Thai VI

คืออยากสอบถามเกี่ยวกับภาควิชาอ่ะครับเพราระตอนนี้ผมอยู่ชั้นปีที่ 1 คือจะต้องเลือกภาควิชาเลยอยากปรึกษาพี่ๆๆอ่ะครับ

อยากสอบถามเกี่ยวกับเนื้อหา และ งานสำหรับภาควิชานั้นอ่ะครับ แล้วก็ข้อดี ข้อเสียของแต่ละภาคอ่ะครับ

ภาควิชาที่เลือกได้
-เคมี
-โยธา
-เครื่องกล
-ไฟฟ้า
-อุตสาหการ
-การบินและอวกาศ
-วัสดุ
-ไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต

ยังไงก็ขอรบกวนพี่ๆๆด้วยนะครับ

ตอบโยธาแล้วกันครับ

ภาคนี้แบ่งย่อย เป็นหลายด้านครับ เช่น งานอาคาร งานทาง งานสะพาน งานระบบจราจร ฯลฯ

งานมีหลากหลายครับ ทั้งงานเอกชน (รับเหมา ที่ปรึกษา ออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง งานวางแผนจราจรขนส่ง ฯลฯ) งานราชการ (กรมทางฯ กรมโยธาฯ สจร.)

ข้อเสีย คือ ค่าตอบแทนน้อยเมื่อเทียบกับผลงานและความพยายามครับ แล้วก็โอกาสโตช้า เพราะรุ่นพี่มีอยู่เพียบในแต่ละองค์กร

ตอบไฟฟ้านะ เพราะผมจบภาควิชาอิเล็กทรอนิกส์ หลายปีมาแล้ว
แล้วก็ไปเรียนต่อด้านสื่อสารความถี่สูง
สุดท้ายก็มาเรียนต่ออีกที ทางด้านการบริหารจัดการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (ที่ดีคือรวมเรื่อง
ของการเงิน การบริหารการเงิน การจัดการสารพัด เอาไว้ด้วย)

ไฟฟ้า ก็ยังแบ่งออกเป็นหลายอย่าง ทั้งไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิกส์, สื่อสาร, ควบคุม ส่วน
ภาคคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวนี้เขาคงแยกออกไปเป็นของตัวเองแล้ว

งานทางด้านไฟฟ้า สามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าอยู่โรงงานอุตสาหกรรม หรือภาคบริการ
หรือจะมาทำงานส่วนตัว ก็ยังพอได้ เช่นออกแบบระบบขายเอง (เหนื่อยหน่อย แต่ทำได้)
เรียกว่าเป็นกึ่งๆ "วิชาชีพ" กันเลยทีเดียว (ภาคอื่นบางภาควิชาก็เช่นกัน มีลักษณะเช่นนี้)

ข้อดีข้อเสีย ไม่อยากตอบ เพราะไม่อยากบอกว่าอะไรดีกว่าอะไร โดยเฉพาะประเภทที่ว่า
จบมาแล้วหางานง่าย หรือว่าเงินเดือนเยอะ เพราะการเลือกจะเรียนอะไร น่าจะเป็นผลจากการ
ที่เราชอบอะไรมากกว่า จึงจะเรียนได้ดี ของหรืองานหลายๆ อย่างต้องการความถนัดส่วนตัว
เรียกว่าเป็นทักษะในการ Apply ซึ่งหลายๆ กรณีไม่สามารถสอนในห้องเรียนได้

อุตสาหการ IE
เรียนไปในด้านจัดการเชิงวิศวกรรม นำความรู้ทางวิทยาศาตร์ คณิตศาสตร์เข้าไปใช้ในการจัดการเชิงเทคนิค เช่น การวางแผนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การสร้างระบบคุณภาพ ออกแบบการทำงานให้มีความคล่องตัว เน้นไปที่ปรสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดสมดุลย์สายการผลิต อะไรทำนองนั้นครับ
ข้อดี คือ เรื่อง เลขไม่ซีเรียสมากครับในระดับ ปริญญาตรี เทียบกับสายอื่นๆ เว้นแต่จะเน้นไปทาง Operation Research หรือ Quality Control ในแง่สถิติซึ่ง ป.ตรีก็เรียนนิดเดียวเอง

ข้อเสีย ก็คือ รู้กว้างไปนิดนึงไม่ลึกเท่าไร หาวิชาเอกได้น้อยกว่า วิศวะอื่นๆ ดูไม่ค่อยเท่ห็เท่าไร คงมีวิชาพวกจัดการการผลิตมั้งครับที่พอเป็นวิชาเอกได้ แล้วก็ QC QA ไม่ก็ OR ที่เน้นการแก้ปัญหาในโรงงาน หรือ เชิงระบบ

งานเพื่อนๆผมก็ทำงาน หลากหลายนะครับ ก็เข้าได้ทั้งโรงงานรถยนต์ เคมีภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนต่างๆ ทำแบงค์ก็มีพอสมควร พวกแผนกแก้ปัญหา อะไรทำนองเนี้ย ส่วนใหญ่ทำงานพวก Problem Solving เชิงจัดการระบบการผลิต หรือทำให้ flow ของงานดี มีประสิทธิภาพ

เลือกที่ตัวเองชอบครับ ดีสุด

ถ้าเป็นผม เลือกอวกาศและการบิน จะได้ไปทำงาน nasa

ไม่มี Computer เหรอ?? งั้นผมขอผ่าน

ผมจบวิดวะ ผมไม่อยากให้เรียนวิดวะเท่าไหร่

ชอบหุ้นไปเรียน ไฟแนซ์ดีกว่า หรือเสธสาดก็ได้

ไปไกลกว่ากันเยอะ ความเห็นส่วนตัวนะ

ส่วนจะเรียนอะไรก็เหมือนๆๆกันเหลาะ อยู่แต่ว่าคุณจบแล้วจะทำอะไรมากกว่า ผมยังเป็นคนเลี้ยงวัวเลยครับ :lol: :lol: :lol:

ผมอยากให้คุณเลือกในสิ่งที่ชอบมากกว่าครับ
เรียนให้มีความสุข ทำงานจะสนุกครับ
ผมจบไฟฟ้ากำลัง ได้ทำงานโครงการก็สนุกดีครับ
พี่มือเก่าหัดขับได้กล่าวถึงลักษณะงานด้านไฟฟ้าไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามต้องเปิดหูเปิดตารับรู้ศาสตร์อื่นบ้างจึงจะดีครับ
คบเพื่อนไว้หลายๆคณะ นะครับ

โชคดีครับ +เป็นตัวของเราเองครับ

วัวแดง เขียน:ผมจบวิดวะ ผมไม่อยากให้เรียนวิดวะเท่าไหร่

ชอบหุ้นไปเรียน ไฟแนซ์ดีกว่า หรือเสธสาดก็ได้

ไปไกลกว่ากันเยอะ ความเห็นส่วนตัวนะ

ส่วนจะเรียนอะไรก็เหมือนๆๆกันเหลาะ อยู่แต่ว่าคุณจบแล้วจะทำอะไรมากกว่า ผมยังเป็นคนเลี้ยงวัวเลยครับ :lol: :lol: :lol:

ผมขอมองต่างมุมนะครับ
ผมจบวิดวะ และอยากให้เลือกเรียนวิดวะ
ผมว่าวิชาชีพของวิดวะอาจจะไม่มีประโยชน์โดยตรงในการลงทุนเท่าไหร่
แต่สิ่งที่ผมได้จากวิดวะมากสุดคือการคิดเป็นระบบ
การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคำนวณซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งในด้านการลงทุนและการบริหาร

ผู้บริหารคนดังๆหลายคนก็จะเห็นว่าจบวิดวะ + mba or finance ซะเยอะ
ผมชอบคุยเรื่องนี้กับเพื่อน แล้วก็สรุปกันเองด้วยมุมมองแบบเด็กๆว่า
ส่วนผสมระหว่างวิดวะ กับ บริหาร จะได้ผลลัพธ์ชั้นยอดมากกว่า
การเรียนด้านใดด้านหนึ่งไปเลยเช่น ตรีวิดวะโทวิดวะ หรือ ตรีบริหารโทบริหาร

ส่วนภาควิชาโยธา
เรียนหนัก งานเหนื่อย ผลตอบแทนต่ำครับ
งานแบบเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ หน้างาน กับใน office
งาน office จะเป็นพวกออกแบบ หรือไม่ก็ถอดแบบก่อสร้างคำนวณปริมาณ
ใช้สมองเยอะ และงานส่วนใหญ่จะเร่งๆ ทำ ot เป็นเรื่องปกติ
งาน site ส่วนใหญ่จะอยู่ต่างจังหวัด ใช้แรงกายเยอะ ต้องคุมคนเป็น งานส่วนใหญ่จะเป็นงานเร่งเช่นกัน ทำ ot ทำงานวัดเสาร์อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์มีอยู่ตลอด
ข้อดี เงินเก็บจะเหลือเยอะมากเพราะไม่มีเวลาใช้
สรุปแล้วเหมือนพี่ FE ผลตอบแทนน้อยเทียบกับปริมาณงาน
โอกาสเติบโตต่ำถ้าเทียบกับภาคอื่นๆ
หนทางรุ่งเรืองของโยธามีอยู่ไม่มากนอกจากจะทำงานโยธาเก็บประสบการณ์แล้วเปิดบริษัทเอง........ เลือกภาคอื่นดีกว่าครับ

ถ้าไม่รู้ว่าชอบอะไร ผมว่า IE ก็กลางๆดี

ผมจบ IE ถ้าคิดจะเรียนโท MBA เรียนอุตสาหการจะเหมาะสุดครับ

ผมเรียนจบเครื่องกลครับ

ตอนเรียนก็งั้นๆ...เพราะหนักไปทางเมา

แต่วิชาเครื่องกลก็ไม่เลวนะ มีเรื่องความร้อน เครื่องร้อน เครื่องเย็น เครื่องยนต์(thermadynamic) กลไก (Machinery) เรื่องของไหล (Fluid Machanic) ความสั่นสะเทือน(Vibration)

มันสารพัดจะเรียน รู้หลายเรื่องดี เสียอย่างเดียวไม่ค่อยรู้เรื่องเงินๆทองๆ

น่าจะมีการสอน วิชาพื้นฐานทางบริหารธุรกิจ ทางด้านการเงิน ในคณะวิศวะ ด้วยนะ

เพื่อให้นักศึกษา ด้านวิศวกรรม จบออกไปเพื่อเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง

มี พื้นฐานทางธุรกิจทางด้านการเงิน แล้วสามารถไปต่อยอดได้เร็วขึ้น
หรือสื่อสารกับ พนักงานด้านธุรกิจการเงินการบัญชี ได้ดีขึ้น

สมัยผม พอมาทำงานรับเหมาด้วยตัวเอง
ผมต้องหาตำราบัญชี มานั่งอ่านนั่งศึกษาเอง นั่งตรวจบัญชีงบดุลเอง

การทำธุรกิจ ถ้าไม่ระบบบัญชีให้ดี มันก็จะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้น

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆๆจากพี่ๆๆนะครับ

คือผมต้องเลือกทั้ง 9 ภาค จริงๆๆมีคอมด้วยแต่ไม่ชอบเลยไม่เอามาลงอ่ะครับ

มันต้องเรียงไปให้ครบทั้ง 9 ภาควิชาอ่ะครับ

ที่ผมชอบ อันดับ 1 มีอยู่แล้วแต่ก็ต้องเลือกอันดับอื่นๆๆให้ครบเลยมาถามอ่ะครับ

พี่ๆๆคนไหนพอจะทราบเกี่ยวกับภาควิชา วัสดุมั้ยครับ

ขอบคุณมากครับ

ที่ผมเลือกอันดับ 1 แน่ๆๆก็คงเป็น อุตสาหการอ่ะครับ

ภาควิชาวัสดุ น่าสนใจนะครับ ผมคิดว่าน่าจะออกไปทาง Science มากกว่า จึงจะดี

ของหลายๆ อย่างที่บ้านเรายังทำไม่ได้ หรือทำไม่ได้ดี ก็เพราะความรู้ทางด้านวัสดุศาสตร์
ของเรายังไม่ดี อย่างเช่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์กลไก ที่ต้องทนทานเป็นพิเศษต่อสภาวะ
ต่างๆ (อาจจะในบางส่วนของเครื่องจักร หรือของเตาเผาต่างๆ ที่ Condition มัน Extreme
จริงๆ) เรายังมีความรู้น้อยครับ ผมมองว่ามีประโยชน์ ถ้าเราจะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเครื่อง
จักรเครื่องกลบ้าง...

น่าจะมีการสอน วิชาพื้นฐานทางบริหารธุรกิจ ทางด้านการเงิน ในคณะวิศวะ ด้วยนะ

ตอนผมเรียนมีสอน Engineering Management ครับ (วศ 40)
แต่ไม่ค่อยสนใจกันหรอกครับ
ตอนนั้นวิชาภาคมันสะใจน่าเรียนและยากกว่าเยอะ

ถ้าจะเลือก IE แน่ๆ ก็ต้องดูว่าสนใจวิชาที่จะเรียนหรือเปล่านะ
เรียนไม่สนุกอ้วกแน่ๆ

ตอนผมเรียนเลือก ME ภาค Control นั่งเล่นแต่ลาปลาซกับคอมทั้งวัน
ได้เรียนวิชา Thermodynamics แค่ 3 ตัว จบออกมาใช้แต่ Thermo กรรม...

สงสัยน้อง pizza จะเป็นเด็กเกษตรใช่ไหม....มีการบิน
ถ้าเป็นม.เกษตรภาคที่ตลาดแรงงานนิยมก็มี คอม กับ การบิน(ผูกขาดเพราะมีที่เดียว) 2อันนี้จบไปหางานง่ายๆ พี่จบไฟฟ้าที่นี่แต่หางานย้ากยากเพราะจบเกรดไม่สวยเท่าไหร่ ถ้าชอบทางสายกลางก็อุตสาหการก็ดีน่ะเรียนทั้งการบริหาร รวมทั้งแนววิดวะ

ครรชิต ไพศาล เขียน:น่าจะมีการสอน วิชาพื้นฐานทางบริหารธุรกิจ ทางด้านการเงิน ในคณะวิศวะ ด้วยนะ

มีเรียนเป็นวิชาเลือกตอนปีสี่บ้างเหมือนกัน

Principle of marketing ,Introduction to Economics
กับ Business and Comercial Laws

เนื้อหากว้างขวางไปหน่อย
จะเป็นเพราะคำว่า Introduction
กับแนวข้อสอบที่เน้นจำอย่างเดียวหรือเปล่า
ไม่เห็นเอามาใช้จริงได้เลย เสียดาย...

เรียนวิศวะ มา ต้องมีทุนครับ ไม่งั้นก็.....

ถ้าเป็นลูกจ้างเค้า ถ้าได้อยู่กับหัวหน้าดีๆ ก็ รุ่งครับผม

ถ้าหัวหน้างี่เง่า เดี๋ยวคุณทำงานไปเรื่อยๆ ก็หมดไฟไปเองครับ

ถ้าที่บ้านมีทุน เรียนไปเลยครับ เป็นเจ้าของเอง+จัดการเอง (ความเสี่ยงสูง+ความรับผิดชอบสูง= ผลตอบแทนสูง)

ถ้าชอบเกี่ยวกับการจัดการ แล้วอาจเรียนต่อหรือทำงานต่อด้านอื่นที่ไม่ใช่วิศวะ ผมว่า อุตสาหการเหมาะที่สุดแล้วครับ สาขาอื่นจะลงลึกในรายละเอียดทางวิศวะมาก แต่อุตสาหการจะเป็นแบบกว้างๆ เอาไปประยุกต์ได้หลายแขนง

ผมก็จบโยธามาครับ รู้สึกเหมือนหลายท่านที่ตอบไปด้านบนคือ รายได้ไม่ค่อยคุ้มค่าเหนื่อยเลยครับ นอกจากไปเปิดบริษัทรับเหมาเองได้ ซึ่งก็ต้องใช้ความสามารถด้านอื่นที่นอกเหนือจากความรู้ทางโยธาอีกมาก

น่าจะมีการสอน วิชาพื้นฐานทางบริหารธุรกิจ ทางด้านการเงิน ในคณะวิศวะ ด้วยนะ

จริงๆ ไปเรียนเองก็ได้ครับ ผมลง audit ปี4 เป็น business finance กับ กฏหมายทรัพย์สินทางปัญญา ก็ได้ประโยชน์มากครับ

น้อง PazzaHut ครับ เป็น เด็กเกษตรลองไป Sit In ของ อ ดร ชนัธฌา คณะ บริหารดูสิครับ อ สอนเข้าใจง่ายมาก วิศวะ รุ่นผมไป Sit In กันหลายคน

เดินไปขอเลยครับ แกจะดีใจมาก ถ้ามี นิสิต คณะอื่นๆ ที่สนใจมาขอนั่งเรียนด้วย

สนุก และ ได้ความรู้

และ อย่าลืมนะ บริหาร กับ บัญชีน่ะ มันไม่แห้งแล้งเหมือนคณะเรา
(อันนี้พูดเล่นนะ)

โยธาไม่ได้จำกัดอยู่ที่การสร้างตึกหรือสะพานดังที่เราเห็นกันทั่วไป
โครงสร้างแท่นขุดเจาะกลางทะเลก็ออกแบบโดยวิศวะโยธาเช่นกันครับ ค่อนข้างท้าทายและยากครับ ตอนนี้เริ่มมีวิศวกรไทยทำได้แล้วครับ

ขอตอบด้วยคนนะครับ
ผมว่าเลือกเรียนอะไรขึ้นอยู่กับเรื่องที่เราสนใจมากกว่า
ตอนแรกสุดๆ ผมอยากเรียนไปทางบริหาร แต่ว่าที่บ้านไม่ยอมก้อเลย
ต้องมาเข้าวิดวะ ผมเลยยื่นคำขาดว่าจะเรียน IE เท่านั้น เพราะดูจะเป็นสายที่เน้นไปทางบริหารมากที่สุด
ที่เคยได้ยินคนเค้าพูดกันว่าภาคนี้เป็นเป็ด คือรู้มันทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้ดีสักอย่าง
ก้อคงต้องยอมรับว่าจริง เพราะ IE เรียนมาใช้งานวิดวะภาคอื่นๆน่ะครับ เลยต้องรู้ทันภาคอื่นๆ ไม่ให้โดนหลอก555
แต่พอเข้ามาเรียนจริงๆ ผมก้อคงบอกได้ว่า ผมเลือกทางถูกแล้วที่มาเรียนวิดวะอุตสาหการ เพราะพื้นฐานที่เรียนมาใช้ประโยชน์ในชีวิตได้มากๆ ตอนนี้เรียน MBA อยู่ก้ออาศัยความรู้ที่อยู่ภาคนี้แหละครับ ถูไถไปได้
แต่ผมอยากให้มองอย่างที่พี่ chatchai มอง คือว่าคุณต้องคิดทั้งว่าต่อไปคุณจะทำงานอะไร แล้วก้อที่สำคัญ คุณจะเรียนต่อในด้านไหน ตอนนี้และอีกซัก 5-6 ปปีข้างหน้า
ผมว่า operation management ที่เรียนกันที่ IE น่าจะเป็น field ที่ hot มากนะครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของพี่ๆนะครับ

ฟังดูแล้ว IE จะมาเป็นอันดับ 1 เลยนะครับ
เห็นด้วยๆ

น่าเสียดายนะที่ไม่มีภาคปิโตรเลียม เพราะคนจบน้อย จบออกมาเงินเดือนไม่เลวเลย ผมเสียดายที่ดันไม่เรียนด้านนี้

ตอนนี้ถ้ากลับไปได้ก็คงแนะนำ ปิโตเหมือนกันครับ

ตอนจบรายได้ดี คนเรียนน้อยความต้องการในอนาคตเยอะครับ

เสียดาย ผมแนะนำให้เรียน คอมพิเตอร์ครับ

ออกมาทำงาน intelligence agency ครับ

ต่อไป มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกคือ software engineer ที่รับงาน intelligence

ถ้าคุณอยู่ฝ่ายธรรมะ ก็ไปรับงานจาก ตลท และ กลต และรัฐบาล
ถ้าคุณอยู่ฝ่ายอธรรม ก็ไปรับงาน ผู้ก่อการร้าย นักปั่นหุ้น พ่อค้ายาบ้า และเข้าขบวนการนอกกฏหมายไป

คนที่รวยกว่า บัฟเฟท และบิลล์ เกตส์

ใครไม่เชื่อ safe กระทู้นี้ไว้

ผมเห็นด้วยกะพี่ CEO ครับ

คอมพิวเตอร์ เท่านั้น เพราะในตอนนี้วงการไหนๆก็ต้องใช้คอมกันทั้งนั้นครับ
ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ ต่อไปยิ่งขาดไม่ได้ใหญ่ แต่อาจปรับเปลี่ยนรูปแบบของคอมพิวเตอร์ไปบ้าง เป็นอะไรที่ฉลาดๆ ขึ้นไม่ใช้คอมพิวเตอร์ตรงๆ แต่มีการปรับไปตามรูปแบบการใช้งานที่หลากๆ ตรงตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้นครับ

โปรแกรมเมอร์เก่งๆ ยิ่งหายาก ในเมืองไทยเท่าที่มีตอนนี้มีแต่พื้นๆซะส่วนใหญ่
เก่ง ซะอย่าง รายได้ ไม่ต้องพูดถึงครับ