Thai VI

ผมเองมีหุ้น top บางส่วนอยู่ที่ราคา ipo และก็ซื้อเพิ่มบางส่วนมีความตั้งใจว่าจะถือไปเรื่อย ๆ ราคามันก็วิ่งเรื่อย ๆ เร็วบ้างช้าบ้าง ผมก็ถือมาตลอดไม่เคยคิดที่จะขายเพราะคิดว่าได้มาในราคาที่ถูกแต่พอราคามาใกล้ ๆ 100%(ต้นทุนเฉลี่ยที่ 35 ) เนี่ยก็ลังเลแต่ในที่สุดแล้วก็ตัดสินใจไม่ขายถือยาว ๆ มิใช่เพราะโลภอยากได้มากกว่าแต่คิดว่าถ้าจะลงทุนแนว VI ต้องไม่หวั่นไหวกับราคาตอนนี้ผมสับสนกับแนวทาง VI ขอคำแนะนำดังนี้นะครับ
1.ผมจะขายและหวังเพียง Cap. gain อยางเดียว
2.ขอออกใบหุ้นมาไว้ที่บ้านรอปันผลทุกปี
รบกวนพี่ ๆ ช่วยเหลือด้วยครับเพราะกำลังสับสน(มือใหม่)

เป็น VI ไม่ใช่ว่าไม่ขายหุ้นครับ เพราะมันมีหลายแนว สมมุติหุ้นที่ซื้อมายังมีคุณค่า กำไรที่บริษัททำไ้ด้ก็ยังดีอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่ากำไรจะหดหาย หรือมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่สูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้หุ้นตัวนั้นมีความน่าสนใจอยู่ ก็ถือจนราคาถึงเป้าหมายที่เป็นมูลค่าเหมาะสมที่คำนวณได้แล้วกันครับ
สมมุติคุณต้องการเงินปันผล = 2เท่าของเงินฝากประจำ 12 เดือน
ตอนนี้แบงค์ธนชาติให้ประมาณ 2 % 2เท่าก็คือ 4 %
ราคาเป้าหมายก็คำนวณจากเงินที่น่าจะจ่ายในแต่ละปี * อัตราการเติบโต / 4% หากราคาเกินกว่านี้และดูแล้วกำไรอาจลดลง ก็สมควรพิจารณาบ้างครับ อาจเปลี่ยนตัวไปลงทุนตัวอื่นที่กำไรหรือปันผลที่ดีกว่าแทนก็ได้ครับ

อยากถามว่า อีก 5 ปี top จะเป็นอย่างไร คุณ popurus พอจะประมาณการได้หรือไม่ครับ

TOP คิอ PTT2 ครับ ถือต่อไปเถอะครับ จะขายก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงมาก จะถือถ้าบริษัทยังสามารถทำกำไรเติบโตได้เรื่อยๆ
เหมือนครั้ง PTT ที่เคยต่ำสุดที่ 28 บาท แล้วตอนนี้ล่ะครับ ถ้าคนถือตั้งแต่ตอนนั้นกินปันผลตอนนี้คิดเป็นประมาณ 24% เลยทีเดียว

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าเป็น VI มักจะไม่ซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเพราะราคาที่หวือหวาหรอกครับ ถ้าอยากขายก็ขายเพื่อลดต้นทุน ถ้าราคาถึง 100% ก็สามารถขายครึ่งหนึ่ง ได้หุ้นที่เหลือกินปันผลฟรีครับ

ส่วนให้ออกใบหุ้นมาเก็บที่บ้าน ไม่แนะนำครับ เกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับ น้อง TOP ของคุณอย่างรุนแรงเช่นขาดทุนย่อยยับ คุณจะได้ขายได้ทันที ไม่งั้นก็ต้องทำเรื่องโอนหุ้นอีกยุ่งยากครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแหละครับ เชื่อตัวเองดีที่สุด

เป็นใบหุ้นก็ไม่เสียหายอะไร ต่างมุมมองนะครับ
การขายหุ้นไม่ได้ยุ่งยากมากมาย
ถือใบหุ้นพร้อมสำเนาบัตรประชาชน
ไปถึงห้องค้าก็ขายได้เลยครับ
ตามที่ผมเคยทำ

การขายหุ้นที่เป็นใบหุ้นไม่ยุ่งยากครับ ง่ายเหมือนที่พี่ปรัชญาบอก เพียงแต่ว่าต้องรักษาให้ดีนะครับว่าหาย ถ้าหายละก็เรื่องยาวนะครับ

ขอขอบคุณคำแนะนำของพี่ ๆ ทุกท่านครับ ก็อยากให้เพื่อน ๆ มือใหม่ได้ประโยชน์จากกระทู้ของผมด้วยนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ

ถ้าจะถือยาวต้องบอกให้ได้ว่าระยะยาวแล้ว TOPจะมีวิวัฒนาการอย่างไร

เข้าใจธุรกิจดีหรือไม่ครับ ถ้ายังไม่แน่ใจรีบทำความเข้าใจนะครับ เรื่องนี้สำคัญมาก

นี่เป็นประเด็นหนึ่ง ถ้าพวกเราได้มานั่งคุยกัน จะออกรสออกชาติมากกว่านี้เยอะเลย

มันเป็นความจริงที่ว่า ซื้อหุ้นให้ถูกที่ถูกเวลายากแล้ว การขายหุ้นอย่างสมเหตสมผลยากกว่า

ผมว่าธุรกิจ โรงกลั่นมันมีรอบของธุรกิจ คงจะโตไปอีก3-5ปี เนื่องจากความต้องการน้ำมัน และราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงสูงอยู่ OPECคงไม่ยอมให้ราคาต่ำกว่า40$/บาร์เรล เพราะราคาขึ้นแล้วลงยากครับ

ราคาน้ำมันดิบขึ้นราคา จริงๆแล้วส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันแค่ไหนครับ

โรงกลั่นน้ำมันได้ค่าการกลั่นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นจำนวนเหรียญต่อจำนวนน้ำมัน

แล้วถ้าน้ำมันแพงขึ้น คนจะมีแนวโน้มใช้มากขึ้น หรือใช้ลดลงครับ

:lol: :lol: :lol: :lol:

ผมไม่ใช่ VI นะ ออกแนวไหนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ผมเคยวิเคราะห์ TOP มาบ้าง ในร้อยคนร้อยหุ้น เลยอยากร่วมออกความเห็นหน่อยครับ

คุณต้อมบอกว่า

มันเป็นความจริงที่ว่า ซื้อหุ้นให้ถูกที่ถูกเวลายากแล้ว การขายหุ้นอย่างสมเหตุสมผลยากกว่า

เห็นด้วยเลยครับ

ก็เลยตั้งใจไว้ว่า


1. จะขายหุ้นก็ต่อเมื่อ เจอตัวที่น่าสนใจกว่า
2. ไม่เจอตัวน่าสนใจ แต่ประเมินราคาแล้ว น่าจะพอดีหรือเกินพื้นฐานไปแล้ว


การประเมินมูลค่านี่ฟังดูยิ่งยากเข้าไปใหญ่นะ แต่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับนักลงทุนครับ ยากแค่ใหนก็ต้องเรียนรู้ให้ได้ครับ

เหมือนเราจะเปิดโรงรับจำนำ จำเป็นต้องตีราคาของให้ได้ ไม่งั้นเจ๊งครับ

เหมือนเราเป็นผู้พิพากษา ถ้าไม่รู้กฎหมาย เจ๊งครับ

เหมือนเราเป็นหมอ ถ้าวินิจฉัยโรคไม่ได้ คนไข้ตายครับ

สู้หน่อยครับ เอาใจช่วย

:lol: :lol: :lol: :lol:

ผมว่า วิธีของพี่ ดีครับ เหมือนหนังสือหลายเล่มที่อ่านว่า ต้องเจอการลงุทนที่ดีกว่าจริงๆจึงเปลี่ยนแปลง พอร์ตลงทุน
ซึ่งการประเมินราคา และโอกาสการทำกำไร และความเสี่ยงต่างๆสำคัญมากทีเดียวนะครับ อันนี้ โดยเฉพาะความเี่สี่ยงของพอร์ตลงทุนเนี่ย ผมว่าประเมินยากจัง ไม่ทราบว่าประเมินกันยังไงบ้างครับ