Thai VI

จะเป็นไปได้ ทางใดทางหนึ่งป่าวครับ

1.ดอกเบี้ยต่ำ คนหันมาบ้าหุ้น โลภจนลืมความกลัว ตลาดหุ้นวิ่งเตลิด คนที่รวยสุดๆ คือผู้มีอำนาจ และรายใหญ่ ทำให้คนขี้เกียจ เกิดปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย

หรือ
2. เงินบาทแข็ง ส่งออกแย่ เศรษฐกิจในประเทศไม่ดี ผลประกอบการ บมจ. ตกต่ำ ตลาดหุ้นดิ่งเหว คนเมินตลาดหุ้น หันไปเล่นหวยแทน

อยากทราบความคิดเห็นเพื่อนๆ ครับ เพราะคิดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ ไม่ดี อาจจะดีเฉพาะนายทุนใหญ่ๆ ไม่ใช่กับระดับรากหญ้าแบบผม

ขอบคุณครับ

ผมไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ที่พอจะทำนายได้ แต่ว่าความรู้เทคนิคพอมีบ้าง มีนักเทคนิคที่เล่นอีเลียตเวฟ ที่ใช้มอง Cycle ระยะยาวๆ บอกว่า หลังจากการขึ้น Wave5(กลาง) รอบนี้คือ เวฟที่กำลังขึ้นอยู่นี่แหละ ถ้าจบรอบนี้แล้ว ให้ระวังให้ดี เพราะจะมีการปรับฐานใหญ่ (Wave2 ใหญ่) ให้ระวังตัวให้ดีๆครับ (คาดว่าจะกลางๆ Q2)

ไม่ได้เชื่อ แค่ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ นิดๆหน่อยๆครับ

โดยหลักง่ายๆ ราคาหุ้นในตลาด และดัชนี จะลดลง สะท้อนผลประกอบการที่ไม่ดีออกมา

แต่ผมว่า บริษัทที่ดีๆ ในภาวะขาลง ก็ยังพอมีกำไรได้ และมีสินค้า หรือแบรนด์ที่แข็งแกร่ง หรือเป้นสินค้าที่คนยังต้องกินต้องใช้ ก็จะมีผลปรกอบการที่น่าจะดีได้ครับ

เมื่อการเก็งกำไรเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินที่ถือสำหรับการใช้จ่ายลดลง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณเงินในตลาดการผลิตลดลง(พูดง่ายๆก็คือมีเงินหมุนเวียนลดลงไปจมกับการเก็งกำไรหมด) ในขณะที่ปริมาณเงินลดลงในขณะที่ปริมาณการผลิตและการลงทุนยังเท่าเดิมทำให้เกิดอุปสงค์ส่วนเกินในตลาดเงิน (ง่ายๆก็คือมีความต้องการเงินมากกว่าปริมาณเงินที่มีอยู่ในตลาด) สิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยจะต้องขึ้น ส่งผลให้การลงทุนลดลงเนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งเมื่อการลงทุนลดลงก็ส่งผลให้GDPลดลง เมื่อGDPลด ตลาดจะอยู่ได้หรือครับก็ต้องลงตามๆกันมาแหละครับ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

มาดูภาคต่ออีกนิด เมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งมีแรงเก็งกำไรค่าเงินบาทจากต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเงินบาทแข็งขึ้นก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าการส่งออกก็จะลดลง เมื่อดอกเบี้ยลดGDPก็จะลงเช่นเดียวกัน

ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นแบบปล่อยไปตามกลไกตลาด แต่ผมเชื่อว่ารัฐบาลไม่ยอมให้ตัวเลขGDPลงแน่ ดังนั้นการแทรกแซงจะตามมา ถ้าใช้นโยบายการเงินโดยเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ดอกเบี้ยจะทรงตัวแต่ค่าเงินจะอ่อนลง ส่งผลให้การเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินลดลง ต่างชาติหนีSETก็ลง :lol: :lol: :lol: :lol:

ถ้าใช้นโยบายการคลังโดยเพิ่มรายจ่ายภาครัฐ ทำให้GDPเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณเงินเท่าเดิม ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น วิธีนี้ทำให้ตัวเลขทั้ง GDP SET ค่าเงิน พุ่งกระฉูด สิ่งที่ตามมาก็คือเงินเฟ้อกระฉูดข้าวของแพงขึ้นแน่นอน

genie เขียน: ถ้าใช้นโยบายการคลังโดยเพิ่มรายจ่ายภาครัฐ ทำให้GDPเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณเงินเท่าเดิม ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น วิธีนี้ทำให้ตัวเลขทั้ง GDP SET ค่าเงิน พุ่งกระฉูด สิ่งที่ตามมาก็คือเงินเฟ้อกระฉูดข้าวของแพงขึ้นแน่นอน

ดอกเบี้ยสูงขึ้น แล้วset มันจะขึ้นเหรอครับ ทุกทีมันตรงข้ามกันไม่ใช่เหรอครับ?

จริงๆแล้วการที่ดอกเบี้ยขึ้นไม่ได้หมายความว่าSETต้องลงนะครับ อย่างช่วงก่อนฟองสบู่แตกดอกเบี้ยก็ขึ้นเอาๆSETก็ขึ้นเอาๆเหมือนกัน แต่จะลงเพราะปัจจัย 2 ปัจจัยครับ 1.ตอนประกาศครั้งแรกว่าจะขึ้นตรงนี้จะลงเพราะจิตวิทยาครับ 2.อันนี้บนปัจจัยพื้นฐานครับคือ ถ้าดอกเบี้ยสูงเกินกว่าต้นทุนการผลิต อันนี้จะทำให้อุตสาหกรรมถดถอยจนในที่สุดSETจะลงครับ ถ้าเราเข้าใจตรรกของเศรษฐศาสตร์เราจะเห็นภาพง่ายขึ้นครับ

ถ้าใช้นโยบายการคลังโดยเพิ่มรายจ่ายภาครัฐ ทำให้GDPเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณเงินเท่าเดิม ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น วิธีนี้ทำให้ตัวเลขทั้ง GDP SET ค่าเงิน พุ่งกระฉูด สิ่งที่ตามมาก็คือเงินเฟ้อกระฉูดข้าวของแพงขึ้นแน่นอน

จากประโยคข้างบนที่ผมพูดถึงคือ ถ้ารัฐอัดฉีดงบประมาณ สมมุติที่ 100ล้าน ละกันนะครับ เมื่อมีงบประมาณเข้ามา การลงทุนและการจ้างงานก็จะสูงขึ้น ก็ทำให้GDPโตขึ้นถูกไหมครับ แต่พอโตเนี่ยปริมาณเงินมันยังมีอยู่เท่าเดิมย่อมทำให้ต้นทุนของเงินสูงขึ้นซึ่งต้นทุนของเงินก็คือดอกเบี้ย ทำให้การลงทุนลดลง แต่ การลดลงไม่ได้ลดไปสู่จุดเดิมแต่เป็นการลดไปสู่จุดดุลยภาพใหม่ คือ อัดฉีด100 เศรษฐกิจตื่นตัวขยายเป็น120 ทำให้ดอกเบี้ยขึ้นเพื่อชะลอตัว ลดการขยายตัวลง20 เพื่อให้ได้จุดใหม่ที่100 ทำให้โดยรวมขยายตัว100 ไม่ใช่120 อะไรประมาณนี้นะครับ

หมายเหตุ ตัวเลขทั้งหมดไม่ใช่สมการที่ถูกต้อง เป็นเพียงการช่วยอธิบายเท่านั้น

มองในแง่จิตวิทยานะครับ

ผมว่า ทั้ง 2 อย่างครับ อย่างนี้ครับ

ตลาดหุ้นวิ่งเตลิด แล้วก็ ตลาดหุ้นดิ่งเหว

ผมดูจากสภาพแวดล้อมทั่วๆปครับ คือ ผู้คนรู้จัก หุ้นกันหมดแล้ว และเริ่มสนใจมากขึ้น ดูจากคนรอบๆ ผมนี่แหละ ครับ เริ่มถามผมเรื่อง หุ้นมากขึ้น อยากเปิด port กัน

แม้แต่ คนที่ เคี่ยว สุดๆ ขนาดน้ำทะเลเรียกพี่ ก็เริ่มสนแล้ว
นี่เป็น indicator ส่วนตัวของผมเลย ถ้าไอ้นี่ ซื้อหุ้นเมื่อไหร่ มันอาจแปลว่า สายไปเสียแล้ว :lol: :lol:

ผมว่ามันเหมือนมันเริ่มก่อตัวแล้วล่ะ ถ้ามีการกระชากให้เห็นกำไรจะๆ อีกสักที 2 ที ก็ยิ่งน่าคิด ครับ

ถ้าเป็นจริง สุดท้ายก็...... อาจจะเป็นช่วงที่หลายท่านรอคอย

Tongue เขียน:มองในแง่จิตวิทยานะครับ

แม้แต่ คนที่ เคี่ยว สุดๆ ขนาดน้ำทะเลเรียกพี่ ก็เริ่มสนแล้ว
นี่เป็น indicator ส่วนตัวของผมเลย ถ้าไอ้นี่ ซื้อหุ้นเมื่อไหร่ มันอาจแปลว่า สายไปเสียแล้ว :lol: :lol:

เอ ... ทำไมเจอเหมือนกันเลย 5555 นี่เรารู้จักกันหรือเปล่าครับเนี่ย :lol: :lol: :lol:

555 ใช่ คุณ มนต์เทพ เหยียบทะเลสาบ เค็ม หรือเปล่าล่ะครับ

มันคงไม่เข้ามาอ่านนะ 555

ยังไงยินดีที่ได้รู้จักครับอา

ผมเรียกอา น่าจะเหมาะนะครับ

"จงค้นหา แล้วคุณจะค้นพบ"

ชอบครับ เหมือน อา ผมสอนครับ

ของดีไม่มีใครให้ อยากได้ต้องขวนขวาย
โหดร้าย แต่โคตร จริงเลย