Thai VI

ทั้งภาครัฐ และนักลงทุน แบบเราๆ

1.ปลายปีเกิดโศกนาฎกรรม ซึ่งมีผลกระทบต่อเนื่องไปอีกหลายๆด้าน
2.ต้นปี ขาดดุลสูงสุดในรอบ8ปี
3.การเกษตรแล้งผิดปรกติ ผลผลิตคงแย่ตาม
4.สินค้าเกษตรจากจีนเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
5.โครงการ เมกกะโปรเจ็คและอื่นๆอีกไม่รู้กี่ร้อยพันล้าน หลายๆโครงการที่จะดูดซับเงินไป และบางส่วนก็จะต้องนำไปซื้อของจับจ่ายจากเมืองนอก
6.ค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ส่งออกยากกว่าเดิม ไม่มากก็น้อย
7.ก่อการร้ายยังไม่สามารถควบคุมได้
8.โรคระบาด ซึ่งอาจผุดขึ้นมาเป็นประเด็นได้ทุกเมื่อ

ไม่รู้ผมมองแง่ร้ายไปหรือปล่าวครับ
ยังไงก็แล้วแต่ พวกเราชาว TVI ส่วนใหญ่รู้จักเลือกซื้อหุ้นที่ดีๆคงไม่กระทบกระเทือนมาก และพร้อมจะซื้อของถูกๆช่วงลดกระหน่ำ(ถ้ามี)

อ้อลืมไป อีกข้อครับ
9.น้ำมันขึ้นราคา กระทบทุกๆด้านแน่นอน

เห็นด้วยครับ

แต่ผมชอบ คุณสมคิด นะครับ ที่ออกมายอมรับว่า การขาดดุลเป็นสัญญาณ อันตรายและต้องหาทางแก้ไข ท่านนายก ก็บอกว่า จะต้องพัฒนาด้าน supply side มากขึ้น เมื่อก่อนเน้น demand side

ผมว่าเขายอมรับ แล้วก็หาทางแก้ไขดีครับ

งั้นผมว่าเรามาส่งประกวดหุ้นดาวรุ่งปีนี้ดีกว่า

ผมกลับคิดว่า คนเก่ง คือ คนที่รู้จักลมฟ้า อากาศ รู้หลบ รู้หลีก รู้บริหารความเสี่ยง ..
เสี่ยงมาก ไม่คุ้ม ก็หยุด จะเสี่ยงเลียกินน้ำหวานที่ติดบนปลายมีด ไปทำไม ... ?

คนที่กล้าบ้าบิ่น รบแม้อยู่ในสถานะการที่เสี่ยงมาก และ ผลตอบแทนไม่ได้มากมายตามความเสี่ยง ... ไม่ว่าจะได้ผลที่เป็นอย่างไร สำเร็จ หรือไม่สำเร็จ ... ผมก็ยังคิดว่าเค้าแค่เป็นคนโลภ ที่ไม่เห็นน่าจะชื่นชมตรงไหน

แต่ถ้าเห็นโอกาสที่ไม่เสี่ยง หรือเสี่ยงน้อย แต่ได้เยอะ หรือ เสี่ยงมาก แต่ได้มากกๆๆๆ อันนี้ถือว่า เก่งครับ ..

ความเห็นส่วนตัวครับ ไม่เห็นด้วย แย้งได้นะครับ แค่แชร์ไอเดียครับ

ครับ

แต่ถ้าเห็นโอกาสที่ไม่เสี่ยง หรือเสี่ยงน้อย แต่ได้เยอะ หรือ เสี่ยงมาก แต่ได้มากกๆๆๆ อันนี้ถือว่า เก่งครับ ..

การรบชนะ ถือเป็นความสำเร็จ แต่ไม่สุดยอด
การไม่ต้องรบแต่ชนะ ถือเป็นความสำเร็จขั้นสุดยอด

(จาก Bing Fa)

ผมยอมรับ ว่า รบไม่เก่ง
เลยขอถือหุ้นรับปันผลอย่างเดียว พอ :lol: :lol:

ผมคิดว่าปัญหาที่น่าห่วงที่สุดของรัฐบาลมี 2 ปัญหาคือราคาน้ำมัน และความไม่สงบภาคใต้ เพราะดูเหมือนว่ายังไม่มีวิธีการแก้ที่ชัดเจนถูกต้อง หมดสองปัญหานี้ ปัญหาอื่นจะค่อยๆ คลี่คลายได้เอง...ส่วนปัญหาของนักลงทุนมีปัญหาเดียวครับอย่างที่คุณคิดท้ายว่าไว้ ความโลภ....แต่พี่ครรชิตได้เตือนพวกเราแล้วว่าให้รู้จักพอ

เพื่อน เขียน:อ้อลืมไป อีกข้อครับ
9.น้ำมันขึ้นราคา กระทบทุกๆด้านแน่นอน

ข้อ 10. ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อขึ้นครับ

2nd wind เขียน: ข้อ 10. ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อขึ้นครับ

ข้อ 11. ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น (เหล็ก,ทองแดง(นิวไฮ),สังกะสี,ทองคำ,กลุ่มพลาสติค)

ข้อ 12. ค่าระวางเรือทรงตัวอยู่ระดับสูง

ตกลงที่กล่าวมาทั้งหมดคือข่าวร้ายหรือข่าวดีสำหรับหุ้นคุณทั้งหมดในตลาด

13. ความโลภที่เห็นราคาวิ่ง 55

โห..คุณharry ข้อ13.นี่อันตรายที่สุดเลยนะ...
แต่มันทำใจไม่ให้โลภได้ยากจริงๆนะ
เอาเป็นว่าต้องโลภแต่พอเพียง และอย่าวิ่งตามหุ้น...ต้องใจเย็นๆดักหาหุ้นดีๆถูกๆก่อนที่มันจะวิ่ง น่าจะปลอดภัยกว่า....ว่าแต่ใครเจอแล้วบ้างช่วยบอกกันบ้างนะครับ อย่างน้อยก็เอามาช่วยกันศึกษาก่อน

ครรชิต ไพศาล เขียน:ผมยอมรับ ว่า รบไม่เก่ง
เลยขอถือหุ้นรับปันผลอย่างเดียว พอ :lol: :lol:

ผมก็ยอมรับว่า รบไม่เก่งครับ
แต่ถ้ารอแต่หุ้นปันผลอย่าเดียว จะไหวหรือครับพี่

ปีนี้กะว่าจะไปสู้ ดูหน่อย จะดีหรือเปล่า ยังไม่รู้

ได้ปันผลอย่างเดียวไม่พอครับ ต้นทุนมันน้อยครับ
ถ้าผมได้ปันผล ปีเป็นหลายแสนก็พอได้

จะได้รอแบบพี่บ้างครับ ไม่อยากรบหรอกครับ

ผมคิดว่ากรอบความคิด เป็นตัวกำหนดวิธีเล่นหุ้น และดำเนินชีวิตของเราเหมือนกันครับ

กรอบความคิด หรือสามัญสำนึกเรื่องความถูกแพงก็เหมือนกันครับ การที่เรามองเพียงแค่ราคาที่วิ่งแล้วไปเหมาว่ามันปั่น มันไม่ดี อย่าโลภ อันตรายเหมือนกันนะครับ

ตอนคนที่เขาคิดจะสร้างเครื่องบิน เขาก็ถูกว่าประสาท
พอเขาสร้างโทรศัพท์ได้ ก็ถามว่าแล้วมันจะมีประโยชน์หรือ
หน่วยความจำ 64 K ก็พอ
ไม่มีใครบ้า ซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรอก

เว้นที่ไว้เหลือสำหรับสิ่งที่จินตนาการเราไปไม่ถึงบ้างก็ดีครับ

เล่นหุ้นมีแต่ขาดทุน มีแต่เจ้ามือที่ได้กำไร
เล่นหุ้นเป็นเรื่องของพวกไม่ทำอะไร
บางทีคนอื่นเขาก็มองเราแย่ๆเหมือนกัน


สมมติว่าบ.หนึ่งเปลี่ยนจากขาดทุนป็นกำไร
จากส่วนทุนติดลบ เป็นบวก
หรือจากช่วงลองผิดลองถูก เป็นช่วงทำกำไร

คุณคิดว่าราคามันควรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ครับ

หุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า ใน 5 ปี ก็มีอยู่เยอะแยะ แถมบางตัวก็กลายเป็นหุ้นที่เราใช้กินปันผลอยู่ทุกวัน

ผมเองก็ไม่เก่ง แต่อย่างน้อยผมคงไม่ใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นข้อห้ามในการตัดสินใจเลือกพิจาณาซื้อหรอกครับ

สมมติผมมีเพื่อนอยู่คนนึง บ้านเขาขายข้าวโพดคั่ว วันดีคืนดีมีคนมาตั้งโรงหนังตรงข้ามบ้านเขา แล้วเขาจะรวยขึ้น 10 เท่าภายใน 2 ปี มันจะเป็นไปได้ใหมครับ

ไม่มีวิธีที่ดีทีสุด แต่คงมีวิธีที่เหมาะกับเราครับ

ขอโทษถ้าล่วงเกิน

ข่าวร้ายเยอะดีครับ

มองหาข่าวดีไม่ค่อยเจอ แลวเราจะรออะไรล่ะครับ...........

คำตอบอยู่ที่ตัวท่านเองว่า ซื้อหรือขาย ดี.................

ส่วนผมรอปันผลเหมือนพี่ครรชิตว่าไว้

เพื่อน เขียน:ทั้งภาครัฐ และนักลงทุน แบบเราๆ

1.ปลายปีเกิดโศกนาฎกรรม ซึ่งมีผลกระทบต่อเนื่องไปอีกหลายๆด้าน
2.ต้นปี ขาดดุลสูงสุดในรอบ8ปี
3.การเกษตรแล้งผิดปรกติ ผลผลิตคงแย่ตาม
4.สินค้าเกษตรจากจีนเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
5.โครงการ เมกกะโปรเจ็คและอื่นๆอีกไม่รู้กี่ร้อยพันล้าน หลายๆโครงการที่จะดูดซับเงินไป และบางส่วนก็จะต้องนำไปซื้อของจับจ่ายจากเมืองนอก
6.ค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ส่งออกยากกว่าเดิม ไม่มากก็น้อย
7.ก่อการร้ายยังไม่สามารถควบคุมได้
8.โรคระบาด ซึ่งอาจผุดขึ้นมาเป็นประเด็นได้ทุกเมื่อ

ไม่รู้ผมมองแง่ร้ายไปหรือปล่าวครับ
ยังไงก็แล้วแต่ พวกเราชาว TVI ส่วนใหญ่รู้จักเลือกซื้อหุ้นที่ดีๆคงไม่กระทบกระเทือนมาก และพร้อมจะซื้อของถูกๆช่วงลดกระหน่ำ(ถ้ามี)

มุมมองในแง่ร้ายทำให้เราไม่ประมาท
แต่ผมก็ไม่อยากให้มองข้ามสิ่งๆดีๆ ที่ทำให้มีความหวังครับ
ที่จริงโลกนี้ก็มีดีสลับร้าย กันไปมาเป็นสิ่งที่เป็นธรรมดา
แต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ได้ ตลาดหุ้นก็ยังคงเติบโต


-เศรษกิจโลกเติบโตทุกปี
-การเมืองมั่นคงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
-หลายบริษัทที่ไม่ได้รับผลกระทบหรืออาจจะได้รับประโยชน์จากมุมมองในแง่ร้ายต่างๆ

สิ่งที่แน่นอนคือเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์รายแรงตอนไหน
ตลาดหุ้นอาจจะตกลงไปมาก แต่ในที่สุดตลาดก็จะกลับมาเสมอครับ และเติบ
โตขึ้นกว่าเดิม