หน้า 1 จากทั้งหมด 1

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2003 10:15 pm
โดย CK
โดยคำแนะนำของพี่ปรัชญาครับ ผมเลยขอนำจดหมายของ ลุงขวด กับ พี่ครรชิต และเพื่อนๆ มาเก็บบันทึกไว้สำหรับอนุชนรุ่นหลังครับ

ขออนุญาตนำ จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ ให้มาอยู่ติดๆกัน EPISODE 1

จดหมายฉบับที่ 1 จาก ครรชิต ไพศาล 4/12/45
ครรชิต เขียน:ลุงขวด ครับ ผมเข้ามาอ่าน จดหมายจาก ลุงขวด บ่อยๆแต่ไม่ได้เขียนมาคุยด้วย เห็น แนวทางการลงทุนของลุง แล้วชอบ เพราะเป็นแนวเดียวกัน ผมเป็น คนสงขลา

เรียน วิศวะ จุฬา รุ่นเดียวกับ ดร. นิเวศน์
ผมก็เก็บหุ้น TR ไว้เหมือนกับ ลุงขวด ตั้งแต่ต้นปี จะเก็บแทนเงินฝากประจำ ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 128 บาท ปีที่แล้ว เขาจ่ายปันผล 7 บาท ประมาณ 23% ของ EPS เก็บเป็นกำไรสะสม 77% ปีนี้ ก็น่าจะจ่าย ไม่น้อย กว่า 23% ก็ตก 40.92*.23 = 9.41 บาท ที่ลุงกะ 10 บาท น่าจะได้นะ กำไรสะสมยังไม่จัดสรรของบริษัทเขาเยาะมาก 2,842,240,834 บาท ขณะที่ทุนจดทะเบียน เพียง 201,600,000 บาท ผมกะว่าจะค่อยๆ สะสมเพิ่มเรื่อยๆ แต่ต้อง ให้ เงินปันผลออกก่อน ค่อยเอามาสะสมต่อ

ผม ได้อ่าน หนังสือ ตีแตก , เซียนหุ้นพันธุ์แท้ และเป็น แฟน บทความ Value Investor ของ ดร. นิเวศน์ เป็นประจำทุกวัน อังคาร

และหนังสืออีกเล่ม ที่อยากให้ เพื่อนๆ Value Investor อ่าน คือ "วาทะคนแถวหน้า วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์" เจเน็ต โลว์ เขียน ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล อ่านง่าย เข้าใจง่าย วอร์เรน บัฟเฟทท์ เขาสรุปเรื่องวิธีการลงทุน ไว้ว่า

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

ผมได้อ่าน หนังสือ เล่ม นี้ ก่อนอ่าน หนังสือ ตีแตก ของ ดร. นิเวศน์

พอได้อ่าน วรรคทอง ตรงนี้ ประกอบกับ ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ธนาคาร มันลงเหลือเกิน เลย ตัดสินใจย้ายเงิน มา ตลาดหุ้น เมื่อ เดือน ก.พ.ต้นปี 45 นี้ ซื้อ AYUD ที่ 105 บาท PPPC ที่ 52 บาท TR เฉลีย 128 บาท GRAMMY ที่ 118 บาท ก่อนแตก พาร์ และจะไม่ขาย เก็บไว้กินปันผลแทนดอกเบี้ยฝากประจำ จากธนาคาร

วันก่อน ผม E-mail ไปถาม ดร. นิเวศน์ ว่า พอร์ตของ ดร. มีมูลค่าเท่าใด แล้ว อาจารย์ บอก ว่า ตอนนี้ ตัวเลข 9 หลักแล้ว 3-4 ปี มานี้ เติบโตขึ้นปีละ 30%-40% และบอกว่า ก่อนตาย จะต้องสะสมทำให้ได้เป็น 10 หลัก

วันนี้ คุยเท่านี้ก่อน นะครับ วันหลังจะเขียนมาคุย กับลุงขวดอีก

จ4 ธ.ค. 2545 16:32:31 น.
:
จดหมาย จากลุงขวด 4/12/45
ลุงขวด เขียน:ยินดี ที่ ได้รู้จัก ครับ อุตส่าห์บอกหลายเรื่องรวมทั้ง เรื่องส่วนตัวด้วย ถ้าคุยมากไปเดี๋ยวเขาบอกทำไมไม่ไปคุยกันส่วนตัว...(ขอโทษด้วย สำหรับคนที่ไม่อยากรู้จัก) บังเอิญผมไม่ชอบแจก อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ เลยไม่ค่อยได้รู้จักใครเท่าไร.....ยอมรับ มีเพื่อน ในห้องสนทนา pantip รู้จักกัน เพียง 5 คนเท่านั้น(ยังคิดถึงเขาทั้งหลายอยู่นะครับ)....ตอนนี้เก็บตัว ไม่ได้พบใครเท่าไร....กำลังหาความรู้ทางด้านเทคนิคอยู่ แต่ยังไม่สำเร็จสักที พยายามอยู่
ความรู้ส่วนตัวก็ เด็กวัดสุทธิ ระดับมัธยม และไปเรียน อัสสัมชัญพาณิชย์ และ ไปสูงสุดที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เศรษฐฯ สาขา การเงินการธนาคาร (ภาคค่ำ)เข้าไปปี 2511 จบปี 2516 ตามหลักสูตร 6 ปี สำหรับ ภาคค่ำ.......คนจนนะครับ...จึงต้องเรียนพาณิชย์ให้จบไว ๆ แล้ว ก็ทำ งาน ไป เรียนไป....ได้แค่นี้เอง....ยอมรับว่า ทาง อัสสัมชัญพาณิชย์นี่ ให้ความรู้มากจริง ๆ รุ่นเดียวกับผมที่ เก่งและ ได้เป็นเจ้าของกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถึง 3 คนด้วย กัน (เด็ก ACC อัสสัมชัญพาณิชย์).....อีกคนเป็นเซียนหุ้น เอ่ยชื่อก็รู้จักกันหมด(เสียดายที่ไม่สนิทกับผมเท่าไร)

หุ้นที่บอกมาก 4 ตัว ผมมี สองตัว ก็ ayud กับ tr ส่วน PPPC และ grammy ไม่มีครับ เคยมีแต่ขายไปแล้ว ไม่ได้ถือยาว ในกลุ่มบันเทิง ผมว่า p/e และ p/bv นั้นสูง ๆ กัน ทุกตัว ผมวิเคราะห์กลุ่มบันเทิงไม่เป็น เลยไม่ได้ถือยาว ครับ
ผมเล่นหุ้นมา 13 ปี ขาดทุนส่วนใหญ่ มากำไรก็ 4 ปีหลังนี้เองที่กำไร มาก ๆ ในสองปีหลัง ผมว่าตลาดเมืองไทย แบบ ปลอดภัยก็หุ้นปันผล ถ้าสามารถ ทำกำไรแถวประมาณ 15% ขึ้นไป ทุกปี ก็พอใจ นับว่า สอบผ่านแล้ว ถ้าจะเอา grade A ก็ต้องทำให้ได้ถึง 30% ต่อปี....ผมคิดว่า มีคนทำได้ แต่ผมยังทำไม่ได้นะครับ แค่สอบผ่านเท่านั้นเอง แมงเม่า ที่เอาตัวรอดในแต่ละปี

หุ้นในดวงใจที่ชอบ คือ FANCY MBK LTX (ตอนนี้ ltx ชักจะตื้อ ๆ แล้ว อย่างเก่งก็ไม่น่าเกิน 46 บาท ถ้าถึงระดับราคานั้นก็คงต้องลดลง แต่ถ้ายังปันผลปีละ 3 บาทก็คงถือต่อและดูผลประกอบการแต่ละไตรมาสในกานตัดสินใจต่อไป.....สูงสุดตัวนี้จำได้ว่า แถว 44 ตอนนี้ เห็นมีคนรับตลอดแถว 40 บาท).

หุ้นที่ผมติดอยู่ยอดดอย ก็กลุ่มธนาคาร จะหาทาง ซื้อ ถัวก็ทำไม่ได้ เพราะต้องใช้เงินมาก มันเกิดอาการว่า กำไร ไม่กี่พัน (ทำtrading ) แต่เวลา cut loss ทีหนึ่ง เสียเป็นแสน เลยไม่ได้ทำอะไรกับมัน.......อีกตัว ก็ sta โดนเรื่องที่ว่า ราคายางสูงตั้งนานเมื่อช่วงต้นปี ผมมันเรียนพ่อค้ามา เขาว่า ราคาสินค้าสูงขายสินค้า ง่าย และ ทำกำไรได้ง่าย เลยซื้อไว้ตรึมเลยที่แถว 33-34 บาท ตอนนี้เหลือแค่ 26-27 บาท......โดน จับ นั่งยาง ไปเลย ไหม้เกรียมอยู่นี่แหละ ยังค้างอยู่เลยครับ แต่อย่างไรคงมีปันผล น่าจะ 1.50 บาท มันดีตอนนี้ หละครับ......1.50 จากทุน เฉลี่ย 33.50 ก็ได้ Divident Yield 4.48 % เอ่ย...ยังดีกว่า เงินฝากเสียอีก เลยไม่ทุกข์ร้อนเท่าไร...........มันชักยาวไปแล้วเลยขอหยุดเท่านี้ก่อนนะครับ
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 4/12/45
ครรชิต เขียน:ฟังจากประวัติ การศึกษาของ ลุงขวดแล้ว น่าจะอายุใกล้ๆ กับผมนะ ผมอายุ 49 ปีแล้วปีนี้ เกิด 2496 เท่ากันหรือเปล่าครับ ลุงขวด ?

หุ้น GRAMMY ผมเห็นเขาเริ่มมีกำไรสะสมดีแล้ว และ น้องๆ ดารา นักร้องเขาก็ร้องเพลง ทำงานหาเงินให้บริษัทกันเก่ง ๆทั้งนั้น โดยเฉพาะ หนุ่ม เบร์ด ออกเพลงทุกชุด ก็กำไรทุกชุด เลยนึกเสียว่า ออกเงิน ซื้อตั๋ว ดูคอนเสริท ขอ เป็น Chairsholder (ยืมมาจากคำ Sharesholder) นั่งดูคอนเสริต แล้วไม่ยอมลุก ตราบใดที่ ลูกสาวผม ยังชอบฟังเพลง และซื้อ CD เพลงของ GRAMMY อยู่ ได้ปันผลมา 5% ก็ดีกว่าฝากธนาคาร

ส่วน PPPC ผมคิดว่า คนเราใช้ กระดาษชำระ และกระดาษ อื่นๆ ใช้แล้วทิ้ง ใช้แล้วทิ้ง อยู่ทุกวัน เมื่อเข้าไปดู กำไรสะสม ก็มีอยู่สูงพอสมควร ดูปันผล กลางปี 2 บาท ปลายปีอีก 4 บาท ได้รับการส่งเสริม ปันผล ไม่ต้องเสียภาษี อีก หนี้ ต่างประเทศก็ไม่มีแล้ว แถมผู้ถือหุ้น ใหญ่ เป็น เยื่อกระดาษสยาม และ กระทรวงการคลัง อีก ราคา ตอนนั้น 52 บาท ผมเลยขอเป็น Chairsholder
อีกบริษัท และ จะนั่งไม่ลุก ตราบใดที่ กระดาษ ยังถูกใช้แล้วทิ้ง อยู่ทุกวัน และ ได้รับปันผล สูงกว่าเงินฝากประจำ

หุ้น เกษตร ผม มี CM อยู่ วันก่อน ลงไปนอนพักผ่อน อยู่ที่ 35 บาท อยากจะซื้อเพิ่ม ก็ไม่มีเงินแล้ว ต้องรอให้เงินปันผลออก ก่อน บริษัทนี้เขา ก็มี กำไรสะสมมาก หนี้ น้อย ผลประกอบการ สม่ำเสมอ ปันผล 8%-9% ทุกปี ผมเลยขอเป็น Chairsholder อีกบริษัทหนึ่ง คอยซื้อ เก็บ หลังปันผลแล้วสักพัก ก็ลงไปนอนพักผ่อน ก็ค่อยๆซื้อเก็บเพิ่ม พอใกล้หน้าจะถึงหน้าปันผล ก็ขึ้นกลับไปใหม่ หุ้น หมวด เกษตร นิสัยเป็นอย่างนี้ทุกตัว

ผมตั้งใจว่า ลงทุนแนวนี้ ได้แค่นี้ ดีกว่า ดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคาร ก็พอใจแล้ว ไม่เอาแนวทาง ซื้อ แล้วขาย ซื้อแล้วขาย บ่อยๆ ไม่ไหว แก่แล้ว เวียนหัว เดี๋ยว หัวใจวาย ค่าคอม กินเข้าไปเรื่อยๆ

หุ้น ที่ผมตั้งใจ ว่าจะไม่เข้าไปเป็น Chairsholder เด็ดขาด คือ ธนาคาร ไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์ และ สื่อสาร

สุดท้ายนี้ ผมขอให้ ลุงขวด ประสบความสำเร็จ ตามแนวทาง Value Investor เพื่อ ได้เป็นตัวอย่างของรุ่นน้องๆ รุ่นหลังๆ ต่อไป นะครับ
:
จดหมาย จากลุงขวด 5/12/45
ลุงขวด เขียน:ผมเกิดปี 2491 เดือน สิงหาคม เดือนเดียวกับ ท่าน ดร. นิเวศน์เลย.....ไม่ได้มั่วนิ่มนะครับ.....ราศี เดียวกันเลยลงทุนแบบเดียวกันมังครับ cm มีเหมือนกัน การเล่นแบบเดียวกับที่บอก แสดงว่า คุณ ครรชิต....สอบเข้าเป็น นักเรียนในโรงเรียน value investor ได้แล้ว ก็คงได้ปันผล สัก 4 บาทเป็นแน่.........ตัวนี้มั่นคงดีในรอบนี้ไม่ลงมากเท่าไร ผมมั่นใจว่า เดือนหน้าหรืออย่างช้าเดือนกุมภาพันธ์ คงได้เห็นสูงขึ้นกว่า 10-15% เป็นแน่แท้ และ น่าจะมีปันผลสัก 4 บาท เช่นเดียวกับปีก่อน

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2003 10:22 pm
โดย CK
จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ EPISODE 2

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 5/12/45
ครรชิต เขียน:แสดงว่าลุง เป็นพี่ของผม เพราะ ฉะนั้น ผมเรียก ลุงขวด ได้ สนิท ปาก นะครับ

ที่ผมยก มาเป็น EPISODE 2 เพราะ ผม มีเรื่องอยากเล่าให้ลุง มัน ยาว ไปสักนิด หวังว่าลุงคงไม่เบื่อ น้องคนนี้เสียก่อน นะครับ

ลุงขวด ครับ ผมก็เคยมี อดีต เรื่องหุ้นอันขมขื่น มาเหมือน กับ ลุงขวด นั้นแหละ อยากเล่าให้คนหัวอกเดียวกันฟัง

คือ ผม เริ่ม รู้จัก หุ้น เมื่อ มีเพื่อนคนหนึ่ง เขามา ขายหุ้น BBL ให้ตั้งแต่ ราคา พาร์ 100 บาท เขาขายให้ ในราคา 200 บาท ผมยังไม่รู้จักเลยว่าเขาซื้อขาย กันในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไร ไม่รู้ ว่าจะหาข้อมูล ของ บริษัท ได้ที่ไหน ธนาคารก็ส่งปันผลมาให้ทุกปี พอเขามีเพิ่มทุน ก็ซื้อเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆ ตามสิทธิ ถือยาวอยู่ประมาณ 4 ปี จนเขาแตกพาร์ เป็น 10 บาท ราคา BBL ขึ้น มาเป็น 150 บาท ต่อ หุ้น เห็นไหมครับผมถือยาว เงิน 20 บาท มันกลาย เป็น 150 บาท ภายใน 4 ปี นี้ยังไม่รวมปันผล และ หุ้นเพิ่มทุน ที่ได้รับอีกต่างหาก

ช่วงนั้น มีเพื่อน วิศวกร ของผม คนหนึ่ง เขาลาออกมาจาก การไฟฟ้าภูมิภาคกรุงเทพฯ ลาออกมาเล่นหุ้นอยู่ที่ Broker ที่หาดใหญ่ เขา ซื้อๆ ขายๆ เร็วๆ อย่างที่นักเก็งกำไรชอบทำกันอยู่ นี้แหละ ผมถึงได้รู้จัก การซื้อขาย หุ้น ในตลาด หลักทรัพย์ ก็เลยนึกมันขึ้นมาบ้าง เลยเอาหุ้น BBL ทั้งหมดที่ผมมีอยู่ ขายออกไป ด้วยราคา 150 ต่อหุ้น เพื่อ นำเงิน มาเล่นหุ้น เก็งกำไร ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อมูล เกี่ยวกับ บริษัท ต่างๆ อยู่ในสมองเลย ไม่รู้ แม้กระทั้ง ว่าชื่อย่อ นั้น คือบริษัทอะไร ,ค้าขายอะไร , มีหนี้สิน ,ทรัพย์สิน , ส่วนผู้หุ้น และ กำไรสะสม เท่าไร ซื้อขายเก็งกำไร ด้วยต่อมใต้สมอง อย่างเดียว(ไม่ได้ใช้สมอง) เลือดมันสูบฉีดแรงดี ด้วยความตื่นเต้น เห็นตัวไหน ราคาเริ่มขยับวิ่ง ปริมาณหุ้นเริ่มเพิ่มขึ้น หลังจากที่อยู่นิ่งมานาน ก็รีบซื้อ พอได้ กำไรนิดหน่อย ก็ รีบขายแล้ว เพราะไม่ รู้ ว่ามันจะลงเมื่อไหร่ กลัวจะเสียโอกาสทำกำไร พวก Broker บอกว่า แนวรับ แนวต้าน อยู่ตรงไหน ก็เชื่อเขาไปหมด โดยไม่รู้ เหตุผลเลย ว่าทำไม มันขึ้น และทำไม มันลง ขาดทุนบ้าง กำไรบ้าง ทำอยู่อย่างนี้เป็นปี พอถึงวันขึ้นปีใหม่ ผู้จัดการ บริษัท Broker ที่ผมไปซื้อขายอยู่ เขามาเยี่ยมที่บ้าน นำ ของขวัญ ,กระเช้าผลไม้ ,ขนม, เหล้านอก มาให้ เป็นของขวัญปี ใหม่ แต่ ผมมาตรวจดู เงินใน พอร์ต ของผม มันแทบจะเท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเลย แถม หุ้น BBL ที่ขายไป มันดันวิ่งขึ้น ไปชนเพดาน ที่ 250 บาท ผมไม่มีปัญญาซื้อคืน ขณะนั้น ฟองสบู่ ใกล้จะแตกแล้ว แต่ผมก็ยังหลง เป็น แมงเม่า หลงแสงไฟ จากกองไฟ ที่กำลังจะเผาเราให้เป็นจุล อยู่เหมือนเดิม ปีต่อมา ฟองสบู่แตก ผม ติดหุ้น SITCA , NAVA , NFS , TMB ผมก็ยังไม่รู้ จัก ข้อมูลพื้นฐาน ของบริษัท ที่ติดนี้ อยู่ดี SITCA ล้ม NANA ล้ม NFS และ TMB โคม่า มูลค่าพอร์ตลงทุนของผม จาก 1,200,000 บาท มัน เหลือ อยู่ แค่ 100,000 บาท โชคยังดี ผมกันเงินบ้างส่วนออกมาบ้างแล้ว

ผมหันหลังให้ตลาดหุ้น พยายามทำใจ นึกเสียว่าเป็นค่า ลงทะเบียน เรียน วิชา การลงทุนในทางที่ผิด ซึ่งผมได้รู้อย่างเดียวว่าเป็นวิธีที่ผิด แต่ ก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่าทำไม ถึงผิด

จนมาปีนี้ ผมได้อ่าน หนังสือ วาทะคนแถวหน้า วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ที่ ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปล และ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน และ หนังสือ เล่นหุ้นผ่านเนต ของคุณโชค ไพศาล (นามสกุลมาตรงกันได้อย่างไร ก็ไม่รู้ เขาไม่ได้เป็นญาติกับผม นะ ลุงขวด เดี๋ยวหาว่าผมเชียร์ หนังสือ ของญาติผมอีก ) ผมจึงได้รู้ ว่าผมผิดตรงไหน ขอขอบคุณ ท่านผู้เขียนหนังสือทั้ง 3 ท่าน และ ขอขอบคุณ องค์การโทรศัพท์ ที่มี FREEINET ให้ได้ค้นหาข้อมูล พร้อมทั้ง ขอขอบคุณ ตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้ทำ Web ทะเบียนประวัติ บริษัท ย้อนหลังและปัจจุบันไว้ให้นักลงทุนได้เข้าไปค้นดูได้ตลอดเวลา

วรรคทอง ในหนังสือ ที่จับใจ ผมมากที่สุด

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

ประกอบกับความกดดัน ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่เคยได้รับ ตั้งแต่ 13% ค่อยๆ ต่ำลง เหลือ 2% มันช่างสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ ให้กับคนที่ ถูกสอนมาให้อดออม มาตั้งแต่เด็กๆ ในวันที่พ่อพาไป ฝากเงิน ที่ ธนาคารออมสิน ถือกระปุกออมสินไปให้พนังงานทุบกระปุเอาเหรียญออกมานับ แล้วพ่อก็บอกว่า ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า อดออมตลอดมาจนอายุใกล้จะ 50 ดอกเบี้ย 2% กินพอที่ไหน แถมหักภาษี ดอกเบี้ยอีก เลยตัดสินใจ มาลงทุน เป็น Chairsholder (ต่อไปนี้เวลาผมคุยกับลุงขวด ผมขออนุญาต ใช้คำนี้แทน ผู้ถือหุ้นที่ ชอบนั่งแล้วไม่ยอมลุก ตลอดไปนะครับ) เริ่มต้นใหม่ เมื่อ ก.พ. ปีนี้

ผิดหรือถูก ต้องพิสูจน์ กันด้วยเวลา เหมือน ที่ ดร. นิเวศน์ เขียนหัวข้อบทความ ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์หุ้น

ใช่ไหมครับ ลุงขวด

อีกอย่างหนึ่ง ที่เมื่อวาน ลุงขวด บอกว่า ลุง ตีราคา ในกลุ่มบันเทิงไม่ถูก เพราะ ค่า p/e และ p/bv สูง ๆ กัน ทุกตัว ผมก็เห็นด้วย กับ ลุง ผมก็เลย กลัวๆ กล้าๆ ที่ จึงเข้าถือ GRAMMY ไว้ น้อย นิดเดียวเอง คือ ซื้อ ไว้ เพียง 500 หุ้น ตอนพาร์ 10 บาท ที่ราคา 118 บาท ตอนก่อนปันผล ได้รับปันผล มาแล้ว 10 บาท/หุ้น กับกลางปี หลังแตกพาร์ 1 บาท รับอีก 0.5 บาท/หุ้น ยังเสียดาย ที่ตาผมไม่ถึงเหมือนไก่เห็นพลอย ดันคิดว่าเป็นก้อนกรวด ไปขายออกเสียอีก 2000 หุ้น เหลือ 3000 หุ้นเอง ต่อไปใครเห็นเป็นก้อนกรวดอีก แล้วคว้างทิ้งลงมาต่ำๆ ก็จะทยอยๆ ไปพอมีเงินเหลือเก็บ เพราะผมมานั่งนึก พิจารณา ดูอีกที่ ก็เห็นว่าผมตีราคา ของ GRAMMY ผิด

GRAMMY ไม่ได้มีแค่ อาคาร, ห้องอัดเสียง หรือ เครื่องไม้เครื่องมือ ที่สามารถ ตีเป็นตัวเงิน แล้วนำมาเปรียบเทียบ กัน ตามหลักของนัก บัญชี เขาทำกันได้

มูลค่าของ GRAMMY ยังมี ทรัพย์สินที่ ผมเองก็ประมาณค่าไม่ถูกเหมือนกัน คือ

1.น้องๆ ดารา ทั้งหมดใน GRAMMY (ถ้าเป็นนักฟุตบอลในอังกฤษ เขาคงประเมินค่าตัว นักฟุตบอลกันได้) ไม่ ว่า หนุ่ม เบริด หนุ่ม มอร์ต สาว แค็ท ลูก พลับ และคน อื่นๆ อีกมาก มาย พวกเขา ร้องรำทำเพลง อาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นเหมือน เครื่องจักร ที่มีชีวิต ปั๊มเงิน ให้แก่ผู้ถือหุ้น น้องเขาเหนื่อย เขาควรจะได้มาก กว่าเราผู้ถือหุ้นซึ่งลงทุน แล้วคอยนั่งเชียร์ ผมจึงบอกว่า ผมพอใจแล้ว สำหรับ เงินปันผล 5% ที่น้องๆ ลูกๆ หลานๆ เขาหามาแบ่งให้ พวกเขาเหล่านี้ บางคนก็โรยรา คนรุ่นใหม่ ก็ขึ้นมาแทน ไม่ได้ขาดสาย โดยเฉพาะ หนุ่ม เบิร์ด ผมอยากปิดทองให้ทั่วตัว ผมบอกได้ว่าผมก็ตีราคา ทรัพย์สินมีชีวิต เหล่านี้ไม่ถูก เหมือนลุงขวด เช่นกัน

2.ทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิเพลงจำนวนมหาศาล ของ GRAMMY ที่ จะเป็นทรัพย์สิน เครื่องจักร ที่มองไม่เห็นตัว เป็นเครื่องจักร ที่ไม่มีค่าเสื่อมราคา ไม่สูญสลาย เป็นเครื่องจักร ที่จะปั๊มเงิน ให้แก่ผู้ถือหุ้น อยู่ชั่วลูก หลาน หลิน เหลน ไม่รู้จักหมด เหมือนลูกๆของอาจารย์ สุรพล ที่ได้รับอยู่จนทุกวันนี้ ผมบอกได้ว่าผมก็ตีราคา ทรัพย์สินที่มองไม่เห็นตัวเหล่านี้ไม่ถูก เหมือนลุงขวด เช่นกัน

3.สายตาที่กว้างไกล และสมองอันทรงพลัง ตัวผู้บริหารใหญ่ คุณ นาย ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม และทีมงาน ทุกคน ผมบอกได้ว่าผมก็ตีราคา ทรัพย์สินบุคลากร เหล่านี้ไม่ถูก เหมือนลุงขวด เช่นกัน

สรุปแล้วผมไม่รู้ ว่า มูลค่าที่แท้จริง ของ GRAMMY ควรจะอยู่ตรงไหน แต่ในความเห็นของผม ผมบอกได้เพียงอย่างเดียว ว่า มากกว่า ตัวเลขที่เห็นทางบัญชี

ลุงขวดเห็น ต่างจากผมหรือเปล่า ครับ


จดหมาย จากลุงขวด 5/12/45
ลุงขวด เขียน:เป็นข้อเขียนที่ดีมากครับ เห็นด้วยทุกอย่างเลย ว่า ทำไมหุ้นในกลุ่มบันเทิง จึงว่า แพง อย่างนี้ P/E เฉลี่ยของกลุ่มอยู่ในระดับ 27 เท่า P/B ก็แถว 4.4 เท่า ซึ่งผมเคยบอกว่า ผมยอมรับได้สูงสุดเพียง 3 เท่า ถ้า 2 เท่าก็เริ่มขายแล้ว.......นี่กลุ่มบันเทิง เฉลี่ย 4.4 เท่า เลย ถือเป็นกลุ่มที่ไม่อยากถือเป็น ปี เคยเล่น grammy แถว 76 ได้มังครับ (สองปีก่อนมัง) และ bec ก็ แถว สองร้อยต้น ๆ วันก่อนมีกระทู้ ถามว่า 190 เศษ ๆ น่า ซื้อไหม ผมก็บอกว่า น่าซื้อลงทุนได้ เพราะผมเคยลงทุนแถว ต่ำกว่า 210 เล็กน้อย ไปขายแถว ประมาณ 250 บาท...ไม่ถือยาว เพราะ บอกว่า ดูค่าซ่อนเล้นที่ไม่เห็นด้วยตาเปล่า แบบที่คุณครรชิต บอกมา นั่น ถูกต้องหมด ค่าต่าง ๆ ในนั้นคิดลำบาก ถ้าเป็นค่าลิขสิทธิ์นั่นยังพอคิดได้ ว่าแบ่งกันอย่างไร แต่ค่าตัวของแต่ละคนในสังกัดนี่ซิ คิดไม่เป็นเลยครับ......แต่ในหมวดนี้ถ้าผลตอบแทน ดี และ สม่ำเสมอ ก็เหมาะแก่การลงทุน ต้องคิด ย้อน กลับ ว่า ปันผลเท่าใด ราคาทุน(ราคาที่เราซื้อมา) เท่าใด น่าลงทุนไหม..........แต่กลุ่มนี้ เวลาเศรษฐกิจขาลง ผมเกรงว่า มันจะลงไปมากซิครับ เพราะอยู่กลุ่มของ บริการที่ไม่ค่อยจำเป็น ไม่ใช่ ปัจจัยสี่ ที่เราต้องใช้อยู่เป็นประจำ

วรรคทองในหนังสือที่บอก เป็น แท้ อยู่ตามนั้น โดยเฉพาะเรื่อง ผู้บริหารที่โปร่งใส แบบ สมัยใหม่เรียกว่า good governance ธรรมาภิบาล เป็นหลักสำคัญ......ซึ่งตัวนี้จะแสดงมาเมื่อระยะเวลาผ่านไปแล้ว นั่นคือ ต้องดูประวัติย้อนหลังไปหลาย ๆ ปี การดำเนินการที่ผ่านมาและการให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น.........ซึ่งในเรื่องนี้ต้องพึ่ง กลต ต้องเป็นคนดูแลผู้ลงทุน ต้องตามบริษัทฯ ต่าง ๆ ให้ทัน ว่า จะมาไม้ไหน.........มีอยู่ครั้งหนึ่ง หุ้นที่ผมถืออยู่มีหมายเหตุใน งบการเงิน ว่า "ไม่สามารถจะตรวจสอบรายละเอียดของบริษัทย่อยที่อยู่ในต่างประเทศได้" แค่นี้เอง ผม ก็ ผวา แล้วครับ.....แต่ก็โชคดี ในปีต่อมา เขา ก็ยกเลิก บริษัทฯ ย่อย อันนั้นไป อาจเนื่องจากการติดตามจาก กลต หรือ ด้านใดก็ไม่ทราบ

ส่วนเรื่องเล่นหุ้นตอนแรก ๆ ก็แบบเดียวกับคุณครรชิตแหละครับ จำได้ว่า เคยเห็น ว่า โวลุ่มโตราคาจะขยับ มาเช็คประวัติยอ้นหลังวันสองวัน วันหนึ่ง จำได้ว่า มีหุ้น BKP กรุงเทพฯ อะไรไม่รู้ รู้สึกว่า ในกลุ่มของ cp ตอนนี้เขายุบหรือรวมกับบริษัทฯ อื่น หรือไง ไม่ทราบ.......เห็นตัวนี้โวลุ่มโต ตอนนี้ บอก มาร์เก็ตติ้ง ว่า พรุ่งนี้เอาเลยนะ รายแรก ๆ ด้วย สั่ง mp เลย บอกจำนวนหุ้นเขาไป ไม่เกี่ยงราคา ตอนนั้น เขา เคาะกระดานกัน จึงได้ในอันดับแรก ๆ นั่นแหละ ได้แล้ว หลังจากนั้นก็ลงเลย ติดอยู่ ยอดก็เรานี่เอง..........จำได้ จน บัดนี้ อีกตัวก็ kmc กฤษฏานคร นี่แหละ เขาเล่นกันครับ พี่ ตอนนี้ ราคา 220 โวลุ่มมากด้วยซิ มีคนซื้อตลอด จะซื้อตามไหม ซื้อก็ซื้อ เรียบร้อย ครับ......ติดไปเลย 220 มาขายอีกที แถว 80 บาทมังครับ ถ้าถือถึงตอนนี้คง คงหน้ามืด อีกตัวหนึ่ง.........หุ้นที่ถูกปิด หุ้นที่ค่า 1 บาท ก็มีเหมือนกันทุกคนแหละครับ ใครเล่นหุ้นไม่มีบริษัทฯ ที่ถูกปิด หรือ ถูกลดค่า เท่ากับ 1 บาท ผมว่า แทบไม่มีนะครับ โดนกันทุกคน ไม่มากก็น้อยเท่านั้นเอง NAVA ผมก็ติดนะครับ ผมขอเป็นใบหุ้นมา ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วซิ

เล่าประสบการณ์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้นเองครับ ไม่ได้หวัง เป็นอื่น ใด
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 5/12/45
ครรชิต เขียน:ขอขอบคุณ ที่ลุงขวด อวยพร ให้เป็น Chairman เร็วๆ แต่ ผมคนตัวเล็ก มีเบี้ยน้อย แต่มีหอยเยอะที่ชายทะเลสงขลา ขอเป็นแค่ Chairsholder เกาะขาเก้าอี้ ของ Chairman ที่ ซื่อสัตย์ และ มีมันสมองที่ทรงพลังในการทำเงิน นำมาแบ่งปันให้กับผู้ถือหุ้น คนแก่ๆอย่างเรา ที่เตรียมตัว เลี้ยงลูกหุ้น ให้เติบโต ก็หวังว่า

"ยามแก่เฒ่า หวังแต่เจ้าช่วยเลี้ยงดู"

ดังบทความ "เลี้ยงลูก-เลี้ยงหุ้น" ของ ดร. นิเวศน์ เขียนไว้ให้อ่าน

การซื้อหุ้น ปันผล กับ หุ่นเก็งกำไร นี้ผมเห็นแล้วว่ามันผิดกัน เพราะ วันที่ผมตัดสินใจซื้อหุ้น

TR ที่ 128 บาท ถึงจำนวนจะไม่มากนัก เมื่อต้นปี ผมได้ให้ราคาซื้อ ที่สูงที่สุด ในประวัติ 5 ปี ของบริษัท แต่ผมก็นอนหลับสบายใจไม่มีความกังวล สงสัยใดๆ ในลูกหุ้นตัวนี้ของผมเลย เมื่อมาถึงวันนี้ ราคาขึ้นมายืน 204 บาท โอ้ลูกรัก ขยันทำมาหากิน อย่าเกเรนะลูก

ซื้อ AYUD ก่อนปันผลก็สูงที่สุดในประวัติ 5 ปี ที่ 115 บาท หลังปันผล ผมเก็บเพิ่ม จนได้ราคาเฉลี่ย 105 บาท รับปันผลมาแล้วรวม 14.5 บาท ราคาปิดสุดท้าย 141 บาท โอ้ลูกรัก ขยันทำมาหากิน อย่าเกเรนะลูก

ผมขอยืนยันอีกครั้ง ผม ขอเป็นแค่ Chairsholder เกาะขาเก้าอี้ ของ Chairman ที่ ซื่อสัตย์ และ มีมันสมองที่ทรงพลังในการทำเงิน นำมาแบ่งปันให้กับผู้ถือหุ้น คนแก่ๆอย่างเรา เท่านั้นพอแล้ว

สวัสดี ครับ น้องๆ ที่เข้ามาคุยด้วย ยินดี ที่ได้คุยด้วย ตัวของผมชอบใช้ ชื่อ และ นามสกุล จริง เพราะ รู้สึกจริงใจดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร อยากรู้จัก ชื่อ และ นามสกุล ของเพื่อนๆ ทุกคน อยากรู้จัก ด้วยความจริงใจ เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้า เป็นอา กันตลอดไป แต่ถ้าไม่สะดวดก็ไม่เป็นไร ยังยินดีคุยด้วย ด้วยความจริงใจ เสมอ ครับ
จดหมายจาก ธิติพล ศรัทธาพร (นักดูดาว) 5/12/45
นักดูดาว เขียน:ขอแนะนำตัวครับ
ผมเกิดปีที่ลุงขวดจบปริญญาจาก มธ. ครับ ดังนั้น เรียกลุงคิดว่าเป็นที่ถูกต้องแน่นอน การศึกษาจบโทวิศวะ จุฬา ปี2543 ใช้นามปากกานี้เพราะตอนที่ไปอเมริกา เมื่อปีที่แล้ว เพื่อนๆฝรั่งชักชวนคุยเรื่องดาว(DOW) ก็เลยหันมาสนใจหุ้นไทยครับ

วรรคทองของผม "กฏข้อที่ 1. อย่าขาดทุน กฏข้อที่ 2.อย่าลืมกฏข้อที่ 1" ... ผมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ

อาจารย์ลุงขวดครับ ผมทำการบ้าน TTL ไม่ค่อยได้ครับ จับประเด็นเรื่องความแข็งแรงของการเงินได้ หนี้สินน้อย ทรัพย์สินหมุนเวียนมาก ทึ่เตะตาเหลือเกินก็คือมีเงินสดเหลือเยอะครับ น่าจะปันผลได้ตามนโยบาย แต่ยังไม่เห็นจุดไหนที่ต้อง "ตีแตก" ในหุ้นตัวนี้เลย

อาจารย์ช่วยเฉลยด้วยครับ
จดหมายจาก tod 5/12/45
tod เขียน:ขอบคุณครับ
กับประสบการณ์และข้อเขียนดีๆ
ผมกำลังทำตัวเป็น Value investor อยู่เหมือนกันครับ
แต่บางครั้งความโลภก็บังตาบ้าง
ยังมีกิเลสอยู่นะ
จดหมายจาก RR 5/12/45
RR เขียน:ของผมเริ่มต้นหลังจากแชร์แม่ชม้อยล้ม ก็เลยมาป้วนเปี้ยนกับหุ้น โดยเริ่มกับcpf และtmb พยายามลดต้นทุนของcpf ลงมาให้เหลือราคา par แล้วถือไว้รับปันผล
ส่วน tmbขายหมดไปตั้งแต่ set index พันกว่าๆเพราะตอนนั้นจะไปกู้เงินจากbankมาสร้างบ้าน แต่พี่ที่ทำงาน
bankแนะนำให้ขายหุ้นแทน ผมก็เลยโชคดี รอดตัวจากการติดหุ้นในรอบนั้นไป ส่วนcpfที่ถือราคา parก็เก็บไว้รับปันผล ตอนนี้กำลังปลุกปั้นgrammy อยู่เช่นเดียวกัน
ถ้าสามารถลดลงมาเหลือราคาparได้ก็คงจะดี แต่ว่าตอนนี้ยังห่างไกลเป้าหมาย เพราะยังเฉลี่ยอยู่สิบกว่าบาทครับ แอบดูfancy ของลุงขวดกับคุณปรัชญาอยู่หลายรอบแล้วแต่ยังหาจังหวะเข้าไม่ได้ deltaก็สนใจ
แต่ว่าผมไปถือccetไว้ก่อนแล้วเลยไม่อยากเปลี่ยนตัว
กลุ่มอาหารผมกำลังหาอยู่ใครมีข้อมูลดีๆช่วยแนะนำด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง เพราะผมเป็นพวกรักจริงหวังแต่งนะครับ รับรองว่าไม่ทิ้งๆขว้างๆ
สำหรับพวกหุ้นหวือหวาก็พอมีไว้แก้เหงาบ้างแต่ไม่มากนัก
จดหมายจาก ลุงขวด 5/12/45
ลุงขวด เขียน:คุณดูดาวครับ อย่าเรียกอาจารย์เลย มันเขินครับ คุณดูดาวยัง มีความรู้ดีกว่าผมอีก......ได้แลกเปลี่ยนความคิดก็ดีอยู่แล้ว.....ลองอ่านสิ่งที่คุณพบอีกที ตรง หนี้สินน้อย ทรัพย์สินหมุนเวียนมาก มีเงินสดเหลืออีกต่างหาก.....มันบอกถึงคุณค่าของมันแล้ว .....และลองไป อ่านวาทะสรุปของ WARREN BUFFETT ที่คุณครรชิต ยกมาสรุปว่า ซื้อหุ้นของกิจการที่ดีมีกำไรต่อเนือง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถในเวลาที่ราคาต่ำกว่า มูลค่าที่แท้จริงและถือตราบที่มันเป็นธุรกิจที่ดี.........แต่ทุกคนก็มาติดเรื่องสภาพคล่อง เพราะปีหนึ่งเทรดกันไม่กี่ หมื่นหุ้นเองครับ
จดหมายจาก GSM จากโต๊ะมาบุญครอง 5/12/45
GSM จากโต๊ะมาบุญครอง เขียน:ตอนลุงขวดเรียนจบ ป.ตรี ผมยังไม่เกิดเลยครับ ผม
อายุน้อยกว่าคุณนักดูดาว 3 ปีครับ ก็จบปริญญาตรีทาง
ด้านบริหารธุรกิจ และก็เศรษฐศาสตร์ ส่วนปริญญาโท
จบบริหารธุรกิจ (MBA) เมื่อปี 2543 ครับ

เริ่มเข้ามาลงทุนก็เริ่มจากสไตล์ Value Investor เลย
ครับ ก็แนวคิดในการลงทุนก็ได้รับอิทธิพลมาจากดร.นิเวศน์ และบัฟเฟทท์ครับ ปัจจุบัน Portfolio ของผม
ก็มีมูลค่าไม่มากครับ (เมื่อเทียบกับคุณลุงขวด) ก็อยู่ที่
ประมาณ 5 ล้านบาท

สำหรับหุ้นสภาพคล่องต่ำนั้น ผมคิดว่าเป็นหุ้นที่ดีกว่าหุ้น
ที่มีสภาพคล่องสูงครับ เนื่องจากเป็นหุ้นของกิจการที่ดี
ก็เลยมีแต่คนซื้อแล้วเก็บเอาไว้ ก็เลยทำให้ไม่เข้ามา
หมุนเวียนอยู่ในตลาด
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45
ครรชิต เขียน:ลุงขวดครับ สำหรับหุ้นดีมีคุณค่า ในความคิด ของผม ไม่จำเป็นต้องมีสภาพ คล่องก็ได้ครับ เพราะผมจะซื้อเก็บ ไม่ได้ซี้อมาเพื่อขาย เพราะมี Value Investor อีกหลายคนที่ยังไม่แสดงตัวให้พวกเราเห็น ได้เข้ามาถือเก็บไว้ทั้งนั้นครับ ขอความกรุณา พวกน้องๆ ที่ชอบเล่นปั่นหุ้นเก็งกำไร อย่าเข้ามาปั่นให้มัน สูงเกินไปจาก มูลค่าที่แท้จริงของมันก็พอแล้ว ถ้าจะราคาราคาเพิ่ม เพราะมันมีกำไรสะสม ทรัพย์สิน พอพูนขึ้นมาก แล้วราคาค่อยๆ ขยับขึ้น ก็สมเหตสมผล

สภาพ คล่อง มี 500 หุ้น ก็สะสม 500 หุ้น ก็ได้ หุ้นพวกนี้ สะสม หลายๆ ตัว ผมก็ยังนอนหลับ สบายไม่กังวล เพราะราคา มันนอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ เป็นดักแด้สะสมพลังงาน เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว มันก็พองตัวเพิ่มขึ้นโผบินเป็นผีเสือ ไปสู่ที่ ที่ผีเสือควรจะอยู่ แล้วออกไข กลายเป็น หนอนและกลายเป็น ดักแด้ นอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ สะสมพลังงานอีก เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว วัฏจักรของชีวิต ก็ดำเนินต่อไปอีก ตามรูปแบบพิมพ์เขียวทางพันธุกรรม ของมัน

เมื่อเราเลี้ยงมันไว้จนโต ผลิ ดอก ออกลูก มาเป็นปันผล ให้ คนแก่ๆ อย่างผม อย่าง ลุงขวด ได้เก็บกิน ทุกปี

ถ้า เพื่อนๆ ไม่เชี่อ ลองไปตรวจดูประวัติ ตลอด 5 ปี ราคาของ หุ้นพวกดู

ตัวอย่าง ดู หุ้น TR ที่ผมซื้อ เก็บ ตามสภาพ ตามที่มี และ ตามที่เป็น สภาพ ของเขา ในเวลา 5 ปี ราคาเขา จาก 19.5 บาท มาเป็น 204 บาท (ต้องเรียก ว่า เขา ไม่เรียกว่า มัน เพราะ เขาเป็นลูกหุ้น ของผมแล้ว เหมือน คุณทองแดง ถ้าอยู่ข้างถนน เรียกว่า มัน แต่พอเข้าไปถวายตัวในวังแล้ว ต้องว่าเรียกว่า คุณ ใช่ไหมครับ)

ผมชอบเก็บหุ้น ลักษณะนี้ เก็บไว้ หลายตัว เช่น FE , P-FCB , WACOAL , TF ,TR ,AYUD, TWFP คิดว่า เป็นการ ปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ ไว้เก็บกิน เมื่อ เขาออก ลูกปันผล

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2003 10:24 pm
โดย CK
ขออนุญาตนำ จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ ให้มาอยู่ติดๆกัน EPISODE 3

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45
ครรชิต เขียน:ถึง ลุงขวด และ เพื่อนๆ ที่แวะ เข้ามา คุยด้วย ทุกคน ครับ วันนี้ ผมมีเรื่อง เจ็บช่ำ น้ำใจ ของผม คนยุคฟองสบู่แตก เหมือนกับลุงขวด มาเล่าให้ลุงฟังอีกเรื่อง

คือ เรื่อง หนี้ ครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ครับ

เมื่อผม เรียนจบ มาเป็น วิศวกรไฟฟ้า หนุ่มซิงๆ จากจุฬา ก็ลงมาทำงาน คุมงานติดตั้ง ระบบไฟฟ้าอยู่ที่โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็เลย ได้รู้จัก เพื่อน วิศวกรโยธา จบจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คบหา กินเที่ยว กันมา จนสนิทสนม จนเป็นเพื่อนซี่กัน ต่างคนต่าง เจริญเติบโต ในหน้าที่ การงานอาชีพ ของตัวเอง จนประมาณ 4-5 ปี ก่อนฟองสบู่แตก เขามาบอกว่าเขา จะตั้งบริษัท ก่อสร้างเป็นของตัวเอง อยากให้ผม ลงหุ้นด้วย

ผมเห็นว่าเพื่อนจะก่อร่างสร้างตัว ก็เอา ด้วย ลงหุ้นส่วนกับเขา ก็ลงไป 10% ของบริษัท รับงานชิ้นแรกก็มีกำไร ทำงานต่อใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จน รับงานราชการ ระดับ 100 ล้าน เงิน ติดขัด เมื่อไร ก็มาหยิบ ยืม ต่างหาก เข้าไปเกือบ ล้าน จ่ายดอกเบี้ย กันเป็นประจำ จนมาถึงวันฟองสบู่แตก ผลประกอบการ ออกมา บริษัท พัง ดอกเบี้ยไม่มีจ่าย เงินต้นก็ไม่ได้คืน เงินลงหุ้นก็หายหมด รวมแล้ว ก็ประมาณ 1 ล้าน แถมดันให้โฉนดที่ดิน อีก 1 แปลง ให้เขาเอาไปค้ำประกันสัญญา งานก่อสร้างที่สร้างเสร็จแล้วอยู่ในระยะค้ำประกัน ยังติดอยู่จนบัดนี้ ในขณะที่ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่ถืออยู่ ก็หายไปล้าน กว่าบาท อย่างที่เล่าไปใน จดหมายฉบับ ที่แล้ว

ช่วงนั้น ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน การสูญเสียในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นั้นผมยอมรับได้ว่ามีเป็นการลงทุนในวิธีที่ผิด ของผมเอง ผมไม่โทษใคร แต่ที่เพื่อนมัน ยืมไป เอาไปทำพังยับเยิน ผมยังนึกว่ามันเป็น หนี้ผม มันต้องหามาคืนให้ผม นึกอยู่อย่างนี้ ก็ตามทวง กันอยู่ ทวงแล้ว ทวงอีก เพื่อนมันก็ไม่มีให้ มันบอกทั้งปูนทั้งเหล็ก ขึ้นราคา ทำให้ขาดทุนจนหมดตัว ตัวเขาเองก็เหลือแต่ตัว

ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นึกอยู่แต่ว่า เขาเป็นหนี้เรา อยากจะได้คืน เงินของเรา ที่ อุตสาห์ อดออม ทนนั่งหลังขดหลังแข็ง นั่งเขียนแบบ ออกแบบ ระบบไฟฟ้า กว่าจะได้เงินมา สู้ อดออม มาตั้งหลายปี อยากจะได้คืน ๆ

นึกอยู่อยากนี้นอนก็ไม่หลับ ทำงานไม่ได้ เป็นทุกข์มาก มากจริงๆ พอมากเข้า ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว สุขภาพแย่ เลยมานั่ง พิจารณา ตัวเอง ว่าที่เราทุกข์ อยู่ทุกวันนี้ เพราะ เราอยากให้หนี้เสีย มันกลาย กลับ มาเป็น หนี้ดี จะได้เงินกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่มีทาง

เลยกลับความคิดเสียใหม่ คิดเสียว่า ยกเงินนี้ให้เพื่อน ถือเสียว่า ซื้อเพื่อน ซื้อประสบการณ์

ความผิดไม่ได้เป็น ที่เขา ที่ทำให้เงินเราสูญเสียไป แต่เป็นเพราะ เงินมันอยู่ในบัญชีธนาคารของเรา เราดันให้เงินเขายืมไปเอง ถ้าเราไม่ให้เขายืม ก็ได้ แต่เราก็เลือกที่จะให้เขายืม เพราะอยากได้ดอกเบี้ยจากเขา เมื่อผมทำใจยอมรับ และ ยกหนี้ให้เพื่อน ใจมันก็ โล่ง เบา สบาย หายทุกข์ นอนหลับได้ ทำงานได้ ไม่คิดมาก เพื่อนก็ยังคบหาเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม

มันไม่น่าเชื่อ ระหว่างความคิด ที่ว่า จะเอาคืน ถึงแม้จะเป็น สิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นของเรา กับ การให้ มันคือ ความทุกข์ กับ ความสุข

คิดที่จะเอา นี้มันทุกข์นะ แต่ คิดที่จะให้ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน นี้มันสุข สุขจริงๆ นะจะบอกให้ !

พระพุทธเจ้า ท่าน บอกว่า หนี้ เป็นทุกข์ ในโลก เมื่อก่อนนี้ ผมคิดแต่ว่า การเป็นลูกหนี้ เป็นทุกข์ ในโลก ฝ่ายเดียว เจ้าหนี้ ไม่เป็นทุกข์ ในโลกนี้ ผมเพิ่งมาเห็นสัจธรรม ของพระพุทธองค์ เอาคราวนี้เอง ว่าเจ้าหนี้ ก็ต้องรับทุกข์ แห่งหนี้ ที่ก่อขึ้น จากผลแห่งกรรม ที่ตัวเอง ได้ก่อขึ้น เช่นกัน และ ก็ได้รับ แสนสาหัส กว่า ลูกหนี้เสียอีก เมื่อมาเจอ ลูกหนี้ ยุค IMF ที่พูดว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เพราะเขาได้เงินจากเราไปแล้ว เจ้าหนี้เป็นฝ่ายเสียมากกว่า

ผมเลย ขอตั้งจิต อธิษฐาน ไว้ว่า นับต่อแต่ นี้ไป จะไม่ ก่อ กองเวร กองกรรม แห่งหนี้ ขึ้นอีก ไม่ ว่าจะในฐานะ ของ ลูกหนี้ หรือ เจ้าหนี้ จะต้องหาวิธีปฏิเสธ ให้ นิ่มนวล เวลาเพื่อนๆ ญาติๆ มาออกปากขอยืมเงิน
ผมวางแผนไว้แล้วว่า จะบอกว่า

เอาเงินไปซื้อหุ้นไว้ รอ รับปันผล หมดแล้ว ไม่มีเงินสดเหลือ ในธนาคารเลย
พอเงินปันผล ออก เขามายืม ผมก็จะบอกเขาไปว่า
เอาเงินปันผล ไปซื้อหุ้นรอรับปันผลเพิ่มขึ้น หมดแล้ว ไม่มีเงินสดเหลือ ในธนาคารเลย เช่นเดิม

( ปกติ ผมมี เงินสำรองใช้จ่าย ที่เก็บไว้เป็นเงินสด ในธนาคารเพียง 3 เดือน และ รายรับประจำเดือน จากค่าเช่าบ้านเล็กน้อย พอเป็นค่าใช้จ่าย รายเดือนอยู่แล้ว พอใช้จ่ายพอใช้ ครับ เพราะเป็นคน ประหยัด อดออม อยู่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ที่สงขลา ค่าครองชีพก็ต่ำ )

สรุป ว่า ไม่ให้ยืม และ ผมก็จะไม่ปฏิบัติผิด ศีล ข้อ มุสา จาวา โกหก เขา เพราะ ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ

ผมตั้งใจจะสะสมหุ้น ปันผล และ หุ้นที่มีผลประกอบการที่ดี แทนเงินฝากประจำธนาคาร จะขอเป็น คนบ้าหุ้น เหมือนที่ ดร. นิเวศน์ เขียนบทความ คนบ้าหุ้น ไว้ (ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ก็หาอ่านได้ใน SETTRADE.COM นะครับ)

สุดท้ายนี้ ผม หวังว่า ลุงขวด และ เพื่อนๆ คงจะเป็น คนบ้าหุ้น ตามความหมาย ของ ดร. นิเวศน์ เช่นเดียวกับผม เหมือนกันนะ ครับ

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45
ครรชิต เขียน:ลุงขวดครับ สำหรับหุ้นดีมีคุณค่า ในความคิด ของผม ไม่จำเป็นต้องมีสภาพ คล่องก็ได้ครับ เพราะผมจะซื้อเก็บ ไม่ได้ซี้อมาเพื่อขาย เพราะมี Value Investor อีกหลายคนที่ยังไม่แสดงตัวให้พวกเราเห็น ได้เข้ามาถือเก็บไว้ทั้งนั้นครับ ขอความกรุณา พวกน้องๆ ที่ชอบเล่นปั่นหุ้นเก็งกำไร อย่าเข้ามาปั่นให้มัน สูงเกินไปจาก มูลค่าที่แท้จริงของมันก็พอแล้ว ถ้าจะราคาราคาเพิ่ม เพราะมันมีกำไรสะสม ทรัพย์สิน พอพูนขึ้นมาก แล้วราคาค่อยๆ ขยับขึ้น ก็สมเหตสมผล

สภาพ คล่อง มี 500 หุ้น ก็สะสม 500 หุ้น ก็ได้ หุ้นพวกนี้ สะสม หลายๆ ตัว ผมก็ยังนอนหลับ สบายไม่กังวล เพราะราคา มันนอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ เป็นดักแด้สะสมพลังงาน เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว มันก็พองตัวเพิ่มขึ้นโผบินเป็นผีเสือ ไปสู่ที่ ที่ผีเสือควรจะอยู่ แล้วออกไข กลายเป็น หนอนและกลายเป็น ดักแด้ นอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ สะสมพลังงานอีก เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว วัฎจักรของชีวิต ก็ดำเนินต่อไปอีก ตามรูปแบบพิมพ์เขียวทางพันธุกรรม ของมัน

เมื่อเราเลี้ยงมันไว้จนโต ผลิ ดอก ออกลูก มาเป็นปันผล ให้ คนแก่ๆ อย่างผม อย่าง ลุงขวด ได้เก็บกิน ทุกปี

ถ้า เพื่อนๆ ไม่เชี่อ ลองไปตรวจดูประวัติ ตลอด 5 ปี ราคาของ หุ้นพวกดู

ตัวอย่าง ดู หุ้น TR ที่ผมซื้อ เก็บ ตามสภาพ ตามที่มี และ ตามที่เป็น สภาพ ของเขา ในเวลา 5 ปี ราคาเขา จาก 19.5 บาท มาเป็น 204 บาท (ต้องเรียก ว่า เขา ไม่เรียกว่า มัน เพราะ เขาเป็นลูกหุ้น ของผมแล้ว เหมือน คุณทองแดง ถ้าอยู่ข้างถนน เรียกว่า มัน แต่พอเข้าไปถวายตัวในวังแล้ว ต้องว่าเรียกว่า คุณ ใช่ไหมครับ)

ผมชอบเก็บหุ้น ลักษณะนี้ เก็บไว้ หลายตัว เช่น FE , P-FCB , WACOAL , TF ,TR ,AYUD, TWFP คิดว่า เป็นการ ปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ ไว้เก็บกิน เมื่อ เขาออก ลูกปันผล ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ไม่อยากเลี้ยงกุ้งเก็งกำไร ต้องนั่ง ถือปืน เฝ้านากุ้ง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวกุ้ง ลอยหัวตาย เป็นโรค หัวเหลืองเรืองแสง กลัวชาวบ้านจะมาขโมยกุ้ง ไปเสียกินเสีย
จดหมายจาก ธิติพล 6/12/45
ธิติพล เขียน:ประสบการณ์พี่ครรชิตเยอะจริงๆครับ ผมคิดเหมือนกับพี่เรื่องหนี้ เคยให้คนกู้นะครับ ดอกดี แต่สุดท้ายเค้าก็หนี จำนวนเงินคงเทียบกับพี่ไม่ได้ แต่จ่ายค่าเล่าเรียนครั้งนี้ไม่แพงเลย สำหรับซื้อความรอบคอบในการเงิน

เข้าเรื่องหุ้นดีกว่าครับ ผมตั้งใจอ่านหนังสือ ตีแตก เซียนหุ้นพันธุ์แท้ กับวาทะของวอร์เรน บัฟเฟต แล้วครับ มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ก็คือ ราคาของหุ้นคุณค่าจะไม่ค่อยสัมพันธ์กับ SET index. การบ้านส่ง อ.ลุงขวดของผมคือ TTL ขึ้นเอาๆ เหมือนกับ TR ของพี่ครรชิต วันนี้เขาตั้งขายTTL ที่ 50 บาทขาดตัว ทึ่งจริงๆครับ นึกไม่ถึงว่าหุ้นพวกนี้มี new high แล้วยังจะมี newer high รออยู่อีก พอจะเข้าใจแล้วครับ ว่าทำไมเจ้าของยังนอนหลับทั้งๆที่เหตุการณ์บ้านเมืองผันผวน

ขอถามเฉพาะเจาะจงหน่อยนะครับ หุ้นเกษตรฯอย่าง CHOTI ในปัจจุบัน ที่ราคาลงมามาก เพราะมีปัญหา EU และขาดทุนอยู่ ควรจะเข้าเก็บหรือเปล่าครับ

จดหมายจาก ปรัชญา 6/12/45
ปรัชญา เขียน:พี่ครรชิต ..ประสพการณ์สูง ดีครับที่นำมาถ่ายทอดให้กับผมและคนอื่นๆได้รับรู้ ได้เพิ่มประสพการณ์ที่ไม่มีโรงเรียนไหนสอนในโลก นอกจากประสพการณ์ที่ได้พบครับ

ผมเคยขายน้ำยาหล่องาช้างเทียมให้กับเพื่อนที่อยู่แม่สาย ยุคนั้นเขาหล่อที่แม่สายแล้วข้ามไปส่งฝั่งพม่า นักท่องเที่ยวไปเห็นก็ซื้อกลับมานึกว่าของจริงถูกดี แต่ไม่รู้หรอกว่าของเทียมทำเรียนแบบสวยมากนะครับ

พอด่านปิด หนี้ผมก็สูญไปด้วย ผมก็ตามไปขอทุนคืนส่วนกำไรไม่เอา เพื่อนมันบอกว่าเหลือแต่ชีวิต(มึงจะเอาอะไรกับกู)ขออภัยสำหรับภาษาพ่อขุนรามครับ จากพ่อค้าที่หล่อเขี้ยวเสือ เขี้ยวหมูป่า หล่องาช้าง หล่อเขากระทิง หล่อเขาละมั่ง หล่อหัวเสืออ้าปากแล้วเอาหนังมาคุม แล้วส่งแล้วข้ามไปขายฝั่งพม่า พอปิดด่านก็เก็บเงินไม่ได้พอด่านเปิดผมก็ดีใจคิดว่าพอจะได้เงินคืน บึ่งรถขึ้นเหนือครับไปตามหนี้ แต่ที่ไหนได้เจอแต่เมียเพื่อนเลี้ยงลูก2คน จากก่อนนี้เป็นเจ้าของโรงงาน กลายมาหมดเนื้อหมดตัวบ้านที่ดินโรงงานถูกแบ็งค์ยึดหมด แทนจะได้หนี้กลับกลายกับสงสารเขา ไอ้เพื่อนเราตายแล้วเพราะเป็นเอดส์ ด้วยความสงสารเขาเลยฟักกระเป๋าหยิบเงินให้เมียเพื่อนอีก2พันไว้เลี้ยงลูก โหสิให้ทั้งหมด หมดเวรหมดกรรมซึ่งกันและกันครับ

เรื่องหุ้นนี่เมื่อก่อนผมก็เล่นตั้งแต่ดัชนี400กว่าจนขึ้นไป1700 สมัยนั้ไม่เคยคิดเป็นนักลงทุนหรอกครับ ซื้อขายไปวันๆได้ลุ้น ตื่นเต้น สนุกดีครับ จากเดินขบวนจนซัดดำ จนปิดไฟแนน หมดมากที่สุดก็ ยุครัฐบาลเชาวลิตล่ะครับ nava ธนสยาม ตะวันออก วอลสตรีท ยุคนั้นใครๆก็ถือแต่ไฟ ไฟมันเลยไหม้มือ แทบหมดเนื้อหมดตัว หุ้นลงยังพอขายขาดทุนได้เงินคืน แต่พวกแก้ปัญหาง่ายๆปิดเลยเจ๊งค่อนประเทศละครับ ผมเสียสูญมากเลยครับหยุดเล่นหุ้นช่วงดัชนีเหลือราวๆ700จุดขาลง โมโหเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลใหม่เลย พอดัชนีมาถึง200กว่าๆราว270นี่ล่ะผมก็หลงไปซื้อหุ้น UGP ตอนประกาศจ่ายเงินปันผล5บาทแต่ราคาในกระดานอยู่ที่34.75ผมซื้อไว้ได้75500หุ้น เพราะคิดว่ามันตกต่ำเกินความเป็นจริง ปันผลสิบกว่า%ทำไมไม่มีคนสนใจรับปันผลมาปีที่1 5บาท ปีต่อมา7บาท ปีต่อมา11บาท และปีสุดท้าย14บาท จนถูกทีไอจีซื้อไป

ส่วนหนึ่งที่ผมเปลี่ยนมาเล่นหุ้นถือยาวเพราะอ่านหนังสือตีแตกของท่านดร.นิเวศน์ด้วยครับ เลยกล้าถือ เคล็ดลับเท่าที่จับได้จากหนังสือ ท่านว่าผลประกอบการ บริษัทเล็กๆ ผู้บริหารมีจรรยาบรรณ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ว่าเอาหุ้นมาเล่นรอบในตลาดเหลือเปล่า
วันนี้คุยยาว ขอบคุณที่ให้เกียรติได้เป็นน้องนะครับผมอยู่ขอนแก่น พี่อยู่สงขลา อีสานกับใต้เลย หากโอกาสหน้ามีจะมาเล่าอะไรต่อมิอะไรแลกเปลี่นกันนะครับ
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45
ครรชิต เขียน:น้องธิติพล ยินดีที่ได้รู้ จักชาว ปราสาทแดง รุ่นน้อง ผมเกิดก่อน หลายปี แผลเป็นก็ย่อมมีมากกว่าเป็นธรรมดา

โดยส่วนตัวผม หลังจากผมได้อ่านหนังสือของ ปรมาจารย์ Value Investor แล้ว ผมซื้อหุ้น โดยดูแต่ว่า ราคาหุ้น ที่ Mr. Market มาบอกขาย นั้น ว่ามีค่า ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ของหุ้นตัวนั้นหรือไม่ ผมจะไม่สนใจ SET index เลย ถ้าผมพิจารณา ว่ามันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และให้ปันผลเป็นที่พอใจของผมหรือไม่ ในขณะที่ผมมีเงินออมเหลืออยู่ในธนาคาร ได้ ดอกเบี้ย 2% หักภาษีเงินฝาก 15% ของดอกเบี้ย หักด้วยอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปีนี้เท่าไรก็ไม่รู้ ผมว่า รายได้จากดอกเบี้ยของเราคงติดลบแล้วนะ นั้นหมายความ ว่า เราจนลงทุกวันที่เราฝากเงินไว้ในธนาคาร เพราะฉะนั้นผม จะรับซื้อ หุ้นที่ Mr. Market มาเสนอขายให้นั้น เก็บไว้กินปันผล แล้วผมก็ เข้านอนในตอนค่ำ โดย ไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

เพราะผมคิดว่า เมื่อ ผม เอา Hydrometer (เครื่องวัดความถ่วงจำเพาะ) ไปใส่ในของเหลวชนิดใด ก็แล้วแต่ ถ้าเรากดมันลงไปต่ำกว่า ค่าความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน แล้วปล่อย ในที่สุดมันก็จะลอยกลับ ขึ้นมาอยู่ที่ค่าความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน ในทางตรงกันข้าม เมื่อเรายกมันขึ้นไปสูงกว่า ความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน แล้วปล่อย มันก็จะตกกลับลงไปอยู่ที่ค่าความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน ทุกสิ่งเป็นไปตาม กฎแห่งความถ่วงจำเพาะ นี้ทั้งสิ้น

สำหรับ CHOTI นั้น ดร. นิเวศน์ ได้ยก งบดุล ขึ้นมาเป็นกรณี ศึกษา ใน หนังสือ ตีแตก
น้อง ธิติพล ก็ลอง กลับไปดู งบดุล ปัจจุบัน ของเขาดู ว่า น้อง จะให้ มูลค่าที่แท้จริง ของมันเท่าใด ดูตามวิธี ที่ ดร. นิเวศน์ สอน ดูแล้วก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง ด้วยความมั่นใจ จะถูกหรือผิด ก็ต้องยอมรับ ในการตัดสินใจนั้น

สำหรับพี่ อย่างที่บอก ไม่อยากเลี้ยงกุ้งเก็งกำไร ต้องนั่ง ถือปืน เฝ้านากุ้ง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวกุ้ง ลอยหัวตาย เป็นโรค หัวเหลืองเรืองแสง กลัวชาวบ้านจะมาขโมยกุ้ง ไปกินเสีย เลยไม่มีความรู้เรื่องกุ้ง แต่ถ้าไม่มีปัญหา เรื่องโรคกุ้งและสารตกค้าง แล้ว กุ้งก็กินอร่อยดีผมก็ชอบกิน
จดหมายของ ลุงขวด 6/12/45
ลุงขวด เขียน:อ่านประสบการณ์แต่ละคน ก็โดน พิษ เศรษฐกิจ กันทั้งนั้น.......โชคดีผมเอาแต่เงินออมมาเล่น(เคยทดลองเล่นmargin เพราะความรู้ซึ่งจะเล่าตอนท้าย)......ติดสูงก็ไม่เป็นไร.......ตั้งแต่เล่นมา ก็ แบบที่ ดร.นิเวศน์ว่า แหละครับ หาเงินมาก็มาลงกับหุ้น สนุกกับมัน ปีแรก เสีย ครับ ต่อมา อีก 3 ปี ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นอีก 5 ปี เป็นปีแห่งฟองสบู่แตกเศรษฐกิจขาลง หุ้นก็ลงตลอดขาดทุนทั้ง 5 ปีเลย และ ขาดทุนมาก ๆ เสียด้วย........หลังจากนั้น ก็ เป็น สี่ปีย้อนหลังจากปัจจุบัน ได้ตลอดเลยที่เสียไปหลายๆ นั้น ก็เอาคืนหมดแถมได้กำไรแบบไม่คาดคิดเสียด้วยซิ.............นี่ได้กำไร 4 ปีหลัง นี้ ก็เล่น แบบเลือกหุ้นพื้นฐานและถือยาว แบบเดียวกับ ดร นิเวศน์เขียนแหละครับ...........ผมซื้อ wacoal แถว 76 บาท ซื้อ ไทยรุ่งตอนนั้นไม่มีคนเล่น จำได้ว่า แถว 30 บาท หรือไงไม่ทราบ..........ตอนนั้นเล่นห้องสนทนา พันทิพย์......ยังเชียร์ให้เพื่อน ๆ ดูกัน......คุณกล่องดำ(คนนี้มือหนึ่งระดับ ปรมาจารย์) เรียกหุ้น wacoal ว่า สำรวจตลาด......คือไปสำรวจว่า สตรีใช้ ยี่ห้อ วาโก้ กันมากไหม.......ผมเรียก ไทยรุ่ง ว่า ไทยรุ่งเรืองตลอดกาล.....และอีกตัว ที่ ผมเก็บถือจนปัจจุบันนี้ ก็หุ้น นำโชคหรือแสวงหาโชค lucky textile....ตอนนี้ถือไทยรุ่งกับ ltx ตัวแรกปล่อยไปแล้ว

ตอนปีแรก ๆ อยากศึกษาว่า margin เขาเล่นกันอย่างไร........ทั้ง ๆ ที่ มีเงินออม......ก็เปิดบัญชี margin ทดลองดู เพราะ มีคนบอกว่า หุ้นขาขึ้นต้องทุ่ม ถึงแม้ เล่น แบบ margin นี่ก็ยังได้กำไร........อย่าไปเล่น เลยนะครับ มันอันตรายมาก เพราะต้องเล่นเร็วมาก มันคล้าย ๆ กับเล่น การพนันไปเสียแล้ว มาร์เก็ตติ้งก็เชียรให้ซื้อให้ขายตลาด ถ้าติดไม่ ยอมขาย ก็จะโดนดอกเบี้ยไปทบแถมให้ด้วย คือ margin เป็น การกู้เงินเขามาเล่น โดยเขาให้เงินอีกเท่าตัว.......บอกมือใหม่ ๆ ได้เลยว่า อย่าไปยุ่งเกี่ยวดีกว่า......เขาสำหรับมืออาชีพเท่านั้น และต้องระดับ ปรมาจารย์ด้วย ผมยังไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย.......ไม่ใช่ แบบที่ผมชอบ

เรื่องเพื่อนไม่ยอมจ่าย ก็โดนกันทุกคนแหละครับ บางคนก็ไม่ยอมจ่ายเพราะไม่สามารถหามาคืนได้ บางคนไม่ยอมจ่ายเพราะตั้งใจก็มี......ถ้าโดนแล้ว ก็ อโหสิ ให้กันไป......ทำตัวให้สบาย รักษาศีล 5 เท่าที่จะทำได้ เดินสายกลาง ผมก็ว่า ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วครับ
จดหมายจาก ปีเตอร์ ชาง 6/12/45
ปีเตอร์ ชาง เขียน:ผมหาตัวเจอแล้ว คนที่ซื้อ TR ตอน 19 บาท หุหุ ตอนนั้น ผมยังทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่นอกตลาดเลยครับ ไม่ได้สนใจ ผมยังนึกเลยว่า จะมีใครซื้อแล้วถือยาวขนาดนั้นไหมเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่ามีครับ

ที่จริงแล้ว เรื่องเงินเรื่องทองนั้น ผมเคยได้ยินลุงคนนึงพูดไว้ ฟังแล้วสบายใจดี เขาบอกว่า "เงินถ้ามันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็เป็นของเรา ถ้ามันไม่ใช่ของเรา ยังไงมันก็ไม่ใช่ของเรา"

ผมเองเชื่อเรื่องหนี้กรรมนะครับ บางทีการที่คุณๆเสียเงินให้คนอื่นนั้น ก็อาจจะเป็นเรื่องดี เพราะชาติก่อนเราไปติดหนี้เขาไว้ ชาตินี้เขามาเอาคืนไป ใช้หนี้เสร็จแล้ว เราก็ตัวเบา สบายๆแล้ว

จดหมายจาก fat boy 6/12/45
fat boy เขียน:ผมเป็นนักเก็งกำไรใหม่ๆ ในขอนแก่น แค่เล่นไม่ถึง 2 ปี ก็เลือดสาดจนเกินแก้ แปลกใจจริงที่ตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับหุ้นลักษณะนี้ทุกอย่าง หุ้นดี P/E ตำ P/BV ตำ แต่ตัวเองไม่เคยทำได้เก็งกำไรไปวันๆ ครั้งนึงผมเคยบังเอิญ เห็นหุ้นที่คุณ ปรัชญาถือใน PORT ผมรู้สึกดีมาก ที่ได้เห็นคนที่ถือหุ้นในลักษณะดีเยอะๆ มากกว่าหุ้นที่เคลื่อนไหวดี สภาพคล่องสูงพร้อมทั้ง พีอี สูง หวังว่าจะได้มีโอกาสได้รู้จักตัวจริงพี่ๆบ้างนะครับ และอยากกลับตังเป็น VALUE INVESTOR ได้จัง

จดหมายจาก ศิรชน 6/12/45
ศิรชน เขียน:ดีจริงครับที่มาเล่าประสพการณ์ ผมชอบอ่าน อ่านแล้วก็มีกำลังใจว่า มีคนที่เคยผ่านเหตุการณ์มาคล้าย ๆ กันและต่อสู้ไม่ท้อแท้ครับ ไม่คิดจองเวร

จดหมายจาก อ-ริน 6/12/45
อ-ริน เขียน:มาอ่านประสบการณ์ เก็บไว้เป็นต้นทุนค่ะ

ไม่ทราบว่าพี่ๆสนใจหุ้นนิ่ง(เกือบสนิท)โรงพยาบาลบ้างหรือเปล่าคะ
ได้เก็บไว้ตัวหนึ่งคือรพ.กรุงธน เนื่องจากนโยบายปันผล70 เปอร์เซ็นต์
กำไรต่อหุ้นสามไตรมาสเท่ากับ 2.60 บาทค่ะ
ได้จากการเปิดลองสเตย์ให้คนแก่ต่างชาติพักซะเยอะ ส่วนรพ.ไม่ดังนัก

ตอนแรกไม่รู้จักเลย แต่เห็นผู้อาวุโสที่ห้องค้าท่านเก็บจัง
ก็เลยไปไต่ถาม ได้ความอย่างที่ว่านี่แหละค่ะ
ถ้ามีใครรู้จักตัวนี้ก็อยากให้ช่วยวิจารณ์....ขอบคุณค่ะ

จดหมายจาก ปรัชญา 6/12/45
ปรัชญา เขียน:ถ้าคุณtat boy อยากรู้จัก
ถามคุณรัศมีที่เคเคได้(รองผู้อำนวยการ)
ขอบคุณที่ให้เกียรติชม
ตอนนี้ผมถือไว้แค่4บริษัท
ลงทุนอันดับ1 FE AHC M-CHAI FANCY
ไม่ได้ขายถือรอปันผล ส่วนที่เล่นประจำก็ CSC VNG SVOA KGI ตามข่าวไม่ค่อยได้ถือข้ามวัน
บางวันก็เสียบางวันก็พอได้ บางวันไม่ได้เทรดเลยครับ

ที่ชอบหุ้นโรงพยาบาล เพราะเราเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนไม่เคยเห็นใครต่อรองราคา หมอคิดเท่าไหร่ก็จ่ายกันเท่านั้นจริงไหมครับคุณLOSO

อีกอย่างพอคนเราอายุ40ขึ้น โรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มมาเยี่ยมเยียน ไม่อยากเป็นก็ยังยัดเยียดจนเป็นนะครับ
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมไปโรงพยาบาลหูตาคอจมูกที่แถวปิ่นเกล้า เพราะมีเสียดังในหัวทั้งวันทั้งคืน คนไข้งี้แน่นเอียดเลย คุณหมอก็สั่งเช็คการรับฟังด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ พูดตามคูณหมอบอกโดยให้ฟังซาเบาร์
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงค่าตรวจ350บาท เราอยู่ไกลจากกรุงเทพเรามันเด็กภูธร ขอยามากิน1เดือน
รู้สึกว่ามียาแก้ภูมิแพ้ยารักษาปลายประสาทหู ยากันบ้านหมุน ยากล่อมประสาท รวมเข้าไปเฉียดพัน ไม่ได้ต่อเลยซักบาท จ่ายบัตรเครดิตคิดราคาเต็ม จ่ายเงินสดลด3%เดือนหน้าก็คงต้องเอาเงินไปให้เขาอีก

ญาติที่บ้านขอนแก่นป่วยเข้าโรงพยาบาลขอนแก่นรามค่าห้องวันละ1200บาท มันโหดกว่าโรงเเรมอีก ปรึกษาแพทย์ครั้งละ2-3ร้อย กว่าจะวินิจฉัยโรคอีกจ่ายอย่างต่ำก็2-3หมื่นแค่นอน4-5วัน รับเละครับโรงพยาบาล

อีกอย่างประกันก็เข้าโรงพยาบาล อุบัติเหตุเมื่อก่อนชนแล้วทิ้ง พาส่งโรงพยาบาลเอกชนก็ไม่รับสมัยก่อน เดี๋ยวตั้งแต่มีประกันบุคคลที่3รับทันทีเพราะเบิกได้

นักวิเคราะห์ว่าโรงพยาบาลไม่ดีหุ้นกลุ่มนี้ แต่ผมมองกับกันว่าดี เพราะ30บาทพอไปก็ให้ยาแก้ปวดแล้วไล่กลับ ชนชั้นระดับกลางที่มีประกันสุขภาพ ประกันสังคม
อย่างท่านที่เบื่อการเข้าคิวรับรองมาเอกชนรวมถึงผมด้วยและหลายๆคนก็เป็นเช่นนั้น

อย่างนายแพทย์รุ่งธรรม ลัดพลี แพทย์ประจำพระองค์ท่านที่ขับรถชนท้ายรถเหล็กตายที่เพชรบุรีก็ถือหุ้นโรงพยาบาลเอกชน ชลบุรีAHC 6หมื่นกว่าหุ้นถ้าจำไม่ผิดผมถึงซื้อหุ้นโรงพยาบาลไว้ลง
ทุน

องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถือหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพฯเลยครับ ลองไปค้นรายนามผู้ถือหุ้นย้อนหลังดูได้ หากล่วงเกินเบื้องสูงก็ขออภัยโทษที่กล่าวพาดพิงแต่นี่คือความจริงครับ

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2003 10:27 pm
โดย CK
ขออนุญาตนำ จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ ให้มาอยู่ติดๆกัน EPISODE 4

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ครรชิต เขียน:ลุงขวด และ เพื่อนๆ ที่ แวะมาร่วมวง สนทนาด้วยทุกคน ครับ

หลังจากผม ได้อ่านหนังสือ เศรษฐีตัวจริง โดย ดร. โทมัส เจ สแตนลีย์ แปลโดย คุณ ศิระ โอภาสพงษ์ จบ แล้วตามด้วย วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ โดย คุณ เจเน็ต โลว์ แปลโดย ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วก็ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน ตบท้ายด้วย เซียนหุ้นพันธุ์แท้ ของ ดร. นิเวศน์ จบ ทั้ง 4 เล่ม แล้ว
เมื่อมีเวลาว่างๆ ผมมานั่งคิด พิจารณาตัวเองดู ว่าตัวผมเอง มีคุณสมบัติ มีสายเลือดทางพันธุกรรม ที่เป็น Value Investor ตามความหมาย ของ ดร. นิเวศน์ หรือเปล่า ก็เลยจะขออนุญาต เล่าให้ เพื่อนๆ ฟังเรื่องของตัวผมเอง ที่ผมคิดว่า ตัวผมเอง ก็มีสายเลือดทางพันธุกรรม เป็น Value Investor เช่นกัน
เรื่อง ที่ 1 ที่ผมลองพิจารณา ดู เรื่องเงินฝากประจำในธนาคาร เรื่องการ อด ออม ผมก็เชื่อว่า ผมเป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร เหมือนกัน ตั้งแต่ผมเด็กๆ ในวันที่พ่อพาไป ฝากเงิน ที่ ธนาคารออมสิน ถือกระปุกออมสินไปให้พนังงานทุบกระปุเอาเหรียญออกมานับ แล้วพ่อก็บอก ผมว่า ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า นับจากวันนั้น จากวันที่เป็นเด็กเดินเตาะแตะ จนเรียนจบ มีงานทำ ผมก็ อด ออม แบ่งเงินเดือน สะสมตลอดมา ทำงานรับเหมา ได้กำไรมาเท่าไร ก็เก็บเข้าฝากประจำ ได้ค่าออกแบบมาเท่าไร ก็ฝากประจำ ผม กินน้อย ใช้น้อย ค่อยบรรจง จนค่อนข้างไปทางขี้เหนียว ผมไม่เคยพาลูกผมเข้าไปกินห้องอาหาร แพงๆ ผมบอกลูกว่า อย่าเข้าไปนั่งชูคอ ให้เขา ขูด เอากำไรมากๆเลย กินอาหารธรรมดา ตามประสาชาวบ้านก็พอแล้ว คุณค่าทางอาหารก็เหมือนกัน บอกลูกว่า เสื้อผ้า ยี่ห้อ แผงๆ อย่าไปใส่มันนะลูก เสื้อผ้าธรรมดาราคาชาวบ้านๆ ก็พอแล้ว คุณค่าที่แท้จริง ในฐานะ ปัจจัย 4 แค่ปกปิดร่างกาย ก็เท่ากัน เพื่อสอนให้ลูก อด ออม ประหยัดตั้งเล็กๆ จนบัดนี้ เวลาพาลูกสาวไปเดินซื้อของ พอผมหยิบสินค้า ตัวไหนขึ้นมาดู ถ้าลูกสาวของผม เขาเห็นป้ายราคาก่อนผม เขาจะบอกผมว่า มันแพงนะพ่อ ! อ้า แสดงว่า สายเลือดทางพันธุกรรม พันธุ์ ขี้เหนียว ได้รับการถ่ายทอด ไปอีก 1 ชั้นอายุ แล้ว ผมฝากเงินประจำกับธนาคาร ไว้หลายบัญชี จาก ตั้งแต่ดอกเบี้ย 12% - 13% บ้างบัญชี มันเพิ่มจาก เงินต้น 600,000 บาท ดอกทบต้นขึ้นมาเป็น ล้านสี่ ล้านห้า ข้อนี้ ก็น่าจะเป็นคุณสมบัติของ Value Investor Chairsholder ได้ ผมคิดว่าตัวผมเป็น คนอื่นจะว่าเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพื่อนๆ ครับ แต่มาเดี๋ยว ดอกเบี้ยมันค่อยๆ ต่ำลงๆ จนเดี๋ยวนี้ 2% มันช่างสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ ให้กับคนที่ ถูกสอนมาให้อดออม และเชื่อมั่น กับระบบการออมเงิน ฝากประจำกับธนาคาร หัวอก คนออม เหมือน ถูกทรยศ จากระบบธนาคาร หัวอก ผู้อดออม ที่ซื่อสัตย์ ต่อระบบธนาคาร เหมือนน้ำท่วมปาก ไม่มีปากไม่มีเสียง เขาจะให้เท่าไรก็ต้องเอา ไม่เคยคิดที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง ดอกเบี้ยขึ้นกันเลย ไม่เหมือนสหภาพแรงงาน ที่เรียกร้องแต่จะขึ้นค่าแรงลูกเดียว ไม่เห็นจะลดค่าแรงบ้าง คนมีเงินออมน่าจะมีการรวมตัว เป็นสหภาพคนอดออมบ้าง นะ จะได้รวมกันเรียกร้อง ดอกเบี้ยขึ้น เพราะเราคนแก่ ออมเงินไว้กินยามแก่ มันไม่พอกินแล้ว เราอุตสาห์ เอาเงินของเราไปฝาก ให้ ธนาคารบริหาร เพื่อมีส่วนเหลือ มาจ่ายเป็นดอกเบี้ย ให้เราพอกินยามแก่ แต่เขากลับไปทำให้เกิดหนี้เสีย เลยผลกรรมก็ตก มาอยู่ที่ ผู้มีเงินออม ที่ อด ออม ตลอดมาจนอายุใกล้จะ 50
ดอกเบี้ย 2% แถมหักภาษี ดอกเบี้ยอีก 15% ของดอกเบี้ยรับ เหลือ ดอกเบี้ยรับจริงๆ 2 * .85 = 1.7% ปีนี้ ถ้าอัตราเงินเฟ้อ 3% นำอัตราเงินเฟ้อ ไปลบออกจาก ดอกเบี้ยรับ เหลือดอกเบี้ยรับ จริงๆ 1.7 3 = -1.3% ตายละหว่า นี้เราจนลงนะนี้

พูดให้ฟังง่ายขึ้น ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ถ้า นำไป เทียบกับ ลด (ผมสะกด ว่า ล โอะ ด) ป้ายแดง โคโต๋เต๋ รุ่น สำรี 1 คัน ในวันนี้ สมมุตว่า มันอยู่ที่ 1 ล้านเช่นกัน แต่เราไม่ซื้อ เพราะเราเป็นคน อด ออม เรานำไปฝากประจำกินดอกเบี้ย 2% รับจริง 1.7% พอสิ้นปี เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรับ รวมกัน เป็น 1,017,000 บาท แต่ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี ที่เราเคยไปดูราคาไว้ มันไปที่ 1,030,000 บาทเสียแล้ว นี้เรายิ่งจนลงทุกวันใช่ไหมนี้ แล้วถ้าเป็นเวลา 5ปี ผมคำนวณ ในลักษณะ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก คงที่ 2%รับจริงหลังหักภาษี 1.7% และ อัตราเงินเฟ้อ คงที่ 3%
เงินฝากใน บ.ช.ฝากประจำของผมจะกลายเป็น 1,087,939.50 บาท ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี มันไปอยู่ที่ 1,159,274.00 บาท

ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี นี้มันแปลก ตราบใดที่มัน อยู่ในบริษัท ราคามันขยับขึ้น ไปเรื่อย ตามอัตราเงินเฟ้อ แต่พอเราไปถอย มันออกมาขับ ราคามันกลับ ลด ลง ลด ลง สมชื่อ ที่ผมตั้งให้มันเลย แถมค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ที่ยิ่งใช้มันก็ยิ่งเสื่อมลงไปทุกวัน ยิ่งถ้าซื้อ เจ้า ลด ราคาแพงๆ มาขับโชว์ เฉยๆ แค่เพียงจะให้คนอื่นเห็นว่า ฉันก็มีขับนะ มันก็ยิ่งไม่น่าทำเลย ในทางกลับกัน ถ้า เราสามารถใช้มันเป็นเครื่องจักร ในการ ทำ มาหากิน มันก็คุ้มนะ เพื่อนๆ ภรรยาผมเขา ถอย ฮอนด้า ซิวิค ออกมา ตอนนั้นรู้สึก จะ ห้าแสนกว่าๆ มาใช้ ในการวิ่งขายประกันชีวิต รายได้ จากการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตของเมียผม ทั้งที่เขาขายเองและค่าบริหารตัวแทนของเขา รวมกัน ผมดูจากใบหักภาษี ณ ที่จ่าย ปี 2544 ที่ บริษัทออกให้ ที่เขานำมาให้ผม เพื่อนำมารวมกับรายได้ของผม คิดภาษีรวมกัน เพื่อเสียภาษีปลายปี เขามีรายรับ จากค่าคอมมิชชั่น รวมทั้งสิ้น 1,402,216.26 บาท ภาษี หัก ณ ที่จ่าย 228,515 บาท มันมากกว่า ค่าเช่าบ้าน บวก ค่าออกแบบระบบฟ้าไฟ ที่ วิศวกร แก่ๆ อย่างผมนั่งทำงานเล่นๆ เป็นงานอดิเรก อยู่ที่บ้าน ถึงเกือบ 3 เท่าตัว นั้นหมายความว่า ใน 5 ปี ที่เขา ถอย ฮอนด้า ซิวิค ออกมาใช้เป็นเครื่องจักร ช่วยในการปั๊มเงิน มันก็ให้กลับมาเกินคุ้มแล้ว

กลับมาเรื่องดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยมัน อยู่ ระดับ 2% หรือ ถูกกดต่ำลง เหลือใกล้ 0% ยาวนาน เป็นเวลา 10 ปี เหมือนในญี่ปุ่นเป็นอยู่ จะเป็นอย่างไร สำหรับ คนที่ถูกสอนมาตั้งแต่ เด็ก ๆ ว่า ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า อย่าง ผม และ เพื่อนๆ ทุกท่าน
จาก วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ที่ผมชอบที่สุด

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

บัดนี้ ธุรกิจเงินฝากประจำ ของผม ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ดีเสียแล้ว

ผมเลยตัดสินใจ มาลงทุน เป็น Chairsholder ( ผมขออนุญาต ใช้คำนี้แทน ผู้ถือหุ้นที่ ซื้อหุ้นเก็บไว้รับปันผล แล้วถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี นั่งแล้วไม่ยอมลุก ตลอดไปนะครับ) ผมเริ่มต้นใหม่ เมื่อ ก.พ. 45 ปีนี้ ผมได้ถอนเงินปิดบัญชีเงินฝากประจำ ทั้งหมดของผม แล้วนำเงิน มาสร้างพอร์ตลงทุน ตามแนวทางที่ ปรมาจารย์ Value Investor วอร์เรน บัฟเฟทท์ สอนไว้

ผมลงทุน 3,000,000 บาท กระจายการลงทุน ในหุ้น ที่มีประวัติดี ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา มีผลประกอบการ เสมอต้นเสมอปลาย จำนวน 20 ตัว เพื่อความ เสถียรภาพ ของ พอร์ต โดยทำประกันภัยไว้กับ ประกันภัยศรีอยุธยา AYUD ซึ่งผมแต่งตั้งให้เป็น กัปตันพอร์ต ราคาหุ้นในพอร์ตลงทุนของผมตอนนี้ มัน กลายมาเป็น 3,735,325.00 ในวันนี้ วันที่ 6 ธันวาคม 2545 และ ผมจะได้รับเงินปันผล ในปีหน้า ประมาณ 10% คือ 373,532 บาท ผมก็จะนำเงินปันผลนั้นมา

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

ถึงมันจะดูไม่มากสำหรับ นักเก็งกำไร ที่ประสบความสำเร็จ จริงๆ บ้างคนทำได้ แต่ผมไม่เคย ต้องขายหุ้นทิ้ง เพราะต้อง ทำใจ ตัดขาดทุน เลย
มีอยู่บ้าง บางตัวที่ผมขาย ออกไป ทั้งๆที่อยากเก็บไว้ แต่ผมไปเห็น อีกตัว ที่ผมชอบกว่า ผมไม่บอกว่าดีกว่า แต่ ผมชอบกว่า เช่น ผม ซื้อ BAT-3K ไว้ที่ 24 บาท และ ซื้อ METCO ที่ 87.5 บาท เมื่อ 11 ก.พ. 45 แต่พอผม ไปเปิด งบดุล ของ FE ดูงบดล ดูปันผล ดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สวยมาก ผมเลยชอบ อยาก เป็น Chairsholder แต่ เงินสด ออมในธนาคาร ของผม เปลี่ยนมาอยู่ในหุ้นพื้นฐานดี หมดแล้ว ผมจึงต้อง ตัดใจ ขาย BAT-3K ราคา 29 บาท และ METCO ราคา 94 บาท เมื่อ 1 เม.ย. 45 ทั้งๆที่ไม่อยากขาย ยังเสียดายอยู่จนบัดนี้ (ถ้าผมถืออยู่จนถึง 6 ธ.ค. 45 BAT-3K ราคา 39.25 เพิ่ม 59.55% จากราคาชื้อ 24 ,METCO ราคา 143 เพิ่ม 63.42% จากราคาซื้อ 87.5)

เพื่อ เอาเงินไป ซื้อ FE ที่ราคา 150 บาท ก่อนประกาศปันผล เมื่อ FE ขึ้น XD 15 บาทต่อหุ้น ราคาที่ Mr. MARKET เสนอขาย หลังวัน XD อยู่ที่ 130 บาท ผมก็เลยซื้อเพิ่ม เมื่อ 6 เม.ย. 45 ทำให้ ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 146 บาท มาถึง 6 ธ.ค. 45 ราคาอยู่ที่ 169 บาท เพิ่ม 15.04% ในกรณีนี้ผมคิดว่า ผมสอบผ่าน แต่เกรด ต่ำไปนิดหนึ่ง เพราะถ้าช่วงที่ผมอยากได้ FE เป็นจังหวะที่ผมมี เงิน ออมเหลืออีก ผมก็คง ยังมี BAT-3K และ METCO อยู่ใน พอร์ต

ผมได้เห็น พลัง อมตะวาจา ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ แล้ว ที่ว่า
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
หุ้นทุกตัวที่ผม เป็น Chairsholder อยู่ เมื่อ ประกาศ XD แล้ว ราคาลงไปนอนพักผ่อน อยู่นิ่งๆ ข้างล่างแล้ว ประกอบกับ ถ้าผมมีเงินสดเหลือ อยู่ในธนาคาร ผมก็จะ ซื้อเพิ่มทันที โดยไม่เคยสนใจ SET index ผมสนใจแต่ มูลค่าของสินทรัพย์ ของบริษัท ที่ผมจะ ซื้อเพื่อ เป็น Chairsholder เท่านั้นว่า ต่ำกว่า มูลค่าที่แท้จริงหรือไม่ (เพราะผมเชื่อโดยสนิทใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง จะต้องไปสู่ค่าที่แท้จริงของมัน เหมือน HYDROMETER ที่ลอยอยู่ในของเหลวแต่ละชนิด) เพื่อให้พอร์ต ของผมโตขึ้นเรื่อยๆ
ลุงขวด และ เพื่อนๆ ผมได้เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ผมเคยผิด ผมเคยโง่ ผมเคยไม่มีความรู้ จึงเข้าไปเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก วิธีศึกษา พื้นฐาน ฐานะการเงิน ของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าจะหาข้อมูลเหล่านั้น ได้ จากที่ไหน แถมผม ยังโชคดี มี ดร. นิเวศน์ เป็นเพื่อนรวมรุ่น ที่ประสบความสำเร็จ ใน ฐานะ Value Investor มาแล้ว โดยบริหาร พอร์ตลงทุน ส่วนตัว ที่มีมูลค่า เป็นตัวเลข 9 หลัก ซึ่งผมสามารถขอคำปรึกษาได้ ตลอดเวลา
ผมจึงกล้า ที่จะเดินตามแนวทางของ ดร. นิเวศน์ เพื่อนผู้รู้ของผม
และ จะ ดำเนินการลงทุน ในแนว ทาง Value Investor ตลอดไป เวลาคงเป็นตัวพิสูจน์ ว่า ผิด หรือ ถูก

เขียนถึง ตอนนี้ ก็ให้ นึกถึง บทเพลง ของ หนุ่ม เสือ ธนพล ศิลปิน GRAMMY ที่แต่งไว้ใน ภาพยนตร์ เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 ที่เขียนไว้ตอนหนึ่ง ว่า

อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว ผู้แน่แน่ว คือ.. ผู้ชนะ

แถมท้ายอีกนิด สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่มีความรู้ เรื่องสิทธิพิเศษ ทางภาษี สำหรับ บุคคลธรรมดา ที่ได้รับเงินปันผล จาก บริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราสามารถ นำมาขอ เครดิตภาษี คืน จาก รัฐบาล ได้อีก

มันเป็นอย่างนี้ ครับ จะเล่าให้ฟัง เมื่อ บริษัท มี กำไร จากการทำการค้า ก็จะถูกหักภาษีนิติบุคคล 30% ฉะนั้น เหลือ กำไรหลังหักภาษี 70% ที่บริษัท จะนำมาจ่ายเป็นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้น เครดิตภาษีที่รัฐจะคืนให้ คือ 3/7 ของเงินปันผลที่เราได้รับ (หรือประมาณ 42.9%) และภาษี ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% (รวมเป็น 52.9% ของเงินปันผล) นำมารวมเป็นรายได้ของบุคคลธรรมดา จากนั้นจึงคิดคำนวณภาษีรายได้บุคคลธรรมดา จากยอดเงินปันผล รวมกับ เครดิตภาษีที่ได้รับคืนมา

ดังนั้นนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่เสียภาษีบุคคลธรรมดา ด้วยอัตราสูงสุดในระดับ 10% หรือ 20% ก็จะได้ประโยชน์มากในกรณีนี้ ผมคิดว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ คงจะได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีคืน ในกรณี รับปันผล นี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่แท้จริง ที่เราได้รับนั้น สูงไปกว่า ที่บริษัท ประกาศจ่ายปันผลจริง

( ขอขอบคุณ คุณ เฟยหง ที่เขียนอธิบาย ให้ความรู้แก่ ผม ไว้ใน หนังสือ ลงทุนใน หุ้นเงา ถ้าเป็นไปได้ ถ้าคุณ เฟยหง ได้ผ่านเข้ามาเห็นข้อเขียนนี้ ผมอยากทราบ ชื่อ และ นามสกุล จริงๆ ของคุณ เฟยหง เพื่อผม จะได้ คบเป็น เพื่อนด้วยความจริงใจ อีกคน และลุงขวด ด้วยนะครับ ยังไม่ได้บอกผมเลย )

ก็เลยอยากเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะมีประโยชน์ ต่อเพื่อนๆ คนใดคนหนึ่งบ้าง นะครับ

รัก เพื่อนๆ ทุกคน

จดหมายจาก ลุงขวด 8/12/45
ลุงขวด เขียน:บังเอิญ เปิดเจอกระทู้ ภาค 4 เสนอข้อเขียนอันมีประโยชน์มาก.....หนังสือทั้ง 4 เล่ม ผมมีไว้ 3 เล่ม ขาด เศรษฐีตัวจริง ยังไม่มีครับ......ส่วน วาทะของ Warren Buffett ยังอ่านไม่จบ เลือกอ่านบางตอนไปบ้างแล้ว.........ผมเข้าใจเลือกหุ้นก็ จาก ตีแตกของ ดร นิเวศน์เหมือนกัน......และเคยฟัง ท่านพูดหลายงาน ตรงใจกับผมมาก ที่ไม่ถูกใจก็คือ.....ซื้อไว้แล้วไม่ยอมขาย รอและยินดีกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ทุกปี.......ระดับเลขลงทุน 9 หลัก และ บอกว่า จะทำให้ถึง 10 หลัก เอาพันล้านให้ได้.......ผมว่า ท่านคง ทำได้ ระดับ ได้เรียน ดร. ปริญญาเอกเมืองนอก แสดงว่า มีฐานะดี เป็นฐานอยู่แล้ว

คุณ ครรชิต กับผม คง คล้าย ๆ กัน ดิ้นรน ด้วยตัวเอง....ผมเลือกเรียนพาณิชย์เพราะต้องการรีบทำงานหาเงิน....จึงรู้คุณค่าของเงิน ว่า เป็นสิ่งสำคัญ....

ผมก็ใช้ชีวิตแบบ คุณ นั่นแหละ ค่อนข้างตระหนี่ ไม่มีเครื่องประดับสวย ๆ แพง ที่แพงสุดในตัว ก็ นาฬิกา rolex แบบสายเงินและทองตรงกลาง ที่ส่วนใหญ่เขาใช้กัน ราคาซื้อมา แปดหมื่นบาทเองครับ รถก็ซื้อแบบช่วยญาติซื้อ เพราะเขามี showroom ขายรถอยู่.....ไม่ใช่รถ benz นะครับ.......รถคันก่อน ใช้ 14 ปีได้ เป็น เปอร์โย 505 ที่ซื้อรถตัวถังใหญ่หน่อย เพราะ ต้องรับรองฝรั่งที่มาติดต่อเรา......แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ค่อยได้ใช้รถเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนนี้ เพราะชอบนั่งรถไฟฟ้า bts มากที่สุด.........คนบ้าหุ้น ไม่ค่อยมีเงินสดเหลือ และ มักตระหนี่ แบบ เขาพูดและเขียนกันจริง ๆ

คุณครรชิต เริ่มต้นแบบ นักลงทุนจริง ๆ นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าใคร เรียนรู้และเก่งในทางเทคนิค ผมว่า ก็น่าจะเล่นลงทุนสัก 70% และ อีก 30% ก็เล่นเก็งกำไร เพื่อความสนุก ก็น่าจะมีเหตุผลดีนะครับ.......ตอนนี้หุ้นลงทุนบางตัวของผมมีสภาพคล่องดีขึ้น เราก็เอามาขายตอนเขาลากขึ้นมา และ ถ้าลงก็ซื้อกลับ.......อย่างเช่นตอนนี้ ผม มี มาบุญครอง 128000 หุ้น วันก่อนเขาลากขึ้นไป แถว 35.50-36 บาท ผมขายไป 28000 หุ้น ตั้งใจเก็บตัวนี้ไว้แสนหุ้นก็พอ ไม่ขายอีกและไม่ซื้ออีกถ้าจะขึ้นไป......ตอนนี้ลงมา 35 ผมก็ทะยอยซื้อคืน ที่ 35 และ 34.75 ได้คืนมา 4000 หุ้นแล้ว......แต่ถ้าตัวนี้จะขึ้นไป ผมก็ไม่ตาม เพราะตั้งใจถือจำนวนเท่านั้น....แต่ถ้าลงก็ซื้อคืนเพื่อความสนุกเท่านั้นเอง......ตอนนี้ยอดลงทุนผมอยู่ 8 หลัก อีก 4 ปีคงได้ถึง 9 หลัก........เห็นว่า หุ้น น่าจะไปได้ถึง ปี 2004 หลังจากนั้น ถ้าดอกเบี้ยขึ้นก็คงต้องถ่ายไปเป็นฝากบ้าง........แนวทางเศรษฐกิจที่กดดอกเบี้ยให้ต่ำ ผมว่าเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว เพราะ มันจะเกิดการหมุนเวียน เอาเงินมาลงทุนหรือซื้อทรัพย์สิน ที่ดินบ้าน หุ้น......สร้างการบริโภคในประเทศ......เราจะได้มีงานทำ เศรษฐกิจเดินได้.......ผมว่า ดอกเบี้ยคงต่ำอีกหลายปี..........ตอนดอกเบี้ย 15-16% ผมยังนึกเลยว่าคนเราไม่ต้องทำงานกันแล้ว ฝากเงินเอาดอกเบี้ยกันหมด

เรื่องเคลมภาษีเงินปันผล ผมว่าต้องศึกษา เพราะเป็นสิทธิของเราที่จะเอาคืน ผมพึ่งเข้าใจและเคลมภาษีคืนเมื่อ 4 ปีหลังนี้เอง มีปีหนึ่งผมคำนวณผิดไป (น้อยไป) ทางสรรพากรก็แก้ไขให้ ให้เพิ่มมาอีก และมีอีกปี ผมเอาปันผลของ ifct ไปลง ปรากฎว่าเคลมไม่ได้ เขาหักออก ต้องสังเกตุดี ๆ ด้วย ว่า ภาษีนั้นจะเคลมได้ไหม.......ปีนี้แปลก egcomp ว่า ภาษีที่หักปี 45 นี้ เคลมภาษีไม่ได้.....แต่ปีก่อน ๆ ผมดูแล้ว ก็เคลมได้....ยัง งง อยู่ ว่าทำไมปีนี้เขาไม่ให้ไปเคลมภาษี

ใจจริง อยากให้ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ แต่ยังไม่อยากจะบอกชื่อจริง นะครับ ต้องขอโทษ ด้วย ผมพบกับอาจารย์ในงานสัมมนา ปลายเดือนที่แล้ว ผมยังเสียมารยาทเลยครับ ไม่ได้ให้นามบัตรอาจารย์ณัฐวุฒิ.....ต้องขอโทษ อาจารย์ณัฐวุฒิเรื่องนี้ด้วย

เงินกำไรจากหุ้น แล้วเอามาลงทุนในหุ้นต่อ นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดีที่สุด บางคนเล่นหุ้น ได้เงินจากหุ้น ก็ไป ซื้อ รถ ซื้อบ้าน ใช้จ่ายอย่างพุ่มเฟือย.....เพราะมันได้มา ง่าย ตอนตลาดขาขึ้นนะครับ ......โบรคต่าง ๆ ก็ให้ของขวัญกันเรื่อย ให้ สร้อยทอง เลี้ยงโต๊ะจีน ไม่รู้จักประหยัดกัน มันก็เลยเป็นแบบนี้แหละครับ.....บางคนเป็นหนี้เป็นสิน สมบัติที่หามาได้ก็หมดตัวไปเลย.....ถ้ารู้จักลงทุนในสิ่งที่จำเป็นก็ไม่เป็นไร นี่ มีรถ คันหนึ่งไม่พอ ต้องเอาอีกคัน มีบ้านหลังหนึ่งไม่พอ ต้องเอาบ้านตากอากาศด้วย......ผมว่าคิดผิดนะ โดยเฉพาะบ้านตากอากาศ หรือ ห้องชุดชายทะเล มันเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ สู้ไปเสียค่าห้องโรงแรมยังคุ้มกว่า เป็น ไหน ๆ.......

ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือของคุณเฟยหงเลยครับ เห็นเขาเคยจัดสัมมนา คนเล่นหุ้น......ลองถามในพันทิพย์ดู ก็คงทราบมังครับ

เช่นกัน รัก และหวังดี กับนักลงทุนทุกท่าน


จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล เขียน:สวัสดีครับพี่ครรชิต วันนี้พักผ่อนขอปิดสมองเรื่องหุ้นซักวันครับ

ผมแอบไปเห็นโฉมหน้าพี่มาแล้วล่ะ ที่เวบของรุ่นวศ.56 เพิ่งจะรู้ว่านอกจาก ดร.นิเวศน์ ยังมี ดร.ยรรยง เต็งอำนวย คนเก่งตัวจริงในวงการอินเตอร์เน็ตอีกท่าน (ผู้อ่านท่านอื่น..ไม่ใช่หมอฟันยรรยงนะครับ) ผมไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวนะครับ แต่สมัยเรียนก็ได้ยินชื่อเสียงเป็นระยะๆ

..ลืมบอกไปอย่าง ผมจบตรีที่เกษตรฯนะครับ แล้วมาต่อที่จุฬา ยังพอเรียกว่าเป็นชาวปราสาทแดงได้หรือเปล่าครับ

วันนี้ไปเดินที่ถนนสีลมมาครับ เห็นเด็กนักเรียน ACC แต่งชุดนักเรียนมาขายขนมเค้ก หน้าตึก CPF เห็นแล้วดีใจ โรงเรียนนี้สอนให้เด็กรู้จักทำมาหากินจริงๆ เคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูก เค้าว่าโรงเรียนสอนให้นักเรียนเป็นลูกจ้าง คงจะใช้ไม่ได้กับ ACC ซะแล้ว เห็นน้องๆเค้าขายของขยันขันแข็งดูน่ารักกว่าน้องๆที่เดินช้อปปิ้งเป็นกอง คือน่ารักในกริยานะครับไม่ใช่หน้าตา ^_^

เดินไปเห็น คุกกี้เตยหอมก็อร่อยครับ แต่ผมชอบเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับชาเขียว อร่อยกว่า UFM กับ S&P อีกครับ ถ้าเข้าตลาด MAI ผมจะจองคนแรก แต่ตอนนี้เห็นเพรซิเดนท์เบเกอรี่จะเข้าตลาด เก็บเงินรอจองอยู่ครับ...อ้าวจบเรื่องหุ้นจนได้

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ลุงขวด เขียน:คุณพี่ ลุงขวดครับ ผมชนะ ความขี้เหนียว พี่แล้ว หนึ่ง อย่าง คือ ผมไม่ ใส่เครื่อง ประดับ ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ ว่า สร้อย แหวน นาฬิกา ไม่ชอบ มันเกะกะ รำคาญตัว ยกเว้น แวนตา ถ้าไม่ใส่ ทำงานไม่ได้ เรื่องเวลา ก็ไม่ค่อยได้ดู บ่อยนัก ด้วยความขี้เหนียว ผมเลยขอดู จากคนอื่น อย่างตอนสมัย หนุ่ม ๆ ยังไม่มีเมีย อยากดูเวลา ก็ ดูว่ามีสาวๆ สวยๆ อยู่ใกล้ๆ แล้วก็ เรียบๆ เคียงๆ เข้าไปถ้า "น้องๆ เวลาอะไร แล้วครับ" สาวหันมามองหน้า สงสัยคงนึกในใจว่า "คนอะไร จน จนนาฬิกาก็ไม่มีใส่" แล้วก็บอกเวลาให้ผม ผมยังใช้วิธีนี้อยู่ แต่ตอนนี้แก่แล้ว ถามใครก็ได้ ไม่ต้องเลือกแล้ว ว่าจะต้องเป็น สาวๆ เพื่อนๆ จะเอาวิธีผมไปใช้บ้างก็ได้ ไม่สงวนสิทธิ์ ครับ ยิ่งแก่เข้า ไปไหน มาไหน คอกลมแขนสั้น กางเกงขาสั้น ลองเท้าแตะ ก็ไป ได้แล้ว ทั่วเมือง สบายตัวดี

เรื่อง ขาย บ้าง เมื่อ หุ้น ถูกปั่นราคา ขึ้นไปสูงกว่าที่ มัน ควรจะเป็น เช่น PPPC มันปันผล กลางปี 2 บาท ปลายปี 4 บาท รวมเป็น 6 บาท ราคาที่ 60 บาท พอมีเหตุผล ดันปั่นขึ้นไปถึง 75 บาท ผมก็ มีขายบ้าง เหมือนกัน แต่ตอนนี้ซื้อคืนกลับมา เท่าจำนวนเดิมแล้ว ครับ ยังเป็น Chairsholer อยู่

เรื่องเคลม ภาษี ไม่ได้ เพราะมี BOI ได้รับการส่งเสริม รัฐไม่ได้เก็บภาษีมาตั้งแต่ต้นแล้วหรือเปล่า ครับ

น้อง ธิติพล ถึงเข้า ตอนเรียน ตรี หรือ เรียนโท ก็เราชาวปราสาทแดง เหมือนกัน ผมไม่ยอมนะ มาแอบดูผมตอนผมไม่ได้ระวังตัว ต้องแจ้งความ ให้ตำรวจจับ

แล้ว น้อง ธิติพล ไปได้ ที่อยู่ Web-site มาจากไหน ครับ

ACC นี้ ผมรู้สึกว่า เขาสอนเด็กวิธี นี้มานานแล้วนะ ต้องถาม ลุงขวด วันก่อน ลุงขวด บอกว่า จบ อัสสัมชัญพาณิชย์ ใช่ไหมครับ ลุง

ผมลืม บอก น้อง ธิติพล ไป ยังมีคนดังในวงการเงิน รุ่นผมอีกคนหนึ่ง รศ.ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เจ้าของรายการ MONEY TALK รายนี้ ก็เป็น Value Investor พันธุ์แท้เหมือน ดร. นิเวศน์ ขนาด พอร์ตลงทุน และตัวที่ถือ ใกล้เคียง กัน

จดหมายจาก ลูก หลานผู้ด้อยปัญญา 8/12/45
ลูก หลานผู้ด้อยปัญญา เขียน:เรียน คุณ ครรชิต และลุงขวด ครับ ผมเป็นรุ่นลูกครับ พึ่ง 30 ปี จบ วศบ. จาก มข. ทำงานมาแล้ว 6 ปีครับ อยู่บ เอกชน ตอนนี้พอมีเงินเก็บบ้างก็เปิดพอร์ต ลงทุนครับ มาได้อ่านบทความ คุณพ่อครรชิต กับ คุณลุงขวด เสวนากันก็ทำให้ ลูกตั้งคำถามกับตัวเองว่า
1. ถ้าลูกทุน หุ้นพื้นฐานดี รอปันผล เราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ตอนนี้เราก็มีแค่นี้เอง(นิดเดียว เงินสะสมของมนุษย์ เงินเดือน)
2. เก็งกำไร โดยดูทางเทคนิค หากขาดทุนก็ถือว่าซื้อเวลา แต่ถ้ามีกำไร (เช่นถือ VNG ตอน 7 บาทกว่า ตอนนี้ 12 บาทกว่า) ก็ถือว่าได้คืนในส่วนที่เคยเสียไปแถมมีกำไร
3. ในหนังสือ พ่อรวยสอนลูกลงทุนได้บอกไว้ว่า การอดออมเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เวลาเหมือนซื้อหุ่นรอปันผล (ผมคิดเอง) แต่บางทีเราต้องซื้อเวลา(เก็งกำไรขาดทุน)เพื่อการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเร็วขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง
ลูกยัง มาคิดอยู่ว่าเรามันไม่มีเป็นหลักล้าน เราเล็กอยู่จะไปลงทุนรอปันผลคงใช้เวลามาก
คุณพ่อกับคุณลงช่วย Comment ผมทีครับ
ลูก หลาน ผู้ด้อยปัญญา

จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล เขียน:สวัสดีครับลุงขวดและพี่ครรชิต

เห็นพอร์ตของพี่ๆ แล้วบอกตรงๆว่าทะเยอทะยานครับ ผมยังทำงานกินเงินเดือนน้อย ก็ค่อยๆ เก็บหุ้นแทนฝากธนาคารเท่านั้น หว้งว่าทั้งการสะสมการลงทุนในหุ้น วันหนึ่งจะไล่พอร์ตของพี่ๆทันสักวันหนึ่ง

ผมขอเก็บตำรา "ขอคุยกับลุงขวด" ทุกเล่มไว้นำทางเป็นเครื่องนำทางนะครับ ผมคิดว่าผมเป็นคนเก็บออมนะครับ มีสองสิ่งที่กล้าใช้คิดว่าคุ้มเสมอ คือเรื่องสุขภาพกับการศึกษา(ในและนอกระบบ)ครับ เพราะคิดว่าทั้งสองเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับตัวเรามากที่สุด

ตั้งแต่ได้ทั้งสองท่านเป็นครูที่มีจิตวิญญาณของนักลงทุน เข้าใจดีกว่าอ่านเองอีกมากครับ หวังว่าจะได้พบกับพี่ๆสักครั้งครับ ขอขอบคุณจากใจจริงครับ

พี่ครรชิตครับ ผมค้น website จาก www.google.com ครับ กรอก keywords ลงไปนิดหน่อยถ้ามีก็ได้เจอครับ แต่ผมไม่เห็นชื่อ รศ.ดร.ไพบูลย์นะครับ

แล้วมีใครพอทราบมั้ยครับว่า หุ้นเบเกอรี่ให้จองเมื่อไหร่ อยากได้หุ้นที่ผมอุดหนุนเค้าเป็นประจำน่ะครับ
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ครรชิต เขียน:ในความคิดว่า ของผม การลงทุน คือ การประกอบการของบริษัท สินทรัพย์ ของ บริษัท ที่เพิ่มขึ้น ก็มาจาก กำไรในการประกอบการ เมื่อเราลงทุนในบริษัท รายได้ก็ควรจะมาจาก ปันผล ครับ

ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา

แต่ถ้า เราอยากจะได้มากและได้เร็วนั้น เงินที่ได้มา มันเป็นเงิน ที่เราไปหักหลังผู้ถือหุ้นรายอื่นที่หลงเข้ามาซื้อหลังเรา ที่หวังจะรวยเร็วเหมือนกับเรา ด้วยความโลภ และในไม่ช้า คนที่ถูกหลักหลังอาจกลายมาเป็นเรา ถึงเวลานั้นเราถึงจะรู้สึก ว่ามันเจ็บ ในความคิดของผม ถ้า น้อง ต้อง การเร็ว มันก็กลายเป็นเก็งกำไร ในตลาดหุ้น มันไม่ใช่ ลงทุนในตลาดหุ้น มันเข้าใกล้ การพนัน ซึ่งพี่ ก็เคย ผ่านมาแล้ว เจ็บมาแล้ว เข็ดแล้ว

น้องลอง ลงไปอ่านเรื่อง ที่พี่เขียนมาคุย กับ ลุงขวด มาตั้งแต่ ต้น ที่เขียนคุยกันมา 4 ตอนแล้ว

แล้วจะรู้ว่าทำไมความคิด ของ พี่ จึงเป็นอย่างที่พี่บอกน้อง

และ พี่ขอแนะนำน้อง ให้ไปอ่าน หนังสือ ทั้งสี่เล่ม ที่พี่แนะนำ เศรษฐีตัวจริง โดย ดร. โทมัส เจ สแตนลีย์ แปลโดย คุณ ศิระ โอภาสพงษ์ จบ แล้วตามด้วย วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ โดย คุณ เจเน็ต โลว์ แปลโดย ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วก็ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน ตบท้ายด้วย เซียนหุ้นพันธุ์แท้ ของ ดร. นิเวศน์ ให้จบแล้วพิจารณาด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยความโลภ แล้วน้อง น่าจะเข้าใจ และ ใจเย็นๆ

รัก และ หวังดี

จดหมายจาก LOSO 8/12/45
LOSO เขียน:ได้ติดตามอ่านมาหลายกระทู้แล้ว
ตั้งแต่EPISODE1-4
ประสบการณ์ที่นํามาถ่ายทอดนี่สุดยอดเลยครับ

ผมคิดว่าสไตล์การลงทุนแบบนี้น่าจะลงหลักปักฐานได้มากขึ้นเรื่อยๆครับ
ผมว่าต่อๆไปหุ้นพื้นฐานดี มีปันผล ที่ตอนนี้สภาพคล่องอาจจะน้อยสักหน่อย ในภายหน้าสภาพคล่องน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคนเปลี่ยนสไตล์การลงทุนมาลงทุนกันแบบนี้มากขึ้น
และต่อไปหุ้นแบบนี้ที่ราคายังundervalueอยู่มากๆ
ผมว่าราคาน่าจะปรับตัวขึ้นจนใกล้ราคาพื้นฐานของมันจริงๆ จากการที่คนลงทุนแบบนี้กันมากขึ้นหรือเปลี่ยนสไตล์การลงทุนมาเป็นแบบนี้กัน


แต่ผมว่าโบรกเกอร์ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการที่คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแบบซื้อซื้อขายขายและเน้นลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงๆ

ผมยังไม่เห็นโบรกไหนออกบทวิเคราะห์ของหุ้นFE
P-FCB OCC MATI TRหรืออื่นๆอีกมากมาย
ถ้าโบรกออกบทวิเคราะห์หุ้นพวกนี้เยอะๆหน่อย
สภาพคล่องจะมา ราคาจะใกล้ความจริงมากขึ้น

เวลาลูกค้าจะสั่งซื้อหุ้นพวกนี้ มาร์ยังถามอีกนะว่า
" เอาแน่หรือพี่ ซื้อยากนา แต่ขายโครตยากเลยพี่ "

ผมว่าหลายคนอาจเคยเจอแบบว่าสั่งซื้อแล้ว
มาร์ไม่รู้จักแถมบอกว่าว่า " มีหุ้นตัวนี้ด้วยหรือพี่ "

ก่อนจบขอแซวลุงขวดหน่อยแล้วกัน
ด้วยความอิจฉาน่ะครับ
เห็นว่าพอร์ตเลข8หลักแล้วหรือครับ
สงสัยว่าจะเป็นแบบนี้หรือปล่าว
99,xxx,xxx บาท
ขอให้ไป9หลักไวไวนะครับ

จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล เขียน:ลุงขวดและพี่ครรชิตครับ ได้โปรดรับการคารวะด้วยครับ

คารวะอาจารย์สอนชีวิต
-----------------------
สอนตำรา หาใช่ ใส่ใจศิษย์
สอนชีวิต เหนือตำรา เล่มหนาไหน
สอนศิษย์ศักย์ ศึกษา อาจารย์ได้
สอนสิ้นสาย ถ่ายทอดสิ้น วิญญาณครู

จดหมายจาก Interruption 8/12/45
Interruption เขียน:shareholder not chair


จดหมายจาก ปรัชญา 8/12/45
ครรชิต เขียน:พี่ครรชิต-ลุงขวด
อ่านกระทู้นี้แล้วประทับใจมากครับ
ดีใจที่พี่ครรชิต ถือFE ตั้งแต่150รับปันผล15บาท
ต้นทุนเหลือ135บาทเลขสวยจริง ส่วนผมซื้อเติมเข้าไปเรื่อยๆต้นทุนผมสูงกว่า6บาท แต่ถือหุ้นไว้6หมื่นกว่าหุ้น เพราะบังเอิญกองทุนทิสโก้โยนใส่เลยรับมาเต็มๆ
พักบัญชีรับเงินปันผลปีก่อน กองทุนทิสโก้ถือ1แสน6หมื่นกว่าหุ้น พักบัญชีปีหน้าเดือนเมษารับรองเหลือไม่ถึงแสนแหงๆหากไม่มาลากเอาของกับ รับรองผมไม่ขายสักหุ้นเดียว แต่ลงก็จะรับอีก 15บาทเห็นๆไม่ไกลยิ่งเฟลไลน์ถ่ายโฆษณามิสทีน
ฟาร์อีสโฆษณาคาราบาวแดง ผมเหล่ปันผล6หลักแล้วครับ

อย่าว่าผมเว่อร์นะครับไว้คอยดูพักสมุดโอนหุ้นปันผลแล้วถ้าไม่มีอย่างว่านี้ด่าผมได้เต็มที่เลยครับ)

อ่านแล้วได้ความรู้จากพี่ครรชิต-ลุงขวด-คุณธิติพล
เปิดตาให้ได้เห็นภาพกว้าง แลรอบรู้เพิ่มขึ้นฉลาดขึ้นเยอะครับ

แต่ยังทำแบบพี่ครรชิตได้ไม่หมด
ความโลภ ยังมีบางวันยังเล่นเน็ต บางตัวยังเล่นสั้นเล่นยาว บางครั้งก็เป็นนักลงทุน1นาที ยังทำใจไม่ได้ครับ
พอตร์ผมก็คล้ายลุงขวดครับ หุ้นปันผล70%
หุ้นเน็ต15-20% อีก10%ไว้รับหุ้นที่ตกแรงไว้เผื่อเด้ง
หรือเผื่อที่ตั้งยันไว้เขาแกล้งโยนใส่ตอนปลายตลาด

อย่างไรพี่ครรชิต อย่าลืมต่อ EPISODE5นะครับจะได้ตามไปอ่านอีก

โชคดี มีความสุข สำหรับคนล่าฝันทุกคนครับ

จดหมายจาก aric 9/12/45
aric เขียน:สาระเยี่ยมครับ...
แต่กระผมจะขอฝากหนังสืออีกหัวหนึ่งครับ
พ่อรวยสอนลูก เล่ม 1 2 และข้ามไปอ่านเล่ม4 เลยครับ
มีข้อคิดที่ดีมากสำหรับ นักลงทุนครับ
ขอบคุณครับ [/b]

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล
จดหมายจาก ศริชน 9/12/45 จดหมายจาก พี่เอง 9/12/45
จดหมายจาก fat boy 10/12/45
จดหมายจาก Golded Stock 10/12/45
จดหมายจาก ธิติพล 10/12/45
จดหมายจาก ปรัชญา 10/12/45
จดหมายจาก ลุงขวด 10/12/45 จดหมายจาก ออม 9/12/45
จดหมายจาก ธิติพล 9/12/45
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 9/12/45
จดหมายจาก ปีเตอร์ ชาง 10/12/45 จดหมายจาก ลุงขวด 10/12/45
จดหมายจาก ออม
จดหมายจาก Golden Stock 10/12/45
จดหมายจาก ลุงขวด จดหมายจาก ปรัชญา 10/12/45

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 08, 2003 9:38 am
โดย yoyo
อ่านกี่ทีกี่ที ก็ไม่มีเบื่อ
เวลามีเพื่อนคนไหนที่คิดจะเข้ามาเล่นหุ้น
ผมจะส่งจดหมายนี้ไปให้ประจำ
ปล.นักลงทุนควรได้อ่านก่อนลงทุนทุกคน

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 09, 2003 2:29 am
โดย moo
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสบายใจครับ เอามาเป็นบทเรียนการลงทุน บทเรียนชีวิต ได้มุมมองมากมาย ขอบคุณพี่ CK ครับ ขอบคุณที่มี TVI ครับ

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 12, 2003 7:49 am
โดย tanapong
น้องใหม่ตามมาดู ปรมาจารย์เสวนา

ไม่น่าเชื่อว่าที่แห่งนี้(TVI) มีปราชญ์ สองท่านค้ำจุน

......สวรรค์สำหรับมือใหม่และมือกลาง....อ่านจบสิบรอบสั่งต่อเก้าอี้ Chairholderใหม่โดยไม่ต้องกลัวขาหัก.....ขอบคุณลุงขวดและพี่ครรชิต.... :arrow: :arrow: :D

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 26, 2004 9:58 am
โดย tom
คิดถึงหน่ะครับ คงไม่ว่ากัน

จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 07, 2005 1:27 pm
โดย chelsea
กำลังคิดจะเล่นหุ้น เข้ามาอ่านส่วนตัวคิดว่าดีมากๆเลยครับ
ประสบการณ์ของคนหลายๆคน ทำให้ได้รู้อะไรหลายๆอย่าง