป ผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาขอใช้ทะเบียนบ้านผมอีกอย่างแน่นอน

ซวยค่ะคุณคัดท้าย ให้ผมยึดของๆ คุณหมดบ้านไปก่อน
แล้วค่อยมาฟ้องอีกคดี ว่าอันไหนของคุณ อันไหนของผม
ใครที่ให้ลูกจ้าง คนงาน ใช้ทะเบียนบ้านร่วมกัน คงหวั่นๆ แล้วค่ะ

กล้วยทอด เขียน: ซวยค่ะคุณคัดท้าย ให้ผมยึดของๆ คุณหมดบ้านไปก่อน
แล้วค่อยมาฟ้องอีกคดี ว่าอันไหนของคุณ อันไหนของผม
ใครที่ให้ลูกจ้าง คนงาน ใช้ทะเบียนบ้านร่วมกัน คงหวั่นๆ แล้วค่ะ

ประมาณนั้นเลยครับ เมื่อวานอดีตดาราที่เค้ามาเค้าก็ เพิ่งรู้เหมือนกันครับ ตอนแรกพกความมั่นใจมาเกิน 100 เลยว่าตัวเองต้องถูกครับ

แต่พอเจอการยืนยันแบบนี้ ท้ายสุดเค้าก็ยอมรับสภาพครับ ...

ขอบคุณครับ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีแบบนี้ด้วย

เมืองไทย เจอแบบนี้ก็แย่เลยคุณคัดท้าย
เห็นแต่ทนายบอกว่า ถ้าเขาล่ามโซ่ใส่กุญแจ
ทางกรมบังคับคดี ตัดเข้าไปขนของได้
ผมก็งงครับ ปกติหนี้บัตรเครดิตต้องเรียกไปคุยกันก่อนนี่
อันนี้สงสัยเป็นกรณีพิเศษ ส่ะครับ

ขอบคุณ คุณคัดท้ายที่นำมาเล่าให้ทราบ
จะได้เป็นบทเรียนที่พึงระวังครับ

คัดท้ายครับ หมายความว่าเขายึดตามทะเบียนบ้านหรือ ถ้าน้องสาว ไม่ได้อยู่ในทะเบียนบ้านก็ยึดไม่ได้ใช่หรือไม่

อืม แปลก ทำไมยึดตามทะเบียนบ้าน

citibank มั่วแน่ๆ ครับ ตูจะเอา (เหมือนตูจะบ้า แฟนไก่รู้จักดี ฮา)

เค้าจะยึดได้ก็เฉพาะพวก รถยนต์ บ้าน ที่มีชื่อเจ้าของแน่นอนไม่ใช่หรือครับ
ตีความกฎหมายแบบนี้ เจ้าของแท้จริงฟ้องร้องกลับได้แน่ๆ เป็นเมืองนอกคงเสียอาน และแบงค์คงไม่กล้าทำแบบนี้

แต่ที่นี่ประเทศไทย ธนาคารย่อมเสียงดังกว่าชาวบ้าน
และตำรวจ (ที่ไปด้วย) ก็คงตีความเอาเองเข้าข้างคนเสียงดัง

เมื่อคืนดูเหมือนกัน ยังคิดเลยว่าดาราคนนี้โชคดีมากที่มีสื่อมาช่วยไว้ได้
ถ้าเป็นคนทั่วไป คงโดนยึดหมดแล้วแน่เลย
เป็นหนี้ต้องชดใช้....ใช่
แต่ใช้แทนคนอื่น .... ไม่ไหว
เสียใจ พ่วงด้วยเสียทรัพย์

เป็นห่วงบ้านที่มีคนแปลกหน้าร่วมทะเบียนบ้านจัง
จะดูข่าว ดูทีวีสักกี่คน มิจฉาชีพสมัยนี้ ไวต่อข่าวกว่าคนดีๆ อีก

เท่าที่ได้ดูเมื่อคืนนี้ ก็แปลกใจเหมือนกันเหมือนกับว่ากฎหมายออกมาเอื้อแก่ฝ่ายเจ้าหนี้มากกว่า กล่าวคือเจ้าหนี้สามารถนำยึดทรัพย์ที่คิดว่าเป็นของลูกหนี้ได้เลย ตามมูลค่าหนี้ที่มีโดยมีคนจากกองบังคับคดีไปด้วย ถ้าไม่ให้ยึดก็ถือว่าผิดกฎหมายอีก ทำไมถึงไม่ต้องมีการพิสูจน์ทรัพย์กันก่อนว่าเป็นของลูกหนี้หรือของบุคคลอื่น แล้วยิ่งถ้ายึดไปแล้วเจ้าของทรัพย์ต้องการเรียกทรัพย์คืนจะต้องไปฟ้องร้องต่อศาลขอปล่อยทรัพย์คืนเป็นอีกคดีหนึ่ง ต้องจางทนายนำสืบ ต้องเสียค่าศาล ร้อยละ 2.50 ของมูลค่าทรัพย์ ต้องหาหลักฐานการเป็นเจ้าของทรัพย์ เสียเวลาไม่รู้เท่าไร

Jeng เขียน:คัดท้ายครับ หมายความว่าเขายึดตามทะเบียนบ้านหรือ ถ้าน้องสาว ไม่ได้อยู่ในทะเบียนบ้านก็ยึดไม่ได้ใช่หรือไม่

อืม แปลก ทำไมยึดตามทะเบียนบ้าน

นั่นดิครับพี่ ... เมื่อวาน เค้าให้รายละเอียดว่า น้องสาวเค้านี่ ทำงานอยู่ Central แล้วก็ได้มีการติดต่อไป เพื่อตัดเงินเดือนเพื่อชดใช้หนี้แล้ว

แต่อาจเป็นเพราะว่า เจ้าหนี้บัตรเครดิต จะกลัวตัดเงินแล้วไม่ทัน คดีจะหมดอายุความไปก่อน(อายุความ 10ปี) หรือว่าเหตุผลอื่นๆ ก็เลยมายึดทรัพย์ก่อน

อดีตดารา เค้าก็ถามคนของกรมบังคับคดีที่มาในรายการถึงประเด็นนี้ ที่พี่เจ๋งถามเหมือนกัน กรมบังคับคดี ก็อึกอักๆ ประมาณว่า ทรัพย์ต้องอยูที่บ้าน เค้าก็เลยต้องตามไปยึดที่บ้าน

ดาราเค้าก็บอกว่า จะบ้าเหรอ คนเดี๋ยวนี้ ทรัพย์อยู่ตั้งหลายที่ กระเป๋าหลุยใบเท่าไหร่ รถคันเท่าไหร่ รู้ก็รู้ว่าน้องเค้าทำงานที่ไหน ทำไมไม่ตามไปยึด ... มันเหมือนบีบให้คนในบ้านไปบีบให้ลูกหนี้ รีบใช้หนี้มากกว่า

ซึ่งเรื่องมันก็สรุปอะไรไม่ได้ครับ เพราะกฏมันเขียนไว้แบบนั้น ทางกรมเค้าก็ยืนยันว่าทำตามกฏทำตามหน้าที่ครับ ทางคนขององกรคุ้มครองผู้บริโภคอะไรซักอย่างที่เค้ามาด้วยเนี่ย เค้าก็บอกว่า มันเป็นแบบนี้จริงๆ และแนะนำให้เจ้าบ้านทุกคน ที่โดนแบบนี้ ฟ้องศาลครับ เพราะต้องการให้เจ้าหนี้ที่ทำแบบนี้เดือดร้อน และเป็นการให้สังคมได้รับรู้ แต่ทางอดีตดารานี่เค้าก็ไม่ค่อยอยากมีเรื่องมีราวหรอกครับ ใครมันอยากจะขึ้นศาลกัน สนุกก็ไม่สนุก เสียเวลาครับ

อืมม์....
กฏหมายไทย ล้าหลังมากๆ
บางฉบับ ล้าหลังหลายสิบปี
พอเจอฉบับใหม่ๆ ยังห่วยแตกสิ้นดี

sasom เขียน:เท่าที่ได้ดูเมื่อคืนนี้ ก็แปลกใจเหมือนกันเหมือนกับว่ากฎหมายออกมาเอื้อแก่ฝ่ายเจ้าหนี้มากกว่า กล่าวคือเจ้าหนี้สามารถนำยึดทรัพย์ที่คิดว่าเป็นของลูกหนี้ได้เลย ตามมูลค่าหนี้ที่มีโดยมีคนจากกองบังคับคดีไปด้วย ถ้าไม่ให้ยึดก็ถือว่าผิดกฎหมายอีก ทำไมถึงไม่ต้องมีการพิสูจน์ทรัพย์กันก่อนว่าเป็นของลูกหนี้หรือของบุคคลอื่น แล้วยิ่งถ้ายึดไปแล้วเจ้าของทรัพย์ต้องการเรียกทรัพย์คืนจะต้องไปฟ้องร้องต่อศาลขอปล่อยทรัพย์คืนเป็นอีกคดีหนึ่ง ต้องจางทนายนำสืบ ต้องเสียค่าศาล ร้อยละ 2.50 ของมูลค่าทรัพย์ ต้องหาหลักฐานการเป็นเจ้าของทรัพย์ เสียเวลาไม่รู้เท่าไร

ใช่เลยครับคุณ sasom เมื่อวานคนทุกคนก็สงสัยเรื่อง กระบวนการพิสูจน์ทรัพย์ ที่หละหลวมมาก ไม่ต้องมีการพิสูจน์ทรัพย์ตอนยึด !!!


ทางเจ้าหนี้ สามารถเดินชี้ของในบ้านได้ตามสบายเลย !! และยึดตามมูลค่าที่ตีความ !!!


โอ้ ... เมืองไทยของเรา .... :lol: :lol: :lol:

บอกได้คำเดียวครับ ว่า ซวย
เจ้าน้องนั่นก็คงหายไปเลย ทิ้งความเดือดร้อนให้พี่สาว ตามสูตร

เจ้าหนี้เขาก็ต้องทำครับ คงว่าไม่ได้

แต่จะว่าไป
ทำไมระบบปล่อยให้คนเป็นหนี้ได้ขนาดนี้ครับ
ผมเห็นเพื่อนบางคนมีบัตรเครดิตเป็น 10 ใบ
10 ใบจริงๆครับ
เดือนนึงจ่ายค่าขั้นต่ำ ก็เกินครึ่งของเงินเดือนแล้วมั้ง

ทำไมมันยังกล้าให้เครดิตกันครับ

Tongue เขียน:บอกได้คำเดียวครับ ว่า ซวย
เจ้าน้องนั่นก็คงหายไปเลย ทิ้งความเดือดร้อนให้พี่สาว ตามสูตร

เจ้าหนี้เขาก็ต้องทำครับ คงว่าไม่ได้

แต่จะว่าไป
ทำไมระบบปล่อยให้คนเป็นหนี้ได้ขนาดนี้ครับ
ผมเห็นเพื่อนบางคนมีบัตรเครดิตเป็น 10 ใบ
10 ใบจริงๆครับ
เดือนนึงจ่ายค่าขั้นต่ำ ก็เกินครึ่งของเงินเดือนแล้วมั้ง

ทำไมมันยังกล้าให้เครดิตกันครับ

คุณ Tongue ว่ามันไม่ละเมิดสิทธิ เกินไปเหรอครับ??

สมมุติ น้องคุณ Tongue ไปก่อหนี้ไว้ แล้ววันนึง เค้ามาบ้านคุณ Tongue แล้วเอาของไป และบอกว่า พิสูจน์ซิ ว่าเป็นของของคุณ Tongue ไม่ใช่ของของน้องคุณ

ว่าแล้วก็เอาของออกไป แล้วบ้านก็โล่งๆ แล้วคุณ Tongue ทำอะไรผิดครับ ?
นอกจากเอาชื่อน้องคุณมาไว้ในทะเบียนบ้าน แล้วมันไปก่อหนี้ไว้?

อุทาหรสอนใจ วันนี้เปิดดูทะเบียนบ้านของเรากันด้วยครับ ชื่อไหน ชอบก่อหนี้ เอาออกได้ ก็เอาออกไปเถอะ ... :lol:

น่าจะลงลายลักษณ์อักษร ค้ำประกัน
หากแค่โอนมาอยู่ในบ้านแค่ทะเบียนบ้านไม่น่ามีผลทางกฏหมาย
ผมดูแต่ ไอทีวีตอน2ทนายคุยกันครับ

ทำหนังสือ ลงลายมือชื่อ สำหรับคนมาอยู่ในบ้านเรา ให้ยอมรับว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว

อย่างนี้พอ ใช่ไหมครับ

คัดท้าย เขียน:
ทางเจ้าหนี้ สามารถเดินชี้ของในบ้านได้ตามสบายเลย !! และยึดตามมูลค่าที่ตีความ !!!

เล่นกับแบบนี้สนุกครับ
ที่ขอนแก่นหัวหน้าสินเชื่อศรีมิตร(นานแล้ว)ยึดรถเก่งได้ค่ายึด
พวกเอาน้ำมันมาราดเผาหน้าสำนักงานเลย
เมื่อเดือนก่อน รถประจำตำแหน่ง ของ...ข้าราชการก็ถูกเผา
คนพื้นที่เขาบอกว่า มันฟ้องให้เห็นความเอารัดเอาเปรียบ

ไม่กล้าเครดิตให้ก็ไม่มีค่าคอมมิสชั่น ช่วยไม่ได้ครับ
คนแจกกับคนยึดมันคนละคนกัน
คนแจกเอ๊าซอส แต่คนยึดเป็นคนแบงค์ใช่มั้ย

โชคดี ทะเบียนบ้านผมไม่มีคนอยู่
เอ๊ย! มีสิ มีผมไง :lol:

ผมถือว่ายังเป็นโชคดีของเขานะครับ ที่เป็นดารามีชื่อเสียงอยู่บ้าง พอสื่อมาทำข่าวกันทางนั้นก็เลยถอยไปก่อน ถ้าเป็นเราๆท่านๆ เจอเหตการณ์แบบนี้ละจะทำยังงัยกัน

ยอมให้เขายึดไป แล้วค่อยไปฟ้องร้องขอปล่อยทรัพย์ทีหลัง

ยอมให้เขายึดไป แล้วก็ปล่อยไปเลยไม่อยากไปขึ้นโรงขึ้นศาล เสียค่าใช้จ่าย เสียเวลา

ไม่ยอมให้ยึด แล้วจะทำยังไงละ

ปวดหัวจริงๆกฎหมายเมืองไทย

ตอบตรงๆครับ

ถ้าน้องผม ผมจ่ายให้ครับ
แต่น้องผม ตายแน่ครับ

แต่ที่สำคัญคือ จะทำยังไงไม่ให้มันเกิดครับ
เหมือนมีเพื่อนต้องเลือกคบ
มีลูกมีหลาน ก็ต้องรูจักดูครับ

ผมเห็น กับ โดนเอง มาบ้างแล้วครับ

ใจดีมาก ก็เป็นคนโง่
ไม่อยากโง่ ก็ต้องเหี้ยม
เหี้ยมมากๆ คนเขาจะว่าเอาว่า
ไอ้เหี้ยม ตกม้า 555

สรุป
ป้องกันตนเอง แหละครับ เลือกคบคน อย่างอาว่าแหละครับ
ใครท่าทางไม่ดี ก็อย่าเอาเข้าทะเบียนบ้านครับ
ถ้าเอาเข้า เราก็ต้องรับครับ

การดูคน จะว่าไปแล้ว เหมือนการเลือกหุ้นเลยนะครับ
เงินมาจากไหน ใช้ไปยังไง อ้าวนอกเรื่องแล้ว