Thai VI

นายตัน ภาสกรนที ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโออิชิกรุ๊ป กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกรมสรรพสามิต จึงมีแนวคิดจะเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มสุขภาพร้อยละ 22 โดยอ้างว่ามีสารคาเฟอีนผสมอยู่ในเครื่องดื่มลนิดนี้ และเห็นว่าเรื่องนื้จะส่งผลกระทบไปสู่ผู้บริโภค ผู้ค้าและผู้ผลิต และที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ จะทำให้สินค้าส่งออกของไทยกลุ่มนี้ ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากจีนได้ เพราะมีต้นทุนสูงกว่า ที่สำคัญคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสนับสนุนธุรกิจประเภทนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงจะทำให้นักลงทุนสับสนกับนโยบายของรัฐ

ปัจจุบันเครื่องดื่มกลุ่มชาเขียวในไทย มีมูลค่ารวมปีละประมาณ 6 พัน 5 ร้อยล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะทำรายได้สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นสินค้าที่มีส่วนการตลาดที่น่าสนใจ โดยเครื่องดื่มประเภทเพื่อสุขภาพ ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิต ในขณะที่เครื่องดื่มประเภททั่วไป เสียสรรพสามิตร้อยละ 20 ของมูลค่า หรือ 37 สตางค์ ต่อ 440 ซีซี

เนชั่นสุดสัปดาห์ เขียน: 'เมื่อก่อนเขาไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟ เพราะมีสารกาเฟอีนที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับระบบประสาท แต่เดี๋ยวนี้เขารู้แล้วว่าสารกาเฟอีนปริมาณไม่มากนัก กลับช่วยกระตุ้นประสาททำให้สดใสขึ้นได้ ขอเพียงอย่าบริโภคกาเฟอีนให้มันมากนักก็แล้วกัน' ผู้เขียนตอบ

'กาแฟวันละสองสามถ้วยก็น่าจะพอ อย่าให้มากไปกว่านั้น'

'ในกาแฟมีมากกว่าอาหารชนิดอื่น อันที่จริงในชา ช็อกโกแลต หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มประเภทโคล่า ล้วนแต่มีสารกาเฟอีนทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ว่าจะมีเฉพาะในกาแฟอย่างเดียว'

'อย่างกาแฟหนึ่งถ้วย ปกติจะมีสารกาเฟอีนประมาณ 60-70 มิลลิกรัมเห็นจะได้ หมายถึงกาแฟประเภทอินสแตนท์ '

'หากเป็นกาแฟเม็ดเอามาบดจะมีสารกาเฟอีนมากสักหน่อย คือประมาณ 100-125 มิลลิกรัม'

'ชาน่าจะมีสารกาเฟอีนประมาณ 15 ถึง 75 มิลลิกรัม ขึ้นกับวิธีการชงชา'

'ในเครื่องดื่มโกโก้หรือช็อกโกแลตหนึ่งถ้วยจะมีกาเฟอีน 10-17 มิลลิกรัม ส่วนช็อกโกแลตแท่งขนาดมาตรฐานจะมีกาเฟอีน 60-70 มิลลิกรัม ซึ่งก็นับว่าไม่น้อยเลย'

'โคล่ากระป๋องขนาด 12 ออนซ์ จะมีกาเฟอีนประมาณ 45-65 มิลลิกรัม เท่ากับดื่มกาแฟหนึ่งถ้วยนั่นแหละ'

'เครื่องดื่มชูกำลังมีประมาณ 50 มิลลิกรัมต่อหนึ่งขวด'