Thai VI

มีบทความวิจารณ์ Robert Hagstrom ผู้แต่งหนังสือที่โด่งดัง คือ The Buffett Way และเป็นผู้จัดการบริหารกองทุนรวมชื่อ Legg Mason ด้วย แต่ใช้วิธีการบริหารกองทุนที่เพี้ยนไปจากแนวของ Warren Buffettt เลยมีคนเขียนวิจารณ์ หากสมากชิก TVI ท่านใดสนใจอ่านก็ติดตามได้จากที่อยู่นี้นะครับ :
http://www.marketwatch.com/news/yhoo/st ... DD4FC35%7D

และมีคำวิจารณ์จากเจ้าของ Berkshire Hathaway Shareholders@ msn.group พร้อมกับสมาชิกอีก 1 ท่าน ดังนี้ครับ

From: SParsad Sent: 2/24/2005 2:32 AM
I never liked Hagstrom's books, and I don't really like his investment management either. There are some people who should write, and then there are some people who should manage, but Hagstrom should do neither! His current 10-year record looks reasonable because "a rising tide lifts all ships." But his portfolio was absolutely hammered in the last five years, and says little about "Buffett's - know your circle of competence" and stick to "things you understand" concepts. Cheers!


Reply
Recommend Message 3 of 3 in Discussion

From: therubal Sent: 2/24/2005 2:54 AM
The interesting thing about Hagstrom is that while he has outperformed in some years, he earned virtually all his alpha with a gangbusters performance in 2003. Adjust his 2003 down to market or peer levels in terms of returns, and he'd be way behind the market over the life of his fund. I wouldn't want to have my money with a manager who hasn't shown an ability to continually widen his lead over the market, something that Hagstrom hasn't been able to do.

น่าสนใจดีจึงนำมาฝากสมาชิก TVI ทุกท่าน

แต่ผมยังชอบหนังสือเค้าอยู่เลยครับ ...
ตอนนี้ก็หยิบ edition 1 ของเค้ามาอ่านอีกรอบอยู่เลยครับ
ผมว่าเค้าเขียนหนังสือดีๆมากๆเลยนะ ....
ใครยังไม่เคยอ่านลองไปหามาอ่านนะครับ ..

เอ .. ผมเข้าไปอ่านแล้วไม่เห็นมีตรงไหนที่บอกว่าเค้าออกนอกลู่นอกทางเลยนะครับ
เค้าทำตาม buffutt เพียงแต่ circle of comp. เค้าต่างจาก buffutt เท่านั้นเอง
และผลตอบแทนระยะยาวของเค้าก็ไม่ได้น่าเกลียด

Still, a $10,000 investment in April 1995 would be worth more than $30,000 today, even factoring the fund's high 1.88 percent annual expense ratio and negative yearly returns in 1999 and 2000. Moreover, Hagstrom delivered these results with extremely high tax-efficiency.

ขอแก้ตัวให้เค้าหน่อย ... เพราะผมแฟนหนังสือเค้า

yoyo เขียน:..............ผมว่าเค้าเขียนหนังสือดีๆมากๆเลยนะ .... ..

เขียนเพื่อขายให้ได้เงินกระมัง เลยปั่นออกมาจนคนเคลิมตาม ถ้าข้อมูลเป็นอย่างที่เจ้าและสมาชิกของ Bershire Hathaway Shareholdersวิจารณ์ไว้ มันก็อุปมาเหมือนกับพระที่เรียนรู้ด้านปริยัติมาอย่างดีได้เปรียญ 9 ประโยค แต่พอให้ไปลงมือปฏิบัติปรากฏพูดกับพระป่านักปฏิบัติไม่รู้เรื่อง ฉันใดก็ฉันนั้นนะครับคุณโยโย .........ฮา ฮา ฮา

จุดที่คนวิจารณ์เน้นไว้ก็คือเรื่องของ ขอบข่ายที่ตัวเองช่ำชองรู้จริง(circle of competence) และ ลงทุนในหุ้นที่ตัวเองเขาใจจริงๆเท่านั้น คนในอเมริกาเขาตามประกบข้อมูลจริง เขาจะติดตามพฤติกรรมของผู้จัดการกองทุนแต่ละคนเพื่อไว้ประกอบการพิจารณาเอาเงินที่ตนหาและสะสมมาอย่างเหนื่อยยากเข้าไปลงทุน เพราะฉะนั้นหากคนไหนออกนอกหลู่นอกทาง ความศรัทธาก็เสื่อมได้

yoyo เขียน:เอ .. ผมเข้าไปอ่านแล้วไม่เห็นมีตรงไหนที่บอกว่าเค้าออกนอกลู่นอกทางเลยนะครับ...............................
.........ขอแก้ตัวให้เค้าหน่อย ...........

คือยังงี่นะครับ คุณ โยโย ....เขาหาว่า Buffett ไม่ใช่ Value Investorล้วนๆตามที่คนทั่วไปเข้าใจกัน แท้ที่จริงแล้วเขาซื้อ Growth company ได้แก่ วอชิงตันโพสต์ ซิตีกรุ้ป ไจโก้ โคคาโคลา และ ยิลเลตต์ เป็นต้น

นอกจากนี้คุณ Hagstrom แกเอาเงินกองทุนรวมไปลงทุนในหุ้น เทคโนโลยี่ มีเดีย และ เทเลคอม ซึ่งเป็นสิ่งที่ Buffett บอกว่าเขาทำความเข้าใจกับธุรกิจเหล่านี้ยากมาก เพราะการจะพยากรณ์ Free Cash Flow ยากมากเพราะอุตสาหกรรมดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไวมาก กระพริบตาไม่ได้ ใครก้าวพลาดนิดเดียวเป็นหมดท่า เมื่อพยากรณ์ไม่ได้ ไอ้การจะทำ discount กลับเพื่อหามูลค่าของบริษัทเหล่านี้ในปัจจุบันจึงยากและผิดพลาดได้ง่ายมาก หรืออาจทำไม่ได้เลยก็ว่าได้ แต่คุณ Hagstrom กลับเอาเงินของกองไปลงทุนในบริษัทเหล่านี้มีมูลค่าเป็นเปอร์เซนต์ที่สูง สุดท้ายทำให้ผลตอบแทนของกองทุนตลอดอายุของกองทุนที่ผ่านมาต่ำ ดังที่คนวิจารณ์พูดไว้ฉะนี้ครับ ..... Adjust his 2003 down to market or peer levels in terms of returns, and he'd be way behind the market over the life of his fund.

PP เขียน: เขียนเพื่อขายให้ได้เงินกระมัง เลยปั่นออกมาจนคนเคลิมตาม

ที่ผมชอบหนังสือเค้า ประเด็นอยู่ที่ว่า ผมอ่านแล้วได้ประโยชน์จากมันมาก
แค่นั้นแหละครับ .. เค้าจะปั่นจะโม้อย่างไรก็ตาม หรือเขียนอย่างเดียวไม่ทำตาม
ประโยชน์ที่ผมได้จากหนังสือเค้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย

ผมว่าการลงทุนหุ้นไฮเทคไม่ได้หมายความว่าฝืนหลักของ buffett นะครับ
ยังมีผู้บริหารที่ประสบผลสำเร็จโดยหลักการ VI อีกหลายคนที่ลงทุนในหุ้นไฮเทค ..
อย่าง fisher ก็คนนึงละ
ผมว่าที่ผลงานเค้าตกอาจจะ
1. เพราะเรายังไม่ได้ดูระยะยาว .. มูลค่ากองทุนเค้าตกต่ำ แต่ใครจะรู้ .. fair value ของ port เค้าอาจจะเพิ่มอยู่เรื่อยๆก็ได้
2. เค้ายึดในหลักของ buffett จริง... เค้าลงทุนในสิ่งที่เค้าเข้าใจ ณ ที่นี้คือหุ้นไฮเทค .. แต่เค้ากลับไม่ได้รู้มากเพียงพอที่จะประมาณอนาคตของของหุ้นเหล่านี้ได้ดีพอ ง่ายๆก็คือประมาณตัวเองสูงเดินฝีมือนั่นเอง

ปล. ทั้งนี้ผมไม่ได้เห็นว่าการลงทุนที่แท้จริงของเค้าเป็นอย่างไร ผมเป็นแผนหนังสือเค้า แต่ไม่ได้เป็นแฟนเรื่องการบริหารเงินของเค้า .... เค้าอาจจะนอกลู่นอกทางอย่างที่ว่ามาก็ได้ .. แค่อยากแก้ตัวให้เค้าหน่อยเท่านั้นเอง ... น้ำอาจจะขุ่นบ้าง อย่าว่ากัน

yoyo เขียน: .. แค่อยากแก้ตัวให้เค้าหน่อยเท่านั้นเอง ... น้ำอาจจะขุ่นบ้าง อย่าว่ากัน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า ..ผมไม่ได้จริงจังเอาเป็นเอาตายกับเรื่องที่นำมาถกกันในกระทู้นี้หรอก อยากก็เพียงแต่.....ทำให้เกิดปัญญาด้านการลงทุนแบบเน้นมูลค่า .....ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมตั้งใจจะเป็น VI แล้วก็เลยพยายามเรียนรู้ทุกแง่ทุกมุม ซอกแซก ดั้นด้นไปในแนวนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เท่านั้นเองจริงๆ :lol:

yoyo เขียน:ผมว่าการลงทุนหุ้นไฮเทคไม่ได้หมายความว่าฝืนหลักของ buffett นะครับ

ถูกต้อง 100% ครับที่คุณโยโยว่ามาเช่นนี้ เพราะ Buffett แกก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีหุ้นถูกๆอย่างไม่น่าเชื่อในอุตสหกรรมด้านเทคโนโลยี่หลายบริษัท .....แกเพียงแต่บอกไว้ในการประชุมใหญ่ประจำปี 1998 ของ Berkshire Hathaway ไว้ฉะนี้:

Berkshire Hathaway's 1998 annual meeting เขียน: "I don't want to play in a game where the other guy has an advantage. I could spend all my time thinking about technology for the next year and still not be the 100th, 1000th, or even the 10,000th smartest guy in the country in analyzing those businesses. In effect, that's a 7-or 8 - foot bar that I can't clear. There are people who can, but I can't. Differrent people understand different businesses. The important thing is to know which one you do understand and when you're operating within your circle of competence."

สรุปก็คือ....เขาจะไม่เข้าไปเล่นในเกมที่คนอื่นได้เปรียบมากกว่าเขา หากเขาจะศึกษาเรื่องหุ้นเทคโนโลยี่ในปีหน้าเขาก็ยังไม่สามารถทำให้ตัวเองเชี่ยวชาญเข้าใจและเก่งในการวิเคราะห์หุ้นเหล่านี้เป็นลำดับที่ 100 1,000 หรือ แม้แต่ 10.000 เมื่อเทียบกับบรรดาเซียนในเรื่องนี้คนอื่นๆทั่วอเมริกา ... ถอยดีกว่า ...ถอยเข้าไปอยู่ในขอบเขตที่ตัวเองช่ำชองเชี่ยวชาญเท่านั้น

yoyo เขียน:.....ยังมีผู้บริหารที่ประสบผลสำเร็จโดยหลักการ VI อีกหลายคนที่ลงทุนในหุ้นไฮเทค .. อย่าง fisher ก็คนนึงละ....

คนนี้ Buffett ยกย่องมากนะครับ และดูเหมือนว่าเขาจะลงทุนในหุ้นบริษัท Texas Instrument ของ Ross Perot อะไรทำนองนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะครับ และรู้สึกจะฟันกำไรหลายเท่าตัว เป็นร้อยหรือพันเท่า และถ้าจำบ่ผิด Fisher เขาจะลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี่ดังกล่าวเพียงตัวเดียว ซึ่งเขาเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอดในหุ้นบริษัทนี้ ...... นั่นคือ อยู่ใน Circle of Competence ของเขา