Thai VI

โดย ผู้จัดการรายวัน 19 มีนาคม 2548 08:01 น

สภาพัฒน์ฯแนะจับตาอาชญากรรมกลุ่มเด็ก เร่งปลูกฝัง หิริ-โอตัปปะหลังพบตัวเลขเด็กไทยดื่มสุราเพิ่มขึ้น แถมคุณภาพการศึกษาไม่น่าพอใจ คณิตศาสตร์-ภาษาอังกฤษ ยังอ่อนเมื่อเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน ใช้อินเตอร์เน็ตเล่นเกมมากกว่าที่จะใช้หาความรู้ ขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนในสังคมยังฟุ่มเฟือย มีการใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจาก1.6ล้านใบเป็น 8.2ล้านใบ ภายใน 5 ปี

วานนี้(18 มี.ค.48 ) นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.หรือ สภาพัฒน์)แถลงรายงานภาวะสังคม ไตรมาส 4 ปี 2547 เกี่ยวกับภาพรวมสังคมไทย ปี 2547 และแนวโน้มในปี 2548 ว่า จากการเปรียบเทียบของภาวะสังคมไทยกับต่างประเทศ ยังล่าช้าต่อการสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จากการจัดอันดับของ IMD ภาพรวมดีขึ้นจากปี 2544 ลำดับที่ 34 เป็นลำดับที่ 29 ในปี 2547 ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2544 คือลดลงจากลำดับที่ 46 เป็นลำดับที่ 50 ในปี 2547

**เยาวชนลดสูบบุหรี่แต่ดื่มสุราเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ สภาพัฒน์ยังเป็นห่วงความเป็นอยู่ของคนไทย เนื่องจากพบว่า การสูบบุหรี่มีแนวโน้มลดลงในทุกกลุ่มอายุ คือ จากร้อยละ 25.5 ในปี 2544 เป็นร้อยละ 23.0 ในปี 2547 แต่อัตราผู้ดื่มสุรากลับไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง และยังพบว่า กลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปี มีอัตราการดื่มสุราเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 21.53 ในปี 2544 เป็นร้อยละ 23.51 ในปี 2547 ในขณะที่ผู้ใหญ่ดื่มสุราลดลง

**5ปีใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น5เท่า

นอกจากนี้ สภาพัฒน์ยังพบว่า อัตราการใช้บัตรเครดิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มียอดบัตรเพิ่มถึง 5 เท่า จาก 1.6 ล้านใบในปี 2542 เป็น 8.2 ล้านใบในปี 2547โดยพบพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านห้างสรรพสินค้ามากที่สุด ทำให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อภาวะหนี้สิน ดังนั้นจึงควรมีการให้ความรู้ และสร้างวินัยการใช้จ่ายแก่ผู้บริโภค ทั้งนี้สภาพัฒน์ ได้หารือประเด็นนี้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)อยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ก็จะเร่งดำเนินการวิจัยร่วมกับธปท.ถึงพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตของคนไทยที่เพิ่มขึ้น

ส่วนในด้านขอสิ่งแวดล้อม พบว่าคนไทยต้องเผชิญกับอากาศที่เป็นพิษ ฝุ่นละออง สารเคมี และขยะอิเล็คทรอนิกส์ และแนวโน้มความสูญเสียจากอุบัติภัยจากสารเคมีรุนแรงขึ้น

ถ้าอ่านตามข่าวหุ้น KTC ก็น่าสนใจ คนใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น

น่ากลัวครับ

ทุกครั้ง ที่ผมไปกดเงินจาก เอทีเอ็ม ตู้ประจำซึ่งมีตู้เบิกเงินของบัตรสินเชื่อเจ้าหนึ่งตั้งอยู่ไกล้ๆ
จะมีคนมาใช้บริการตู้บัตรสินเชื่ออยู่เสมอ ซึ่งบางครั้ง ผมเห็นคุณป้าแก่ๆ มากดเงินจากตู้นั้น
เนื่องจากตู้เอทีเอ็มอื่นๆ ไม่ว่าง (มีคนใช้งานอยู่ คิวยาว) ผมยังเข้าไปบอกแกเลยว่าการกดเงิน
สดจากบัตรเดบิตด้วยตู้นั้นมันเสียเงินเพิ่มพิเศษค่าบริการแพงมากนะคุณป้า แกก็ยังขอบใจผม
เป็นนักหนา

แต่หลายครั้งมากกว่า ที่ผมเห็นคนหนุ่มสาว (แน่นอน ว่าดูท่าทางไม่ได้มีเงินมาก) มากดเงิน
จากเจ้าตู้ใบนั้น ทำให้เห็นยอดหนี้ที่คนทั่วๆ ไปยังอาจจะมีอยู่ ไม่น้อยเลยทีเดียว เห็นแล้วน่า
เป็นห่วงครับ

คิดว่า "ความนิยม" (ไม่อยากใช้คำว่าค่านิยมเลย เพราะไม่อยากจะให้สิ่งเหล่านี้มันติดอยู่กับ
สังคมไทยเราไปนานนัก) ในการมีบัตร "กู้เงิน" พวกนี้ กำลังแพร่กระจายในหมู่เด็กๆ และวัยรุ่น
ไปเร็วเหลือเกิน น่าเป็นห่วงครับ ใครมีลูกมีหลาน คงทำอะไรไม่ได้มากนักกับสภาพแบบนี้ นอก
จากดูแลลูกหลานให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น (ของคนส่วนใหญ่) ให้มีภูมิต้านทานกับสิ่งยั่วยุพวกนี้
และไม่ให้หลงมัวเมาไปกับการสร้างหนี้

ผมเอง มีความเชื่อส่วนตัวว่าจะไม่ "ปล่อยกู้" แล้วเอาดอกเบี้ยจากคนอื่นที่มีเงินน้อยกว่า
และผมเองเป็นคน "ซื้อหุ้นลงทุน โดยเป็นเจ้าของร่วม" กับบริษัทที่ผมได้เลือกแล้ว ดังนั้น
หากผมถือหุ้น หรือเป็นเจ้าของบริษัทปล่อยกู้เพื่อการใช้จ่าย และผมได้รับผลประโยชน์
ต่างๆ จากการถือหุ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็น Capital Gain หรือเงินปันผล หรือผลประโยชน์อื่นใด
ผลประโยชน์หล่านั้น ย่อมจะมาจากการ... ที่คนเอาเงินมาใช้หนี้บวกดอกเบี้ยถูกๆ (แต่มีค่า
บริการแอบแฝงแพงๆ) ซึ่งผมอาจจะคิดไปเองว่าเป็นการเอาเปรียบและเบียดเบียนผู้อื่น ผมจึง
(ความเห็น/ความเชื่อส่วนตัวเท่านั้น) ไม่เคยคิดจะซื้อ, ซื้อ, หรือถือ หุ้นประเภทปล่อยกู้ (เพื่อ
การใช้สอยส่วนตัว) เลย ยกเว้นธนาคาร ซึ่งจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจในแง่ของหนี้ที่มีคุณค่า
(สร้างรายได้ มากกว่าดอกเบี้ย ไม่ใช่เพียงความพึงพอใจ)

คนไทย ฟุ่งเฟ้อมากขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผมไม่เห็นมีนโยบายให้ประหยัด หรือให้เก็บออมเป็นจริงเป็นจังออกมาจากรัฐ เลย

มีแต่กระตุ้นให้จ่าย ให้เที่ยว กระตุ้นเศษฐกิจ อยู่นั้นแหละครับ

เด๊ยวก็ได้แตกดังๆ อีกรอบ ก็ยุ่งกันยาวเลยงานนี้
และผมว่าถ้าเกิดมาจะรุนแรงกว่าเดิมมากด้วย
คราวนี้ถึงรากถอนโคน ตามนโยบายเลย

ผมว่าจำนวนบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นมาก น่าจะมาจากการนิยมความสะดวกสบายในการใช้บัตรมากกว่าที่ จะเป็นหนี้เพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะครับ

ผมเองก็ใช้บัตรเครดิต เท่าที่จะสามารถใช้ได้ และรู้ตัวเสมอเวลาใช้ เวลาจ่ายก็ให้ตัดบัญชีธนาคารไปเลย (กันลืม) คิดว่ายังไงก็ดีกว่าที่เราจะต้องจ่ายเงินสดออกไป เงินสดที่ยังไม่ต้องจ่ายก็สามารถกินดอกเบี้ยในแบ๊งค์ไปได้อีกตั้งเดือนนึง (ถึงแม้จะน้อยเต็มทีก็เถอะ) ใช้ไปใช้มาก็มีแต้มแลกของฟรีได้อีก เลยหาไม่เจอว่าจะมีข้อเสียตรงไหนครับ

เรื่องตู้ ATM ที่มีค่าธรรมเนียมพิเศษนี่น่ากลัวเหมือนกันนะครับ ยังไม่เคยเห็นกับตัวเอง อยากให้คุณมือเก่าฯ ขยายความนิดนึงนะครับ ว่าเป็นของเจ้าไหน จะได้สังเกตไว้ว่าหน้าตาเป็นยังไง จะได้ไม่เผลอไปกดเข้าอะครับ เพราะบางทีเราก็รีบๆ อาจไม่ได้สังเกต

ฉะนั้นมันก็เหมือนทุกสิ่งในโลกที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียแหล่ะครับ ที่เราต้องทำคือใช้ข้อดีให้มากที่สุด และก็สอนเรื่องข้อเสียให้เข้าใจ และพยายามหลีกเลี่ยง

บัตรเครดิต เป็นเครื่องมือในจิตวิทยาการตลาดอย่างนึงครับ
ทำให้การใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
สมมุติเช่น มีเงินสด1หมื่น เอาใส่กระเป๋า1พัน(คงไม่มีใครใส่1หมื่น)
ออกไปนอกบ้านเจอของอย่างนึงอยากซื้อราคา2พัน ก็คงซื้อไม่ได้
เพราะเอามาแค่1พัน จึงไม่ได้ซื้อต้องกลับบ้านไป
มีเวลาคิดอีกตั้งคืนนึงว่าจะกลับไปซื้อไหม ซื้อแล้วคุ้มไหม มีความจำเป็นไหม
หรือว่าอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าจะซื้อ มันอาจเป็นแค่อารมชั่ววูบก็ได้

ข้อดีก็มีข้อเสียก็มี อยู่ที่ตัวคนใช้ ว่าใช้บัตรเครดิต หรือโดนบัตรเครดิตใช้

เวลากดเงินก็ดูว่า ถ้าไม่มี ATM Pool ไอนั่นแหละเสียตังค์เพิ่มเป็นค่าธรรมเนียม

เรื่องบัตรเครดิต เกาหลีใต้โดนไปแล้ว ............

พี่ไทยจะซํ้ารอยเท้าเขาไหมมมมมมมมม .................

ผมว่าจำนวนบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นมาก น่าจะมาจากการนิยมความสะดวกสบายในการใช้บัตรมากกว่าที่ จะเป็นหนี้เพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะครับ

อันนั้นอาจจะเป็น "พวกเรา" ครับคุณนักกวาดทุ่นฯ จริงๆ นะ
แต่ที่ผมยืนยันได้ ผมเคยเห็นคนมีบัตรเครดิต 5-10 ใบ แต่ละใบ "ยอดเต็ม" ทั้งสิ้น
มาไม่น้อยกว่า 5 คนครับ

ถึงได้บอกว่า เสียวจริงๆ

วันนั้นไปตึกคอมศรีชา(พันธุ์ทิพย์แห่งตะวันออก) ผมไปก่อนห้างเปิดประมาณหลายสิบนาที เห็นคนมานั่งรอเข้าเยอะมากกกก ยังดีใจ เอ...คนคงสนใจสินค้าไอทีเยอะมั้ง พอห้างเปิด คนไปออกันอยู่ที่ EasyBuy แทน ทำให้คิดได้ว่า คนไทยชอบผ่อน ชอบเรื่องสินเชื่อ

ประเด็นบัตรเครดิตกับประเด็นการดื่มสุราผมว่ามันคนละเรื่องไม่น่าจะเอามาใส่ข่าวรวมกัน เพราะประเด็นบัตรเครดิตส่งผลให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่จะเพิ่มขึ้นในการบริโภครวมไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นสุราที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากบัตรฯ (จับแพะชนแกะไปได้)หรือการศึกษาด้อยลงจากบัตรฯ เล่นเอามาไว้คอลัมน์เดียวกันแบบนี้ตีประเด็นสับสนไปหมด น่าจะแยกประเด็นออกจากกันมากกว่า นักข่าวชอบจับยำอยู่เรื่อย

ประเด็นบัตรฯ เกิดการฟุ้มเฟ้อสูงขึ้น สิ่งที่ควรสนใจ รัฐจะควบคุมอย่างไร

ประเด็นสุรา ปัจจัยเกิดจากอะไร ภาวะความเครียดและความกดดันในวัยรุ่น? มิติไหนบ้าง?

ประเด็นคุณภาพการศึกษา เกิดจากปัจจัยอะไร ปัจจัยไหนมีน้ำหนักมาก? เกมส่งผลให้คุณภาพการศึกษาลดลงจริงหรือ? ตัวโครงสร้างการศึกษาสอดคล้องกับภาวะทางสังคมและเกิดการกระตุ้นให้เกิดสังคมเรียนรู้หรือไม่?

มือเก่าหัดขับ เขียน: อันนั้นอาจจะเป็น "พวกเรา" ครับคุณนักกวาดทุ่นฯ จริงๆ นะ
แต่ที่ผมยืนยันได้ ผมเคยเห็นคนมีบัตรเครดิต 5-10 ใบ แต่ละใบ "ยอดเต็ม" ทั้งสิ้น
มาไม่น้อยกว่า 5 คนครับ

ถึงได้บอกว่า เสียวจริงๆ

ผมใช้บัตรเพราะสะดวกครับ อย่างเดินทางไกลๆ
พกเงินเป็นฟ่อนๆไปจ่ายค่าโรงแรม คงไม่เหมาะ
หากมีวินัยในการใช้จ่าย ไม่ใช้มากกว่าเงินสด
ไม่คิดว่าบัตรเครดิตมีไว้ผ่อนสินค้า ไม่น่ามีปัญหา

jaychou เขียน:หากมีวินัยในการใช้จ่าย ไม่ใช้มากกว่าเงินสด

นี่แหละครับ ประเด็น

ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้

ถูกต้องครับคุณ Jaychou

เห็นด้วยเรื่องความสะดวก ผมก็ใช้ครับ เจ้าบัตรเครดิตเนี่ย เพราะผมไม่ชอบพกเงิน ปกติแล้ว
มีเงินสดติดตัว ไ่ม่เคยเกินสามพันบาท เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไรนักหนา ยังคงกินข้าวมื้อละ
ยี่สิบ สามสิบ ห้าสิบ หรืออย่างมาก ถ้าทานกับคนอื่นด้วย ก็ระดับร้อยเท่านั้นเอง ใช้จ่ายมากที่
สุดในชีวิต ก็ซื้อหุ้นนี่แหละ

วินัยในการใช้เงิน เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ผมเอง และทางบ้าน ไม่ได้รวยแต่กำเนิด
พ่อผมเป็นลูกชาวนา ผมเป็นหลานชาวนา พ่อเคยดำนา เกี่ยวข้าว ผมยังเคยหว่านข้าวเลย
แต่ไม่เคยเกี่ยว (หลังๆ มานี่ใช้รถเกี่ยวกันหมดแล้ว) เลยไม่เคยดูถูกเงิน...