Thai VI

ผมได้ทำการศึกษาว่าแนวโน้ม ณ ปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ชิ้นส่วนhddจะย้ายฐานการผลิตจากสิงคโปรเข้ามายังไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง sppt ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูงกว่าระดับ ต่ำกว่า 5 ไมครอน อาทิ Shaft และ Sleepe สำหรับนำไปประกอบผลิตภัณฑ์ Pivot, Motor Base และ Hub ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของหน่วยบันทึกความจำ (Hard Disk-"ฮาร์ดดิสก์" อาทิ เป็นต้น เพื่อจำหน่ายให้กับบริษัทผู้ผลิตและประกอบชิ้นงานซึ่งจะส่งต่อให้กับลูกค้าซึ่งเป็น ผู้ผลิตและประกอบฮาร์ดดิสก์ชั้นนำของโลก ทั้งนี้เครื่องจักรที่มีอยู่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อีกด้วย

อยากเรียนถามคุณ invisible hand ว่าคิดอย่างไรเกี่ยวกับแน้วโน้มของspptในอณาคตครับ ขอบคุณครับ

ระหว่างรอคุณ IV ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย คงไม่ว่ากัน

ข้อเด่น..ก็ดูจะเป็นการที่ไทยเป็นผู้ประกอบฮาร์ดดิสก์อันดับ 2 ของโลก เพราะมีผู้ผลิตรายใหญ่เช่น Seagate Western Digital, Fujitsu, Hitachi Global Storage Technology เข้ามาตั้งฐานการผลิตในเมืองไทย ทำให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วน สนับสนุนอย่างของ sppt ได้รับประโยชน์ไปด้วย

งบดุลของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง เงิน 100 ล้านที่ระดมทุนส่วนใหญ่นำไปซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในการเพิ่มผลผลิตจาก 70 ล้านชิ้น เป็น 100 ล้านชิ้น ที่เหลือจะนำไปซื้อเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ซื้อขายกันที่พีอี ค่อนข้างต่ำ และมีโอกาสอีกมากในการขยายลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุปกรณ์การแพทย์

ส่วนข้อด้อย...

1.พึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่เป็นสัดส่วนที่มาก(มากกว่าครึ่ง) คือมินิแบร์ไทย
ทำให้อำนาจต่อรองของลูกค้ามีสูง นอกจากนั้นมินิแบร์ก็มีการผลิตสินค้าชนิดเดียวกันนี้ถึง 80% ส่วนที่เหลือจ้างให้ผู้ผลิตอย่าง sppt ผลิตประมาณ 8% และผู้ผลิตอื่นๆในส่วนที่เหลือ

2.เป็นอุตสาหกรรมที่มีคู่แข่งมาก ต้องใช้เทคโนโลยี่ทีเหมือนๆกัน ไม่มีจุดเด่นมากนัก และเป็นอุตสาหกรรมที่ติดตามได้ยาก สำหรับนักลงทุนทั่วๆไปครับ

ความเป็นจริงในธุรกิจนี้คือ พวกระบบ Magnetic Storage กำลังจะตายทั้งฮาร์ดดิสค์
และฟลอปปี้ดิสค์ ตอนนี้Solid state Storage(ทัมบ์ไดร์ฟ เมมโมรี่สติ๊ก SanDisk ฯลฯ) กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ แผ่น SanDisk ขนาดเท่าเหรียญบาท เก็บได้ 256 M หากเอาปริมาตรแผ่นมากเท่า Harddisk คงจะเก็บได้ไม่แพ้กันแล้ว

ใครเคยใช้แอมป์หลอด วิทยุหลอด มาดูสถานการณ์ช่วงนี้น่าจะพอเข้าใจครับ

หากเอาปริมาตรแผ่นมากเท่า Harddisk คงจะเก็บได้ไม่แพ้กันแล้ว

จริงครับ

ตอนนี้ solid state memory ใช้ซิลิค่อนในการผลิต การปั๊มแผ่น wafer
ยังมีต้นทุนที่สูงมาก (ต่อตารางซม.) แต่เนื่องจากเทคโนโลยีทำให้อัด
จำนวน MB ต่อตรซม.เข้าไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ราคาแผ่นถูกลง
(เพราะขนาด wafer ที่ใช้เล็กลงเรื่อยๆ)

Hitashi เพิ่งจะออก 6 GB microdrive (รวมธุรกิจกับ IBM) ในขนาด CF
Type 2 ราคาเพียง 300 เหรียญเท่านั้น ถูกกว่า solid state 4 GB อีก
แต่ Solid State CF ตอนนี้ไป 9 GB และ 16 GB แล้ว

แต่ density limitation ของ magnetic storage คาดว่าใกล้จะถึงแล้ว
อย่างมากอาจจะไปได้ถึง 16 GB (ในขนาด CF Type 2) ในขณะที่
solid state อาจจะไปได้ถึง 1 TB ก็ได้

คุณ CK รู้เรื่อง เทคโนโลยีดีจังเลยครับ

ผมว่า Memory ความเร็วในการอ่านและเข้าถึงก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ ต่อไปถ้าความจุถึง limitation หรือ ความจำเป็นในการใช้ของคนถึงระดับ ก็น่าจะมาแข่งกันที่ความเร็ว

ปล. คูณ CK ครับ ผมจะลบกระทู้ตัวเองที่โพสต์ทำได้หรือไม่ครับ หรือ ต้องแจ้งให้คุณ CK ทราบเท่านั้นเพียงวิธีเดียว