Thai VI

-------------------------------------------------------

ทุกวันนี้ปวดหัวมากค่ะกับการแยก
EPS ที่มาจากการดำเนินงานจริง กับ
EPS ที่มาจากอย่างอื่น ที่ไม่ใช่ ที่มาจากการดำเนินงานจริง

อยากให้ตลาดสั่งบริษัทจดทะเบียนไปเลยว่า ให้ report
EPS ที่มาจากการดำเนินงานจริง ด้วยทุกครั้ง

โดยให้ EPS ที่รายงานปกติ มีสัญลักษณ์ว่า "E"
ส่วนที่มาจากการดำเนินงานจริง ให้มีสัญลักษณ์ว่า "EO"
(EO : EPS from operation)

เวลาเราคุยกันด้วย P/E ก็จะคุยเป็น
ตอนนี้ค่า พีอีโอ (PEO) เหลือ 4 เท่าแล้วนะคะ น่าซื้อมั๊ย อะไรทำนองนี้


เพื่อนๆ พี่ๆ เห็นด้วยไหมคะ คืออยากให้มีจริงๆ เป็นเรื่องเป็นราว เป็นสิ่งที่บริษัทต้องทำ เวลาบริษัทรายงานผลประกอบการ
เป็นค่ากำไรต่อหุ้นตัวนึงเลยค่ะ

-------------------------------------------------------

-------------------------------------------------------
* หน้า 2 เริ่มมีคุยกันเรื่อง EX แล้วค่ะ
EX = Earning excluding extraordinary items *
-------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------

อีกเรื่อง ไม่เข้าใจจริงๆ เลยค่ะว่า ทำไมเวลารายงานผลประกอบการประจำปี
ตลาดไม่ยอมบอกอีกค่านึง คือ ค่าผลประกอบการ Q4
ต้องให้นักลงทุนมานั่งลบกันเอง

อย่างเช่น

(Audited Yearly F/S and Consolidated F/S (F45-3))

Reports: Audited yearly and consolidated statements as follows.

Name VANACHAI GROUP PUBLIC COMPANY LIMITED

Audited

(In thousands)

Ending 31 December


For year

Year 2004 2003

Net profit (loss) 1,232,651 1,021,559

EPS (baht) 0.95000 0.89000


Auditors Opinion:
Unqualified Opinion


เนี่ยะๆ เห็นมะบอกแค่นี้เอง จะกลัวเปลืองเนื้อที่อะไรนักหนา
ก็เติมไปหน่อย บอก Q4 ไปด้วย ไม่เห็นจะเปลืองเนื้อที่ อะไรมากมาย ใช่มั๊ยคะพี่ๆ

ให้ดีสรุปเป็นตารางให้เลย บอก Q1 Q2 Q3 Q4 สรุปออกมา
มีเปอร์เซนต์ Change เป็นตาราง
รายไตรมาสก็เหมือนกัน ไตรมาสเก่าๆ ในปีนั้นแสดงให้หน่อยก็ไม่ได้

คณิตศาสตร์ง่ายๆ display ง่ายๆ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมไม่ทำ ไม่เข้าใจจิงๆ
ยิ่งพิมพ์ยิ่งเกิดอารมณ์ ค่ะ

เพื่อนๆ พี่เห็นด้วยไหมคะ

----------------------------------------------------------

เห็นด้วยครับ

แต่จริงๆแล้วการอ่านงบกำไรขาดทุนเพื่อแยกแยะว่ากำไรอันไหนเป็นจากการดำเนินงานปกติอันไหนไม่ใช่นั้นเป็นความรู้เบื้องต้นที่นักลงทุนทุกคนควรจะมี แต่ที่ประเทศไทยผมเห็นมีนักเล่นหุ้นจำนวนมากไม่สามารถแม้แต่จะหางบการเงินมาดูด้วยซำครับ คงต้องใช้เวลาพัฒนากันอีกนานหลายสิบปี ...

ส่วนเรื่องผลประกอบการ Q4 ควรจะแยกให้ดูด้วยนั้นเห็นด้วยมากๆเลยครับ

แต่ที่ประเทศไทยผมเห็นมีนักเล่นหุ้นจำนวนมากไม่สามารถแม้แต่จะหางบการเงินมาดูด้วยซำครับ

ตรงนี้ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ
เป็นเหตุผลหลักเหตุผลนึงของการนำเสนอ EO (EPS from operation)

เห็นด้วยกับคุณเจนครับ

เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับ
จริงๆแล้วผมอยากให้มีบังคับด้วยซ้ำว่าจะต้องส่งทั้งงบ Q4 และ annual ทั้ง 2 งบ
งบปีออกมาทีไรต้องมานั่งลบเอง ปวดหัวครับ
อีกอย่าง พวกบริษัทที่มีเพิ่มทุก มี warrant หรือเหตุใดก็ตามที่ทำให้จำนวนหุ้นเปลี่ยนแปลง
ในงบจะแสดงเป็น eps กับ eps ถ่วงน้ำหนัก ... ผมว่าน่าจะเพิ่ม eps โดยคิดจากจำนวนหุ้นเต็มจำนวนด้วยนะครับ
บางที eps ถ่วงน้ำหนักมันหลอกตาครับ ...

ผมก็ต้องมาลบQ1-3 ออกประจำ

แต่จะเพิ่มหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ก็ดีเหมือนกัน ให้คนรู้เร็วเกิน หุ้นก็เปลี่ยนแปลงเร็วไป

แต่ที่ประเทศไทยผมเห็นมีนักเล่นหุ้นจำนวนมากไม่สามารถแม้แต่จะหางบการเงินมาดูด้วยซำ

ไม่ใช่ไม่สามารถหา แต่ไม่ขวนขวายหาเองต่างหาก ดูแต่กระดานราคาวิ่งขึ้นลงเท่านั้นพอ

เห็นด้วยครับ

เรื่องมันง่ายเกินมั้งครับ ตลาดเลยไม่ทำ

ต้องเรื่องยากๆ แบบ ห้ามเว็บไซต์อื่นเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน ตัวเลขทางการเงิน แถมตัวเองทำเองก็เก็บตังค์ เรียก SETSMART (ยอมรับว่า SMART ในแง่ประโยชน์ส่วนตนของตลาด แต่ไม่ SMART เลยในแง่บทบาทที่ถูกที่ควรของตลาด)

เห็นด้วยครับ

เห็นด้วย เรื่องการที่บริษัทจดทะเบียนควรจะรายงานผลการดำเนินงานของ Q4 แยกออกมา
ด้วยในรายงานปิดท้ายปลายปีงบประมาณ และเห็นด้วยอีกที่ในรายงานปิดท้ายของปี ควรจะมี
ตัวเลขเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของ Q1 - Q4 แยกออกมาเป็นรายไตรมาส ให้ดูได้ง่าย
นักลงทุนจะได้นำไปเปรียบเทียบ YOY และ QOQ ได้โดยสะดวก

เห็นด้วย เรื่องควรมีการคำนวณค่าของ Earning per share แยกระหว่างผลการดำเนินงาน
ตามปกติ กับผลการดำเนินงานรวม จะได้ดูได้ง่ายขึ้น แต่อาจจะมีคำถามต่อเนื่องมาอีกว่า ผล
การดำเนินงานที่ "เป็นพิเศษ" นั้นมีอะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นบริษัทจดทะเบียน อาจจะรายงานไม่
ตรงความเป็นจริง แล้วจะต้องมาวิ่งไล่จับลงโทษกัน เป็นภาระเพิ่มเติมคนดูแลอีก สู้มาไล่จับ
เว็ปไม่ได้... อุ๊ย! เผลอพูดไป ขออภัยจ้ะ

agree 8)

ง่ายๆ อย่างนี้ เขาคิดกันไม่ออกหรอกครับ

เรียนมาเยอะ ต้องทำอะไรยากๆ ไว้ก่อน

เด๊ยวจะหาว่าไม่รู้เรื่อง ทำอะไรยากๆ ไม่เป็น :lol: :lol: :lol:

เห็นด้วยกับคุณ Jane ครับ

มีแต่คนเห็นด้วย

อย่าโกรธผมนะ

ผมขอบอกว่า

คิดเองมั่งดิ
ก็มันง่ายๆไม่ใช่หรือ
เด๋วสมองฝ่อกันหมด

555

คิดเองได้ค่ะคุณ CEO
แต่สะดวกๆ คุณไม่ชอบเหรอ
หุ้นมากกว่า 400 ตัว
นลท ต้องเอามาลบทุกตัว
เสียเวลาออก

เห็นด้วยครับผม
หวังว่าคงเป็นจริงภายใน 10 ปี...

คิดเองก็ได้ครับพี่ CEO
แต่ผมว่า แยกให้เห็นชัดๆ ไปเลยครับ

เพราะคนส่วนใหญ่ ดูแต่บรรทัดล่าง โดยไม่ได้สนใจรายละเอียดเยอะมากๆ
จะได้เห็นชัดๆ ไปเลยว่าผลกำไรที่แท้จริงมาจากไหนกันแน่

ไม่ใช่มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ มาจากอัตราแลกเปลี่ยน แล้วมารวมด้วยกับผลการดำเนินงานจริงหมด

จะได้ตาสว่างกันมากขึ้นด้วยครับ

เร็วๆสะดวกกว่าครับ
จะได้เอาเวลาไปศึกษาธุรกิจให้ลึกๆดีกว่า
บริษัททำเพียงครั้งเดียวคงเพิ่มต้นทุนไม่มาก
... คนจำนวนมากได้ประโยชน์ ผมว่าคุ้มครับ ..
สมองไม่ฝ่อหรอกครับแค่นี้ 8)

----------------------------------------------------------------

คิดเองก็ได้ครับพี่ CEO
แต่ผมว่า แยกให้เห็นชัดๆ ไปเลยครับ

เพราะคนส่วนใหญ่ ดูแต่บรรทัดล่าง โดยไม่ได้สนใจรายละเอียดเยอะมากๆ
จะได้เห็นชัดๆ ไปเลยว่าผลกำไรที่แท้จริงมาจากไหนกันแน่

ไม่ใช่มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ มาจากอัตราแลกเปลี่ยน แล้วมารวมด้วยกับผลการดำเนินงานจริงหมด

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ คุณ CopyWriter (และก็ไม่ได้ง่าย ขนาดที่คุณ CEO ว่าไว้ เจนคิดงั้นนะคะ)

อีกประการนึง ที่สำคัญมากๆ ที่เจนยังไม่ได้บอกคือ
เจนคิดว่า ค่ากำไรที่มาจากการดำเนินงาน (หมายถึงค่า EO : Earning from operation) ที่ถูกต้อง
ควรจะเป็นค่าที่เป็น *ทางการ* จากตลาดหลักทรัพย์ ค่ะ
ซึ่งเมื่อเป็น *ทางการ* แล้ว จะมีคุณสมบัติ คือ

1. ความถูกต้อง 100% เพราะมาจากบริษัทจดทะเบียนเอง และได้รับการ verify จากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดของนักลงทุน ในการคำนวณหา EO ด้วยตัวเอง ค่ะ
2. ความน่าเชื่อถือ เพราะได้รับการรับรองจากตลาดหลักทรัพย์

คิดว่าไงกันบ้างคะ เพื่อนๆ พี่ๆ

----------------------------------------------------------------

เห็นด้วยครับผม
หวังว่าคงเป็นจริงภายใน 10 ปี...

ช่วยกันสิค่ะ รับรองไม่นานแน่ๆ เจนมั่นใจ

เค้าคงคิดว่า ทำมาแล้ว คงไม่ได้ใช้หรอก เลยไม่รู้ทำมาทำไม พวกเรามันส่วนน้อย

เห็นด้วยกับการที่ให้แสดงงบไตรมาส4แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้แยกEPSเพราะอาจจะมีปัญหาต่อมาอีกว่าอะไรควรจะอยู่ในกำไรจากการดำเนินงานและอะไรคือกำไรพิเศษ พอมีปัญหาจากการตีความเกิดขึ้น บางบริษัทอาจจะหาประโยชน์จากตรงนี้ได้คับ และแบบเดิมก็น่าจะดีอยู่แล้วคับ ไปดูงบก็ไม่น่าจะดูยากเกินไปคับ

เห็นด้วยกับการที่ให้แสดงงบไตรมาส4แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้แยกEPSเพราะอาจจะมีปัญหาต่อมาอีกว่าอะไรควรจะอยู่ในกำไรจากการดำเนินงานและอะไรคือกำไรพิเศษ พอมีปัญหาจากการตีความเกิดขึ้น บางบริษัทอาจจะหาประโยชน์จากตรงนี้ได้คับ และแบบเดิมก็น่าจะดีอยู่แล้วคับ ไปดูงบก็ไม่น่าจะดูยากเกินไปคับ

clarify ได้นี่ค่ะว่า อะไรควรจะอยู่ในกำไรจากการดำเนินงานและอะไรคือกำไรพิเศษ
ต้องมี definition ชัดเจนค่ะ และตลาดหลักทรัพย์ต้อง verify ด้วย ก่อน report สู่ประชาชน
แต่ถ้าไม่ clear ไม่ชัดเจน น่าจะเป็นปัญหามากกว่า อาจทำให้บางบริษัทอาจจะหา
ประโยชน์จากตรงนี้ได้มากกว่านะคะ เจนคิดว่าอย่างนั้น

clarify ได้นี่ค่ะว่า อะไรควรจะอยู่ในกำไรจากการดำเนินงานและอะไรคือกำไรพิเศษ
ต้องมี definition ชัดเจนค่ะ และตลาดหลักทรัพย์ต้อง verify ด้วย ก่อน report สู่ประชาชน
แต่ถ้าไม่ clear ไม่ชัดเจน น่าจะเป็นปัญหามากกว่า อาจทำให้บางบริษัทอาจจะหา
ประโยชน์จากตรงนี้ได้มากกว่านะคะ เจนคิดว่าอย่างนั้น

ถ้าแบบนั้นในงบมีแยกไว้อยู่แล้วคับ การแสดงตัวเลขEPSหลายตัวอาจสร้างความสับสนได้คับเช่นPEก็ต้องแสดง2ค่าและตัวเลขอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ EPSก็ต้องแสดง2ค่าหมดคับ

ถ้าแบบนั้นในงบมีแยกไว้อยู่แล้วคับ การแสดงตัวเลขEPSหลายตัวอาจสร้างความสับสนได้คับเช่นPEก็ต้องแสดง2ค่าและตัวเลขอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ EPSก็ต้องแสดง2ค่าหมดคับ

ไม่น่าจะสับสนนะคะ (ในงบมีแยกอยู่แล้วก็ดีสิคะ ตลาดก็ให้รายงานออกมาเป็น EO ทางการเลย)
EO (Earning from operation) ก็เป็นแค่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อแสดงถึงกำไรจากการดำเนินงาน ให้ชัดเจนมากขึ้น สะดวก ชัดเจน ถูกต้อง ปลอดภัย (จากความเข้าใจผิด)
เวลาที่เราคุยกัน เรื่อง P/E ก็จะคุยเป็น
ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ค่า พีอีโอ (PEO) เหลือ 3 เท่าแล้วนะคะ
จะสะท้อนความเป็นจริง ในการดำเนินงานได้มากกว่า

เสริมอีกนิดนะคะ คนจำนวนมาก ตอนตลาดประกาศค่ากำไรต่อหุ้น (E)
ไม่ทันดูว่า จริงๆ แล้วบริษัทผลการดำเนินงานจริงๆ เป็นอย่างไร ก็เข้าไปซื้อแล้วค่ะ
ถ้าตลาดมี EO นักลงทุนคนนั้นๆ ก็จะทราบทันทีว่า จริงๆ แล้ว บริษัทผลการดำเนินงานแย่
เค้าก็จะไม่เข้าไปยุ่ง หรือไม่ไปเป็นเหยื่อ (ในกรณีที่บริษัทคิดจะหาผลประโยชน์จากตรงนี้)

ถ้าจะเอากันละเอียดแบบนี้ แบบนี้ไม่ต้องแยกให้หมดหรือคับเช่น EPSของบริษัทที่แท้จิงโดยไม่รวมบริษัทลูกทั้งหลาย เพราะEPSที่แสดงอยู่ตอนนี้รวมกำไรจากบริษัทลูกๆเข้ามาด้วย ผมว่าแยกตรงนี้ยังสำคัญกว่ามาแยกแสดงกำไรพิเศษคับ เช่นปีนี้ทำไมSCC กำไรเพิ่มขึ้นมาก เป็นเพราะEPSจากSCCเองหรือจากธุรกิจลูกอื่นๆเช่นปิโตรเคมีคับ แยกแบบนี้ยังชัดเจนกว่ามาแยก EPSจากกำไรพิเศษคับ แต่โดยรวมไม่แยกแบบเดิมผมว่าดีแล้วคับ

ถ้าจะเอากันละเอียดแบบนี้ แบบนี้ไม่ต้องแยกให้หมดหรือคับเช่น EPSของบริษัทที่แท้จิงโดยไม่รวมบริษัทลูกทั้งหลาย เพราะEPSที่แสดงอยู่ตอนนี้รวมกำไรจากบริษัทลูกๆเข้ามาด้วย ผมว่าแยกตรงนี้ยังสำคัญกว่ามาแยกแสดงกำไรพิเศษคับ เช่นปีนี้ทำไมSCC กำไรเพิ่มขึ้นมาก เป็นเพราะEPSจากSCCเองหรือจากธุรกิจลูกอื่นๆเช่นปิโตรเคมีคับ แยกแบบนี้ยังชัดเจนกว่ามาแยก EPSจากกำไรพิเศษคับ แต่โดยรวมไม่แยกแบบเดิมผมว่าดีแล้วคับ

เรื่องบริษัทลูกแยกหรือไม่ คงต้องคิดต่อไปว่า
จะถือเป็นผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมหรือไม่
(ต้องมี Definition ที่ชัดเจนค่ะ)

แต่ที่ชัดเจนมากๆ คือกำไรพิเศษ ชื่อก็บอกอยู่แล้วค่ะ ว่า พิเศษ
ไม่ควรจะนำมารวมกับกำไรจากการดำเนินงาน (EO) ค่ะ
คิดง่ายๆ ปีหน้าก็ไม่น่าจะมี พิเศษ อย่างนี้แล้ว ใช่ไหมคะ

เรื่องบริษัทลูกแยกหรือไม่ คงต้องคิดต่อไปว่า
จะถือเป็นผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมหรือไม่
(ต้องมี Definition ที่ชัดเจนค่ะ)

แต่ที่ชัดเจนมากๆ คือกำไรพิเศษ ชื่อก็บอกอยู่แล้วค่ะ ว่า พิเศษ
ไม่ควรจะนำมารวมกับกำไรจากการดำเนินงาน (EO) ค่ะ
คิดง่ายๆ ปีหน้าก็ไม่น่าจะมี พิเศษ อย่างนี้แล้ว ใช่ไหมคะ

แล้วถ้าบริษัทแม่เกิดไม่มีกำไรพิเศษคับ แต่กำไรพิเศษไปโผล่ที่บริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม แบบนี้ EPS ที่แสดงโชว์ก็ยังเป็นตัวเดิม แบบนี้จะเข้าใจผิดไหมคับ ผมว่าดูละเอียดขนาดนี้ต้องดูงบคับ มันไม่ยากเลยจิงๆคับ ในงบเขาแยกชัดอยู่แล้วคับ

แล้วถ้าบริษัทแม่เกิดไม่มีกำไรพิเศษคับ แต่กำไรพิเศษไปโผล่ที่บริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม แบบนี้ EPS ที่แสดงโชว์ก็ยังเป็นตัวเดิม แบบนี้จะเข้าใจผิดไหมคับ ผมว่าดูละเอียดขนาดนี้ต้องดูงบคับ มันไม่ยากเลยจิงๆคับ ในงบเขาแยกชัดอยู่แล้วคับ

กำไรพิเศษไม่ว่าจะอยู่ที่บริษัทไหน ก็ไม่นำมาอยู่ในกำไรจากการดำเนินงาน (EO) ค่ะ

ในงบเขาแยกชัดอยู่แล้วคับ

ถ้าแยกชัดอยู่แล้ว ก็ดีสิคะ ก็ให้ report ออกมาเป็นทางการ โดยให้ตลาด verify เลยสิคะ
เจนว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย นะคะ